TARADTHONG.COM
เมษายน 25, 2024, 10:17:15 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: ตลาดทองดอทคอม
 
  หน้าแรก ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  

Copy Code


  แสดงกระทู้
หน้า: 1 ... 3 4 [5] 6 7 ... 10
61  สมาชิก VIP / General Discussion / อีกครั้ง! ปลานับล้านตายปริศนาในแคลิฟอร์เนีย เมื่อ: มีนาคม 09, 2011, 01:18:16 PM
อีกครั้ง! ปลานับล้านตายปริศนาในแคลิฟอร์เนีย


เมื่อวันที่ 8 มีนาคมที่ผ่านมา สำนักข่าวเอพี (AP) รายงานว่า ปลาเล็ก ๆ นับล้านตัวลอยตายเกลื่อนบริเวณชายฝั่งเรดอนโด ทางตอนใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนีย ส่วนสาเหตุการตายยังคงเป็นปริศนา

          รายงานระบุว่า เหตุการณ์ปลานับล้านตายเกลื่อนปริศนานี้ เกิดขึ้นเมื่อช่วงคืนวันที่ 7 มีนาคมที่ผ่านมา บริเวณชายฝั่งเรดอนโด ตอนใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งอยู่ห่างจากนครลอสแองเจลิสไปประมาณ 35 กิโลเมตร โดยปลาที่ลอยตายเป็นจำนวนนับล้านนี้ เป็นปลาขนาดเล็ก เช่น ปลากะตัก ปลาซาร์ดีน และปลาแมคเคอเรล ซึ่งคลื่นลมได้พัดพวกมันขึ้นมาลอยอยู่บริเวณท่าเรือคิงฮาร์เบอร์ สร้างความตกตะลึงให้กับประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณนั้นเป็นอย่างมาก

          ส่วนสาเหตุการตายของปลาเล็ก ๆ พวกนี้ ยังไม่สามารถตรวจสอบสาเหตุได้ แต่ก็มีการคาดการณ์ว่า อาจมาจากภาวะขาดอ็อกซิเจนก็เป็นได้ โดยนายสเตซี่ กาบรีเอลลี่ ผู้ประสานงานทางทะเลแห่งท่าเรือคิงฮาร์เบอร์ ได้เปิดเผยว่า มีความเป็นไปได้ว่า ปลานับล้านพวกนี้อาจพยายามหนีกระแสน้ำที่ขึ้นลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของกระแสน้ำนี้ ทำให้เกิดการสะสมของสาหร่ายในน้ำ และทำให้ปลาขาดอ็อกซิเจนจนตายในที่สุด และถูกคลื่นลมพัดพวกมันเข้ามาบริเวณชายฝั่งดังกล่าว

          ส่วนทางด้าน แอนดริว ฮักแกน เจ้าหน้าที่จากกรมการสัตว์น้ำแห่งรัฐแคลิฟอร์เนีย ก็ได้กล่าวไปในทางเดียวกันว่า ข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับสาเหตุการตายของปลาที่เป็นไปได้มากที่สุด คือ ภาวะการขาดอ็อกซิเจน เพราะไม่พบการรั่วไหลของน้ำมันและสารเคมีต่าง ๆ เลย แต่อย่างไรก็ดี ทางกรมการสัตว์น้ำได้นำตัวอย่างปลาที่ตายไปตรวจสอบเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงแล้ว ส่วนปลานับล้านตัวที่ลอยเกลื่อนอยู่บริเวณท่าเรือ จะมีการจัดการอย่างรวดเร็ว เนื่องจากตอนนี้เรือไม่สามารถเคลื่อนตัวออกไปจากฝั่งได้ และเริ่มมีกลิ่นคาวของปลาอบอวลไปทั่วบริเวณแล้ว

          ทั้งนี้ ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ได้มีเหตุการณ์ลักษณะเดียวกันเกิดขึ้นหลายพื้นที่ทั่วโลก สัตว์หลายชนิดตายปริศนา จนบัดนี้ก็ยังไม่สามารถหาสาเหตุการตายของพวกมันได้ และที่น่าตกใจมากที่สุด คือ เหตุการณ์สัตว์ตายปริศนานี้เริ่มพบเห็นได้บ่อยขึ้น และในแต่ละครั้งก็มีสัตว์ตายเป็นจำนวนนับพันไปถึงล้านตัว โดยล่าสุด เหตุการณ์สัตว์ตายปริศนานี้เกิดขึ้นทั่วโลกในระยะเวลาไล่เลี่ยกัน คือในช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา ซึ่งตลอดช่วงเวลานั้น ได้มี นก ปลา ปู และสัตว์น้ำอีกหลายชนิดตายเกลื่อนทั่วโลก รวมแล้วเป็นจำนวนหลายล้านตัวเลยทีเดียว 
62  สมาชิก VIP / General Discussion / เตือนโลกอาจเกิดภัยพิบัติใหญ่อีก 3 ครั้งใน 10 ปีข้างหน้า เมื่อ: มีนาคม 09, 2011, 01:08:31 PM
เตือนโลกอาจเกิดภัยพิบัติใหญ่อีก 3 ครั้งใน 10 ปีข้างหน้า


 เมื่อวันที่ 7 มีนาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์เดลิเมล์ ของอังกฤษ รายงานว่า คณะกรรมการภัยพิบัติฉุกเฉิน หรือ DEC เตือนโลกอาจเกิดภัยพิบัติครั้งร้ายแรงในเมืองใหญ่เช่นเดียวกับแผ่นดินไหวในเฮติอีกอย่างน้อย 3 - 5 ครั้ง ภายใน 10 ปีข้างหน้า ประเทศเสี่ยงควรเตรียมรับมือแต่เนิ่น ๆ

         โดยคณะกรรมการภัยพิบัติฉุกเฉิน ได้เปิดเผยว่า โลกควรเตรียมรับมือกับภัยพิบัติครั้งใหญ่ที่อาจจะเกิดขึ้นไว้ตั้งแต่บัดนี้ ซึ่งพื้นที่ที่มีแนวโน้มว่าจะได้รับผลกระทบมากที่สุด คือ เมืองเตหะรานในอิหร่าน อิสตันบูลในตุรกี และ กาตมันดุในเนปาล โดยความร้ายแรงและความเสียหายที่เกิดขึ้น อาจเทียบเท่ากับเหตุการณ์แผ่นดินไหวในเฮติเมื่อต้นปีก่อน ที่คร่าชีวิตผู้คนมากกว่า 300,000 คนก็เป็นได้ ดังนั้น ทุก ๆ ฝ่ายควรมีการร่วมมือกันวางแผนรับมือภัยพิบัติร้ายแรงที่อาจจะเกิดขึ้น เพื่อให้เกิดการสูญเสียน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นได้

         รายงานระบุว่า ในปัจจุบันนี้ มีประชากรจำนวน 950 ล้านคนที่อาศัยอยู่ในสลัมในเมืองใหญ่ ซึ่งอาจจะได้รับผลกระทบโดยตรงจากเหตุการณ์ภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้น ดังนั้นต้องมีการสนับสนุนการตั้งถิ่นฐานถาวรให้กับประชากรในส่วนนี้ด้วย รวมถึงต้องมีการประสานงานกับหน่วยงานช่วยเหลือต่าง ๆ ไว้เป็นอย่างดี

         ด้านนายเบรนดัน กอร์มลีย์ ประธานคณะกรรมการภัยพิบัติฉุกเฉินได้เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในเฮติ แสดงให้เห็นความช่วยเหลือจากหน่วยงานต่าง ๆ ที่หลั่งไหลมายังผู้เดือดร้อนในเฮติตอนนั้น และตอนนี้หน่วยงานที่ให้ความช่วยเหลือของเราก็มุ่งมั่นที่จะพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และนี่คือการบ้านชิ้นใหญ่ ที่เราต้องตอบคำถามให้ได้ว่าเราจะมีวิธีการรับมืออย่างไรบ้างขณะที่กำลังเผชิญกับภาวะฉุกเฉินนั้น ซึ่งมันก็เป็นสิ่งที่ท้าทายมากเลยทีเดียว แต่ถึงแม้การหาวิธีรับมือกับภัยพิบัติครั้งร้ายแรงจะยากเย็นเพียงไร ก็ยังดีกว่าการละเลยเพิกเฉยกับสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา อย่างน้อย ๆ จะได้ไม่ต้องมาลุกลี้ลุกลนแก้ปัญหาหลังจากที่ความสูญเสียได้เกิดขึ้นแล้วอย่างแน่นอน
63  สมาชิก VIP / ข่าวตลาดทอง / S&Pปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของ'โตโยต้า' เมื่อ: มีนาคม 05, 2011, 08:05:46 AM
S&Pปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของ'โตโยต้า'


