TARADTHONG.COM

สมาชิก VIP => General Discussion => ข้อความที่เริ่มโดย: ABC ที่ กรกฎาคม 13, 2010, 11:08:12 PM



หัวข้อ: โสดร่วมสมัย เทรนด์ใหม่ของสาวในเมือง
เริ่มหัวข้อโดย: ABC ที่ กรกฎาคม 13, 2010, 11:08:12 PM
โสดร่วมสมัย เทรนด์ใหม่ของสาวในเมือง

คำว่า รอ เป็นคำสั้น ๆ แต่บางคนใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อรอ เคยรู้สึกไหมว่า คุณเกิดมาเพื่อรอใครสักคน? (จากรักที่รอคอย)

          กรุงเทพเป็นเมืองที่มีคนเหงามากกว่าเสาไฟฟ้า คุณป็นคนหนึ่งที่เห็นด้วยกับความรู้สึกเช่นนี้ด้วยหรือเปล่าว่า ชีวิตฉันอ้างว้างเหลือเกิน ท่ามกลางผู้คนมากมายรายล้อม แต่ฉันกลับเหงาและเปล่าเปลี่ยวเบื้องลึกของหัวใจเหลือเกิน ใช่แล้ว นั่นเป็นเพราะฉันเป็น " สาวโสด!"  ถ้าใช่ขอแนะนำว่าคุณต้องไม่พลาดอ่านเรื่องนี้

โสดร่วมสมัย

          คนส่วนใหญ่อาจเคยได้ยินคำว่า วรรณกรรมร่วมสมัย ศิลปะร่วมสมัย หรือดนตรีร่วมสมัยกันมาบ้างแล้ว แต่คงไม่เคยมีใครได้ยินคำว่า "โสดร่วมสมัย" กันมาก่อนเป็นแน่

          โสดร่วมสมัย หรือ Contemporary Position เป็นคำที่ใช้เรียกถึงความเป็นสาวโสดในเมืองใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรุงเทพฯ ที่ผ่านมา คำว่า "โสด" เป็นปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นในสังคมไทยที่เราจะเห็นได้ทั่วไป แต่ยังไม่เคยมีใคร ทำการศึกษาสถานภาพและปรากฎการณ์ ตลอดจนผลที่เกิดจากความโสดของสาวไทยในเมืองใหญ่อย่างจริงจัง

          "โสดร่วมสมัย" จะแบ่งลักษณะของปรากฎการณ์และสถานภาพของผู้หญิงโสดของไทยได้ 4 ลักษณะคือ..

          1. เป็นกลุ่มสาวโสดที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน หมายความว่า ช่วงเวลาของสาวโสดกับสังคมปัจจุบัน แต่ละช่วงมักกำหนดระยะเวลาตั้งแต่ 10-15 ปี ไม่ว่าสาวโสดนั้นจะมีแนวคิดในเรื่องของความโสดประเภทใดก็ตาม ก็ถือว่าเป็นโสดร่วมสมัยเหมือนกัน

          2. มีแนวความคิดของ 'คนโสด' เหมือนกัน ซึ่งอาจปรากฎได้แม้ต่างสมัยกัน เช่น แนวคิดโสดสุขใสซาบซ่า หรือแนวคิดโสดสนิท ไม่ได้ผิดตรงไหน ในสมัยของคนเจนเนอเรชั่นบูมเมอร์ส กับสมัยคนเจนเนอเรชั่นเอ็กซ์ เป็นต้น

          3. เป็นสาวโสดที่มีแนวคิดก้าวหน้า และมีผลกระทบในทางสร้างสรรค์แก่สังคม

          4. ลักษณะสาวโสดไทย ที่พิจารณาจากลักษณะแนวคิดที่เปลี่ยนไปจากเดิมหลังจากรับอิทธิพลจากแนวคิด ของสาวโสดในตะวันตก เช่น แนวคิดการพึ่งพาตนเองเป็นหลัก

