TARADTHONG.COM
เมษายน 27, 2024, 05:19:55 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: ตลาดทองดอทคอม
 
  หน้าแรก ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  

Copy Code


  แสดงกระทู้
หน้า: 1 ... 108 109 [110] 111
1636  สมาชิก VIP / General Discussion / ต้นเหตุ-วิธีแก้...กลิ่นตุ ๆ ในหน้าฝน เมื่อ: พฤษภาคม 27, 2010, 10:29:03 PM
ต้นเหตุ-วิธีแก้...กลิ่นตุ ๆ ในหน้าฝน
Take a Deep Breath "กลิ่นเหม็น" ไม่ใช่ประเด็นของหน้าฝน (Slim Up)

           เข้าหน้าฝนกันแบบเต็ม ๆ ทุกหยดหยาดเลยนะคะ สำหรับเดือนนี้ และแน่นอนว่าเรายังมีเคล็ดลับทำสวยแบบมั่นใจในวันเปียก ๆ มาฝากอีกตามเคย คราวนี้ว่ากัน ด้วยเรื่อง "กลิ่น" ค่ะ แค่พูดถึงก็อดไม่ได้ใช่ไหมที่จะทำจมูกฟุตฟิตพิสูจน์สักหน่อยว่า จะมีใครที่ไหนส่งกลิ่นมาทำลายบรรยากาศดี ๆ หรือเปล่า แต่อย่าเพิ่งไปโทษใครให้ผิดใจกันเลยค่ะ ลองสำรวจตัวคุณเองก่อนดีกว่าว่า เป็นสาเหตุของกลิ่นตุ ๆ ในหน้าฝนนี้เสียเองหรือเปล่า

  1. กลิ่นอับ

           ประเดิมกลิ่นแรกกันด้วยกลิ่นอับของเสื้อผ้า มันออกจะน่าหงุดหงิดใช่ไหมคะ ผ้าชื้น ๆ ไม่แห้งก็เซ็งจะแย่อยู่แล้ว แล้วยังจะมีกลิ่นเหม็นอับตามมาแจมอีก และถ้าจำเป็นจริง ๆ ที่ต้องใส่เสื้อผ้าตัวนั้นด้วย ก็คงปวดประสาทรับกลิ่นกันทั้งคนใส่ทั้งคนที่อยู่ข้าง ๆ แน่ ๆ

           วิธีกำจัดกลิ่นอับอย่างเด็ดขาดคือการแกว่งสารส้มในน้ำที่จะใช้ซักผ้าประมาณ 10 นาที แล้วซักได้ตามปกติ รวมถึงการใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มที่มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ เพราะน้ำยาปรับผ้านุ่มกลิ่นหอมแรงจะเป็นตัวกระตุ้นให้กลิ่นผ้าที่เหม็นอับ อยู่แล้ว ยิ่งส่งกลิ่นเพี้ยนไปกันใหญ่ ที่สำคัญที่สุดคือ คุณต้องกะเวลาในการซักผ้าให้ดี ถ้าเช้าวันไหนแดดดีก็รีบซักตากโดยไว เมื่อผ้าแห้งก็รีบเก็บทันที อย่ามัวตากอวดเพื่อนบ้านอยู่นะคะ ไม่อย่างนั้นคุณจะเสียเวลาในการซักผ้าเสียเปล่า ๆ แถมยังจะเพิ่มกลิ่นอับให้เสื้อผ้าแบบไม่ตั้งใจ

 2. กลิ่นเปรี้ยว

           กลิ่นต่อมาคือ บรรดากลิ่นเปรี้ยว กลิ่นเต่าทั้งหลาย หน้าฝนแบบนี้ล่ะตัวดี เพราะไม่ใช่แค่อากาศร้อนอบอ้าว ทั้งก่อนและหลังฝนตกเท่านั้น แต่ยังมีความชื้นเข้ามาเร่งความเหม็นอับเข้าไปอีก เต่าใครดุไม่ดุก็ดูกันที่หน้าฝนนี่แหละ

           วิธีแก้ง่าย ๆ คือ การใช้สบู่ที่ผสมสารป้องกันเชื้อแบคทีเรียทำความสะอาดบริเวณรักแร้หรือ ข้อพับต่าง ๆ หรือใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำหมาด ๆ เช็ดขัดบริเวณดังกล่าว เพื่อเป็นการขจัดสิ่งสกปรกและลอกเซลล์ผิวเก่าออก ซึ่งหากยังปล่อยเซลล์เหล่านี้ไว้ มันจะกลายเป็นอาหารของแบคทีเรีย ซึ่งจะส่งกลิ่นรุนแรงจนขายหน้า

   3. กลิ่นเท้า

           ถัดมาก็ลงไปที่เท้าค่ะ แค่พูดถึงหลาย ๆ คนก็ต้องผงะเพราะเคยสัมผัสกับฤทธิ์ของกลิ่นมันมาแล้วจนไม่อยากที่จะโชคร้าย ไปเจออีก กลิ่นเท้าเกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่คอยกินสิ่งสกปรกตามเท้าและส่งกลิ่นออกมา เช่นเดียวกับรักแร้ และในหน้าฝนแบบนี้ น้ำฝนที่เปียกรองเท้าทำให้เท้าอับชื้นจะยิ่งเป็นตัวกระจายเชื้อแบคทีเรียให้ ไปเกาะอยู่ตามส่วนต่าง ๆ ของเท้าและรองเท้าได้มากขึ้นด้วย

           วิธีแก้ไขคือการทำความสะอาดเท้าอย่างพิถีพิถันทุกซอกเล็บด้วยสบู่ป้องกันเชื้อแบคทีเรีย และอาจเพิ่มวิธีฆ่าเชื้อโรคอย่างง่าย ๆ ด้วยการผสมน้ำมะนาว 3-4 ช้อนโต๊ะ ลงในน้ำอุ่นหนึ่งกะละมังใช้แช่เท้า ซึ่งนอกจากจะช่วยฆ่าเชื้อขจัดกลิ่นแล้ว ยังเป็นการบำรุงเล็บให้แข็งแรงด้วย และหลังจากดูแลเท้าแล้วก็ต้องมาดูแลรองเท้าด้วยการนำออกผึ่งแดดให้แห้งเสมอ เพื่อเป็นการฆ่าเชื้อโรค และระบายอากาศ หรือถ้าจะให้ดีก็ขยันซักรองเท้าบ่อย ๆ เท่าที่จะทำได้ และไม่ควรใส่รองเท้าคู่เดิมซ้ำกันหลาย ๆ วัน ต้องมีเวลาพักให้รองเท้าได้หายใจระบายอากาศออกไปบ้างเพื่อลดความอับชื้น

