TARADTHONG.COM
เมษายน 26, 2024, 05:53:40 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: ตลาดทองดอทคอม
 
  หน้าแรก ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  

Copy Code


  แสดงกระทู้
หน้า: 1 ... 5 6 [7] 8 9 10
91  สมาชิก VIP / ข่าวตลาดทอง / ‘ธนาคารโลก’มองต่างมุม‘ไอเอ็มเอฟ’กรณีมาตรการคุมเงินทะลักเข้าระบบ เมื่อ: ตุลาคม 08, 2010, 08:12:32 AM
‘ธนาคารโลก’มองต่างมุม‘ไอเอ็มเอฟ’กรณีมาตรการคุมเงินทะลักเข้าระบบ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์


เอเจนซี - ประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ควรตรองถึงวิธีที่จะจำกัดวงบรรดาเงินทุนที่ไหลเข้าไปจนอาจทำให้ค่าเงินแข็งตัวและเกิดภาวะฟองสบู่ในระดับราคาของสินทรัพย์ประเภทต่างๆ โรเบิร์ต เซลลิก ประธานธนาคารโลก ถูกระบุว่าได้กล่าวอย่างนั้นในการรายงานข่าวของหนังสือพิมพ์นิกเกอิ
       
       แต่ในด้านของรองกรรมการผู้จัดการใหญ่แห่งกองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือ ไอเอ็มเอฟ ซึ่งมีนามว่า นาโอยูกิ ชินาฮารา ให้สัมภาษณ์แก่รอยเตอร์ในทางคัดค้าน โดยชี้ว่าการกระทำตามคำแนะนำดังกล่าว ไม่ใช่เรื่องน่าพึงปรารถนา
       
       ทัศนคติอันขัดแย้งกันต่อเรื่องการควบคุมเงินทุน ผุดขึ้นในท่ามกลางความตึงเครียดที่ทวีตัวสูงในระหว่างฝั่งประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ กับฝั่งประเทศเศรษฐกิจพัฒนาแล้ว และหลายฝ่ายคาดว่าเรื่องนี้จะเป็นประเด็นร้อนบนเวทีการประชุมกลุ่มจี-7 กับไอเอ็มเอฟ ที่จะเปิดฉากในวันศุกร์ (Cool
       
       พวกผู้นำชาติตะวันตกต่างเป็นกังวลว่า การที่นานาประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่พากันถล่มราคาของสกุลเงินประจำชาติให้อ่อนตัวลงมากๆ อาจทำให้โมเมนตั้มของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจถึงกับพังพาบลงได้
       
       ในเวลาเดียวกัน ฝ่ายตลาดเศรษฐกิจเกิดใหม่ชี้ว่าการที่ประเทศร่ำรวยเดินนโยบายดอกเบี้ยอ่อนตัวต่ำเตี้ยสุดโต่ง ได้ผลักให้เงินทุนมหาศาลไหลเข้าสู่ตลาดของพวกตน พร้อมกับผลักให้ค่าเงินของพวกตนทะยานแข็งขึ้นสูงลิ่ว อีกทั้งทำให้ราคาสินทรัพย์ประเภทต่างๆ เฟ้ออย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นหุ้น อสังหาริมทรัพย์ ฯลฯ
       
       “เมื่อมีการเคลื่อนไหวแบบผันผวนเป็นครั้งคราวภายในตลาด มาตรการแทรกแซงย่อมไม่ควรจะถูกปฏิเสธ แต่มันจะเป็นเรื่องไม่น่าพึงปรารถนาเอาเลยถ้าจะคอยเข้าแทรกแซงอยู่เสมอๆ เพื่อรักษาให้ค่าเงินค้างอยู่ที่ระดับใดระดับหนึ่ง” ชินาฮารา รองกรรมการผู้จัดการใหญ่แห่งไอเอ็มเอฟ กล่าวอย่างนั้น
       
       **สกัดกั้นห้ามปรามอย่างแรง**
       
       นายชินาฮารา ซึ่งเคยเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีคลังญี่ปุ่นผู้ดูแลเรื่องค่าเงินเยน หรือที่เรียกกันว่า “ซาร์แห่งค่าเงินเยน” ก่อนไปรับตำแห่งในไอเอ็มเอฟ เตือนทางการญี่ปุ่นว่า อาจเป็นฝ่ายแพ้หากหาญไปต้านกระแสตลาดเพื่อกดให้เงินเยนอ่อนค่าลงมา เพราะสภาพการณ์ทางการเงินของฝั่งสหรัฐอเมริกากับฝั่งยุโรปนั้นน่าจะผ่อนเบากว่า
       
       “มันไม่ใข่อะไรที่ญี่ปุ่นจะไปคุมได้ ถ้าญี่ปุ่นพยายามปรับเปลี่ยนตรงนี้ ก็เท่ากับไปบิดเบือนตลาด” ชินาฮาราว่าอย่างนั้น พร้อมเสริมว่า แทนที่จะทำอย่างนั้น ทางการญี่ปุ่นน่าจะไปมุ่งกับเรื่องการปฏิรูปเชิงโครงสร้าง กับการผ่อนปรนเชิงการเงินเพื่อแก้ปัญหาเงินตึงตัว
       
       ญี่ปุ่นเปิดปฏิบัติการเข้าซื้อเงินเยนในตลาดเงินเมื่อเดือนที่แล้ว โดยเป็นความเคลื่อนไหวครั้งแรกในรอบหกปี อย่างไรก็ตาม ณ วันพุธที่ผ่านมา (6) เงินเยนกลับแข็งขึ้นแตะสถิติสูงสุดตลอดกาลในรอบ 15 ปี
       
       ในเวลาเดียวกัน นายกฯ นาโอโตะ คัง ของแดนอาทิตย์อุทัยประกาศไว้แล้วว่า กรณีของการเคลื่อนไหวค่าเงินแบบที่กระชากแรงๆ เป็นสิ่งที่มิอาจละเลยเพิกเฉยได้ และรัฐบาลญี่ปุ่นจะดำเนินการอย่างเฉียบขาดหากจำเป็น
       
       สัญญาณชี้บ่งถึง “สงครามหั่นราคาค่าเงิน” ทวีตัวขึ้นเรื่อยๆ ในยามที่ประเทศอุตสาหกรรมใหญ่ทั้งหลายต้องการฉุดให้ค่าเงินของประเทศตนอ่อนตัวลงมากๆ ในอันที่จะช่วยหนุนภาคส่งออกซึ่งอยู่ในภาวะย่ำแย่ ในเวลาเดียวกัน ประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่รายสำคัญ อาทิ บราซิล และเกาหลีใต้ ก็เริ่มหรืออย่างน้องก็เล็งที่จะก้าวเข้าไปสกัดการไหลเข้าของเงินทุนร้อนแรง เข้าไวออกไวทั้งปวง
       
       ด้านกรรมการผู้จัดการใหญ่ไอเอ็มเอฟ โดมินิค สเตราส์-คาห์น ปรากฏเป็นข่าวในไฟแนนเชียลไทมส์ ฉบับวันพุธ (6) ว่าได้ออกมาพูดว่า การใช้อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินเป็นอาวุธเชิงนโยบายในการตัดราคาเอากับประเทศอื่น และหนุนเสริมผู้ส่งออกของประเทศตนนั้น “จะส่งผลเป็นความเสี่ยงอย่างร้ายแรงมากต่อการฟื้นตัวของโลก”
       
       ในส่วนของรมว.คลังแห่งสหรัฐฯ ทิโมธี ไกธ์เนอร์ ออกมาพูดเมื่อวันพุธเช่นกันว่า ชาติต่างๆ ที่มีการเกินดุลการค้ามากๆ ควรปล่อยให้เงินของตนไต่ระดับสูงขึ้นไป เพื่อป้องกันการลดค่าเงินแข่งกันไปรอบวงอันจะเป็นเรื่องที่สร้างหายนะอย่างยิ่ง
92  สมาชิก VIP / General Discussion / นิวยอร์ก คว้าแชมป์ เมืองแห่งโลก ส่วน กรุงเทพ คว้าอันดับ 36 เมื่อ: ตุลาคม 07, 2010, 10:19:43 PM
นิวยอร์ก คว้าแชมป์ เมืองแห่งโลก ส่วน กรุงเทพ คว้าอันดับ 36


หนังสือพิมพ์แนวหน้า -- พฤหัสบดีที่ 7 ตุลาคม 2553 12:14:17 น.
สภาด้านกิจการโลกของเมืองชิคาโก ของสหรัฐฯ ได้จัดอันดับเมืองโลก จากจำนวนทั้งหมด 65 แห่ง  ปรากฎว่า อันดับหนึ่งได้แก่ กรุงนิวยอร์ก ของสหรัฐฯ อันดับ 2 ได้แก่ กรุงลอนดอน ของอังกฤษ อันดับ 3 ได้แก่ กรุงโตเกียว ญี่ปุ่น อันดับ 4 ได้แก่ กรุงปารีส ของฝรั่งเศส อันดับ 5 ได้แก่ ฮ่องกง อันดับ 6 ได้แก่ นครชิคาโก ของสหรัฐฯ อันดับ 7 ลอส แองเจลิส สหรัฐฯ อันดับ 8 สิงคโปร์ อันดับ 9 นครซิดนีย์ ออสเตรเลีย อันดับ 10 กรุงโซล ของเกาหลีใต้ ส่วนกรุงเทพ ติดอันดับ 36