โสดนี้มีที่มา
 
          ไม่ว่าขณะนี้ คุณกำลังเป็นโสดซ่อนกิ๊ก โสดภาคบังคับ โสดสนิทไม่ติดใจ โสดรอได้ โสดเพ้อฝัน โสดซาบซ่า ทั้งหมดนี้ถือว่าคุณมีสถานภาพเป็นสาวโสดเหมือนกันหมด ในสังคมสมัยก่อนส่วนใหญ่มองผู้หญิงที่ไม่ได้แต่งงานในเชิงลบ สมัยนี้อาจเป็นเรื่องธรรมดา แต่คำที่ใช้เรียกสาวโสดก็ยังไม่เปลี่ยน เช่น ขึ้นคาน สาวทึนทึก สาวแก่ ยัยป้าค้างหิ้ง ฯลฯ ในภาษาอังกฤษสาวโสดจะใช้คำว่า Single เป็นคำเรียกกลาง ๆ แต่อีกสองคำคือ Spinster และ Old Maid แปลว่า สาวทึนทึก หรือสาวแก่ จะมีความหมายแฝงเป็นเชิงลบและแสดงการดูถูกสาวโสดว่า เป็นผู้ที่ไม่ได้ถูกเลือก ในขณะที่หนุ่มโสด ภาษาอังกฤษใช้คำว่า 'Bachelor' มีความหมายในแง่บวก ทำนองว่าเป็นหนุ่มรักอิสระ รักสนุก ไม่ชอบผูกมัด และมีทางเลือก

          ในขณะที่คำศัพท์แสลงของชาวออซซี่ที่ใกล้เคียงในการเรียกสาวโสดก็คือ 'Left on the shelf' ความหมายจะใกล้เคียงกับคำว่า 'ขึ้นคาน' หมายถึง เหลืออยู่บนหิ้ง หรือชั้นวางของ

          ส่วนคำว่า ขึ้นคาน ของไทย เป็นสำนวนหมายถึง หญิงที่มีอายุเลยวัยสาว (ไม่ได้บอกว่าตั้งแต่อายุเท่าไหร่) แต่ยังไม่ได้แต่งงาน มีนัยตำหนิ เพราะโบราณจะนิยมให้ผู้หญิงแต่งงานจะได้มีคนดูแลปกป้องและไม่โดดเดี่ยว ส่วนที่มาของคำว่าขึ้นคาน ขุนวิจิตรมาตรา ปราชญ์ภาษาไทย ได้แสดงอรรถาธิบายไว้ว่า มาจากการเรียกเรือที่ยกขึ้นพาดไว้บนคานเพื่อซ่อมรอยรั่ว ในตอนนั้นเรือใช้ประโยชน์ไม่ได้ ค้างเติ่งอยู่บนคาน จึงมีการนำคำว่าขึ้นคาน มาเรียกสตรีผู้ถึงวัยมีสามีแล้วแต่ยังไม่ตกร่องปล่องชิ้นมีคู่ เปรียบเป็นเหมือนกับเรือที่อยู่บนคาน

โสดในเมืองใหญ่
 
          อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะมีคำเรียกสาวโสดว่าขึ้นคานให้ได้ยินอยู่เป็นประจำ แต่จากผลการสำรวจพบว่า ผู้หญิงไทยยุคใหม่ร้อยละ 98 มองว่าการขึ้นคานไม่ใช่สิ่งที่แปลกอีกต่อไป จากข้อมูลยังพบว่า ผู้หญิงสมัยนี้จะแต่งงานก็ต่อเมื่อมีความพร้อมทางสถานะทางสังคม เช่น มีตำแหน่งหน้าทีการงานที่ดี มีความพร้อมทางด้านการเงิน และมีความพร้อมทั้งในครอบครัวของฝ่ายหญิงและฝ่ายชาย ทำให้ผู้หญิงคิดว่าอายุที่เหมาะสมที่ตนเองถึงวัยอันสมควรและพร้อมจะแต่งงาน คืออายุประมาณ 26-30 ปี และถ้าเลยอายุช่วงนี้ไปผู้หญิงเกือบร้อยละ 90 จะเริ่มกังวลว่าตนเองจะขึ้นคาน แต่ถึงแม้ว่าจะมีความกังวลผู้หญิงยุคใหม่ก็มองว่าไม่ใช่เรื่องแปลกอีกต่อไป ที่จะใช้ชีวิตอยู่คนเดียวเพราะสามารถที่จะหาเลี้ยงและพึ่งพาตนเองได้ และถ้าไม่สามารถหาผู้ชายที่ดี ๆ ได้ก็อยู่เป็นโสดดีกว่า