ของดับกลิ่นติดกระเป๋า (หอม)

           - น้ำหอมขวดเล็กๆ ที่สามารถหยิบขึ้นมาฉีดได้ทันที
           - โรลออนกลิ่นดอกไม้ธรรมชาติ
           - สเปรย์ดับกลิ่นเท้ากลิ่นเมนทอล
           - ถุงใส่เครื่องหอมหรือดอกไม้หอมอบแห้งใบเล็ก ๆ พกติดกระเป๋า

  4. กลิ่นกระเป๋า

           กลิ่นสุดท้ายที่จะแนะนำให้แก้ไขกันโดยด่วนคือกลิ่นกระเป๋า ถึงจะไม่ใช่อวัยวะในร่างกาย แต่ก็หนีบอยู่ใกล้ ๆ ตัวตลอดเวลา ช่วงฝนไม่ตกก็ไม่ค่อยมีใครได้กลิ่นหรอกค่ะ แต่ถ้าฝนตกเมื่อไหร่กลิ่นกระเป๋าจะออกมาหลอนทันที ทั้งกระเป๋าหนัง กระเป๋าผ้า ส่งกลิ่นแรงไม่แพ้กัน สาเหตุก็เนื่องมาจากข้าวของในกระเป๋าที่หลายคนมักจะใส่อัด ๆ เข้าไปแบบไม่ยั้งคิด หรือแม้แต่การวางกระเป๋าบนพื้นที่ไม่สะอาด แขวนไว้ในที่ที่มีกลิ่นหรือมีฝุ่นละอองมาก สิ่งสกปรกเหล่านั้นจะเกาะติดอยู่ที่ทั้งนอกและในกระเป๋า และเมื่อไหร่ที่กระเป๋าเปียกขึ้นก็จะส่งกลิ่นที่สะสมไว้ออกมาฆ่าทุกคนที่ อยู่รอบๆ ให้ตายได้ไม่ยาก

           วิธีดับกลิ่นกระเป๋าง่าย ๆ และตรงจุดที่สุดคือการทำความสะอาดค่ะ ถ้าเป็นกระเป๋าหนังก็ให้ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเครื่องหนังโดยเฉพาะ และผึ่งให้แห้งด้วยลมธรรมดา แต่หากเป็นกระเป๋าผ้าหรือกระเป๋าที่สามารถซักได้ ก็ให้ซักโดยแช่ในน้ำอุ่นก่อน จากนั้นก็ให้ซักในน้ำสบู่อ่อนๆ แต่อย่าขยี้มากเพราะกระเป๋าอาจเสียรูปทรงได้ จากนั้นให้ล้างในน้ำเปล่าผึ่งลมหรือแดดให้แห้ง และครั้งต่อที่ใช้กระเป๋าก็ให้ระวังการใส่ของเยอะๆ ในกระเป๋า โดยเฉพาะของที่อาจมีกลิ่นตกค้าง หรืออย่าวางกระเป๋าในที่ที่มีกลิ่นมาติดกระเป๋าเราได้

           แค่ตัวเปียกหน้าฝนก็พอทนได้ แต่กลิ่นที่มาพ้อมกันหน้าฝนนี่สิคะ ทำใจลำบากจริง ๆ ฉะนั้น สาว ๆ อย่างเราอย่าปล่อยให้ฝนมาทำลายความมั่นใจนะคะ กันไว้ดีกว่าแท้ เพราะถ้าแย่แล้วชี้แหงแน่ ๆ ล่ะค่ะ
1637  สมาชิก VIP / General Discussion / รื้อเรื่องรกจากโต๊ะทำงาน (She's smart) เมื่อ: พฤษภาคม 13, 2010, 08:22:52 PM
รื้อเรื่องรกจากโต๊ะทำงาน (She's smart)
          นี่โต๊ะทำงานหรือชั้นวางของเนี่ย?

          แม้นคุณจะไม่ใสใจกับคำทักนี้ หรือไม่ใส่ใจอะไรเลย ก็ยังยืนยันให้คุณจัดระเบียบโต๊ะทำงานเถอะนะ เพราะชีวิตคุณจะเปลี่ยน ศิริมงคลจะจับตามพื้นผิวโต๊ะ ผิวหน้า ราศีเปล่ง ! ทั้งโต๊ะทั้งคุณ ฯลฯ .... ทำแล้วได้อะไร ?

           1. หาของได้ง่ายขึ้น เพราะมองปุ๊บก็เห็นปั๊บ หากว่าไม่เห็นก็รู้ว่าเก็บไว้ที่ไหน
           2.หายใจคล่องขึ้น เพราะฝุ่นธุลีบนโต๊ะจะรบกวนระบบฟอกปอดน้อยลง

           3. สุขภาพจิตดีขึ้น เมื่อสบายตา สะดวกปอด จิตใจย่อมสดใสร่าเริง

           4. สวยขึ้น เมื่ออารมณ์ดี เอนโดรฟินย่อมหลั่ง ผิวพรรณก็ผุดผ่อง สวยขึ้นแน่ ๆ

           5. งานดีขึ้น สวยขึ้นปุ๊บ กำลังใจมีเพียบ งานเยอะแค่ไหนก็เวิร์คมอร์

           6. ชีวิตดีขึ้น งานก็ลงตัว หน้าตาก็สดใส อารมณ์ก็ดี แล้วอย่างนี้มีเหรอสามีจะไม่ชื่นใจเวลาเจอหน้า


ทำยังไง? .....