การจัดอันดับดังกล่าว ได้ประเมินจากปัจจัย 5 ด้าน ประกอบด้วย ทางด้านธุรกิจ ศักยภาพพลเมือง ศักยภาพในการแลกเปลี่ยนข้อมูลและข่าวสาร ด้านวัฒนธรรม และบทบาทบนเวทีโลก

93  สมาชิก VIP / General Discussion / ไข้เลือดออกระบาดหนัก โคราชตายแล้ว 5 ราย เมื่อ: สิงหาคม 22, 2010, 05:04:44 PM
ไข้เลือดออกระบาดหนัก โคราชตายแล้ว 5 ราย

 เมื่อวันที่  22 สิงหาคม นายแพทย์วิชัย ขัตติยวิทยากุล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยถึงสถานการณ์การระบาดของโรคไข้เลือดออกในพื้นที่ 32 อำเภอของจังหวัดนครราชสีมา ตั้งแต่ต้นเดือนมกราคม - สิงหาคม 2553 พบว่า จังหวัดนครราชสีมา มีผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกรวมแล้วทั้งสิ้น 2,267 ราย คิดเป็นอัตราการป่วย 88.17 และ มีรายงานผู้เสียชีวิตแล้ว 5 ราย ในพื้นที่อำเภอสีคิ้ว 1 ราย อำเภอครบุรี 2 ราย และ อำเภอเมือง 2 ราย

          ทั้งนี้ จากรายงานยังพบว่า จังหวัดนครราชสีมา มีจำนวนยอดผู้ป่วยสะสมในปีนี้สูงที่สุดในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา และ ยังคงมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นอีกในช่วงฤดูฝน เพราะสภาพอากาศในช่วงนี้ เป็นช่วงที่เหมาะแก่การแพร่ขยายพันธุ์ของยุงลาย ซึ่งเป็นพาหะนำโรคไข้เลือดออกมาสู่คน

          นายแพทย์วิชัย กล่าวอีกว่า ขณะนี้ทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอ เจ้าหน้าที่สถานีอนามัย รวมถึงเจ้าหน้าที่อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ทุกชุมชน ลงพื้นที่ออกตรวจร่างกายให้กับชาวบ้าน และเฝ้าระวังโรคไข้เลือดออกอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยงที่เกิดการระบาดซ้ำซาก พื้นที่ที่มีจำนวนยอดผู้ป่วยสูง และพื้นที่ที่มีผู้เสียชีวิตจากโรคไข้เลือดออก
94  วิเคาระห์กราฟแนวโน้มราคาทองรายวัน / วิเคาระห์กราฟแนวโน้มราคาทองรายวัน / โสดแสนสุข บนกองเงินกองทอง เมื่อ: สิงหาคม 22, 2010, 09:21:39 AM
โสดแสนสุข บนกองเงินกองทอง

จะเรียกว่าเป็นเทรนด์การใช้ชีวิตที่กำลังมาแรงเลยทีเดียว สำหรับคนสมัยนี้ ที่หันมานิยม "การครองโสด" กันมากขึ้น


บางคนอาจจะตั้งใจโสด บางคนพยายามไม่โสด แต่จำเป็นต้องโสด บางคนโสดเพราะสิ่งแวดล้อม หรือบางคนบอกว่าฉันเลือกเกิดมาที่จะใช้ชีวิตอยู่ตามลำพัง

ไม่ว่าคุณจะอยู่ในคนจำพวกไหนก็ตาม  ขอให้รู้ไว้ว่า  จะโสดหรือไม่โสด คุณก็จำเป็นต้องวางแผนการเงิน

คุณอาจจะคิดว่าโสดสิดี ไม่มีภาระ ไม่มีภาระเรื่องลูกเต้า ไม่ต้องแชร์เรื่องเงินๆ ทองๆ กับใคร แต่บางคนบอกว่า ยิ่งโสด ยิ่งต้องวางแผนการเงิน เพราะบั้นปลายชีวิตคุณต้องใช้ชีวิตอย่างเดียวดายไม่มีใครดูแล

เอาเป็นว่า  ลองมาฟังเสียง"คนโสด"เหล่านี้ดู  ว่าเขาวางแผนชีวิต และวางแผนการเงินกันอย่างไร  Fundamentals ฉบับนี้ ไปรวบรวมคนโสดและจับมาเปลือยแผนการเงินว่า ถ้าคิดจะโสด ทำยังจะได้โสดอย่างแสนสุข

****
Oไม่ว่าสถานภาพไหนก็ต้องวางแผนการเงิน
 "ดร.สินีนาถ ไพสิฏฐานันท์" บอกว่า  ไม่อยากให้คำว่า โสด หรือ ไม่โสด มาตีกรอบ แผนการลงทุน เนื่องจากไม่ว่า โสด หรือ ไม่โสด สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือ คำว่า “ภาระ” หรือ “เงื่อนไขชีวิต” บางคนโสดภาระในการดูแลรับผิดชอบครอบครัวมากกว่าไม่โสดก็มี บางคนไม่โสดแต่ภาระน้อยเป็นครอบครัวเล็กๆ มีความสุขก็มี บางคนโสดมีความสุข มีคนดูแลก็มี บางคนไม่โสดแต่ไม่มีลูกหลานดูแลเลยก็มี เงื่อนไขชีวิตมีหลากหลายมากมายไม่มีสูตรสำเร็จ จึงสรุปไม่ได้ว่า โสดหรือไม่โสด ใครต้องเตรียมตัวมากกว่ากัน

แต่ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะใดหลักการของการวางแผนการเงิน มีหลักเดียว คือ 1. การตั้งเป้าหมายทางการเงิน ซึ่งจะต้องชัดเจนว่าเป็นอย่างไร อยากบวชตอนแก่ อยากเที่ยวรอบโลกตอนเกษียณ ซึ่งเป้าหมายจะแตกต่างกัน แผนการเงินก็แตกต่างกัน  2. การศึกษาถึงสไตล์การลงทุนของตัวเอง ว่าชอบการลงทุนแบบไหน ให้ชัดเจน รับความเสี่ยงได้มากแค่ไหน ตรงนี้คงต้องมองถึงสายป่านของตนเองและภาระที่มีอยู่ ให้รอบคอบ 3.จัดสรรเงิน ที่แบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ การออม การลงทุน และค่าใช้จ่าย สัดส่วนขึ้นอยู่กับภาระและเงื่อนไขของแต่ละคน 4.การให้เวลาศึกษากับแผนการเงินของตนเอง นั่นคือการทำการบ้านอย่างสม่ำเสมอ

เธอบอกว่า ทุกวันนี้ชีวิตมีความสุขและมีเป้าหมายทางการเงินชัดเจน คือ เงินออมและเงินลงทุนหลังหักค่าใช้จ่าย จะต้องไม่ขาดทุนค่าเงิน คือต้องมากกว่าเงินเฟ้อเสมอ และกำไรหลังหักค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันแล้วยังกำไรอยู่ เป้าหมายสุดๆ คือ หลังเกษียณมีเงินใช้ไม่ขาด ส่วนเรื่องสไตล์การลงทุนก็แน่นอน คือเป็นนักลงทุน 100% ดังนั้นการลงทุนในตลาดหุ้นซึ่งเป็นการลงทุนที่ชอบ เพราะต้องศึกษาธุรกิจของบริษัทนั้นๆ จริงๆ ได้เรียนรู้ สนุกดี ลงทุนก็ได้กำไรดี การจัดสรรเงิน สำหรับเงิน 100 บาท (หลังหักภาษี) ใช้ 15 บาท ลงทุน 80 บาท และ 5 บาท กันเพื่อสุขภาพและค่ารักษาพยาบาล

" สำหรับเงินลงทุน 80 บาท ส่วนตัวก็ลงทุนหุ้นและกองทุน LTF หมด ส่วน 5 บาท เพื่อสุขภาพก็ซื้อประกันสุขภาพไว้ก็จะเป็นประโยชน์ในบั้นปลายสำหรับค่ารักษาพยาบาลหรือเก็บเงินไว้ใน Defensive Stock จริงๆ แบบ Dividend Yield สูงในระยะยาว เมื่อได้กำไรแล้วก็ต้องพยายามจัดสรรเงินกำไรบางส่วนไปซื้อของให้รางวัลกับชีวิตบ้าง ซื้อที่ดิน บ้าน และทองเก็บไว้เป็นมรดกบ้าง ที่สำคัญต้องติดตามข่าวสารและทบทวนพอร์ตอย่างสม่ำเสมอ"

Oโสดอย่างสนุกสุขบนกองเงินกองทอง
 "อัจฉรา โยมสินธุ์"อาจารย์ภาควิชาการเงิน คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เล่าว่าได้วางแผนว่าจะเป็นโสดตอนอายุ 32 คือ ตั้งใจ (ตัดใจ) ไปเลยว่าจะเป็นโสดจะได้ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องรีๆ รอๆ พอมีคำตอบที่ชัดเจน การวางแผนชีวิตและวางแผนการเงินมันก็เป็นไปโดยอัตโนมัติ คือ เมื่อมีเป้าหมายที่จะดูแลตัวเองทำให้การตัดสินใจเรื่องสำคัญๆ เริ่มต้นขึ้นอย่างรวดเร็ว

"อย่างเช่น การซื้อบ้าน ก็หาบ้านในสภาพแวดล้อมที่จะเอื้ออำนวยต่อวิถีชีวิต ทั้งในวันนี้และในบั้นปลาย  พอเรื่องบ้านลงตัวเรื่องอื่นๆ ก็จะค่อยๆ ชัดเจนขึ้น คือ การจัดการชีวิต มันง่ายขึ้น หลังจากที่ตั้งใจจะเป็นโสด"