เอเอฟพี - โตโยต้า ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของญี่ปุ่นต้องผจญภาวะเสื่อมถอยอีกครั้งเมื่อวันศุกร์(4) หลัง สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทแห่งนี้ลงจาก "AA" สู่ "AA-" โดยอ้างถึงผลกำไรที่อ่อนแอ
       
       การปรับลดอันดับความน่าเชื่อของบริษัทในระยะยาวของโตโยต้าและเรตติ้งตราสารหนี้บุริมสิทธิ์ไร้หลักทรัพย์ค้ำประกันครั้งนี้ มีขึ้นขณะที่ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดในโลกแห่งนี้พยายามกอบกู้ชื่อเสียงที่ได้รับความเสียหายจากการเรียกคืนรถยนต์หลายล้านคันจากปัญหาด้านความปลอดภัย
       
       "ผลกำไรของโตโยต้า กำลังฟื้นตัวขึ้นเรื่อยๆ แต่ยังคงอ่อนแอและฟื้นตัวในอัตราที่ช้ากว่าบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นรายอื่นๆ" ถ้อยแถลงของเอสแอนด์พีระบุ พร้อมบอกต่อว่าเหตุที่ปรับลดความน่าเชื่อของบริษัทในระยะยาวต่อโตโยต้าจาก"AA" สู่ "AA-" เป็นเพราะเชื่อว่าในช่วง 1 หรือ 2 ปีข้างหน้า ผลกำไรของผู้ผลิตรถยนต์แห่งนี้คงไม่สามารถฟื้นตัวได้ตามระดับที่กำหนดเอาไว้
       
       สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ บอกต่ออีกกว่าผลกำไรของโตโยต้า คงตกอยู่ใต้แรงกดดันของราคาวัตถุดิบและน้ำมันที่แพงขึ้น เช่นเดียวกับค่าเงินเยนที่แข็งค่าต่อไป
64  สมาชิก VIP / General Discussion / รู้จัก ลิเบีย ดินแดนที่กำลังปะทุด้วยสงครามกลางเมือง เมื่อ: มีนาคม 03, 2011, 07:43:04 PM
รู้จัก ลิเบีย ดินแดนที่กำลังปะทุด้วยสงครามกลางเมือง

กลายเป็นอีกประเทศหนึ่งที่กำลังโด่งดังไปทั่วโลก สำหรับ "ลิเบีย" หรือ "สาธารณรัฐสังคมนิยมประชาชนอาหรับลิเบีย" หลังเกิดสงครามกลางเมือง เมื่อประชาชนลุกฮือขึ้นมาประท้วงโค่นล้มระบอบการปกครองในลิเบีย และขับไล่ประธานาธิบดีมูอัมมาร์ กัดดาฟี ของลิเบีย ให้ลงจากตำแหน่ง จนเกิดจราจลไปทั่วในหลาย ๆ เมือง

          ถึงแม้ ลิเบีย จะกลายเป็นประเทศที่ผู้คนทั่วโลกให้ความสนใจ แต่ขณะเดียวกันเชื่อว่ายังมีอีกหลาย ๆ คน ไม่รู้จักว่า ลิเบีย อยู่ส่วนไหนของมุมโลก เพราะฉะนั้น วันนี้กระปุกดอทคอมจะพาเพื่อน ๆ ไปทำความรู้จักกับ “ประเทศลิเบีย” กัน

          "ลิเบีย" (Libya) มีชื่อทางการคือ สาธารณรัฐสังคมนิยมประชาชนอาหรับลิเบีย (Socialist People's Libyan Arab Great Jamahiriya) มีพื้นที่เกือบ 1,800,000 ตารางกิโลเมตร นับเป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 4 ในทวีปแอฟริกา และประเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลกอันดับที่ 17 และมีเมืองหลวงชื่อ "ตริโปลี" เป็นประเทศในแอฟริกาเหนือ ตั้งอยู่ระหว่างประเทศอียิปต์ไปทางตะวันออก ประเทศซูดานไปทางตะวันออกเฉียงใต้ สาธารณรัฐชาดและประเทศไนเจอร์ไปทางใต้ และประเทศแอลจีเรียและตูนิเซียไปทางตะวันตก มีชายฝั่งบนทะเลเมดิเตอร์เรเนียน

          ลิเบีย มีประชากรประมาณ 6.3 ล้านคน ส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม นิกายสุหนี่ สำนักมาลิกี นอกนั้นนับถือศาสนาคริสต์ นิกายคาทอลิก และนิกายอื่น ๆ มีภาษาอาหรับเป็นภาษาราชการ แต่ในเมืองใหญ่ก็ใช้ภาษาต่างประเทศ เช่น อิตาลี ฝรั่งเศส และอังกฤษ ภูมิอากาศโดยทั่วไปแห้งแล้งแบบทะเลทราย อุณหภูมิเฉลี่ย 20-30 องศาเซลเซียส ด้านเหนือสุดมีอากาศเย็น คล้ายคลึงกับภูมิภาคแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน

          สำหรับด้านเศรษฐกิจ ลิเบีย ถือเป็นประเทศมีฐานะทางเศรษฐกิจดีที่สุดประเทศหนึ่งในแอฟริกาเหนือ เศรษฐกิจของลิเบียขึ้นอยู่กับภาคพลังงาน ได้แก่ น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ เรียกได้ว่า ลิเบีย เป็น 1 ใน 10 ประเทศ ที่ผลิตน้ำมันร่ำรวยที่สุดในโลก

          ด้านการปกครอง ลิเบีย อยู่ภายใต้การปกครองของต่างชาติมาอย่างต่อเนื่อง เช่น เคยอยู่ภายใต้กรีก อาณาจักรโรมัน อาณาจักรไบแซนไตน์ อาณาจักรออตโตมาน และท้ายสุดตั้งแต่ปี พ.ศ. 2454 ลิเบีย อยู่ภายใต้การปกครองของประเทศอิตาลี จนกระทั่งเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2492 สมัชชาใหญ่ขององค์การสหประชาชาติ มีข้อมติให้ ลิเบีย ได้รับเอกราชจากอิตาลี โดยกษัตริย์ Idris ซึ่งเป็นผู้นำในการต่อต้านการปกครองของอิตาลี ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 และเป็นผู้นำในการเจรจาจนนำไปสู่การประกาศเอกราช เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2494 ได้ขึ้นเป็นกษัตริย์ปกครองประเทศ

          ต่อมาวันที่ 1 กันยายน 2512 กลุ่มนายทหารนำโดย พันเอกมูอัมมาร์ กัดดาฟี ได้ก่อการรัฐประหารยึดอำนาจจากกษัตริย์ และขึ้นเป็นผู้นำประเทศ มีอำนาจสูงสุดและเด็ดขาดในการปกครองประเทศ มีคณะกรรมการปฏิวัติ (Revolutionary Committee) และคณะมนตรีปฏิวัติ (Revolutionary Command Council) เป็นกลไกช่วยในการกำหนดนโยบาย มีสภาประชาชน (National General People's Congress) ทำหน้าที่ด้านนิติบัญญัติ และเป็นผู้แต่งตั้งสมาชิก National General People's Committee (คณะรัฐมนตรี) ทำหน้าที่ด้านการบริหารราชการ ก่อนที่ประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554 ประชาชนจะออกมาประท้วง และเดินขบวนครั้งใหญ่ทั่วประเทศ เพื่อต่อต้านรัฐบาลกัดดาฟี

          ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวใน ลิเบีย เช่น เมืองหลวงอย่าง "ตริโปลี" ผู้ที่หลงใหลมีสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิมไม่ควรพลาด การไปเดินชมอาคารบ้านเรือน, พระราชวัง, มัสยิด, พิพิธภัณฑ์ และอนุสาวรีย์ หรือจะไปสัมผัสความสวยงามของ Ghadames โอเอซิสเก่าแก่กลางทะเลทราย และไปชื่นชมความอลังการของ Leptis Magna ซากปรักหักพังของเมืองโบราณ ในเมืองเลปติส เมกนา ซึ่งถูกขนานนามว่า เป็นอาณาจักรโรมันที่มีชื่อเสียงและงดงามมากที่สุดในแอฟริกา อีกทั้งยังขึ้นทำเนียบสิ่งมหัศจรรย์ของโลกด้วย

          อะ ๆ ยังไม่หมดเท่านั้น ลิเบีย ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกมากมายและเชื่อว่าหากการประท้วงยุติลง ดินแดนแห่งนี้น่าจะเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าไปเยือนเลยทีเดียว แต่ตอนนี้คงต้องรอให้เกิดความสงบภายในประเทศซะก่อน
65  สมาชิก VIP / General Discussion / เรียนภาษาใหม่ๆ ป้องกันสมองแก่ เมื่อ: มีนาคม 01, 2011, 09:00:35 AM
เรียนภาษาใหม่ๆ ป้องกันสมองแก่