           1. ทิ้ง อะไรที่ไม่ใช้ก็ทิ้งเถอะ โน้ตเก่าที่แปะหน้าจอ แฟกซ์ลูกค้าเมื่อหลายเดือนก่อน เอกสารเก่าเก็บ ห่อขนมพันปีของฝากจากเพื่อนร่วมงานตั้งแต่เดือนไหนไม่รู้ เก็บไว้ทำไม ทิ้งไปเถอะ

           2.เก็บ เอกสารหมื่นแสนนั้นจงจัดเป็นหมวดหมู่ส่งเข้าแฟ้ม ติดป้ายประกาศชื่อหมวดหมู่ให้รู้ หมวดไหนใช้งานบ่อยเก็บไว้ใกล้มือใกล้ตา หมวดไหนสำคัญแต่นานครั้งจะได้ใช้ ให้ลิ้นชักหรือตู้เอกสารเป็นผู้ดูแล อย่าลืมจัดระเบียบให้ไฟล์งานในคอมฯ ด้วย จะได้ไม่เป็นชนวนหงุดหงิดเวลาหาไฟล์ไม่เจอ

           3.เช็ด การที่มีของมะรุมมะตุ้มอยู่บนโต๊ะนาน ๆ นั้นย่อมมีฝุ่นมีฝ้ามีคราบจับพื้นผิว จงเช็ดขัดถูให้เรี่ยม

           4.ประดับ อย่าปล่อยโต๊ะให้โล่งกระด้างอย่างนั้นสิ... รูปสามี ลูก ตัวเอง ตู้ปลาทอง กระถางต้นไม้ เอามาวางบิลต์อารมณ์ให้ชื่นมื่นกันตลอดวัน (ปลาควรเลือกพันธ์ที่อึดๆ หน่อย ไม่ต้องดูแลกันมาก ส่วนต้นไม้ก็เฟ้นชนิดที่ชอบร่ม ไม่ต้องตากแดดบ่อย หรือจะให้กระบองเพชรจิ๋วเพิ่มสวยและดูดรังสีจากจอคอมฯ ก็ไม่เลว)

           5.อะฮ้า! อุทานคำนี้พลัน หลังทำ 5 ข้อข้างบนเสร็จแล้ว เพราะคุณจะรู้สึกว่าแค่นี้เองเหรอ


แล้วทำไมถึงไม่ทำ?

          ง่ายและมีผลดีขนาดนี้...ไม่มีเหตุผลนะว่าทำไมถึงไม่ทำ โต๊ะทำงานคือที่ที่เราต้องใช้เวลาอยู่ด้วยวันละ 8 ชั่วโมง ฉะนั้นอ่านหน้านี้จบแล้วทำเลยนะ หน้าอื่นไว้ก่อน แบบว่าถ้าบอสมาเห็นโต๊ะ...ก็คงปลื้มอ่ะ
1638  สมาชิก VIP / General Discussion / 6 วิธี มีมนุษยสัมพันธ์ เมื่อ: พฤษภาคม 13, 2010, 08:17:58 PM
6 วิธี มีมนุษยสัมพันธ์
         การมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนร่วมงานนั้นฝึกฝนได้ค่ะ ถ้าไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรก็เริ่มต้นด้วยข้อ 1 แล้วค่อย ๆ ทำอีก 5 ข้อที่เหลือสิคะ

         1. จริงใจ ความจริงใจของเรา ต่อเพื่อนร่วมงาน เหมือนพลังงานคลื่นพิเศษที่คนอื่น ๆ สัมผัสได้ เขารู้หรอกค่ะว่าเราจริงใจหรือเสแสร้ง ถ้าเราไม่จริงใจเขาก็จะไม่ไว้วางใจในการสร้างสัมพันธ์อันดีกับตัว เรา

          2. ไร้ริษยา มัวเป็นคนขี้อิจฉา อยู่ใกล้ใครเราก็ไม่เป็นสุข เพราะเขารู้ว่าเราต้องหาทางแข่งดีแข่งเด่นกับเขา ไม่เชือดเฉือนด้วยวาจา ก็จะคอยหาโอกาสปัดแข้งปัดขา แล้วอย่างนี้เขาจะมาคบกับเราอย่างสนิทใจล่ะ

          3. อย่าป่วนจิต เป็นมาตามเจ้าปัญหาเรื่องมากจุกจิก ใครที่ต้องร่วมงานกับคุณต้องกุมขมับตาม ๆ กัน เขาคงไม่อยากสูงสิงด้วยแน่ ๆ สู้ไปสมาคมกับคนที่ทำงานง่าย ๆ สบาย ๆ ดีกว่ากันตั้งเยอะ

          4. คิดมีน้ำใจ ถ้าเห็นใครเหน็ด เหนื่อยควรให้ความช่วยเหลือ ได้ทั้งออกแรงงานและออกแรงสมองช่วยคิดสลับกันไปตามโอกาสเหมาะ ๆ

          5. ไม่นินทาชาวบ้าน ยิ่งชวนเพื่อสุม หัวนินทาคนอื่น จะยิ่งสร้างความเกลียดชังกันให้เกิดขึ้นระหว่างเพื่อร่วมงาน คุยถึงคนอื่นดี ๆ เข้าเถิด แล้วจิตใจจะแจ่มใสไปเองค่ะ

          6. อ่อนหวาน และอ่อนโยน ต่อให้เราเป็นคนเก่งกาจที่สุดในบริษัท แต่แข็งกระด้าง พูดจาไม่เข้าหูคน นึกถึงแต่ตัวเอง มนุษย์ที่ไหนก็ไม่อยากเข้ามาสานสัมพันธ์ด้วยค่ะ ทุกคนต้องการความอ่อนหวานสักนิดก็ชื่นใจ

         ลองใช้หลักสร้างมนุษยสัมพันธ์ 6 วิธีนี้ ไม่ต้องใช้แมวนางกวักก็มีคนไหลมาเทมาเพื่อคบหากับคุณเองละค่ะ
1639  สมาชิก VIP / General Discussion / เครียด อาการยอดฮิตรับลมร้อน เมื่อ: พฤษภาคม 12, 2010, 08:51:45 PM
เครียด อาการยอดฮิตรับลมร้อน
หลายๆ คนที่กำลังมีความเครียดอยู่ ไม่ว่าจะเครียดจากที่ออฟฟิศ เครียดจากการที่จะต้องมาผจญกับสภาวะการจราจรติดขัด ซึ่งอากาศร้อนๆ อย่างนี้ ยิ่งช่วยเสริมให้ดีกรีความเครียดพุ่งกระฉูดขึ้นไปใหญ่ ถ้าขืนปล่อยทิ้งไว้ รับรองสุขภาพเสียหมดแน่ ว่าแล้วเลยนำเรื่องราวเกี่ยวกับความเครียดมาฝาก เพื่อที่คุณจะได้ทำความรู้จักและจัดการกับมันได้อย่างถูกวิธี