สำหรับแผนการเงินในปัจจุบัน  ให้ความสำคัญกับการทั้งปัจจุบันและอนาคต คือ เงินประมาณเกือบ  40% ของรายได้จะถูกจัดสรรไว้เพื่อใช้ในวัยเกษียณในหลายรูปแบบทั้งเงินฝาก ประกันชีวิต กองทุน พันธบัตรและก็หุ้น ส่วนอีก 55% ก็เพื่อใช้จ่ายในปัจจุบัน  สำหรับเงินอีกส่วนหนึ่งประมาณ 5% ก็จะใช้ทำบุญและให้ทุนการศึกษาสำหรับเด็กด้อยโอกาสซึ่งจะตัดบัญชีทุกเดือน

เธอบอกว่าข้อดีของการเป็นโสดก็คือ มีเวลาสำหรับตัวเองเต็มที่ ไม่มีห่วงให้ต้องกังวล ไม่ต้องแบ่งเวลาไว้สำหรับลูกและสามี เราจึงมีเวลาเตรียมใจ เตรียมตัวและเตรียมสตางค์อย่างเต็มที่ ในขณะเดียวกัน เวลาที่มีมากมายถ้าไม่จัดสรรให้ดี ก็อาจสร้างปัญหา สร้างความฟุ้งซ่าน ความสับสน ความวิตกกังวลได้ไม่น้อยเหมือนกัน ดังนั้น การจะ “โสดอย่างมีคุณภาพ” จะสร้างเฉพาะความมั่งคั่งทางการเงินไม่ได้ ต้องสร้างความมั่นคงทางร่างกายและอารมณ์ด้วย

หากเปรียบเทียบภาระทางการเงินกับคนมีครอบครัว มีลูกต้องดูแล คิดว่าคนโสดโชคดีในแง่ที่ภาระทางการเงินจะน้อยกว่า แต่เราก็ไม่มี Second income มาช่วยแชร์ค่าใช้จ่ายเหมือนกัน ถ้าใช้ชีวิตอิสระ เพลิดเพลิน จนลืมวางแผนการเงินก็จะมีปัญหาได้ในอนาคต คนโสดต้องมีวินัยทางการเงินมากกว่าคนมีครอบครัว ไม่อย่างนั้นจะใช้เงินเพลินจนลืมเก็บออม ทางออกก็คือต้องหาตัวช่วยที่จะบังคับให้มีวินัยในการออม อย่างเช่น ทำประกันชีวิตหรือใช้บริการของกองทุนรวมที่หักเงินเดือนไปลงทุนทุกเดือน รวมทั้งต้องสร้างวินัยในการใช้จ่าย


 สำหรับแผนการเงินในวัยเกษียณ คิดว่าจะเริ่มทำประกันสุขภาพให้มากขึ้นเรื่อยๆ ตามวัย ส่วนประกันชีวิตที่ทำไว้แล้วคิดว่าเพียงพอแล้ว คงไม่ทำเพิ่ม เพราะไม่มีลูกหลาน ไม่มีผู้อยู่ในอุปการะให้ต้องเป็นห่วง ก็ไม่จำเป็นต้องทำประกันชีวิตมากเกินไป แต่จะเพิ่มการทำประกันภัย ประกันสุขภาพที่คุ้มครองค่ารักษาพยาบาล ค่าชดเชยการขาดรายได้ในมากขึ้น
 "เคยคิดไว้ว่าเมื่อเกษียณจากการทำงานแล้วน่าจะต้องมีเงินไว้สำหรับใช้จ่ายประมาณ 60% ของเงินเดือนเดือนสุดท้ายก่อนเกษียณ คิดว่าคงจะใช้จ่ายน้อยลง การไม่มี “สามีของเรา” “ลูกของเรา” น่าจะช่วยลดการสร้างกรรมลงได้บ้าง ความคล่องตัวในการปฏิบัติธรรมก็น่าจะมากขึ้น  คิดว่าการจะทำชีวิตให้ เป็นโสดอย่างสนุก เป็นสุขบนกองเงิน คงไม่ไกลเกินเอื้อม"
 Oคนโสดภาระเบากว่าคนมีครอบครัว
 "มหพล จินดาขันธ์" Head of Planning and Evaluation ธนาคารธนชาต  หนุ่มโสดวัย 35 ปีบอกว่า  ตั้งแต่อายุเริ่มขึ้น 30 ก็เริ่มปรับนิสัยการใช้เงินอย่างชัดเจน โดยเอาเป้าหมายการออมเป็นที่ตั้งจากนั้นส่วนที่เหลือค่อยนำไปใช้จ่ายซึ่งเมื่อก่อนใช้จ่ายก่อนเหลือเท่าไหร่ค่อยออม โดยตั้งเป้าการออมไว้ที่ 25% ของรายได้ ส่วนเรื่องของการลงทุนส่วนใหญ่จะซื้อประกันแบบเงินออมประมาณ 2-3 ปีครั้ง

ซึ่งหากต้องใช้ชีวิตในบั้นปลายโดยลำพัง เขาคิดว่าในแง่การเตรียมตัวของคนโสดกับคนที่มีครอบครัว  ไม่น่าต่างกัน เพราะหากเผลอมีครอบครัวขึ้นมาเราก็คงต้องบริหารเงินของเราให้เพียงพอจนวันสุดท้าย เพราะจะไปหวังพึ่งลูกคงลำบาก แต่ข้อดีของการใช้ชีวิตโสด อาจจะมีภาระเบากว่าเพราะไม่ต้องเตรียมเรื่องการศึกษาให้ลูกๆ แต่เรื่องการดูแลตัวเอง การเตรียมเงินออม เพื่อการใช้จ่ายในช่วงสูงวัย คงไม่ต่างกัน

"ในช่วงโค้งสุดท้ายของชีวิต วางอนาคตคร่าวๆ เอาไว้เหมือนกัน ด้วยการซื้อประกัน  นอกจากจะมีประกันชีวิตที่คุ้มครองชีวิตและค่ารักษาพยาบาล แล้วยังแถมมีเงินปันผลด้วย ซึ่งข้อดีของประกันประเภทนี้ก็คือนำไปลดหย่อนภาษีได้ ผมยังซื้อประกันสุขภาพเพิ่มเติมไว้อีกด้วย ทั้งที่ไม่สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ แต่อุ่นใจ  วงเงินรักษาพยาบาลสูงหน่อย เบี้ยไม่ถูกไม่แพง แต่ที่สำคัญคือสบายใจ  ไม่ต้องรบกวนใครยามป่วยไข้ โดยสรุปผมคิดว่า ใช้ชีวิตคนเดียวก็คล่องตัวดี  ไม่ต้องคิดถึงคนอื่นให้มากนัก ที่สำคัญอิสระ  "

Oยิ่งโสดยิ่งต้องเร่งมือออม
 "ภูวดล ภูมิถาวร "หนุ่มโสดอีกคนหนึ่งที่ปัจจุบันประกอบธุรกิจส่วนตัว   เขาพูดถึงเรื่องการบริหารการเงินในสภาวะปัจจุบัน ในฐานะที่ยังครองโสดอยู่ และคิดว่าคงเป็นโสดต่อไป   ว่าเริ่มมีความความคิดที่จะอยาก"ออมเงิน" มากขึ้นเพราะอายุเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ประกอบกับไม่ได้ทำงานประจำ จึงต้องวางแผนการออมมาก เพราะว่าเราไม่ได้เงินเดือนเท่ากันทุกๆ เดือนเหมือนพนักงานบริษัท ตอนนี้ได้ประกอบกิจการส่วนตัวด้านธุรกิจเสื้อผ้าส่ง-ปลีก ในเดือนๆ หนึ่งจะพยายามแบ่งสรรเงินเป็นส่วนๆ ไป เช่น  นำยอดขายในแต่ละวันมาออมไว้สำหรับเป็นต้นทุนในการดำเนินธุรกิจ และ เป็นเงินหมุนทั่วๆ ไป   อีกส่วนหนึ่งจะนำมาออมสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัวทั่วไปเช่นค่าบัตรเครดิต, ค่าประกันสุขภาพ, ค่าชอปปิง ฯลฯ   ซึ่งลักษณะของการออมจะนำเงินสดที่ได้มาในแต่ละวัน และในแต่ละร้านสาขาต่างๆ มาแบ่งเก็บในเซฟที่บ้าน และอีกส่วนหนึ่งจะฝากธนาคาร ซึ่งจะเป็นในลักษณะนี้ทุกวัน

 เขาบอกว่า  ถ้าต้องใช้ชีวิตในบั้นปลายโดยลำพัง ก็ควรที่จะมีการเตรียมพร้อมตัวเองในเรื่องการวางแผนและบริหารเงินในอนาคตไว้ให้เป็นอย่างดีเพราะโดยธรรมชาติของการชีวิตคู่ครองก็จะอาจจะมีบรรดาลูกหลานหรือคู่ครองช่วยดูแล แต่ในฐานะที่เป็นโสดนั้น  ก็อาจจะต้องใช้ชีวิตอยู่คนเดียวอาจไม่มีใครมาดูแลหรือเลี้ยงดู จากจุดนี้เองจึงคิดว่าการเตรียมตัวให้กับตัวเองในอนาคตจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เช่นมีการทำโครงการออมทรัพย์กับธนาคารที่เราไว้ใจ และ กับบริษัทประกันที่มีบริการช่วยจัดสรรเงินให้กับเรา