ผลการวิจัยที่เพิ่งจะตีพิมพ์ออกมาใหม่ระบุว่าการเรียนภาษาที่สอง หรือถ้าจะให้ดีกว่านั้น ก็คือภาษาที่ 3, 4, 5 ไปเรื่อยๆ จะช่วยป้องกันไม่ให้สมองของเรามีปัญหาเรื่องการรู้จำเมื่ออายุมากขึ้น และยิ่งเราพูดได้หลายภาษาเท่าไหร่ ก็จะยิ่งเป็นการกระตุ้นความคิดได้ดีขึ้นเท่านั้น

"การเริ่มหัดเรียนภาษาต่างประเทศไม่ว่าจะเป็นช่วงใดของชีวิต สามารถช่วยพัฒนาการทำงานของสมองได้"

นอกจากนี้ผลการวิจัยนี้ก็ยังบอกอีกว่า คนที่สามารถพูดได้มากกว่าสองภาษาภายในช่วงอายุขัยนั้น จะมีความเสี่ยงน้อยกว่าที่จะประสบปัญหาทางด้านความจำ โดยการวิจัยสำรวจผู้ชายและผู้หญิงจำนวน 230 คน ที่มีอายุเฉลี่ย 73 ปี ที่ในอดีตหรือปัจจุบันสามารถพูดได้ 2-7 ภาษา และพบว่าคนที่พูดได้ 4 ภาษาขึ้นไป จะมีความเสี่ยงในการมีปัญหาเรื่องการรู้จำน้อยลงถึงห้าเท่า เมื่อเปรียบเทียบกับคนที่พูดได้เพียง 2 ภาษา ส่วนคนที่พูดได้ 3 ภาษาก็จะมีความเสี่ยงน้อยลงสามเท่า เมื่อเปรียบเทียบคนที่พูดได้สองภาษา

Ellen Bialystock นักจิตวิทยาจาก York university ในโตรอนโต พร้อมทีมวิจัยเปิดเผยว่า แม้ว่าในขณะนี้คุณยังไม่สามารถพูดได้มากกว่าภาษาแม่ของตัวเอง แต่การที่คุณจะเริ่มหัดเรียนภาษาต่างประเทศไม่ว่าจะเป็นช่วงใดของชีวิต ก็ยังสามารถช่วยพัฒนาการทำงานของสมองและช่วยป้องกันการเกิดโรคอัลไซเมอร์ได้

ผลงานวิจัยจากทีมวิจัยในแคนาดา ที่ได้รับการตีพิมพ์ไว้ใน Neurology เจอร์นัล ระบุว่าความสามารถในการพูดได้สองภาษา จะช่วยทำให้กระบวนการก่อตัวของอาการโรคอัลไซเมอร์ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นั้นช้าลงไปได้มากถึงห้าปี

ว่าแต่ยังมีวิธีไหนอีกบ้างที่จะช่วยลับสมองให้แหลมคมอยู่เสมอน่ะหรือ? Tony Buzan ผู้เชี่ยวชาญด้านสมองและการสูงอายุบอกว่า สิ่งสำคัญก็คือเราจะต้องไม่หยุดเรียนรู้ตลอดชีวิต รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ มองโลกในแง่บวก และทำตัวเองให้กระตือรือร้นอยู่เสมอ นอกจากนี้ก็ยังสามารถกระตุ้นสมองของตัวเองบ่อยๆ ได้ด้วยการเล่นเกม ไขปริศนา ตัวอย่างเช่นการเล่นหมากรุก ไพ่บริดจ์ ครอสเวิร์ดส์ หรือซูโดคุ เป็นต้น

Source : AFP Relax News
66  สมาชิก VIP / General Discussion / 10 พฤติกรรมของการนอกใจ เมื่อ: มีนาคม 01, 2011, 08:59:31 AM
10 พฤติกรรมของการนอกใจ

1. เวลาชวนไปไหนมาไหน จะชวนไปทำธุระด้วย หรือจะไปดูหนัง ฟังเพลง เริ่มมีคำพูดประเภท ไม่ว่าง, ติดธุระ ฯลฯ บ่อยขึ้น

2. เจอหน้ากันทีไร เริ่มมีอาการแสดงท่าทีเฉย ๆ บ่อย หรือไม่ก็ดูจะหงุดหงิดไปเสียทุกอย่าง โดยเฉพาะที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับคุณ

3. โทร.ไปหาทีไร ไม่ค่อยติด เอ...อ้างโทรศัพท์แบตฯหมดบ๊อย...บ่อย หรือไม่กว่าจะรับโทรศัพท์นานเกินเหตุ และที่เป็นลางบอกเหตุก็คือ คำถามคำแรกจากปลายสายก็คือ...โทร.มาทำไม หรือ มีอะไรรึเปล่า...

4. ร้างลาการชักชวนไปไหนด้วยกันเกินกว่า 2 อาทิตย์ โดยที่...ไม่ได้ป่วย หรือติดธุระสำคัญ

5. เริ่มมีคำพูดประเภทก้าวร้าว ไม่ให้เกียรติ หรือไม่ก็พาดพิงแง่ลบไปถึงครอบครัว

6. จู่ ๆ เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงภาพภายนอก แต่งสวย แต่งหล่อ ดูแลตัวเองเกินเหตุ เกินปกติที่เคยเป็นหรือเคยไปด้วยกันโดยไม่มีการพูดคุยถึงการเปลี่ยนแปลงมาก่อน เช่น อยากตัดผมทรงใหม่ หรืออยากเปลี่ยนสไตล์การแต่งตัว เป็นต้น

7. ในภาวะที่อยากได้กำลังใจ หรือมีภาวะที่เป็นข้อผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ เกิดขึ้น แทนที่จะมีคำปลอบใจ ให้กำลังใจ หรือเป็นที่ปรึกษา กลับมีแต่คำพูดที่ซ้ำเติม

8. ผิดสัญญาบ่อยครั้ง

9. ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะลืมไปแล้วว่าคำว่า...ขอโทษสะกดอย่างไร

10. เมื่อเขาหรือเธอมีคำพูดหลุดออกมาว่า...เธอดีเกินไป

จาก ข้อ 1 - 10 มีข้อแม้ว่าต้องเกิดขึ้นบ่อยมาก ถึงบ่อยที่สุด ไม่ใช่แค่ครั้งสองครั้ง อย่าเพิ่งไปเหมาหรือไปมองในแง่ลบเสียทีเดียว เพราะชีวิตคู่จะมีความสุขได้อย่างน้อยคุณก็ต้องเชื่อใจกัน และให้อภัยในความผิดพลาดที่เกิดขึ้นได้เสมอ

ที่มา : fwm
67  สมาชิก VIP / General Discussion / น้ำตาลวิกฤติส่อขาดแคลนและแพง เมื่อ: มีนาคม 01, 2011, 08:58:35 AM
น้ำตาลวิกฤติส่อขาดแคลนและแพง

ก.อุตสาหกรรมพร้อมเพิ่มน้ำตาลโควตา ก.รับมือน้ำตาลขาดแคลน โยนเรื่องราคาแพงต้องถามพาณิชย์เพราะเป็นหน้าที่โดยตรง  ฟากพาณิชย์แฉน้ำตาลถูกลักลอบไปขายเพื่อนบ้าน

          นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าน้ำตาลทรายในตลาดขาดแคลนและมีราคาแพง ว่ากระทรวงอุตสาหกรรมมีแผนรองรับไว้แล้วเพราะหากปริมาณน้ำตาลทรายเพื่อการบริโภคภายในประเทศ (โควตา ก.) ไม่พอจริง ก็สามารถพิจารณาปรับเพิ่มน้ำตาลโควตา ก.จากปัจจุบันที่อยู่ 25 ล้านกระสอบได้ และขณะนี้พบว่ายังมีปริมาณน้ำตาลเหลือค้างกระดานที่รอการขึ้นงวดอยู่ 1.6 ล้านกระสอบ ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับปกติ

          "ต้องเข้าใจว่ากระทรวงอุตสาหกรรมเป็นฝ่ายผลิต ซึ่งที่ผ่านมาก็ติดตามตลอด ซึ่งหากปริมาณน้ำตาลค้างกระดานเหลือต่ำกว่า 1 ล้านกระสอบเมื่อไหร่ ก็พร้อมพิจารณาเพิ่มโควตา ก.ให้ แต่ถ้าพิจารณาเพิ่มให้ตอนนี้ก็ไม่มีเหตุผลพอ หรือไม่ก็ตั้งจุดกระจายน้ำตาลในต่างจังหวัดเปิดขายตรงให้กับหน่วยงานต่าง ๆ โดยให้กองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายเป็นผู้ดำเนินการเหมือนที่ผ่านมา รวมทั้งพิจารณาใบอนุญาตขนย้ายให้เร็วขึ้น" นายชัยวุฒิกล่าว