+ ความเครียดก่อเกิดโรคเครียด
ต้องขอบอกก่อนว่า โรคเครียดไม่ใช่โรคจิตหรือโรคประสาท แต่หากเป็นโรคที่มีความผิดปกติทางด้านความกังวล อันเป็นผลจากความเครียด ความเครียดนี้สามารถเกิดขึ้นได้ในชีวิตประจำวัน เมื่อเครียด ระบบประสาทอัตโนมัติจะถูกกระตุ้นให้ทำงานมากเกินไปจนอาจเกิดการรวน ส่งผลให้อวัยวะภายในร่างกายที่ถูกควบคุมโดยประสาทอัตโนมัติทำงานผิดปกติไป ด้วย เช่น มีการหลั่งกรดในกระเพาะอาหารมากเกินไป ทำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหาร นอกจากนี้ ความเครียดอาจทำให้เกิดโรคหัวใจ ไมเกรน หรือโรคปวดหลัง ปวดคอ ด้วย

 

+ สาเหตุของความเครียด-เกิดร่วมกันทั้งจากทางร่างกายและจิตใจ
ทางร่างกาย คนที่ป่วยเป็นโรคเครียด ก้านสมองจะมีความไวกว่าปกติ ทำให้รู้สึกกังวลและมีอาการทางระบบประสาทอัตโนมัติเร็วเกินไปและมีระดับสาร เคมีในสมองพวกนอร์อีพิเนพฟรินสูง
ทางจิตใจ เกิดจากความเครียดที่มาจากชีวิตประจำวันและนิสัยของแต่ละคน อย่างคนที่มีนิสัยวิตกกังวลง่าย ก็จะทำให้เกิดอาการเครียดขึ้นได้ง่าย

 

+ ความเครียดกับฮอร์โมน
เมื่อคนเราเกิดภาวะกดดันหรือเครียด ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมน Cortisol และ Adrenaline ออกมา ซึ่งฮอร์โมนนี้จะทำให้ความดันโลหิตสูงและหัวใจเต้นเร็ว เพื่อเตรียมพร้อมให้ร่างกายมีพลังที่จะกระทำ ถ้าหากมีการ

กระทำแล้ว ฮอร์โมนดังกล่าวจะถูกใช้หมดไป แล้วความเครียดก็จะหายไป แต่ถ้าเป็นความเครียดเรื้อรังที่เกิดจากที่ทำงานหรือจากความกลุ้มใจ จะเป็นความเครียดที่ไม่สามารถกระทำออกมาได้และเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว จะทำให้ฮอร์โมนเหล่านี้ถูกสะสมในร่างกายจนกระทั่งเกิดอาการแสดงออกมาทางร่าง กายและจิตใจ


+ วิธีรับมือกับความเครียด
ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังผจญอยู่ กับเรื่องเครียดทุกๆ วัน ลองเอาวิธีข้างล่างนี้ไปใช้ดูสิ เผื่อจะช่วยลดดีกรีเครียดลงได้บ้าง

1. เข้านอนและตื่นให้เป็นเวลา ส่วนมากคนที่เครียดมักจะมีปัญหาเรื่องนอนไม่หลับ ลองปรับระยะเวลาการนอนให้เหมาะสม อย่างเข้านอนช่วงสี่ทุ่มและพยายามตื่นแต่เช้า เพื่อให้ร่างกายได้รับอากาศบริสุทธิ์ก็จะช่วยทำให้สมองปลอดโปร่งขึ้น หายเครียดได้

2. แบ่งเวลางานให้เหมาะสม วันๆ หนึ่งคุณไม่ควรลุยงานโดยไม่มีการพักตลอด 8 ชั่วโมง ควรหาเวลาพักกล้ามเนื้อยืดเส้นยืดสายบ้าง หรือถ้าลาพักร้อนสัก 2-3 วันได้ยิ่งดี

3. ควรหางานอดิเรกทำ อย่าง ฟังเพลง อ่านหนังสือ หรือออกกำลังกาย เพื่อให้ร่างกายได้เกิดความผ่อนคลาย

4. กินผักให้มากๆ เพราะจะทำให้สมองสร้าง Serotonin ซึ่งสารตัวนี้จะมีบทบาทช่วยลดความเครียดได้

5. ถ้าถึงขั้นเป็นโรคเครียดจะมีการรักษาแบบจิตบำบัด โดยจะเน้นการรักษาแบบจิตวิเคราะห์ ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยสามารถปรับตัวและปรับปรุงบุคลิกภาพให้มีความยืดหยุ่นได้ ดีขึ้น
1640  สมาชิก VIP / General Discussion / เมื่อ ฟล็อปปี้ดิสก์ ถึงคราวอวสาน เมื่อ: พฤษภาคม 11, 2010, 10:32:49 PM
เมื่อ ฟล็อปปี้ดิสก์ ถึงคราวอวสาน
           กว่า 30 ปีที่ "แผ่นฟล็อปปี้ดิสก์" ถูกผลิตขึ้นเพื่อใช้ในการเก็บและเคลื่อนย้ายข้อมูลทางคอมพิวเตอร์ และเป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับใครหลาย ๆ คนในอดีต แต่วันนี้ เห็นทีว่าฟล็อปปี้ดิสก์กำลังหมดความสำคัญไปแล้ว เมื่อมีการพัฒนาอุปกรณ์เก็บข้อมูลทางคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดเล็กลง ขณะเดียวกันก็มีความจุมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น USB Drive หรือ CD และ DVD ทั้งหลาย ที่สามารถลดบทบาทฟล็อปปี้ดิสก์ไปอย่างไม่มีข้อสงสัย

          และความจริงที่ว่า ในปัจจุบันนี้ ฟล็อปปี้ดิสก์ ไม่ได้รับความสนใจอีกต่อไป ขณะที่บริษัทผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ก็พากันเลิกติดตั้งไดรฟ์อ่านเขียนฟล็อปปี้ดิสก์กันไปเสียหมด จึงไม่แปลกอะไร หากบริษัทโซนี่ ผู้ผลิตฟล็อปปี้ดิสก์รายใหญ่ เตรียมยุติการผลิตฟล็อปปี้ดิสก์เข้าสู่ท้องตลาดในเดือนมีนาคมปีหน้า ซึ่งคงถึงคราวอวสานฟล็ปปี้ดิสก์อย่างแท้จริง