"คิดว่ายิ่งโสดเราก็อาจจะต้องยิ่งเก็บออมให้มาก   เพราะว่าในอนาคตเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเรา ถึงแม้เราจะไม่ต้องมีภาระในการเลี้ยงดูลูกหลานในเรื่องการศึกษาหรือค่าใช้จ่ายอื่นๆ เราก็อาจจำต้องเก็บออมเงินไว้สักก้อนหนึ่งสำหรับซื้อบ้านสักหลัง,หรือว่าคอนโดมิเนียมเพื่อไว้เป็นที่พักกายพักใจในการครองชีวิตโสดได้อย่างสมบูรณ์แบบ "

ภูวดลบอกอีกว่า  โดยส่วนตัวแล้วคิดว่าในอนาคตน่าจะใช้ชีวิตอยู่คนเดียว  จึงได้เริ่มวางแผนเรื่องการเงินโดยการซื้อกองทุนต่างๆ ไว้ และได้ซื้อประกันสะสมทรัพย์เพื่อชีวิตหลังชีวิตเกษียณไว้กับบริษัทประกันด้วยเช่นกัน ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายในเรื่องรักษาพยาบาลก็ได้ใช้บริการประกันสุขภาพของบริษัทประกันภัยที่สามารถครอบคลุมในเรื่องค่าใช้จ่ายการรักษาพยาบาลจนถึงอายุประมาณ 60-70 ปี

"ส่วนในเรื่องของเงินในแต่ละเดือนที่คิดว่าน่าจะพอสำหรับการใช้ชีวิตอยู่คนเดียวในเมืองหลวงอย่างกรุงเทพ อาจต้องมีเงินราว 15,000-25,000 บาท แต่ถ้าไปใช้ชีวิตโสดหลังอายุเกษียณที่ต่างจังหวัด ก็อาจไม่จำเป็นต้องใช้เงินมากนัก 8,000-12,000 บาทก็อาจจะเพียงพอแล้ว  การใช้ชีวิตคนเดียว หรือการมีครอบครัว นั้นคิดว่าน่าจะมีทั้งข้อดีและข้อเสียต่างๆ กันไป การใช้ชีวิตเป็นคนโสดไม่ได้แต่งงานอาจมีความอิสระในการดำเนินชีวิต แต่ก็ต้องเลี้ยงดูตัวเองและเตรียมความพร้อมในสถานะทางการเงินให้มาก ในทางกลับกันสำหรับคนที่ตัดสินใจมีครอบครัวก็ต้องมีภาระทางด้านค่าใช้จ่ายที่สูงมากไม่ว่าจะเป็นเรื่องการศึกษาของลูก, ค่าใช้จ่ายของบรรดาลูกและคู่ครอง แต่ก็จะค่อนข้างสบายในเรื่องของบั้นท้ายของชีวิต  เพราะก็จะมีลูก มีหลานมาดูแลเลี้ยงดูต่อไป "

Oโสดแบบไม่เครียด-มีสติ-มีสุข
 "ภารดี  เทศรัตนวงศ์" ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารองค์กรและธุรกิจสัมพันธ์ “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เป็นพีอาร์สาวสวยที่เริ่มจากวางแผนเรื่องเกษียณอายุการทำงานก่อน โดยตั้งใจว่าจะเลิกทำงานเมื่ออายุ 50 ปี ทุกวันนี้รายได้หลักมาจากเงินเดือน ก็จะวางแผนการออมเงินโดยแบ่ง 20 % ของรายได้ทุกเดือนเป็นส่วนของเงินออม โดยจะกระจายฝากประจำที่ธนาคารเท่านั้น ฟังดูอาจจะเสียโอกาสที่จะได้ผลตอบแทนที่สูงกว่าจากการลงทุนผ่านเครื่องมือทางการเงินต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นตลาดหุ้น หรือกองทุนซึ่งมีออกมาหลากหลาย เพื่อตอบสนองพฤติกรรมการใช้จ่ายและความเสี่ยงที่แต่ละคนจะรับได้ แต่เธอมองเรื่องความมั่นคงและสภาพคล่องเป็นหลัก

" ไม่อยากให้ชีวิตต้องเครียดจากเรื่องการหาผลตอบแทนจากเงินออม ที่เราเหนื่อยสะสมมาตลอดชีวิต ไม่ว่าจะเพื่อลงทุนระยะยาวหรือเพื่อเก็งกำไร เวลาที่คนเราได้เงินมาง่ายๆ ก็มักจะหมดไปกับสิ่งของฟุ่มเฟือย หรือก่อร่างสร้างหนี้ ซื้อคอนโดเก็งกำไร ทำให้ชีวิตมีภาระ เงินก็จะกลายมาเป็นสิ่งที่มีน้อยไม่ได้เพราะมันมีความเกินพอดีขึ้นมา มีภาระติดตัวเราไป แต่เมื่อเราวางแผนการใช้ชีวิตแบบพอเพียง โดยยึดจากรายได้ประจำเท่าที่เราได้รับ ใช้จ่ายตามสัดส่วนที่เราวางแผนไว้ จริงๆ เป็นคนใช้ชีวิตเต็มที่ในทุกเรื่อง ชอบกิน ชอบชอปปิง เอ็นเตอร์เทน ครบทุกเรื่อง เพียงแต่เราต้องรู้ลิมิตการใช้เงิน ไม่ใช้เกินที่กำหนดไว้ เมื่อไม่มีภาระหนี้สิน ไม่ฟุ้งเฟ้ออยากได้ของเกินตัว เราก็จะพบว่าไม่จำเป็นเลยที่จะต้องสร้างความเครียดให้ชีวิตจากการหาผลประโยชน์อะไรจากเงินของเรา"

ในฐานะคนเคยผ่านการซื้อหุ้น กำไรหุ้น ลงทุนทั้งกองทุนเปิดและปิดมาแล้ว  เธอบอกว่าคนซื้อหุ้น ถ้าหุ้นตกเครียดทุกคน ไม่ว่าจะต้องการลงทุนหุ้นพื้นฐานดี ถือยาว หรือเก็งกำไร ทุกวันนี้อยากทุ่มเทกับการทำงานในวันทำงาน ให้เต็มที่ และใช้เงินเพื่อความสุขที่พอเหมาะกับฐานะความเป็นอยู่ในวันว่างจากการทำงาน ถือคติว่ามีความสุขกับชีวิตที่พอเพียงดีกว่า

ภารดีบอกว่าการเป็นโสดมีข้อดีตรงที่สามารถวางแผนทางการเงินเพื่อตัวเองได้อย่างคล่องตัว โดยไม่ต้องคำนึงถึงภาระเรื่องของลูกหรือสามี สัดส่วนการเก็บออมก็เป็นไปตามหลักการคิดคำนวณของเราว่าหลังเกษียณอายุเราจะใช้จ่ายต่อเดือนประมาณเท่าไหร่ ที่เหลือจากเงินออมเราก็สามารถนำมาใช้เพื่อความสุขส่วนตัวได้เต็มที่  ส่วนจะเก็บออมมากกว่าคนที่มีครอบครัวหรือไม่ ข้อนี้เห็นว่าทุกคนไม่ว่าจะโสดหรือมีครอบครัวแล้ว ควรต้องออมเงินในสัดส่วนที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล เพราะอนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน

"ตอนนี้เริ่มอายุมากขึ้น เรื่องสุขภาพเสื่อมถอยนี่มาคู่กันเลย โชคดีที่สวัสดิการด้านรักษาพยาบาลของบริษัทฯ จัดอยู่ในระดับดีมากๆ เวลาเจ็บป่วยก็สามารถเบิกได้ นอกจากนี้ก็จะซื้อประกันอุบัติเหตุและโรคร้ายเพิ่มเติม ส่วนหลังจากเกษียณอายุไปแล้ว ต้องจัดสรรเรื่องการใช้จ่ายให้เพียงพอ ภาระที่ต้องใช้เงินเยอะๆ เช่นเรื่องสร้างบ้านก็ให้เรียบร้อยไปก่อนที่จะเลิกทำงาน  เชื่อว่าถ้าเราใช้ชีวิตอย่างพอเพียง  เงินส่วนที่เราเก็บออมไว้ตั้งแต่เริ่มทำงานจนเกษียณก็จะช่วยให้เราดำรงชีวิตได้อย่างสบายๆ "

โดยสรุปคิดว่าการใช้ชีวิตคนเดียวให้อิสระกับการดำเนินชีวิต สามารถวางแผนเดินทางท่องเที่ยว ลงทุน หรือตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง ช่วยให้เราเป็นคนที่เข้มแข็งเพียงพอที่จะรับมือกับปัญหาต่างๆ และรู้จักวางแผนการใช้ชีวิตเพื่อสร้างความมั่นคงให้กับตัวเอง ส่วนตัวไม่เคยตั้งกฎเกณฑ์ในชีวิตเลยว่าต้องอยู่เป็นโสดหรือจะต้องแต่งงาน เพียงแค่ใช้ชีวิตแต่ละวันให้มีความสุขอย่างมีสติและอยู่ในความไม่ประมาทเท่านั้นเอง