          นายชัยวุฒิกล่าวถึงกรณีที่มีการร้องเรียนว่า ราคาน้ำตาลทรายอยู่ระดับ 30 - 35 บาทต่อกิโลกรัม ว่าเป็นหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์ที่ต้องควบคุมเพราะอุตสาหกรรมมีหน้าที่ดูแลการผลิต ซึ่งหากเราไปเร่งเพิ่มโควตา ก.ให้ตอนนี้ก็เท่ากับว่าจะไปเข้าทางใคร ส่วนหากกระทรวงพาณิชย์จะขอโควตาน้ำตาลพิเศษเพิ่มอีกนั้นก็คงต้องหารือกันอีกที เพราะตอนนี้น้ำตาลโควตาเดิมที่ให้ไปก็ยังไม่หมด

          ด้านแหล่งข่าวจากกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ราคาน้ำตาลทรายในขณะนี้เป็นการเริ่มส่งสัญญาณว่าต้นทุนราคาน้ำตาลที่สะท้อนต้นทุนอยู่ที่ 25 - 26 บาทต่อกิโลกรัม ส่วนที่บอกว่าน้ำตาลราคา 30 บาทต่อกิโลกรัมนั้น อาจจะเป็นน้ำตาลชนิดพิเศษที่ไม่มีการควบคุมราคา และเชื่อว่าคงไม่มีใครกล้ากักตุนน้ำตาลทรายไว้ปริมาณมาก ๆ แน่ เพราะขณะนี้เริ่มมีการส่งสัญญาณแล้วว่าราคาน้ำตาลในอนาคตจะมีการปรับลดลง

          รายงานจากกระทรวงพาณิชย์แจ้งอีกว่า สาเหตุที่น้ำตาลทรายขาดตลาดได้เกิดขึ้นมาเป็นปีแล้ว เพราะขณะนี้ราคาน้ำตาลทรายในตลาดโลกมีราคาสูงกว่าราคาขายปลีกในประเทศ ทำให้เกิดการลักลอบส่งออกโดยเฉพาะการนำไปขายในประเทศเพื่อนบ้าน ขณะเดียวกันโรงงานอุตสาหกรรมที่ใช้น้ำตาลทรายได้มาแย่งซื้อน้ำตาลทรายโควตา ก.เพราะต้นทุนถูกกว่า ก็ยิ่งทำให้น้ำตาลหายไปจากตลาด

          นายฉัตรชัย ชูแก้ว ที่ปรึกษา รมว.พาณิชย์ และโฆษกกระทรวงพาณิชย์ (ฝ่ายการเมือง) กล่าวว่า นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ ได้กำชับให้แจ้งปัญหาน้ำตาลทรายขาดแคลนและราคาแพงไปยังกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อให้เร่งผลิตและกระจายน้ำตาลเข้าสู่ตลาดเพิ่มขึ้น ขณะที่กระทรวงพาณิชย์จะพยายามประสานนำน้ำตาลทรายไปจำหน่ายตามจุดขาดแคลน หรือมีราคาแพง เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน

          นางสาวสุวรรณดี ไชยวรุตม์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ที.ซี.ฟาร์มมาซูติคอล อุตสาหกรรมจำกัด ผู้ผลิตชาขาวพร้อมดื่มภายใต้ชื่อ "เพียวริคุ" เปิดเผยว่า ภาพรวมต้นทุนวัตถุดิบในขณะนี้ยอมรับว่ายังมีการปรับราคาเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะราคาเม็ดพลาสติกและน้ำตาล ส่งผลให้บริษัทต้องมีการปรับแผนการดำเนินงานใหม่ด้วยการหันมาสั่งซื้อวัตถุดิบล่วงหน้า พร้อมกับผลิตสินค้าให้ใกล้เคียงกับความเป็นจริงของตลาดเพื่อลดต้นทุนที่สูงขึ้น เนื่องจากบริษัทยังไม่มีแผนที่จะปรับราคาสินค้าขึ้นในขณะนี้ และคาดว่าจะยังคงตรึงราคาสินค้าไปจนถึงสิ้นปี เพราะเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา บริษัทได้มีการปรับราคาสินค้าขึ้นมาแล้วหนึ่งครั้ง
68  สมาชิก VIP / General Discussion / Google เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ Recipes สำหรับค้นสูตรอาหาร เมื่อ: มีนาคม 01, 2011, 08:57:21 AM
Google เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ Recipes สำหรับค้นสูตรอาหาร

มีของเล่นใหม่ ๆ มาให้เล่นกันได้อยู่เรื่อย สำหรับ Google เสิร์ชเอนจินยอดนิยมที่มีผู้ใช้มากที่สุดในโลก ที่นับวัน ก็ยิ่งเปลี่ยนให้เสิร์ชเอนจินธรรมดา ให้กลายเป็นเว็บไซต์อำนวยความสะดวกแบบสุด ๆ ให้กับผู้ใช้ ล่าสุด Google เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ สำหรับพ่อครัวแม่ครัวสมัครเล่นทั้งหลาย ให้สามารถค้นหาสูตรอาหารได้ง่ายขึ้น งานนี้รับรองว่าได้รับความนิยมไม่น้อยเลยทีเดียว

          สำหรับฟีเจอร์ตัวใหม่ล่าสุดนี้ มีชื่อว่า Google Recipe View หรือบริการค้นหาสูตรอาหาร ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถค้นหาสูตรอาหารได้อย่างง่าย ๆ เพียงแค่พิมพ์ชื่ออาหารที่ต้องการรู้สูตร แล้วไปที่เมนู Recipes ที่อยู่ด้านซ้าย จากนั้น Google ก็จะแสดงรายการสูตรอาหารออกมาให้เลือกใช้ได้ตามใจชอบ และนอกจากนี้ ไม่ใช่แค่สามารถค้นหาสูตรอาหารได้อย่างง่ายดายเท่านั้น ผู้ใช้สามารถค้นหารายการอาหารจากส่วนประกอบ ระยะเวลาที่ใช้ในการปรุงอาหาร หรือตามจำนวนแคลอรี่ก็ได้เหมือนกัน เช่น น้อยกว่า 300, 500 , 100 แคลอรี เป็นต้น เรียกว่าอำนวยความสะดวกให้กับพ่อครัวแม่ครัวมือสมัครเล่นได้เยอะเลยทีเดียวล่ะ

          อย่างไรก็ดี แม้ว่าจะถูกใจบรรดาพ่อครัวแม่ครัวซะจนอยากจะลองเล่นกันบ้างแล้ว แต่เห็นทีว่า สำหรับคนไทยต้องรอกันอีกนิด เพราะตอนนี้ Google Recipes View เปิดให้บริการที่สหรัฐและญี่ปุ่นก่อน แต่คาดว่าไม่นานเกินรอแน่นอนจ้า
69  สมาชิก VIP / General Discussion / ตระกูลเทพหัสดินฯ แถลงการณ์ ย้ำสาวซีวิคไม่ได้ชน แค่หักหลบ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 26, 2011, 12:49:31 PM
ตระกูลเทพหัสดินฯ แถลงการณ์ ย้ำสาวซีวิคไม่ได้ชน แค่หักหลบ

 จากกรณี รถเก๋งซีวิค ชนรถตู้บนโทลล์เวย์ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต ถึง 9 ราย เมื่อปลายเดือนธันวาคมที่ผ่านมานั้น ขณะนี้ความคืบหน้าในการสอบสวน คดีดังกล่าว เสร็จสิ้นแล้ว โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งสำนวนให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาแล้ว ซึ่งตอนนี้รอให้สำนวนถูกส่งกลับเพียงเท่านั้น เพื่อจะมีการนัดผู้ต้องหาเพื่อสอบสวนและพิจารณาว่าจะสั่งฟ้องหรือไม่ ทั้งนี้ คาดว่า จะส่งฟ้องได้ภายในสัปดาห์หน้า
 
           นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวได้รายงานว่า ในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ได้มีฟอร์เวิร์ดเมล์อ้างว่า เป็นแถลงการณ์ของตระกูลเทพหัสดิน ณ อยุธยา ออกมาชี้แจงถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว ดังนี้


           ขอเรียนชี้แจงข้อเท็จจริงต่อกรณีอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น และขอแสดงความเสียใจกับทุกท่านที่ต้องสูญเสียผู้เป็นที่รักอีกครั้งหนึ่งจาก เหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งที่ผ่านมาทางครอบครัวของผู้ต้องหานั้น ไม่ได้ออกมาให้ข่าวต่อสื่อมวลชนมากนัก แต่อย่างไรก็ตาม ในแง่ของมนุษยธรรม ทางครอบครัวของผู้ต้องหาก็พยายามที่จะทำทุกอย่างให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อบรรเทาปัญหาที่เกิดขึ้น โดยไม่คำนึงถึงว่าใครจะผิดถูก เพราะเป็นที่ทราบชัดเจนว่าอุบัติเหตุดังกล่าว ก่อให้เกิดความสูญเสียเป็นอันมาก และจะเป็นอุทาหรณ์เพื่อเตือนสติกับบุคคลทั่วไปที่ใช้รถใช้ถนน รวมทั้งเป็นกรณีศึกษาที่หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องจะได้ศึกษาและหาทาง ป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ทั้งในส่วนที่เกี่ยวข้องกับวิศวกรรมจราจร และบุคคลผู้ใช้ถนนสาธารณะ