          สำหรับ แผ่นฟล็อปปี้ดิสก์ เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2514 โดย IBM ค่ายคอมพิวเตอร์ยุคแรก ซึ่งในขณะนั้น ฟล็อปปี้ดิสก์มีขนาดใหญ่มาก คือ มีเส้นผ่านศูนย์กลางถึง 8 นิ้ว เก็บข้อมูลได้เพียง 80 KB เท่านั้น ต่อมาเมื่อมีการพัฒนาคอมพิวเตอร์ให้เล็กลงเพื่อใช้ประโยชน์ในบ้าน ฟล็อปปี้ดิสก์จึงถูกลดขนาดให้กะทัดรัดขึ้น เหลือเพียง 5.25 นิ้ว ขณะที่ความจุข้อมูลก็มากขึ้นเป็น 720 KB ก่อนจะพัฒนาให้เล็กลงเหลือ 3.5 นิ้ว ด้วยความจุที่เพิ่มขึ้นอีกเป็น 1.44 MB ซึ่งเคยเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายเมื่อ 10 ปีก่อน ทำให้โซนี่ ผู้พัฒนาฟล็อปปี้ดิสก์ 3.5 นิ้วเป็นรายแรก ประสบความสำเร็จอย่างมากมายจากการจำหน่ายฟล็อปปี้ดิสก์ขนาดเล็กลงในตอนนั้น

          และเมื่อมีอุปกรณ์เก็บข้อมูลชนิดใหม่ที่ง่ายกว่า ขนาดเล็กกว่า และความจุมากกว่า ที่เรียกว่า USB Drive ถูกพัฒนาขึ้น ทำให้คนหันไปใช้ USB Drive กันโดยไม่ลังเล แม้จะมีราคาแพงกว่าหลายเท่าก็ตาม แต่ความสามารถในการเก็บข้อมูลก็ถือได้ว่าคุ้มราคา และใช้ได้นานกว่ามาก จึงทำให้โซนี่ เริ่มผลิตฟล็อปปี้ดิสก์น้อยลงเรื่อย ๆ จนปัจจุบัน อาจกล่าวได้ว่า ฟล็อปปี้ดิสก์ไม่ได้เป็นที่ต้องการในตลาดอีกต่อไป จึงมีการสั่งยุติการผลิตดังกล่าว

          และคราวนี้ ก็คงถึงคราวอวสานของฟล็อปปี้ดิสก์อย่างแท้จริง
1641  สมาชิก VIP / General Discussion / เช็กว่าคุณฟุ่มเฟือยไหม? เมื่อ: พฤษภาคม 11, 2010, 07:13:55 PM

เช็กว่าคุณฟุ่มเฟือยไหม? (ไทยรัฐ)

โดย คนสมถะ

          มีหลายคนพึมพำให้ฟังกันตรึมเลยว่า ผู้ที่มีรายได้จำกัดจำเขี่ยหรือมีรายรับจากเงินเดือนอย่างเดียวเนี่ย ชักจะอยู่กันไม่รอดซะแล้วสิ เพราะแต่ละเดือน โอ้โห มีรายจ่ายให้ต้องควักใช้เพิ่มขึ้นอีกตั้งยุ่บยั่บ อย่างค่าอาหารงี้เห็นได้ชัดที่สุด เดือนๆ ต้องกินต้องใช้ คิดเป็นรายจ่ายที่สูงเอาการ

          เอ้า ยกตัวอย่างจากราคาอาหารตามร้านทั่วๆ ไปก็ได้ ถ้าให้กะราคาก๋วยเตี๋ยวหรือข้าวผัดจะตกอยู่ราวจานละ 30-40 บาท ซึ่งราคาเนี้ยยังไม่แน่ เลยนะว่าจะกินกันอิ่มหนำ สำราญในจานเดียวรึเปล่า? เพราะผู้ที่ทานจานเดียวไม่ อิ่มก็มีเยอะไม่ใช่เล่นนะ นี่ยังไม่ได้นับค่าขนมนมเนยหรือขนมไทยๆ เช่น กล้วยบวชชี, ข้าวเหนียวถั่วดำและบัวลอยเผือกที่พวกเราชอบทานเพื่อให้ ชีวิตแต่ละวันมีรสชาติมากขึ้นกว่าเดิมอีกล่ะ

          ส่วนค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ค่ารักษาพยาบาลนี่ก็แพงหูฉี่ ปกติคนทำงานกินเงินเดือนกระจิบกระจ้อยร่อยน่ะ อยากไปหามดหาหมอตามโรงพยาบาลของรัฐทั้งนั้นแหละ เพราะถึงไงก็ยังได้ทุ่นเรื่องค่าใช้จ่ายไปบ้างเมื่อเทียบกับค่ารักษาของ เอกชน

          แต่เพราะคนไข้แห่กันไปใช้บริการกับโรงพยาบาลของรัฐกันเยอะเหลือเกินนี่สิ เหตุนี้ "คนทำงานที่ไม่สามารถรอรับบริการในโรงพยาบาลของรัฐ" ได้ เพราะต้องรอคิวกันน้านนาน เลยหันไปหาเอกชนกันเป็นแถ้ว จึงได้แต่หวังนะฮะว่า รัฐน่าจะขยายเพิ่มโรงพยาบาลหรือเพิ่มสวัสดิการสังคมเพื่อให้ประชาชนตาดำๆ ได้มีโอกาสเข้ารับบริการของรัฐกันมากขึ้น เพราะอย่างว่าอ่ะ คนจนมีมากกว่านี่หว่า ก็น่าจะช่วยๆ กันไป ยิ่งรัฐบาลใจดีอยู่แล้วก็อยากฝากเรื่องนี้ไว้นิ้ดนึงนะฮ้า

          เฮ่อ พอบ่นจบแล้วก็แฮปปี้ จึงอยากชวนคุณผู้อ่านเลี้ยวกลับมาเช็กสุขภาพทางการเงินในกระเป๋าของพวกเรากันดีกว่า ว่ายังคงมีเงินจับจ่ายใช้สอยหรือว่ากลายเป็นคนมีหนี้สินล้นพ้นตัวไปแล้ว กันแน่เนอะ โดยตอบคำถามต่อไปนี้นะว่า ใช่หรือไม่ใช่ เช่น...

 1. คุณไม่ก่อหนี้ด้วยการ ซื้อมือถือสุดหรู, นาฬิกา แสนแพง หรือรถเก๋งสุดเท่มาใช้ โดยไม่คำนึงถึงฐานะการ เงินของตัวเองเลยใช่ไหมจ๊ะ เพราะแหม คุณน่ะขึ้นชื่อว่าเจียมเนื้อเจียมตัวจะตายจริงม้า?

 2. คุณปฏิเสธที่จะมีบัตรเครดิตใบใหม่ แม้จะถูกเจ้าหน้าที่ คะยั้นคะยอขอให้ช่วยเค้าแค่ไหนก็ตาม เอ้าโถ คุณมีบัตรเครดิตอยู่แล้วนี่นา แล้วจะอยากได้ใบใหม่ไปทำไมอีกล่ะใช่ปะ?