          ทุกวันนี้คนเมืองใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสาวเมืองในกรุงเทพมหานคร กำลังปรับวิถีชีวิตให้เข้ากับ 'คติเมือง' หรือ Urbanism เพื่อให้สามารถดำรงชีวิตอย่าง 'ปัจเจกนิยม' โดยอาศัยอยู่ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของความเจริญทางวัตถุและ ความหลากหลายของวัฒนธรรมที่ถาโถมเข้ามา

          จากงานวิจัย ของ บ.นาโน เซิร์ช จำกัด พบว่า ผู้หญิงไทยในกรุงเทพฯ ร้อยละ 41 ยังครองชีวิตโสดอยู่ แบ่งช่วงอายุออกเป็น 2 ช่วงคือ อายุ 25-35 ปี ร้อยละ 50 และอายุ 36-45 ปี ร้อยละ 50 สัดส่วนเท่ากัน และที่มีการศึกษาระดับปริญญาตรี มีอยู่ถึงร้อยละ 95.5 และทำงานอาชีพพนักงานบริษัทเอกชน ร้อยละ 78.5

          ส่วนพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยของกลุ่มคนโสดจึงเป็นที่น่าจับตาของธุรกิจ หลาย ๆ ประเภท เพราะเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อ ตัดสินใจได้ง่ายกว่า จากการศึกษาพบว่า สาวโสดร้อยละ 55 มีการถือบัตรเครดิตมากกว่า 1 ใบ ในขณะที่สาวโสดร้อยละ 67 รู้สึกดีกับการใช้ชีวิตโสด ส่วนอีกร้อยละ 33 ไม่รู้สึกดีหรือไม่ชอบชีวิตโสด

โสดขึ้นคาน

          ถึงแม้สาวไทยที่ยังโสดอยู่จะมีความเข้มแข็งพึ่งพาตนเองได้มากขึ้นในทุกวันนี้ แต่สาวโสดก็ยังคงต้องฝ่าฟันกับทัศนคติและความเชื่อของคนทั่วไป ที่มีอคติกับคนโสดอยู่ดี

          คนส่วนใหญ่มักเรียกหรือสร้างสถานการณ์ทำให้คนที่ยังโสดอยู่ กลายเป็นเรื่องราวฮาเรี่ยราด ขำขันกระจายกันสนุกปาก ขณะที่เจ้าตัว 'คนโสด' เอง กลับคิดว่ามันเป็น 'ตลกร้าย' ที่แฝงการเหยียดสถานภาพ เราอาจคุ้นเคยกับเรื่องการเหยียดสีผิว เหยียดชนชั้น กันมาพอสมควร แต่การเหยียดสถานภาพของคนที่ยังไม่ได้แต่งงานนั้น ถือเป็นเรื่องใหม่ที่คนส่วนใหญ่ยังไม่ได้ให้ความสำคัญในการเรียกร้องสิทธิ กันอย่างจริงจัง

          "อายุป่านนี้ทำไมยังไม่แต่งงาน" "เมื่อไหร่จะลงจากคาน" "ไม่มีใครเอาเหรอ" ฯลฯ คำถามเหล่านี้กลายเป็นคำถามต้องห้ามแสลงใจสาวโสด ที่คนส่วนใหญ่มักถามซ้ำ ๆ ซาก ๆ กับผู้หญิงที่ถึงวัยแต่งงาน (แต่จริง ๆ แล้วไม่มีมาตรฐานไม่ใช่หรือว่า ต้องอายุเท่าไหร่จึงควรแต่งงาน เพราะขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล) แต่ก็ยังไม่ได้แต่ง
ในขณะที่ 1 ใน 3 ของสาวโสดรู้สึกไม่ชอบใจกับคำพูดของคนในสังคมที่มักกระทบกระเทียบ "ความเป็นโสด" ประหนึ่งมีความผิดร้ายแรง โดยตั้งใจหรือไม่นั้น คำพูดก็แสดงออกถึงมุมมองของผู้พูดที่มีต่อ "สาวโสด" ได้ส่วนหนึ่ง