          แต่ในส่วนของกระบวนการตามกฎหมายนั้น ขอเรียนว่า เราได้ให้ข้อเท็จจริงกับพนักงานสอบสวนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ ผู้ต้องหาก็ได้ยืนยันข้อเท็จจริงว่า อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นนั้น ตนมิได้เฉี่ยวชนรถตู้โดยสารดังที่เป็นข่าว แต่เพราะต้องหักหลบรถตู้โดยสารที่เปลี่ยนเส้นทางกะทันหันเข้ามาในช่องทางที่ ผู้ต้องหานั้นขับรถอยู่ จนทำให้รถที่ผู้ต้องหาขับขี่มานั้นเสียหลักชนเข้ากับกำแพงกั้นขอบทาง เป็นเหตุให้รถยนต์เก๋งซีวิคได้รับความเสียหาย และตัวผู้ต้องหาก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน

          ทีมกฎหมายขอเรียนว่า อุบัติเหตุดังกล่าว ไม่ใช่สิ่งที่พึงประสงค์และทุกคนไม่ต้องการให้เกิดขึ้นอย่างแน่นอน และผู้ต้องหาก็ไม่อยากให้เกิดขึ้น ส่วนบิดา และ มารดาของผู้ต้องหาก็ได้ระมัดระวังป้องกันมิให้ผู้ต้องหาขับรถมาตลอด จนกระทั่งต้องจำหน่ายรถยนต์ที่มีอยู่ในบ้านออกไปอีกหนึ่งคัน คงเหลือไว้สำหรับบิดาใช้ 1 คัน และ มารดาอีก 1 คัน เท่านั้น ส่วนการที่ผู้ต้องหาไปใช้รถยนต์ของบุคคลอื่นมาขับนั้น ทางครอบครัวเองก็ไม่เคยทราบมาก่อน ซึ่งหากรู้ก็คงต้องห้ามปรามและลงโทษอย่างแน่นอน

          ส่วนข้อเท็จจริงที่เกิดอุบัติเหตุนั้น ยังมีความคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริงที่ปรากฏทางสื่อ ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างแพร่หลาย ซึ่งจากหลักฐานที่มีอยู่สามารถยืนยันได้ว่าไม่มีร่องรอยการชนเข้าไปด้านหลัง เต็ม  อย่างที่หลายฝ่ายเข้าใจ หรือที่เรียกว่าชนเข้าอย่างจังจนเป็นเหตุให้รถตู้โดยสารเสียหลัก ซึ่งถ้าหากเป็นเช่นนั้น ผู้ต้องหาย่อมต้องเสียชีวิตไปแล้วอย่างแน่นอน เพราะรถยนต์เก๋งซีวิค มีน้ำหนักและขนาดเล็กกว่ารถตู้โดยสารมาก และ หากมีการชนอย่างที่ว่านั้นจริง จะต้องปรากฏร่องรอยการชนบนรถทั้งสองคันอย่างแน่นอน

          อีกทั้งการ เกิดอุบัติเหตุดังกล่าวมีข้อน่าสังเกตหลายประการ โดยเฉพาะการขับรถตู้โดยสาร เพราะเหตุใดจึงขับรถในช่องทางด้านขวา ทั้งที่เป็นรถสาธารณะ หรือรวมทั้งเพราะเหตุใดต้องขับคร่อมเลนและปรับเปลี่ยนช่องทางโดยกะทันหัน รวมทั้งจากการตรวจสอบพยานหลักฐานเบื้องต้น ก็ไม่ปรากฏว่าสีของรถยนต์เก๋งซีวิค ไปปรากฏบนส่วนหนึ่งส่วนใดของรถตู้ และในทางกลับกัน สีของรถตู้ก็ไม่ปรากฏบนตัวถังของรถยนต์เก๋งซีวิค ซึ่งสิ่งเหล่านี้ ปรากฏชัดจากหลักฐานที่มีอยู่บนตัวถังรถทั้งสองคัน และจนถึงปัจจุบันกองพิสูจน์หลักฐานก็ยังไม่ได้ลงความเห็นชัดเจนต่อการเกิด อุบัติเหตุดังกล่าว ว่ามีการเฉี่ยวชนกันอย่างแท้จริงหรือไม่ ซึ่งข้อเท็จจริงเหล่านี้ คงต้องนำไปพิสูจน์กันในชั้นพิจารณาคดีของศาลต่อไป

          ในส่วนของครอบครัวผู้ต้องหาในช่วงเวลาที่ผ่านมานั้น ไม่มีโอกาสที่จะร้องขอความเห็นใจต่อกรณีที่เกิดขึ้น เพราะข่าวที่ออกมาทางสื่อมวลชนและสื่อทางอินเตอร์เน็ตต่าง ๆ ทำให้ผู้คนทั่วไปได้พิพากษาว่า ผู้ต้องหามีความผิดล่วงหน้าไปแล้ว ทั้งที่ศาลยังไม่ได้มีการพิจารณาพิพากษาตัดสินคดีแต่อย่างใด และข้อเท็จจริงก็ยังไม่ได้มีการพิสูจน์ถึงสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุอย่าง ชัดเจน ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น รวมทั้งการออกมาให้ข่าวของบุคคลหลายคนต่อสื่อมวลชนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกรณีนี้ ก่อให้เกิดผลกระทบทางจิตใจของผู้ต้องหาซึ่งเป็นเด็กและกระทบต่อครอบครัวของ ผู้ต้องหาเป็นอันมาก

          ทีมกฎหมายขอเรียนว่า การดำเนินคดีนั้น เป็นสิทธิของผู้เสียหายที่อยู่ภายใต้กรอบบทบัญญัติของกฎหมาย และเป็นเรื่องที่ศาลจะต้องพิจารณาในเนื้อหาของคดี แต่อย่างไรก็ตาม ก็อยากร้องขอไปยังทุกท่าน ให้พิจารณาให้รอบคอบถึงข้อเท็จจริงและเหตุผลในการดำเนินคดี และขอให้ดำเนินการภายใต้กรอบของกฎหมายเท่านั้น รวมทั้งขอให้ระมัดระวังในการให้ข่าวต่อสื่อมวลชนให้ตรงกับความเป็นจริงด้วย เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับตัวท่านและทางฝ่ายของผู้ต้องหา

          ทีมกฎหมายขอเรียนไปยังทุกท่าน เพื่อให้ความเป็นธรรมกับฝ่ายของผู้ต้องหา เพราะที่ผ่านมา ทางฝ่ายผู้ต้องหาถูกประณามถึงความรับผิดชอบต่อกรณีที่เกิดขึ้น ซึ่งฝ่ายผู้ต้องหาได้พยายามดูแลปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างดีที่สุดตามกำลังความ สามารถเท่าที่จะทำได้ รวมทั้งการติดต่อขอพบผู้ได้รับบาด เจ็บ และญาติผู้เสียชีวิต ซึ่งบางท่านก็ได้รับแจ้งว่า ไม่สะดวกที่จะให้เข้าพบ บางท่านก็ได้เข้าพบและเจรจา โดยบางท่านได้เสนอข้อเรียกร้องเป็นจำนวนเงินที่สูงมากเกินกว่ากำลังความ สามารถที่ครอบครัวจะพึงปฏิบัติได้ ทั้งที่ข้อเท็จ จริงบางเรื่องยังไม่ได้สรุปชัดเจนและศาลยังไม่ได้มีคำพิพากษา จึงอยากจะร้องขอให้ทุกท่านได้พิจารณา รวมทั้งทีมงานด้านกฎหมายของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ที่เป็นผู้รับมอบอำนาจจาก ผู้เสียหายได้พิจารณาเรื่องดังกล่าว ให้รอบคอบก่อนดำเนินการ เพื่อความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

          สุดท้ายนี้ ทีมกฎหมายขอขอบพระคุณทุกท่านที่กรุณารับฟังข้อเท็จจริง และหวังว่าทุกท่านคงจะเข้าใจเนื้อหา รวมทั้งปัญหาที่เกิดขึ้น และโปรดให้ความเป็นธรรมกับฝ่ายผู้ต้องหาด้วย จนกว่าเรื่องดังกล่าวจะได้รับการพิสูจน์ความจริงต่อไปกราบเรียนทุกท่านมา