 3. คุณไม่เคยใช้บัตรเครดิตซื้อของจนเต็มวงเงินของบัตรสักที งั้นเรอะ?

 4. ถึงแม้คุณจะมีหนี้อยู่บ้าง แต่ก็สามารถจ่ายหนี้ผ่านไปได้ทุกเดือนใช่มะ?

 5. ถ้าคุณมีเงินไม่พอใช้ละก็ คุณจะแก้ไขด้วยการหางานพิเศษทำ เช่น ไปเปิดร้านแบกะดินขายของตามตลาดนัด หรือไม่ก็ใช้วิชาความรู้ที่เรียนมา เปิดสอนพิเศษซะเลยใช่ป่าว?

          เอาล่ะเฉลยกันแล้ว ถ้าตอบว่าใช่ แสดงว่าคุณยังพอมีตังค์ใช้ และไม่ได้เป็นคนฟุ่มเฟือย...ไชโย
1642  สมาชิก VIP / General Discussion / นอนไม่หลับ โรคยอดฮิตของคุณหรือเปล่า เมื่อ: พฤษภาคม 10, 2010, 07:18:41 AM
นอนไม่หลับ โรคยอดฮิตของคุณหรือเปล่า
 
          วันนี้คุณมีอาการเข้านอนแล้วหลับยาก ตื่นกลางดึกแล้วหลับต่อไม่ได้ ตื่นเช้ามืดกว่าปกติแล้วหลับต่อไม่ได้ หรือ หลับๆ ตื่นๆ ทั้งคืน ระวังเสี่ยงเกิดโรคนอนไม่หลับได้
          อาการนอนไม่หลับ เป็นอาการอย่างหนึ่งที่พบได้ในโรคทางกายหลายชนิด โรคทางจิตเวชหลายโรค หรือ อาจมีสาเหตุจากยาบางชนิด จากสารบางอย่างที่ออกฤทธิ์กระตุ้นสมอง เช่น สารคาเฟอีนที่มีอยู่ในชา กาแฟ น้ำอัดลมที่มีสีดำ (เช่น โคล่า แป๊บซี่) เครื่องดื่มชูกำลังหลายยี่ห้อ นอกจากนี้การดื่มสุราอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานก็จะทำให้นอนไม่หลับ
          อาการนอนไม่หลับมีหลายรูปแบบ ตั้งแต่ เข้านอนแล้วหลับยาก หรือ ตื่นกลางดึกแล้วหลับต่อไม่ได้ หรือ ตื่นเช้ามืดกว่าปกติแล้วหลับต่อไม่ได้ หรือ หลับๆ ตื่นๆ ทั้งคืน ซึ่งผู้ที่นอนไม่หลับหรือหลับได้ไม่เพียงพอ มักจะมีอาการอ่อนเพลียในตอนกลางวัน สมองไม่ปลอดโปร่ง อาจหงุดหงิด อาจง่วงซึม หรือหลับมากในตอนกลางวัน ประสิทธิภาพในการเรียน ในการทำงานมักจะลดลง นอกจากนี้อาจมีอาการของโรคต่าง ๆ ที่เป็นสาเหตุของอาการนอนไม่หลับด้วย เช่น ตอนกลางคืนนอนกรนเสียงดัง หรืออาจหยุดหายใจเป็นพัก ๆ หรืออาจมีอาการของโรคซึมเศร้า คือรู้สึกซึม เศร้า เบื่อหน่าย ท้อแท้ หดหู่ เบื่ออาหาร เบื่อชีวิต คิดอยากตาย
การดำเนินของโรค ขึ้นกับโรคที่เป็นสาเหตุ หรือขึ้นกับสาเหตุต่างๆ ที่ทำให้เกิดอาการนอนไม่หลับ ซึ่งมีโรคหลากหลายชนิด การดำเนินโรคของแต่ละโรคจึงแตกต่างกันออกไป
          วิธีการดูแลตัวเอง เพื่อให้นอนหลับฝันดีไปตลอดทั้งคืน
            1. เริ่มแรก ต้องค้นหาสาเหตุ และกำจัดสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการนอนไม่หลับก่อน ถ้าเจ็บป่วยด้วยโรคทางกาย หรือโรคทางจิตเวช ก็ต้องรักษาโรคเหล่านั้นให้ดีขึ้น อาจใช้ยาช่วยให้นอนหลับในช่วงเริ่มต้น และใช้ยาเป็นระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น เมื่อความเจ็บป่วยทางร่างกายหรือความเจ็บป่วยทางจิตเวชดีขึ้น อาการนอนไม่หลับก็จะหมดไป และสามารถนอนหลับได้ดีขึ้น
            2. การดื่มน้ำ ควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้วจะช่วยให้ระบบทำงานต่าง ๆ ในร่างกายดีขึ้น แต่ก่อนนอนไม่ควรดื่มมากนะเดี๋ยวจะต้องตื่นมาเข้าห้องน้ำกลางดึก โดยอาจจะเป็นการดื่มนมอุ่นๆ 1 แก้ว หรือ รับประทานกล้วย 1 ผล ก็อาจช่วยให้หลับได้ดีขึ้น
            3. ห้องนอน ควรใช้สีอ่อน ๆ ดูสบายตาในการตกแต่ง อย่าง สีโทน Pastel จัดห้องนอนให้เหมาะแก่การนอนหลับ เช่น ไม่ร้อนเกินไป ไม่หนาวหรือเย็นเกินไป ไม่ให้มีเสียงดังอึกทึก ควรมีบรรยากาศที่สงบเงียบ อาจมีเสียงเพลงเบาๆ เป็นต้น
และควรใช้ห้องนอนสำหรับการนอนเท่านั้น ไม่ใช้ห้องนอนทำกิจกรรมอื่นๆ เช่น รับประทานอาหาร เล่นเกมส์ต่างๆ ร่วมกัน
            4. มื้อเย็นที่ควรหลีกเลี่ยง อาหารรสเผ็ดจัด มิฉะนั้นอาจเกิดอาการจุดเสียดปวดท้องและทำให้นอนไม่หลับได้
            5. การออกกำลังกาย หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายอย่างหนักในตอนเย็น หรือตอนก่อนนอน ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอในตอนเช้า สัปดาห์ละ 3-4 วัน วันละ 20-30 นาที จะช่วยให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงขึ้น และหลับได้ดีขึ้นในตอนกลางคืน
ซึ่งการออกกำลังกายแต่พอเหมาะจะทำให้ดีต่อสุขภาพและช่วยให้หลับสบาย แต่ทางที่ดีควรทำให้เสร็จก่อนนอนซัก 3 ชั่วโมงนะ ไม่งั้นอาจทำให้ประสาทตื่นตัวและนอนไม่หลับได้
            6. หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่กระตุ้นสมอง เช่น ชา กาแฟ น้ำอัดลมที่มีสีดำ (เช่น เป๊ปซี่ โคล่า) เครื่องดื่มชูกำลังต่าง ๆ ในตอนบ่าย ตอนเย็น หรือช่วงก่อนนอน
แน่นอนว่าเครื่องดื่มเหล่านี้มีส่วนทำให้นอนไม่หลับเนื่องจากมีคาเฟอีนอยู่ คนที่นอนไม่ค่อยหลับ ไม่ควรดื่มแต่ถ้าห้ามใจไม่ได้ก็ดื่มแบบไม่มีคาเฟอีนดีกว่านะ
            7. วิตามิน ซี ดี บีรวม และแคลเซียมมีผลต่อระบบประสาท ทั้งยังช่วยลดความกระวนกระวายได้
            8. หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ทั้งสุรา เหล้า เบียร์ ไวน์ อย่างต่อเนื่องทุกวัน เพราะมีสารเคมีที่ออกฤทธิ์ต่อสมองทำให้นอนไม่หลับ หรือหลับไม่สนิทได้ในกรณีที่ดื่มติดต่อกันนานๆ ถ้าทำได้อาจช่วยให้ง่วงและนอนหลับได้ง่ายขึ้น แต่ถ้าดื่มจะส่งผลต่อประสาทและอาจทำให้ฝันร้ายได้นะ
            9. จิตใจฟุ้งซ่าน ย่อมทำให้นอนไม่หลับ ลองนั่งสมาธิ หรือทำให้โยคะดูจะช่วยให้นอนหลับได้ง่ายขึ้น หรือจะนอนนับแกะก็ได้นะ
            10. หลีกเลี่ยงการดูภาพยนตร์ รายการโทรทัศน์ หรือเล่นเกมส์คอมพิวเตอร์ ที่ตื่นเต้นในช่วงก่อนเข้านอน
            11. ถ้าเข้านอนไปแล้วประมาณ 20-30 นาที ยังนอนไม่หลับ ไม่ควรข่มตาให้หลับ ควรจะลุกออกจากเตียงไปทำกิจกรรมเบาๆ ที่ส่งเสริมให้นอนหลับได้ง่ายขึ้น เช่น อ่านหนังสือผ่อนคลายสมอง อ่านหนังสือบันเทิง ฟังเพลงเย็นๆ อ่านหนังสือธรรมะ ฟังเทปธรรมะ เป็นต้น
         