Oใช้ชีวิตอย่างสมดุลก็โสดอย่างแสนสุขได้
 "รื่นฤดี ทวีผล"Business Director  ผู้อำนวยการด้านที่ปรึกษาประชาสัมพันธ์ บริษัท โอกิลวี่ พับลิค รีเรชั่นส์ เวิลด์วายด์ สาวโสดที่มีแผนการเงินรองรับชีวิตบั้นปลายเพียงลำพัง  เธอแจกแจง แผนการออม ว่าตอนนี้เก็บออมประมาณ 10% ของเงินเดือน  และนอกจากนี้ก็ออมผ่านกองทุนสำรองเลี้ยงชีพด้วย ในส่วนของการลงทุน ก็จะเน้นไปในเรื่องของการซื้อบ้าน หรือซื้อรถยนต์ ซื้อประกันสุขภาพ มากกว่า เพราะเป็นสิ่งจำเป็นกับชีวิตคนโสดอย่างเรามากกว่า

"ตอนนี้ก็อยากนำเงินไปลงทุน ในกองทุน  LTF และ  RTF  เคยมีเช็คสุขภาพทางการเงินกับ K We Plan ของกสิกรไทย เกี่ยวกับการวางแผนชีวิตหลังวัยเกษียณ และตัวเองก็เคยคำนวณดูเหมือนกัน ว่าหลังวัยเกษียณ เราจะต้องมีเงินเท่าไหร่ ปรากฏว่าตัวเลขที่ออกมาเป็นเงินประมาณ 10 กว่าล้านขึ้นไป พอฟังแล้วก็ตกใจ ว่ามันจะเป็นไปได้อย่างไร สำหรับชีวิตคนโสดที่กินเงินเดือนแบบนี้ ตอนแรกก็กลุ้มเหมือนกัน แต่ตอนนี้คิดว่าเดินสายกลางดีที่สุด  มีสติและมีการวางแผนการใช้ชีวิตอย่างสมดุลก็น่าจะช่วยให้เรามีความสุขได้"

รื่นฤดีบอกว่าหากต้องใช้ชีวิตในบั้นปลายโดยลำพัง ก็คงไม่ต้องเตรียมตัวมากกว่าคนที่มีครอบครัว  เพราะจริงๆ แล้วการมีชีวิตโสดเราคงไม่ต้องห่วงลูก หลาน ขอเพียงต้องดูแลรักษาสุขภาพให้ดี และสิ่งสำคัญเราคงต้องมีเงินเก็บพอสมควร

"แต่ถึงยังไงคนโสดต้องเก็บออมมากกว่า   เพราะว่าวัฏจักรของชีวิตคนโสด ไม่มีลูก หรือหลานที่จะรับช่วงเลี้ยงดูเรายามแก่  คนโสดจะมีความสุขมากตอนแรก แต่พอบั้นปลายชีวิตก็อาจจะเหงาและรู้สึกโดดเดี่ยว เพราะไม่มีใครคอยดูแล ซึ่งคนมีครอบครัวจะไม่สุขมากตอนแรก แต่จะสบายและอบอุ่นตอนแก่  เพราะฉะนั้นชีวิตคนโสดคงต้องมีสติ ในการวางแผนใช้ชีวิตอย่างรอบคอบว่าควรจะเดินสายกลางให้ชีวิตสมดุลมากน้อยแค่ไหนตามสไตล์ของตัวเอง  แต่คงไม่พ้นที่จะต้องสะสมสมบัติ เงินทอง  โชคดีที่ทำประกันสุขภาพไว้ 2 ฉบับ คือโรคร้ายต่างๆ และก็ค่ารักษาพยาบาล "

นี่เป็นแผนการเงินของเหล่าคนโสด ที่เมื่อนำของทุกคนมาจิ๊กซอว์แล้วก็ต้องว่า การวางแผนการเงินอย่างดี ทำให้โสดแสนสุขบนกองเงินกองทองเป็นเรื่องไม่ยาก

 
95  สมาชิก VIP / ข่าวตลาดทอง / พ่อมด “โซรอส” เล็งซื้อหุ้นดูไบในตลาดหลักทรัพย์บอมเบย์ เมื่อ: กรกฎาคม 28, 2010, 07:15:29 PM
พ่อมด “โซรอส” เล็งซื้อหุ้นดูไบในตลาดหลักทรัพย์บอมเบย์
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

เอเอฟพี - หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทมส์เผย จอร์จ โซรอส อภิมหาเศรษฐีนักลงทุน และนักเก็งกำไรค่าเงินชื่อดัง ใกล้บรรลุข้อตกลงซื้อหุ้น 4.0% ของดูไบโฮลดิงส์ ในตลาดหลักทรัพย์บอมเบย์ (บีเอสอี) มูลค่าร่วม 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
       
       หากการซื้อขายหุ้นดังกล่าวดำเนินไปได้ด้วยดี จะถือเป็นการลงทุนของต่างชาติครั้งล่าสุดในตลาดหุ้น และตลาดอนุพันธ์ของอินเดีย
       
       ผู้เกี่ยวข้องในการเจรจารายหนึ่งเผยกับไฟแนนเชียลไทมส์ว่า บริษัทลงทุนโซรอส ฟันด์ แมเนจเมนต์ มีแผนทุ่มเงิน 40 ล้านดอลลาร์ เพื่อซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ที่เก่าแก่ที่สุดในเอเชีย ซึ่งอาศัยการประเมินโดยรวมราว 1,000 ล้านดอลลาร์
       
       ขณะที่ดูไบโฮลดิงส์มีเจ้าของคือ เชคโมฮัมหมัด บิน ราชิด อัลมักตูม เจ้าผู้ครองรัฐ
       
       นักลงทุนผู้สนใจตลาดหุ้นบอมเบย์ถูกกระตุ้นโดยคำยุงยงของมาธู กันนัน ผู้บริหารบีเอสอี ซึ่งต้องการสร้างชื่อให้กับบีเอสอี ตลอดจนยกระดับเทคโนโลยี และพัฒนาความโปร่งใส
       
       ก่อนหน้านี้ โธมัส คาล์ดเวล นักลงทุนชาวแคนาดา และกลุ่มผู้ถือหุ้นเอกชนอาร์โกนอต ต่างก็เคยได้หุ้นจำนวนเล็กน้อยในบีเอสอี เมื่อต้นปีที่ผ่านมา
       
       นอกจากนี้ กองทุนเทมาเสส็กของสิงคโปร์ก็ซื้อหุ้น 5.0% ในตลาดหลักทรัพย์แห่งชาติของอินเดีย ซึ่งเป็นคู่แข่งไปมากกว่า 145 ล้านดอลลาร์ในเดือนที่แล้วด้วย
96  สมาชิก VIP / ข่าวตลาดทอง / ราคาทองคำร่วงลงกว่า 2%จากข้อมูลเศรษฐกิจอ่อนแอ เมื่อ: กรกฎาคม 28, 2010, 09:39:00 AM
Sign Up MTS   ข่าว ตลาดทองคำ
July 28, 2010
ราคาทองคำร่วงลงกว่า 2%จากข้อมูลเศรษฐกิจอ่อนแอ
ตลาดนิวยอร์ก, 27 กรกฎาคม – ราคาทองคำร่วงลงกว่า 2% เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาเกือบแตะที่ระดับต่ำสุดในรอบสามเดือนที่ระดับ $1,160 ต่อออนซ์ เนื่องจากตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ออกมาอ่อนแอและการหมดอายุของออฟชั่นทำให้เกิดแรงเทขายทางเทคนิค

หลังจากการซื้อขายที่ค่อนข้างเบาบางในช่วงแรกของการซื้อขาย ราคาทองคำมีการร่วงลงไปแตะที่ระดับต่ำสุดที่ระดับ $1,157.65 ต่อออนซ์ ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เมื่อวัน 5 พฤษภาคมถึงแม้ว่าหุ้นในตลาดสหรัฐและค่าเงินดอลลาร์ไม่มีการเคลื่อนไหวมากนัก ราคาทองคำมีการร่วงลงหนักสุดนับตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 เดือนกรกฎาคม

ราคาซิลเวอร์และแพลตตินั่มมีการเคลื่อนไหวตามราคาทองคำและน้ำมันดิบมีการร่วงลงอย่างหนักเช่นกันหลังจากที่มีการประกาศตัวเลขราคาบ้านในสหรัฐฯที่ออกมาอย่างเงียบเหงาและความกังวลเกี่ยวกับตัวเลขการจ้างงานที่เป็นตัวขับเคลื่อนให้ตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคออกมาอ่อนแอ ที่สุดนับตั้งแต่เมื่อเดือนกุมภาพันธ์

ราคาทองคำมีการยืนอยู่ที่ระดับ $1,160.15 ต่อออนซ์ เมื่อเทียบกับการซื้อขายในช่วงบ่ายเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมามีการซื้อขายอยู่ที่ระดับ $1,183.75 ต่อออนซ์ โดยราคาทองคำส่งมอบเดือนสิงหาคมมีการปิดร่วงลงกว่า $25.10 ปิดตัวแตะที่ระดับ $1,158 ต่อออนซ์

ราคาทองคำดูเหมือนว่าจะไม่มีความมั่นคงมากนักหากดูจากกราฟทางเทคนิค โดยราคาทองคำในขณะนี้มีความเสี่ยงอย่างมากที่จะมีการร่วงลงฝ่าระดับแนวรับในรอบสองปีและอาจจะร่วงลงมาแตะที่ระดับ $1,000 ต่อออนซ์ก็เป็นได้

ถ้าราคาทองคำมีการปิดในช่วงสัปดาห์ต่ำกว่าระดับ $1,176 ต่อออนซ์ ราคาทองคำมีความเป็นไปได้ที่ว่าจะมีการร่วงลงต่อไปอีก หากดูจากไดเวอเจ็นในกราฟรายสัปดาห์ เราจะเห็นได้ว่าออสซิเรเตอร์อย่าง อาร์เอสไอ จะไม่สามารถทำระดับสูงใหม่ได้ และตลาดจะกลายเป็นตลาดหมี

 

Tuesday July 27, 2010 03:35:19 AM GMT จาก Reuters

แปลข่าวโดยทีมวิเคราะห์ทองคำ MTS Gold
97  สมาชิก VIP / General Discussion / ไทยติดอันดับโลกประเทศแก้โลกร้อน เมื่อ: กรกฎาคม 27, 2010, 09:29:14 AM
ไทยติดอันดับโลกประเทศแก้โลกร้อน

พพ. มั่นใจ อนาคตโครงการ CDM ไทยสดใส หลังรั้งอันดับ 10 ของโลก ประเทศได้ขึ้นทะเบียนรับรองจากสหประชาชาติ(UNFCC) ร่วม 36 โครงการ และอันดับ 15 ประเทศลดก๊าซเรือนกระจกแก้วิกฤตโลกร้อนได้ 2.13 ล้านตันคาร์บอนต่อปี...