                               ด้วยความเคารพ ทีมกฎหมายครอบครัว เทพหัสดิน ณ อยุธยา


          อย่างไรก็ตาม หลังจากมีแถลงการณ์ดังกล่าวออกมา ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยัง นายปกป้อง ศรีสนิท ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  ซึ่งนายปกป้องกล่าวว่า ในส่วนของทีมกฏหมายคงไม่จำเป็นที่ต้องไปหาข้อมูลอะไรเพิ่มเติม เพื่อมาหักล้างกับฟอร์เวิร์ดเมล์ดังกล่าว เพราะเป็นเพียงการบอกกล่าวของผู้ต้องหา สำหรับข้อเท็จจริงนั้น ต้องรอพนักงานสอบสวนรวบรวมพยานและหลักฐาน เพื่อส่งให้อัยการพิสูจน์ในชั้นศาลต่อไป
70  สมาชิก VIP / ข่าวตลาดทอง / ปธน.ลิเบียสุดเหี้ยม!ลั่นเปิดคลังแสงให้ฝ่ายหนุนนำไปเข่นฆ่าผู้ต่อต้าน เมื่อ: กุมภาพันธ์ 26, 2011, 09:06:14 AM
ปธน.ลิเบียสุดเหี้ยม!ลั่นเปิดคลังแสงให้ฝ่ายหนุนนำไปเข่นฆ่าผู้ต่อต้าน

เอเอฟพี - มูอัมมาร์ กัดดาฟี ประธานาธิบดีลิเบียประกาศลั่นเมื่อวันศุกร์(25)พร้อมเปิดคลังแสงให้ผู้สนับสนุนนำไปกวาดล้างฝ่ายต่อต้าน ลางบอกเหตุถึงการต่อสู้นองเลือดครั้งใหม่เพื่อเมืองหลวงของประเทศ หลังจนถึงตอนนี้มีผู้เสียชีวิตจากเหตุความไม่สงบไปหลายพันคน ขณะที่นานาชาติกำลังถกถึงแนวทางคว่ำบาตรผู้นำรายนี้
       
       ในคำปราศรัยสั้นๆแต่เย็นชาในจตุรัสกรีน ณ กรุงตริโปลี กัดดาฟีบอกกับผู้สนับสนุนหลายร้อยคนจากด้านบนของอาคารแห่งหนึ่งให้เตรียมพร้อมสำหรับสู้รบ โดยบอกว่าถ้าจำเป็นจะเปิดคลังอาวุธให้พวกเขานำไปสู้กับฝ่ายตรงข้าม
       
       ก่อนหน้านี้ผู้ภักดีต่อ กัดดาฟี ได้ยิงประชาชนฝ่ายต่อต้านรัฐบาลเสียชีวิตไปจำนวนมากทั่วเมืองหลวงและประธานาธิบดีนิโกลาส์ ซาร์โกซี กลายเป็นผู้นำโลกคนแรกที่ออกมาเรียกร้องอย่างเปิดเผยให้ผู้นำรายนี้ลงจากอำนาจ
       
       อย่างไรก็ตาม กัดดาฟี ไม่มีท่าทีสะทกสะท้าน แถมยังเรียกร้องให้ฝ่ายสนับสนุนเขาสู้เพื่อปกป้องลิเบีย "ถ้าจำเป็น เราจะเปิดคลังแสง เราจะสู้กับพวกเขาและเราจะปราบพวกเขา" เขากล่าวท่ามเสียงโห่ร้องและโบกสะบัดธงชาติของกลุ่มผู้ภักดี
       
       ความเคลื่อนไหวครั้งนี้นับเป็นการปราศรัยหนที่ 3 ของกัดดาฟีในรอบสัปดาห์ โดยครั้งแรกเขาเรียกร้องให้ผู้สนับสนุนกำจัดผู้ก่อจลาจล ส่วนต่อมาเขาอ้างว่าอัลกออิดะห์อยู่เบื้องหลังม็อบเยาวชนผู้ติดยาที่พยายามล้มอำนาจเขา
       
       สถานการณ์ในลิเบียเวลานี้ แม้กองกำลังผู้ภักดีต่อระบอบกัดดาฟีจะพยายามยิงโจมตีฝ่ายค้านล้มล้างรัฐบาลเพื่อทวงเมืองสำคัญทางภาคตะวันตกใกล้กับกรุงตริโปลี และฝั่งตะวันออกที่ถูกยึดไปกลับคืนทว่าก็ยังไม่สำเร็จ โดยที่กลุ่มฝ่ายค้านซึ่งประกอบด้วยนักรบทหารแปรพักตร์ และพวกผู้ประท้วงยังคงควบคุมหลายเมืองเอาไว้ได้ ซึ่งรวมถึงเบงกาซี เมืองใหญ่อันดับสองของประเทศ และมิสราตา เมืองใหญ่อันดับสามอีกด้วย ขณะที่มีข่าวว่า ทหารและตำรวจลิเบียในเมืองอัดญะบียา ได้แปรพักตร์ไปร่วมกับฝ่ายค้านแล้ว
       
       ในกรุงตริโปลี กองกำลังความมั่นคงเปิดฉากยิงเข้าใส่นักแสวงบุญอย่างไม่เลือกหน้าขณะที่กำลังเสร็จสิ้นพิธีสวดมนต์ ในความพยายามขัดขวางการชุมนุมครั้งใหม่ ขณะเดียวกันรายงานข่าวระบุว่ามีผู้เสียชีวิต 2 รายในเมืองฟาสท์ลัมที่อยู่ติดกันและอีกหลายศพในเมืองซัก อัล-โจมา
       
       ที่เมืองมิสราตา ซึ่งใหญที่สุดเป็นอันดับ 3 ของลิเบียและอยู่ห่างจากเมืองหลวงไปทางตะวันออก 150 กิโลเมตร คาดหมายว่าจะมีชาวบ้านแออัดยัดเยียดเข้าร่วมพิธีศพของประชาชน 30 คน พร้อมกันนี้ก็เตรียมใช้โอกาสนี้ร่วมกันขับไล่ผู้จงรักภักดีรัฐบาลด้วย และด้วยที่ทหารฝ่ายรัฐบาลราว 500 คนยังคงซ่อนตัว ณ สนามบินใกล้เคียง ทำให้อาสาสมัครพากันจัดทำป้อมปราการด้วยข้าวของและถุงทรายเพื่อป้องกันการโจมตี
       
       อีกด้านหนึ่งรัฐบาลชาติตะวันตกพยายามอย่างหนักที่จะมาตรการลงโทษร่วมตอบโต้การปราบปรามนองเลือดภายในประเทศแห่งนี้
       
       ย่างก้าวแรกทางสหภาพยุโรปมีมติห้ามเรือบรรทุกอาวุธเข้าออก อายัดทรัพย์สินและห้ามนักท่องเที่ยวเดินทางไปยังลิเบีย อย่างไรก็ตามข้อกำหนดนี้ยังคงไม่สามารถบังคับใช้ไปอีกหลายวันเนื่องจากจำเป็นต้องเปลี่ยนมติดังกล่าวเป็นร่างที่ถูกต้องตามกฎหมายเสียก่อน
       
       นอกจากนี้ทางชาติตะวันตกก็อยู่ระหว่างถกร่างมติคว่ำบาตรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติที่จะบังคับใช้เหมือนกันทั่วโลก จากการเปิดเผยของคณะทูตในนิวยอร์ก พร้อมบอกต่อว่าการลงมติรับร่างนี้จะมีขึ้นอย่างเร็วที่สุดในช่วงสุดสัปดาห์ ตามเสียงเรียกร้องขอให้ออกมาตรการคว่ำบาตรจากฝรั่งเศสและอังกฤษ ที่หวังเห็นสมาชิกในรัฐบาลลิเบียถูกดำเนินคดีในศาลอาชญากรสากลด้วย
       
       ด้านประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐฯ ได้หารือร่วมกับนายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอนของอังกฤษ, ประธานาธิบดีนิโกลาส์ ซาร์โกซีแห่งฝรั่งเศส และนายกรัฐมนตรีซิลวิโอ แบร์ลุสโคนีของอิตาลี เมื่อวานนี้ (24) เพื่อหาแนวทางในการลงโทษโดยทันทีต่อผู้นำมูอัมมาร์ กัดดาฟี ของลิเบีย ซึ่งส่งกำลังทหารพร้อมอาวุธสงครามปราบปรามประชาชนที่ลุกฮืออย่างโหดเหี้ยมทารุณ จนส่งผลให้น่าจะมีพลเรือนถูกสังหารไปมากถึง 2,000 ราย
       
       ทั้งนี้สหรัฐฯ ระบุว่ายังคงเปิดกว้างและสงวนทุกทางเลือกในการตอบโต้กัดดาฟีเอาไว้ ซึ่งรวมถึงอ็อปชั่นการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ ไปจนถึงการใช้กำลังทางทหารกับลิเบีย
71  สมาชิก VIP / General Discussion / วางใจได้ 2012 โลกไม่แตก เมื่อ: กุมภาพันธ์ 26, 2011, 06:25:39 AM
วางใจได้ 2012 โลกไม่แตก

หลายคนคงเคยได้ยินข่าวลือว่าโลกจะถึงจุดจบในปี 2012 แต่เรามีข่าวดีมาบอก!