            12. พยายามตื่นนอนให้เป็นเวลาเดียวกันทุกวัน รวมถึงวันหยุดสุดสัปดาห์และวันหยุดต่างๆ ด้วย วิธีนี้จะช่วยให้วงจรการหลับ-การตื่นของคนเราให้ทำงานได้ดี ไม่เกิดปัญหา
            13. ยาช่วยให้นอนหลับ ควรรับประทานเป็นช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ไม่ควรใช้ยาต่อเนื่องนานเกิน 2-6 สัปดาห์ เพราะอาจทำให้ติดยา เกิดภาวะดื้อยา ต้องพึ่งยาตลอดไป อาจทำให้เกิดภาวะสมองเสื่อม หรือความจำถดถอยลงได้
          ถ้าอยากนอนหลับสบายทั้งคืน คุณต้องลองสังเกตและลดพฤติกรรมที่เสี่ยงต่ออาการนอนไม่หลับ
1643  สมาชิก VIP / General Discussion / อ่านแล้วโดน....(ภาค 1+2) เมื่อ: พฤษภาคม 08, 2010, 05:16:31 PM
อ่านแล้วโดน....(ภาค 1)

การคบคนก็เหมือนกับไส้อั่ว

ดูจากภายนอกจะไม่ค่อยน่ากิน. . . . . .แต่เมื่อได้ชิม. . . . .
ก็จะรู้ ว่า. . . . .รสชาติ ไม่ได้เหมือนกับ ที่คุณเห็น

จิตใจของคุณก็เหมือนกับไข่ 1 ฟอง

ที่ดูภายนอกแล้วแข็งแกร่ง. . . . . แต่เมื่อคุณลองกระเทาะ
เปลือกออกมา ก็จะเห็นว่าคนๆนั้นๆ. . . . . .
ไม่ได้แข็งแกร่งไปกว่าคุณเลย

ร่างกายของคนๆหนึ่งก็เหมือนกับน้ำแข็ง

ที่สักวันหนึ่ง. . . . .มันก็ต้องละลายไป. . . .

นิสัยของคนก็เหมือนกับข้าว

ถ้าคุณไม่หุง. . . . . . ย่อมกินไม่ได้

ความรักที่อกหักก็เหมือนกับต้มยำ. . . .ที่มีทุกรส

ยกเว้น. . . . ความหวาน

ความรัก. . . . . ก็เหมือนกับไข่เจียว

ที่คุณกินได้ทุกวัน. . . . . . แต่ก็ยังไม่เบื่อ

ชีวิตวัยรุ่นก็เหมือนกับ. . . . Pepsi

ที่อึกแรกมักจะซ่า. . . . แต่เปิดทิ้งไว้นานๆเข้า
ก็หายซ่าไปเอง. . . . .เหอๆๆๆ

ชีวิตวัยรุ่นก็เหมือนกับสัตว์หลายๆชนิดในสวนสัตว์

ที่ต้องการออกไปสู่โลกกว้าง. . . . .

ถ้าคุณกำลังอกหักแล้วยังมองหารักใหม่...โดยที่จะเอามารักษาแผลเดิม

ก็จะเหมือนกับตอนที่คุณท้องเสีย. . . . .แต่ดันกินส้มตำ


อ่านแล้ว....โดน( ภาค 2 )

แฟนก็เหมือนกับเพลงใหม่เพลงหนึ่ง.......

ที่คุณมักบอกกับตัวเองว่ามันเพราะ.........

แต่เมื่อฟังไปสักร้อยรอบ.........คุณก็จะเบื่อไปเอง

ต่างกับเพื่อนสาว......