นายทวารัฐ สูตะบุตร รองอธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) เปิดเผยว่า พพ.ได้รับรายงานจากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก(องค์การมหาชน) หรืออบก. ที่ได้รวบรวมข้อมูลและสถิติต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับโครงการตามกลไกการพัฒนาที่สะอาดของไทย( CDM )ซึ่งปัจจุบันพบว่า มีโครงการที่ได้รับหนังสือรับรองเป็นโครงการ CDM จากอบก. หรือ(Letter of Approval: LoA) แล้วทั้งสิ้น 111 โครงการ จากโครงการที่ยื่นแสดงเจตจำนงเป็นโครงการCDM ทั้งสิ้น 195 โครงการ โดยส่วนใหญ่ 60 %เป็นโครงการประเภท ชีวมวลและก๊าซชีวภาพ รองลงมาได้แก่กลุ่มพลังงานทดแทนประเภทอื่น ๆอาทิ ลม แสงอาทิตย์ พลังงานน้ำ เป็นต้น

ทั้งนี้ จากโครงการทั้งหมดที่ได้ LoA พบว่าได้รับการขึ้นทะเบียนรับรองโครงการ CDM จากสหประชาชาติว่าด้วยความเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ (UNFCCC) จำนวน 36 โครงการ คิดเป็นปริมาณการลดก๊าซเรือนกระจกจากการดำเนินโครงการได้ทั้งสิ้น 2.13 ล้านตันคาร์บอนต่อปี โดยเป็นที่น่ายินดีว่าเมื่อดูจากปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ลดได้ทำให้ไทยติดอันดับ 15 ของโลก และอยู่อันดับที่ 7 ของชาติในเอเชีย แต่หากดูจากโครงการที่ได้รับการขึ้นทะเบียนกับสหประชาชาติ พบว่าไทยอยู่อันดับที่ 10 ของโลก และติดอันดับที่ 6 ของเอเชีย

นายทวารัฐกล่าวว่า โครงการ CDM ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนรับรอง ได้แก่โครงการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพ 15 โครงการ ลดก๊าซเรือนกระจกได้ 565,806 ตันคาร์บอนต่อปี โครงการผลิตไฟฟ้าจากชีวมวล 7 โครงการ ลดก๊าซเรือนกระจกได้ 498,039 ตันคาร์บอนต่อปี โครงการผลิตไฟฟ้าจากลมร้อนทิ้ง (Waste Heat) 3 โครงการ ลดก๊าซเรือนกระจกได้ 102,019 ตันคาร์บอนต่อปี โครงการผลิตความร้อนจากก๊าซชีวภาพ 3 โครงการ และโครงการผลิตไฟฟ้าและความร้อนจากก๊าซชีวภาพ 7 โครงการ ลดก๊าซเรือนกระจกได้ 607,417 ตันคาร์บอนต่อปี

นายทวารัฐ กล่าวว่า ในส่วนของการซื้อขายคาร์บอนเครดิตที่เกิดจากโครงการ CDM ขณะนี้ประเทศไทยได้รับการขึ้นทะเบียนเพื่อทำการซื้อขายคาร์บอนเครดิตแล้ว 2 โครงการ ได้แก่ บริษัท เอที ไบโอพาวเวอร์ จำกัด จ.พิจิตร และบริษัท โคราช เวสท์ เอนเนอร์ยี่ จำกัด จ.นครราชสีมา ซึ่งทำรายได้ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาทต่อปี รวมทั้งยังสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทยในการร่วมดำเนินกิจกรรมกับประชาคมโลกในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และการส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่ควบคู่กับการรักษาสิ่งแวดล้อม อีกด้วย
98  สมาชิก VIP / ข่าวตลาดทอง / 'มูดี้ส์'ลดเรตติ้ง'ไอร์แลนด์'ลง1ขั้น วิตกศก.โตช้า-ภาระอุ้มแบงก์หนักอึ้ง เมื่อ: กรกฎาคม 20, 2010, 09:44:46 AM
'มูดี้ส์'ลดเรตติ้ง'ไอร์แลนด์'ลง1ขั้น วิตกศก.โตช้า-ภาระอุ้มแบงก์หนักอึ้ง
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

 เอเอฟพี/เอเจนซี - มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส หนึ่งในยักษ์ใหญ่บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ประกาศวันจันทร์ (19) ลดเครดิตเรตติ้งตราสารหนี้ภาครัฐของไอร์แลนด์ลง 1 ขั้น จาก Aa1 เหลือ Aa2 เนื่องจากภาระหนี้สินที่ยังสูงมากทำให้ฐานะทางการเงินของประเทศนี้ยังคงไม่มีความเข้มแข็ง, การที่ทิศทางเติบโตของเศรษฐกิจก็ยังคงอ่อนแอ, และการที่ทางการต้องแบกรับค่าใช้จ่ายมหาศาลในการเข้าไปช่วยเหลือกอบกู้ภาคธนาคาร
99  สมาชิก VIP / General Discussion / ไอเอ็มเอฟเตือนเอเชีย วิกฤตอาจหนักกว่าที่คาด เมื่อ: กรกฎาคม 12, 2010, 05:06:01 PM
 ไอเอ็มเอฟเตือนเอเชีย วิกฤตอาจหนักกว่าที่คาด

วันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2553 เวลา 12:30:36 น.  ประชาชาติธุรกิจออนไลน์


ไอเอ็มเอฟเตือนเอเชีย วิกฤตอาจหนักกว่าที่คาด

กองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือไอเอ็มเอฟเตือนผู้กำหนดนโยบายเศรษฐกิจในเอเชียให้เตรียมรับมือวิกฤตที่อาจหนักหน่วงขึ้นจากปัญหาการเงินโลก อาทิ วิกฤตหนี้ในยุโรป


 เอเอฟพีรายงานว่า โดมินิก สเตราส์-คาห์น ผู้อำนวยการไอเอ็มเอฟกล่าวว่า "ผู้วางนโยบายต้องจับตามองผลกระทบด้านลบอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะผลพวงจากปัญหาหนี้ท่วมในยูโรโซนซึ่งจะทำให้มีกระแสเงินทุนไหลเข้าเอเชียจำนวนมากจนอาจเกิดภาวะฟองสบู่ได้"


 อย่างไรก็ตามสเตราส์-คาห์นมองว่า ไม่น่าจะเกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำซ้ำสอง เพราะตอนนี้เศรษฐกิจโลกอยู่เป็นเส้นทางการฟื้นตัว และชี้ว่าเอเชียเป็นตัวจักรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลังประชาคมโลกหลุดพ้นจากหายนะทางเศรษฐกิจครั้งนี้


 เมื่อสัปดาห์ก่อนไอเอ็มเอฟคาดการณ์ว่าในปีนี้เอเชียจะเติบโต 7.5% เทียบกับอัตรา 4.6% ของทั้งโลก


 แต่เนื่องจากมีแนวโน้มว่าสถานการณ์ตกต่ำในสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปอาจกินเวลายาวนานกว่าที่คาดไว้ ผู้อำนวยการไอเอ็มเอฟจึงกระตุ้นในประเทศแถบตะวันออกเร่งเพิ่มการลงทุนและการบริโภคในประเทศเพื่อทดแทนการพึ่งพาการส่งออก


 เขาย้ำว่า "ความเปลี่ยนแปลงใดๆ ที่จะเกิดขึ้นในเอเชียควรเป็นไปเพื่อสนับสนุนตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจแหล่งที่สองให้เป็นไปอย่างยั่งยืน" ซึ่งรวมถึงเครือข่ายทางสังคมที่เข้มแข็งที่จะช่วยกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ โครงสร้างพื้นฐานที่มีคุณภาพเพื่อสนับสนุนการลงทุนภาคครัวเรือน รวมถึงอัตราแลกเปลี่ยนที่ยืดหยุ่นกว่าเดิม
100  สมาชิก VIP / General Discussion / อึ้ง! แค่ 6 เดือน คนเกาหลีใต้ใช้แม่น้ำฮันฆ่าตัวตาย 232 ราย เมื่อ: กรกฎาคม 12, 2010, 05:05:22 PM
อึ้ง! แค่ 6 เดือน คนเกาหลีใต้ใช้แม่น้ำฮันฆ่าตัวตาย 232 ราย
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