ปฏิทินของชาวมายันที่โด่งดังนั้นอาจจะไม่ได้จบแค่วันที่ 21 ธันวาคม 2012 (นั่นก็หมายความว่าโลกอาจไม่ได้สิ้นสุดแค่ 2012 เช่นกัน) แต่ข่าวร้ายก็คือถ้าปฏิทินไม่ได้จบวันนั้นจริง ก็ไม่มีใครรู้ว่ามันจะจบวันไหนและจุดจบของโลกนั้นอาจเกิดขึ้นแล้วด้วยซ้ำ โดยข้อโต้แย้งนี้ปรากฎในตำรา "Calendars and Years II: Astronomy and Time in The Ancient and Medieval World" ซึ่งชี้ว่าการคำนวณปฏิทินมายันเป็นปฏิทินสมัยใหม่นั้นอาจมีความคลาดเคลื่อนได้ตั้งแต่ 50-100 ปี อย่างไรก็ตาม ศ.เจราร์โด อัลดานา จาก University of California หนึ่งในผู้เขียนตำราก็ไม่ยอมบอกว่าปฏิทินที่ถูกต้องจะเป็นอย่างไร เพียงแต่ออกมาชี้ว่านักทฤษฎีวันสิ้นโลกผิดเท่านั้นเอง
72  สมาชิก VIP / General Discussion / จัดอันดับเมืองที่สะอาดที่สุดในเอเชีย เมื่อ: กุมภาพันธ์ 22, 2011, 07:44:04 AM
จัดอันดับเมืองที่สะอาดที่สุดในเอเชีย

เร็วๆนี้ บริษัทที่ปรึกษา Solidance ได้ประเมินผลเมืองที่มีความสะอาดมากที่สุดในทวีปเอเชีย โดยเป็นการประเมินผลจาก มลภาวะของ CO2, การใช้พลังงาน, ระบบคมนาคม, คุณภาพอากาศในเมือง,คุณภาพของน้ำ, การจัดการสิ่งปฏิกูล, การให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมจากภาครัฐ และพื้นที่สีเขียวภายในเมือง

จากการประเมินผลดังกล่าวพบว่า เมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่น หรือ กรุงโตเกียว เป็นเมืองที่สะอาดที่สุด โดยจากการสำรวจพบว่า กรุงโตเกียวเป็นเมืองที่มีมลภาวะในอากาศน้อยที่สุดในหมู่เมืองหลวงที่ได้รับการพัฒนาด้วยกัน

ความนิยมในการประเมินผลเพื่อหาเมืองที่มีความสะอาด และคุณภาพของสิ่งแวดล้อยที่ดีขึ้นมาจากการเล็งเห็นถึงอัตราส่วนของประชากรในเมืองหลวงและประชากรนอกเมืองที่มีอัตราส่วนต่างกันมากขึ้นเรื่อยๆ โดย United Nations Population Fund (UNFPA) เผยว่า ในปี 2020 อัตราส่วนนี้จะเพิ่มขึ้นในทวีปเอเชียแปซิฟิกเป็น 4 : 1

การมีประชากรสูงขึ้นทำให้แหล่งพลังงานที่จำกัดอยู่แล้วไม่พอใช้ขึ้นไปอีก ซึ่งผลักให้มีการพัฒนาแหล่งพลังงานสำรอง หรือแหล่งพลังงานทดแทนมากขึ้นเพื่อสอดรับกับความต้องการพลังงานที่สูงขึ้น

ในเดือนกุมภาพันธ์นี้ ประเทศเวียดนามเป็นประเทศล่าสุดที่มีการพัฒนาพื้นที่สีเขียวในตัวเมือง โดยได้ประกาศการสร้างทางเดินยาวรอบนอกกรุงฮานอยที่ประกอบไปด้วยพื้นที่สีเขียว โดยมีการคาดว่าจะแล้วเสร็จในอีก 10-15 ปีข้างหน้า ซึ่งจะประกอบไปด้วยระบบทำความร้อนและทำความเย็นที่ใช้พลังงานทดแทน และระบบกักเก็บน้ำฝนเพื่อนำไปใช้ต่อ ซึ่งพอเพียงต่อการรองรับประชากรจำนวน 20,000 คน

เมืองใหญ่ๆ หรือเมืองหลวงเหล่านี้ เป็นสาเหตุกว่า 71% ต่อการเกิดภาวะเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศโลก ซึ่งมีการรายงานว่า เมืองใหญ่หลายเมืองในประเทศจีนเป็นเมืองที่สร้างมลภาวะมากที่สุด

รายชื่อเมืองที่ติดอันดับ Top 10 ในทวีปเอเชียแปซิฟิคมีดังต่อไปนี้

01. โตเกียว, ญี่ปุ่น
02. โซล, เกาหลีใต้
03. เมลเบิร์น, ออสเตรเลีย
04. สิงคโปร์
05. โอซากา, ญี่ปุ่น
06. ซิดนีย์, ออสเตรเลีย
07. โอ๊คแลนด์, ออสเตรเลีย
08. ปูซาน, เกาหลีใต้
09. ไทเป, ไต้หวัน
10. ฮ่องกง, จีน

Source : AFP Relax News
73  สมาชิก VIP / General Discussion / เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับวัคซีนมะเร็งปากมดลูก HPV เมื่อ: กุมภาพันธ์ 22, 2011, 07:42:45 AM
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับวัคซีนมะเร็งปากมดลูก HPV


วันนี้มีคำถาม-คำตอบเกี่ยวกับเรื่องการฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก จากโรงพยาบาลพญาไท มาคลายข้อสงสัยให้คุณสาว ๆ กันค่ะ

 Q: ก่อนที่จะฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก ดิฉันจำเป็นที่จะต้องตรวจหาเชื้อเอชพีวีก่อนหรือไม่คะ?

          A: สำหรับเด็กหญิงอายุตั้งแต่ 9 ปีขึ้นไปจนถึงผู้ใหญ่  ถ้ายังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์มาก่อนจะมีโอกาสติดเชื้อไวรัส HPV น้อยมาก ดังนั้น จึงไม่จำเป็นต้องตรวจหาเชื้อก่อนการตัดสินใจฉีดวัคซีน

          ส่วนในสตรีที่เคยมีเพศสัมพันธ์แล้ว ปัจจุบันวิธีการตรวจหาเชื้อเอชพีวีซึ่งเรียกว่า "HPV DNA" ตามโรงพยาบาลทั่วไปจะบอกได้เพียงแค่ว่า เราติดเชื้อเอชพีวีในสายพันธุ์อันตราย ที่อาจมีผลต่อการเกิดมะเร็งปากมดลูกหรือไม่ แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นสายพันธุ์ใด อย่างไรก็ดี การตรวจเพื่อหาชนิดของสายพันธุ์เอชพีวีก็สามารถทำได้ เพียงแต่ค่อนข้างยุ่งยากและมีค่าใช้จ่ายสูง (ในเมืองไทย ยังมีโรงพยาบาลที่ให้บริการด้านนี้ค่อนข้างจำกัด) การตัดสินใจว่า จะรับการตรวจ หรือรับการฉีดวัคซีน จึงขึ้นกับวิจารณญาณส่วนบุคคลหรืออาจจะปรึกษาแพทย์ เพื่อขอคำแนะนำและข้อมูลเพิ่มเติม

          สำหรับการฉีดวัคซีนสามารถครอบคลุมการป้องกันเชื้อเอชพีวี 4 สายพันธุ์ ซึ่งให้ประโยชน์ในด้านของการป้องกันเชื้อไวรัส ชนิดที่มีผลต่อการเกิดมะเร็งปากมดลูก มะเร็งในช่องคลอด และมะเร็งปากช่องคลอด รวมทั้งโรคหูดหงอนไก่ที่อวัยวะเพศ

 Q: หากดิฉันป่วยเป็นโรคมะเร็งปากมดลูกแล้ว ดิฉันยังจะได้รับประโยชน์จากการฉีดวัคซีนหรือไม่คะ ?

          A: วัคซีนเอชพีวี เป็นวัคซีนที่พัฒนามาเพื่อการป้องกันการเกิดโรคมะเร็งปากมดลูก ซึ่งมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อเอชพีวี จึงไม่มีผลในการใช้รักษาผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้แล้ว อย่างไรก็ดี การได้รับวัคซีนยังอาจได้ประโยชน์ในด้านของการป้องกันโรคมะเร็งชนิดอื่น ๆ คือ มะเร็งในช่องคลอด มะเร็งปากช่องคลอด รวมทั้งโรคติดต่อที่มีสาเหตุมาจากการติดเชื้อเอชพีวี เช่น โรคหูดหงอนไก่ที่อวัยวะเพศ

 Q: วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกนี้ ต้องฉีดกี่เข็มและจะป้องกันได้นานเท่าไร ?