          ในจำนวนนี้ ผู้หญิงโสดวัย 32 ที่ทำงานท่ามกลางผู้หญิงวัยรุ่น เปิดเผยความรู้สึกว่า เธอรู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมากกับคำถามเหล่านี้ โดยเฉพาะคำล้อเล่นว่า "สาวแก่" เป็นความรู้สึกยากที่จะยอมรับทีเดียว เพราะการที่เธอเลือกที่จะอยู่เป็นโสดนั้นก็เพียงเพราะเธอยังไม่พบคนที่ "ใช่"

โสดสนิท มันผิดตรงไหน

          "มันผิดตรงไหน ถ้าชอบอยู่คนเดียว แล้วไม่คิดที่จะโหยหาใคร" แปม-นุชนารถ นักข่าวสาววัย 29 ปี กล่าว เธอเล่าให้ WP ฟังว่า เมื่อก่อนแปมจะกลัวมากกับคำว่า ขึ้นคาน หรือ รถด่วนขบวนสุดท้าย แปมคบกับแฟนมาได้ 7 ปี ก็คิดว่าเดี๋ยวเขาก็ขอเราแต่งงานในไม่ช้า แต่ที่ไหนได้เมื่อปี 2552 ที่ผ่านมา แปมกลายเป็น โสดฟ้าแลบ ไปเลย เพราะแฟนทิ้งแปมไปแต่งงานกับคนอื่นเฉยเลย แปมร้องไห้และสิ้นหวังที่สุด แต่พอเวลาผ่านไปจนถึงเดี๋ยวนี้ แปมก็รู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่ตอนนี้มีเวลาเต็มที่ เหลือเวลามากพอที่จะเก็บเกี่ยวความฝันที่หายไปของตัวเอง มีเวลาดูแลคุณพ่อคุณแม่มากขึ้น แปมให้รางวัลตัวเองได้อย่างสบายใจ ด้วยการตามใจตัวเอง ไม่ได้เอาชีวิตเราขึ้นอยู่กับผู้ชายอีกต่อไป แปมเรียกมันว่า รางวัลคนโสดค่ะ

          เช่นเดียวกับ พร-พรทิวา สาวใหญ่วัย 41 ปี อาชีพค้าขาย ที่บอกกว่า พรหยุดเอาความฝันของตัวเองไปห้อยต่องแต่งกับคนอื่นมานานแล้ว พรเห็นคนที่มีแฟนหรือแต่งงานแล้วไม่มีความสุขก็มีเยอะไป ไม่ใช่ว่าพรปฏิเสธที่จะมีความรัก แต่แค่จะบอกว่า ชีวิตโสด มันมีอะไรที่เราจะเพิ่มคุณค่าและทำมากกว่าที่เราคิด และก็ไม่ใช่เป็นความคิดแบบองุ่นเปรี้ยวมะนาวหวานที่ว่า เราไม่มีแฟน ก็เลยพยายามพูดว่าเป็นโสดดีอย่างนั้นอย่างนี้ แต่มันเป็นเรื่องจริง โบราณเขาถึงได้บอกว่า คนในอยากออก คนนอกอยากเข้า ถ้าใส่กำไล 2 วง มันก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีเสียงที่เกิดจากการกระทบกัน ถ้าอย่างนั้นก็สู้ใส่กำไลวงเดียวไม่ดีกว่าเหรอ เพราะสวยเหมือนกัน แต่ไม่ต้องมีเสียงก๊องแก๊งสร้างความรำคาญ

          สาวโสดหลายคนสร้างสรรค์ แถมสอดแทรกอารมณ์ขันได้อย่างเจ็บ ๆ คัน ๆ แต่ก็ได้อารมณ์หัวเราะแบบ หึ ๆ อย่างสะใจ เมื่อพวกเธอช่วยกันคิดข้อความที่ปรากฎบนเสื้อยืดว่า อย่าสติแตก ไม่แปลก ถ้าฉันจะโสด!