เอเอฟพี - มีประชาชน 232 รายแล้วในปีนี้ เฉลี่ยแล้วมากกว่าวันละคน ที่พยายามกระโดดหรือจมน้ำตายในแม่น้ำฮันซึ่งไหลผ่านเมืองหลวงของเกาหลีใต้ และในจำนวนนั้นมี 47 ราย ที่ได้ลาโลกสมใจอยาก
       
       ฝ่ายบริหารกรุงโซล เปิดเผยวันนี้ (12) ว่า ระหว่างเดือนมกราคมถึงมิถุนายนที่ผ่านมา มีประชาชน 166 คนที่พยายามฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดลงจากสะพานและอีก 66 คนเลือกวิธีค่อยๆ เดินลงสู่แม่น้ำ
       
       เจ้าหน้าที่เมืองเคยประกาศจัดทำมาตรการป้องกันต่างๆ แต่ต้องประสบกับความล่าช้าจากปัญหาด้านงบประมาณ หลังจากนับตั้งแต่ปี 2007 เป็นต้นมา มีประชาชนถึง 1,301 รายที่พยายามฆ่าตัวตายในแม่น้ำแห่งนี้
       
       แผนเดิมของฝ่ายบริหารกรุงโซลคือลงทุน 13,000 ล้านวอน (ประมาณ 355 ล้านบาท) ติดตั้งกล้องวงจรปิด เปลี่ยนรั้วกั้นตกของสะพานให้สูงขึ้น รวมถึงมาตรการอื่นๆ แต่ด้วยงบประมาณไม่เพียงพอจึงต้องระงับไว้ก่อน อย่างไรก็ดีก็ได้ดำเนินการในแผนอื่นๆ ที่มีต้นทุนไม่สูงนักอย่างติดตั้งโทรศัพท์ และโปรแกรมป้องกันความพยายามฆ่าตัวตายต่างๆ
       
       จากข้อมูลของทางการเมื่อสัปดาห์ที่แล้วพบว่าเกาหลีใต้ เป็นชาติที่มีผู้หญิงฆ่าตัวตายมากที่สุดในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว และรั้งอันดับสองต่อจากญี่ปุ่น สำหรับชาติที่มีผู้ชายฆ่าตัวตายมากที่สุดในโลก
101  สมาชิก VIP / General Discussion / เลิกดื่มน้ำเย็นกันเถอะ เมื่อ: กรกฎาคม 10, 2010, 05:37:18 PM
เลิกดื่มน้ำเย็นกันเถอะ
บางครั้งที่เหน็ดเหนื่อยมีเหงื่อมาก กระหายน้ำ การดื่มน้ำเย็นเข้าไปในทันทีอาจไม่ให้ผลดีต่อร่างกายนักการดื่มน้ำวันละ 8-10 แก้วต่อวันจะมีประโยชน์ เพราะน้ำช่วยหล่อลื่นให้ระบบต่างๆทำงานได้ดีขึ้น ระบบขับถ่ายดี ผิวพรรณสดใส แต่สิ่งสำคัญคือ ต้องเป็นน้ำที่สะอาดบริสุทธิ์ ที่อุณหภูมิเดียวกับอุณหภูมิห้อง

การดื่มน้ำเย็นเกินไปเข้าสู่ร่างกาย จะทำให้เส้นเลือดที่อยู่ในระบบทางเดินอาหารหดตัวลง กว่าเซลล์จะปรับตัวและขยายตัวเพื่อดูดซึม ต้องใช้เวลานานพอสมควรในการปรับอุณหภูมิก่อนดูดซึม จึงมักเกิดอาการจุกหน้าอกเมื่อกระหายน้ำแล้วดื่มน้ำเย็นจัดเข้าไป ขณะที่น้ำธรรมดาที่อุณหภูมิห้อง ( 35 ºc ) ร่างกายจะสามารถดูดซึมไปใช้ในระบบหมุนเวียนเลือดได้เลย

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : สำนักหอสมุดกลาง มหาวิทยาลัยรามคำแหง
102  สมาชิก VIP / ข่าวตลาดทอง / ราคาทองร่วง แห่ซื้อตุนวันเดียว5พันล้าน เผยครึ่งปีผลตอบแทนพุ่ง 6-10% เมื่อ: กรกฎาคม 07, 2010, 09:52:54 AM
 ราคาทองร่วง แห่ซื้อตุนวันเดียว5พันล้าน เผยครึ่งปีผลตอบแทนพุ่ง 6-10%

วันที่ 06 กรกฎาคม พ.ศ. 2553 เวลา 10:13:32 น.  ประชาชาติธุรกิจออนไลน์



นักลงทุนแห่ซื้อทองวันเดียว 5 พันล้าน สูงสุดรอบ 6 เดือน หลังราคาร่วงแรงถึง 500 บาท เผยครึ่งปีตลาดทองคำให้ผลตอบแทน 6-10% สูงกว่าตลาดทุน "แม่ทองสุก"มั่นใจซิวแชมป์ขายทองแท่งทะลุ 1.5 แสนล้าน ชี้ครึ่งปีหลังยังผันผวน แต่ยังอยู่ในทิศทางขาขึ้น

นพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการกลุ่มบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2553 บริษัทมียอดขายทองคำแท่งรวม 8.8 หมื่นล้านบาท จึงคาดว่ายอดขายทั้งปีจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 1.5 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% จากปี 2552 และสามารถเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) ทองคำแท่งในระดับ 15% ของตลาดรวมจากครึ่งปีแรกมีมาร์เก็ตแชร์ที่ 14% คิดเป็นอันดับ 1 ของตลาดทองคำแท่ง 


นพ.กฤชรัตน์กล่าวว่า สำหรับตลาดซื้อขายสัญญาราคาทองคำล่วงหน้า (โกลด์ฟิวเจอร์ส) นั้นคาดว่าในปี 2553 จะมีการเติบโตประมาณ 20% เช่นเดียวกัน โดยปัจจุบันมีบัญชีลูกค้าอยู่ 1,200 บัญชี คาดว่าจะเพิ่มได้อีก 500 บัญชีในปีนี้ หลังจากการเปิดซื้อขายโกลด์ฟิวเจอร์สที่อ้างราคาทองคำขนาด 10 บาท หรือมินิโกลด์ฟิวเจอร์สที่จะเริ่มเปิดเทรดในวันที่ 2 สิงหาคมนี้ ซึ่งประเมินว่าจะทำให้ตลาดขยายตัวมาก ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีแรกการลงทุนในทองคำให้ผลตอบแทนแล้ว 6-10% ซึ่งสูงกว่าตลาดทุนที่เฉลี่ย 8%


 

นพ.กฤชรัตน์กล่าวถึงภาวะราคาทองคำว่า เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคมที่ผ่านมา ราคาทองคำในตลาดโลกปรับลดลงประมาณ 40 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ส่งผลให้ราคาทองคำในประเทศลดลงถึง 500 บาทต่อ 1 บาททองคำ ทำให้นักลงทุนในประเทศแห่ซื้อทองคำจำนวนมากถึง 4 ตันในวันเดียว คิดเป็นมูลค่า 4-5 พันล้านบาท สูงสุดในรอบ 6 เดือน เฉพาะยอดขายของบริษัทมีถึง 2 ตัน เนื่องจากที่ผ่านมาราคาทองคำปรับขึ้นมามาก นักลงทุนในประเทศจึงขายทองออก เมื่อราคาทองคำลดลงแรงจึงมีการซื้อเก็บจำนวนมาก


 

"ราคาทองคำที่ลดลงเป็นปัจจัยระยะสั้น ที่เป็นผลจากนักลงทุนโยกเงินจากตลาดทองคำไปโปะการลงทุนในตลาดหุ้นที่ดัชนีดาวโจนส์ปรับลดลงแรง ส่วนแนวโน้มราคาทองคำในช่วงครึ่งปีหลังนั้นยังมีความผันผวนสูง แต่ในทิศทางขาขึ้น ซึ่งคาดว่าราคาทองคำในประเทศมีโอกาสแตะ 2 หมื่นบาทต่อบาททองคำ" นพ.กฤชรัตน์กล่าว
103  สมาชิก VIP / ข่าวตลาดทอง / โกลเบล็กโกยยอดTFEXเฉียด5แสนสัญญา เมื่อ: กรกฎาคม 07, 2010, 09:49:57 AM
โกลเบล็กโกยยอดTFEXเฉียด5แสนสัญญา
โกลเบล็กสรุปตัวเลขตราสารอนุพันธ์ครึ่งปีแรก 476,593 สัญญา คิดเป็น 12.39 % เมื่อเทียบกับปริมาณการซื้อขายของทั้งตลาด

นายสัญญา หาญพัฒนกิจพานิช ทีมพัฒนาธุรกิจตลาดอนุพันธ์ บริษัทหลักทรัพย์โกลเบล็ก จำกัด เปิดเผยว่า ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา บริษัทฯปริมาณการซื้อขายรวมในตราสารอนุพันธ์อยู่ที่ 74,932 สัญญา หรือมูลค่าเท่ากับ 41,996.30 ล้านบาท ส่งผลให้มูลค่าการซื้อขายโดยรวมครึ่งปีแรกของปี2553 อยู่ที่ 270,910.29 ล้านบาท หรือจำนวน 476,593 สัญญา คิดเป็น 12.39 % เมื่อเทียบกับปริมาณการซื้อขายของทั้งตลาด ซึ่งเพิ่มขึ้น 8.99% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยมีจำนวนการซื้อขายอยู่ที่ 85,551 สัญญา หรือ3.40% ของปริมาณการซื้อขายทั้งตลาด