          A: คุณจะต้องได้รับวัคซีนทั้งหมด 3 เข็ม ภายในระยะเวลา 6 เดือน โดยฉีดเข็มแรกแล้ว จึงฉีดเข็มถัดมาในเดือนที่ 2 จากนั้นจึงฉีดเข็มสุดท้ายในเดือนที่ 6 จากข้อมูลการศึกษาได้ยืนยันว่า ภูมิคุ้มกันจากวัคซีนจะอยู่ได้อย่างน้อยประมาณ 5 ปี ทั้งนี้ ปัจจุบันการศึกษาระยะเวลาของการป้องกันยังดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่อง เพื่อดูว่า ภูมิคุ้มกันอาจจะสามารถอยู่ได้ถึง 10 ปีหรือมากกว่านั้น

 Q: การฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกนี้จ ะทำให้เกิดอาการข้างเคียงอะไรได้บ้าง ?

          A: อาการข้างเคียงที่พบนั้นน้อยมาก ส่วนใหญ่เป็นเพียงอาการเหมือนกับการได้รับวัคซีนอื่น ๆ เช่น บวมแดงเล็กน้อยบริเวณที่ฉีดเท่านั้น

 Q: ดิฉันอายุเกิน 26 ปีแล้ว การได้รับวัคซีน จะยังมีประสิทธิภาพในการป้องกันหรือไม่คะ?

          A: การตัดสินใจว่าจะฉีดวัคซีนหรือไม่ ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณส่วนบุคคล ในแง่ของความคุ้มค่าที่จะลดความเสี่ยงจากโรคด้วยการรับวัคซีน

          จากข้อมูลรับรองการใช้วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกชนิด 4 สายพันธุ์นี้โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา ยืนยันผลการใช้ในเด็กหญิงและผู้หญิงอายุ 9 – 26 ปี พบว่า วัคซีนมีประสิทธิภาพในการป้องกันมะเร็งปากมดลูกที่เกิดจากเชื้อเอชพีวีสายพันธุ์หลักคือ 16 และ 18 ได้ถึง 100% ในผู้ที่ไม่เคยติดเชื้อดังกล่าวมาก่อน ซึ่งโดยทั่วไปสถิติของการติดเชื้อเอชพีวีนั้น จะมีลักษณะการติดทีละชนิด ไม่ได้ติดพร้อมกันทีเดียวทุกสายพันธุ์ รวมทั้งยังอาจได้ประโยชน์ต่อการป้องกันโรคติดต่อบางอย่างที่มากับเชื้อเอชพีวี อย่างเช่น โรคหูดหงอนไก่ที่อวัยวะเพศ

          อย่างไรก็ดี ขณะนี้การวิจัยประสิทธิภาพของวัคซีนยังคงดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่อง และได้ขยายผลครอบคลุมมาสู่กลุ่มผู้หญิงในช่วงอายุ 27 – 45 ปีแล้ว
74  สมาชิก VIP / General Discussion / กระดูกพรุน ภัยเงียบสูงวัย ไทยแคลเซียมต่ำมาตรฐาน เมื่อ: กุมภาพันธ์ 22, 2011, 07:41:34 AM
กระดูกพรุน ภัยเงียบสูงวัย ไทยแคลเซียมต่ำมาตรฐาน


 หมอรามาฯ ชี้ภาวะกระดูกพรุนเป็นภัยเงียบของผู้สูงอายุ เชื่อพันธุกรรมมีอิทธิพลต่อโรคสูงกว่าวิถีชีวิต พบไทยผู้ป่วยพุ่งสูงขึ้น แคลเซียมต่ำกว่ามาตรฐาน แนะออกกำลังกาย ดื่มนม ลดปัจจัยเสี่ยง

          ที่ห้องประชุมออร์โธปิดิกส์ ชั้น 9 โรงพยาบาลรามาธิบดี รศ.นพ.วิวัฒน์ วจนะวิศิษฐ์ หัวหน้าภาควิชาออร์โธปิดิกส์ กองอายุรกรรมโรคข้อและกระดูกโรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวถึงสถานการณ์ของโรคกระดูกพรุนในประเทศไทย และอันตรายของกระดูกข้อสะโพกหัก ซึ่งเป็นภัยเงียบของผู้สูงอายุว่า ขณะนี้ประเทศไทยตรวจพบผู้ป่วยที่เป็นโรคกระดูกพรุนเพิ่มสูงขึ้น และเป็นปัญหาทางด้านสาธารณสุขอย่างต่อเนื่อง

          ทั้งนี้ จากตัวเลขทางสถิติขององค์การอนามัยโลก (WHO) พบว่า โรคกระดูกพรุน เป็นปัญหาทางสาธารณสุขที่มีความสำคัญต่อประชากรผู้สูงอายุมากที่สุด โดยผู้หญิงมีโอกาสกระดูกหักจากโรคนี้มากถึงร้อยละ 30-40 ในขณะที่ผู้ชายมีโอกาสกระดูกร้อยละ 13 หรือเท่ากับประชากรผู้ป่วย 1 ใน 5

          อย่างไรก็ตามปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษาโรคกระดูกพรุนให้หายขาด เช่น การผ่าตัด แต่ปรากฏว่าจะมีอัตราตายหลังผ่าตัดถึงร้อยละ 20 ขณะที่ผู้รอดชีวิตร้อยละ 80 มีถึงร้อยละ 40 ที่หลังผ่าตัดแล้วเดินไม่ได้ ซึ่งการเสียชีวิตส่วนใหญ่มาจากโรคแทรกซ้อน อาทิ ปอดบวม ติดเชื้อ แผลจากการกดทับ เครียดจนอาเจียนเป็นเลือด ซึ่งมีการใช้ยาต้านภาวะกระดูกพรุน โดยเป็นยา Bisphosphonate มี 2 ชนิด แบบยากิน และยาฉีด โดยมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 18,000-20,000 ต่อปี แต่พบว่าการใช้ยาอัตราการตายของผู้ป่วยได้ดีกว่าการผ่าตัด แต่การให้ยานั้น แพทย์จำเป็นต้องตรวจคัดกรองผู้ป่วย เพื่อพิจารณาให้ยาตามความจำเป็น จึงแนะนำให้ผู้สูงอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไปมาตรวจภาวะกระดูกพรุน

          รศ.นพ.วิวัฒน์ กล่าวต่อว่า ผู้หญิงในวัยหมดประจำเดือน เป็นผู้ที่มีความเสี่ยงต่อภาวะกระดูกพรุนมาก เนื่องจากฮอร์โมนเอสโตรเจนจะลดลง ทำให้มวลกระดูกของผู้หญิงในกลุ่มวัยนี้ลดลงถึงร้อยละ 3-5 ต่อปี ขณะที่ผู้ชายจะลดลงร้อยละ 0.8 ดังนั้นแนะนำให้ผู้หญิงที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป เสริมการรับประทานแคลเซียมที่ได้จากอาหาร และนม ออกกำลังกายกลางแจ้ง รับวิตามินดี ทั่วไปควรได้รับแคลเซียมวันละ 800 แต่จากการศึกษาพบคนไทยได้รับแคลเซียมเพียงวันละ 361 มิลลิกรัมต่อวันเท่านั้น
75  สมาชิก VIP / General Discussion / แวนคูเวอร์ ครองตำแหน่งเมืองน่าอยู่ที่สุดในโลกเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน เมื่อ: กุมภาพันธ์ 22, 2011, 07:36:09 AM
แวนคูเวอร์ ครองตำแหน่งเมืองน่าอยู่ที่สุดในโลกเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน

สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2554 17:37:10 น.
บริษัทวิจัย Economist Intelligence Unit ทำการสำรวจประจำปีเพื่อจัดอันดับ 140 เมืองน่าอยู่ทั่วโลก โดยพิจารณาจากการศึกษา บริการสุขภาพ โครงสร้างพื้นฐาน วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม และความมั่นคง

ผลปรากฏว่าเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลก 10 อันดับแรกประกอบด้วย แวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา, เมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย, เวียนนา ประเทศออสเตรีย, โทรอนโต ประเทศแคนาดา, คัลการี ประเทศแคนาดา, เฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์, ซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย, เพิร์ท ประเทศออสเตรเลีย, แอดิเลด ประเทศออสเตรเลีย และ โอ๊กแลนด์ ประเทศนิวซีแลนด์

โดยผลการจัดอันดับเมืองน่าอยู่ 10 อันดับแรกของปีนี้นั้น แทบไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากปีที่แล้ว โดยแวนคูเวอร์ยังคงสามารถรักษาตำแหน่งนี้เอาไว้ได้เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน ขณะที่มีการเปลี่ยนแปลงเพียงอันดับ 2 และ 3 โดยเมลเบิร์นเบียดขึ้นมาอยู่ในอันดับสองแทนที่เวียนนาซึ่งลงไปอยู่อันดับสามแทน สำนักข่าวซินหัวรายงาน
หน้า: 1 ... 3 4 [5] 6 7 ... 10

Powered by MySQL Powered by PHP Valid XHTML 1.0! Valid CSS!