สำหรับสาเหตุที่มูลค่าสัญญาเพิ่มขึ้น เนื่องจากราคาทองคำแท่งในช่วงต้นปีที่ผ่านมาปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนในตลาดตราสารอนุพันธ์ ทำให้บริษัทฯยังเป็นการครองอันดับหนึ่งในตลาดโกลด์ฟิวเจอร์สด้วยปริมาณการซื้อขายล่วงหน้าทองคำถึง 132,723 สัญญา

"ภาวะการลงทุนในช่วงครึ่งปีแรกได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายในและภายนอกอย่างต่อเนื่อง แต่ในทางกลับกันโกลเบล็กก็ยังสามารถครองตำแหน่งจ้าวตลาดอนุพันธ์ได้ ไม่ว่าจะเป็นทั้งด้านปริมาณการซื้อขายและมูลค่าการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าประเภทต่างๆ"นายสัญญา กล่าว

สำหรับในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทฯจะมีสินค้าใหม่ อาทิ  Interest Rate Futures และ Mini-Gold Futures ซึ่งในเบื้องต้นคาดว่าโปรดักดังกล่าวจะช่วยให้ปริมาณการซื้อขายตราสารอนุพันธ์ในตลาดเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะ Mini-Gold Futures หรือสัญญาล่วงหน้าทองคำขนาด 10 บาท

"โดยส่วนตัวมองว่า Interest Rate Futures และ Mini-Gold Futures จะเป็นโปรดักส์ที่ได้รับการตอบรับจากกลุ่มนักลงทุนรายย่อยเป็นจำนวนมาก ซึ่งก็ทำให้บรรยากาศการแข่งขันในการออกโปรโมชั่น รวมถึงการออกให้ความรู้กับลูกค้าคงทยอยเพิ่มขึ้น"นายสัญญา กล่าว 

ทั้งนี้ ทางโกลเบล็ก มีแผนที่จะหาลูกค้าให้ตรงกลุ่มเป้าหมายของทั้ง 2 สินค้า ควบคู่ไปกับการกระตุ้นให้ลูกค้าโกลด์ฟิวเจอร์สที่มีอยู่แล้วหันมาใช้ประโยชน์จากสัญญาล่วงหน้า SET 50 ให้มากขึ้นโดยบริษัทได้มีตั้งเป้ามูลค่าสัญญาที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังของปี2553อีกกว่า 700,000 สัญญา

อย่างไรก็ตาม หลังสมาคม FI Club อนุมัติให้แต่ละโบรกเกอร์สามารถออกโปรโมชั่นให้กับลูกค้าโดยการให้รางวัลได้เป็นปีละไม่เกิน 2 ล้านบาท ทำให้นักลงทุนน่าจะได้รับประโยชน์มากขึ้น  พร้อมทั้งคาดว่าแต่ละโบรกเกอร์มีแนวโน้มที่จะอัดเคมเปญกันในช่วงมินิโกลด์ฟิวเจอร์ส ยาวจนถึงงาน SET in the City  อย่างแน่นอน ดังนั้นบริษัทฯก็เตรียมงัดโปรโมชั่นเพื่อตอบสนองให้กับลูกค้าTFEX ทั้งรายใหม่และรายเก่า ให้ได้รับผลประโยชน์สูงสุด

สำหรับส่วนแบ่งทางการตลาดนั้น นายสัญญา กล่าวว่า บริษัทฯจะยังคงรักษาส่วนแบ่งได้เกิน 10 เปอร์เซ็นต์ของตลาด ขณะเดียวกันจะเน้นให้ความรู้ความเข้าใจในตัวสินค้าให้กับลูกค้า รวมถึงการพัฒนาบุคลากรที่มีอยู่ให้มีความเชี่ยวชาญในเรื่องทองคำ , เรื่องหุ้น และเรื่องการซื้อขายสัญญาล่วงหน้า ให้มีศักยภาพมาขึ้น ทั้งนี้เพื่อเป็นการต่อยอดฐานลูกค้ารายใหม่ที่จะเข้ามาในอนาคต
104  สมาชิก VIP / ข่าวตลาดทอง / ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองคำปิดร่วง $12.60 แม้สหรัฐรายงานภาคบริการอ่อนแอ เมื่อ: กรกฎาคม 07, 2010, 09:47:17 AM
ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองคำปิดร่วง $12.60 แม้สหรัฐรายงานภาคบริการอ่อนแอ
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 7 กรกฎาคม 2553 07:25:59 น.
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (6 ก.ค.) เนื่องจากการดีดตัวขึ้นของตลาดหุ้นและค่าเงินยูโรที่แข็งแกร่ง ส่งผลให้นักลงทุนเทขายสัญญาทองคำ และแห่เข้าเทรดในตลาดหุ้นและตลาดปริวรรตเงินตรา นอกจากนี้ รายงานภาคบริการที่ขยายตัวช้าลงของสหรัฐยังไม่สามารถกระตุ้นนักลงทุนให้เข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดความเสี่ยงด้วย
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาทองคำ COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.ร่วงลง 12.60 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,195.10 ดอลลาร์/ออนซ์ เคลื่อนตัวในช่วง 1,215.10 - 1,189.50 ดอลลาร์

ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 13.80 เซนต์ ปิดที่ 17.857 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 3.9 เซนต์ ปิดที่ 2.9160 ดอลลาร์/ปอนด์

ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 15.10 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,518.70 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.พุ่งขึ้น 13.50 ดอลลาร์ ปิดที่ 440.40 ดอลลาร์/ออนซ์

นักลงทุนเทขายสัญญาทองคำเพื่อเข้าเทรดในตลาดหุ้นและตลาดปริวรรตเงินตรา หลังจากตลาดหุ้นและสกุลเงินยูโรดีดตัวขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ โดยตลาดหุ้นนิวยอร์กได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเพื่อเก็งกำไร หลังจากตลาดร่วงลงอย่างหนักในช่วง 7 วันทำการที่ผ่านมา

นอกจากนี้ นักลงทุนยังไม่ให้ความสนใจต่อข้อมูลภาคบริการที่อ่อนแอของสหรัฐ โดยสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) รายงานว่า ดัชนีภาคบริการและกิจกรรมทางธุรกิจเดือนมิ.ย.ขยายตัวที่ระดับ 53.8 จุด ซึ่งแม้ว่าดัชนีที่เคลื่อนไหวเหนือระดับ 50 จุดจะบ่งชี้ว่าภาคบริการยังคงมีการขยายตัว แต่ดัชนีเดือนมิ.ย.ขยายตัวในอัตราที่ช้าลงเมื่อเทียบกับเดือนพ.ค.ที่มีการขยายตัว 55.4 จุด และต่ำกว่าระดับสูงสุดที่ 67.7 จุดของเมื่อปี 2547

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช


105  สมาชิก VIP / ข่าวตลาดทอง / อังกฤษแอบเตรียมแผนรับมือวิกฤต เผื่อ BP ล้ม เพราะกรณีน้ำมันรั่วสู่อ่าวเม็กซิโก เมื่อ: กรกฎาคม 07, 2010, 09:42:59 AM
อังกฤษแอบเตรียมแผนรับมือวิกฤต เผื่อ BP ล้ม เพราะกรณีน้ำมันรั่วสู่อ่าวเม็กซิโก

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 6 กรกฎาคม 2553 20:34 น.
 
 
   
 
 
       เอเอฟพี – เจ้าหน้าที่ของทบวงธุรกิจและเจ้าหน้าที่ของกระทรวงการคลังอังกฤษ เปิดการหารือเพื่อเตรียมแผนรับมือหากบริษัท บีพี ต้องล่มสลาย เพราะเหตุวิกฤตแหล่งน้ำมันใต้ทะเลมีการร้าวและรั่วไหลต่อเนื่องที่อ่าวเม็กซิโก ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า ความวิตกว่าบริษัท บีพี อาจถึงกับต้องล้มครืนลงนั้น ดูเป็นจริงเป็นจังมากขึ้น หนังสือพิมพ์เดอะ ไทมส์ รายงานไว้เมื่อวันอังคาร (6) โดยไม่เปิดเผยแหล่งข่าว ขณะที่นักข่าวก็ไม่สามารถขอการยืนยันหรือปฏิเสธข่าวดังกล่าวจากหน่วยงานใหญ่ทั้งสองของรัฐบาลอังกฤษได้
       
       “ยังไม่ชัดเจนว่า เรื่องนี้จะร้ายแรงไปได้ขนาดไหน แต่รัฐบาลจำเป็นต้องเตรียมการเผื่อจะเกิดอะไรขึ้นมาในท้ายที่สุด” แหล่งข่าวซึ่งอยู่วงในมากๆ ของการเจรจาดังกล่าว ให้ความเห็นไว้โดยไม่ประสงค์จะออกนาม
       
       อย่างไรก็ตาม ส่วนที่เป็นข่าวเปิดเผยชัดเจนมีอยู่ ว่า นายกรัฐมนตรี เดวิด คาเมรอน ของอังกฤษ และ รมว.พลังงานของอังกฤษ มีกำหนดการจะหารือกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ ในเรื่องอนาคตของบริษัท บีพี ในโอกาสที่ฝ่ายอังกฤษจะไปเยือนวอชิงตันในวันที่ 20 กรกฎาคม
 
 
หน้า: 1 ... 5 6 [7] 8 9 10

Powered by MySQL Powered by PHP Valid XHTML 1.0! Valid CSS!