ซึ่งเหมือนกับเพลงคลาสสิก. . . . . . .ที่นานๆคุณเปิดที
แต่ก็ยังเพราะ. . . . . ไม่ต่างจากครั้งแรกที่คุณฟัง

คนๆหนึ่งที่คุณเคยชอบ.....แต่เขาไปชอบคนอื่น..

แต่คุณก็ยังจำทุกอย่างเกี่ยวกับเขาได้ ก็เหมือนกับ
เพลงของค่าย RS GRAMMY ที่คุณบอก
ว่าเกลียด แต่คุณก็ยังร้องเพลงนั้นได้จนจบ

ลองสังเกตไหมว่าถ้ามีรูปถ่ายหมู่ใบหนึ่ง......

คนที่คุณมองหาคนแรก. . . .คือคนที่คุณชอบอยู่

เบอร์โทรศัพท์.......

ที่ถึงจะเป็นเพื่อนสนิทคุณ. . . . . . . คุณก็จำไม่ได้
แต่ถ้าเป็นเบอร์ของคนที่หลงใหลล่ะก็...
คุณจะจำได้ทุกตัว. . .แม้ว่ามันจะไม่ซ้ำกันเลย

เพลง......ที่คุณชอบมากที่สุดตอนที่คุณมีแฟน.....

อาจจะกลายเป็นเพลงที่คุณเกลียดที่สุด. . . . . . เมื่อเขาจากไป

Mail 100 Mail…….

ที่เพื่อนคุณส่งให้. . . . ก็ไม่อาจเทียบได้กับ คนรักคุณ......
ที่ตอบมาแค่ว่า “ขอบคุณนะ”

ก็เหมือนกับวันๆหนึ่งที่คุณคุยกับเพื่อนเป็นร้อยประโยคแต่ก็จำไม่ได้

แต่เมื่อคุณได้คุยกับคนที่คุณแอบชอบ. . . .
แม้ประโยคเดียว. . . คุณก็จำได้. . . .
จนกว่าเขาจะมีแฟนเป็นตัวเป็นตน . . . . . .
1644  สมาชิก VIP / General Discussion / ต้นใผ่ และใบเฟิร์น เมื่อ: พฤษภาคม 08, 2010, 05:13:26 PM
ต้นใผ่ และใบเฟิร์น

One day I decided to quit...I quit my job, my relationship, my spirituality... I wanted to quit my life. I went to the woods to have one last talk with God.  "God", I said. " Can you give me one good reason not to quit?"   His answer surprised me...
ในวันหนึ่ง ผมตัดสินใจที่จะเลิก จะลาออกจากงาน หยุดความสัมพันธ์ใดๆทั้งหมด หยุดจิตวิญญาณของผม และหลุดออกไปจากวงจรชีวิตนี้เสียที   ผมเดินเข้าไปในป่า เพื่อจะพูดกับพระเจ้าของผมเป็นครั้งสุดท้าย  ผมถามพระเจ้าว่า หาเหตุผลดีๆสักข้อหนึ่งให้ผมได้ไหม ที่จะทำให้ผมเปลี่ยนความคิดนี้  คำตอบของพระเจ้า ทำเอาผมประหลาดใจเป็นที่สุด...............................
"Look around", He said.    "Do you see the fern and the bamboo?"   "Yes", I replied.
"When I planted the fern and the bamboo seeds, I took very good care of them.
I gave them light. I gave them water. The fern quickly grew from the earth. Its brilliant green covered the floor. Yet nothing came from the bamboo seed. But I did not quit on the bamboo.
มองไปรอบซิ  "ลูกเห็น ต้นเฟินร์ และต้นไผ่นั่นไหม"    ""เห็นครับ"  ผมตอบ ตอนที่ข้าเริ่มต้นปลูก เฟินร์ และต้นไผ่ด้วยเมล็ด ข้าต้องดูแลมันอย่างดี ข้าให้แสงสว่าง ให้น้ำอย่างเต็มที่ ไอ้เจ้าต้นเฟรินร์ ก็ค่อยๆแตกยอดจากพื้นดินอย่างรวดเร็ว มันมีสีเขียวสดใส และงอกปกคลุมพื้นดินเต็มไปหมด  แต่ในขณะเดียวกัน กลับไม่เกิดอะไรขึ้นเลยกับต้นไผ่ แต่ข้าก็ไม่ยอมล้มเลิกกับมัน

In the second year the Fern grew more vibrant and plentiful. And again, nothing came from the bamboo seed. But I did not quit on the bamboo." He said,  "In year three there was still nothing from the bamboo seed.
ในปีที่สอง ต้นเฟินร์เติบโตเต็มที่ อย่างมหัศจรรย์มาก และก็อีกเช่นกันที่ เม็ดพันธ์ของต้นไผ่ ไม่เกิดอะไรขึ้นเลย แต่ข้าก็ยังไม่ยอมล้มเลิกอีกเช่นกัน  จนแม้แต่ในปีที่สาม ต้นไผ่ก็ยังคงไม่มีสัญญาณตอบสนองใดๆ ให้ข้าเห็นเลย
 But I would not quit.  In year four, again, there was nothing from the bamboo seed. I would not quit." " Then in the fifth year a tiny sprout emerged from the earth.

จนเข้าสู่ปีที่สี่  ข้าก็ยังไม่ยอมที่จะล้มเลิก จากการดูแลต้นไผ่อย่างต่อเนื่อง ข้าให้น้ำ ให้แสง สว่างอย่างสม่ำเสมอ   เมื่อถึงปีที่ห้า ก็มีหน่อเล็กๆ แทงยอดพ้นดินขึ้นมา
Compared to the fern it was seemingly small and insignificant...
เปรียบเทียบกับต้นเฟินร์ มันดูเล็กมากๆ มีแตกต่างเห็นได้อย่างชัดเจน
But just 6 months later the bamboo rose to over 100 feet tall. It had spent the five years growing roots. Those roots made it strong and
gave it what it needed to survive. I would not give any of my creations a challenge it could not handle." He said to me. "Did you know, my child,
that all this time you have been struggling, you have actually been growing roots?" "I would not quit on the bamboo. I will never quit on you."
แต่หลังจาก 6 เดือนให้หลัง ต้นไผ่กลับเติบโตสูงเสียดยอดถึง 10 ฟุต ต้นไผ่ใช้เวลาถึง5ปี ในการแตกราก มันชอนไช กระจายกว้างเพื่อสร้างรากฐานให้มั่นคง และเพื่อจะทำให้มันเติบใหญ่ได้อย่างแข็งแรง ถึงตอนนี้ ข้าก็ไม่ต้องใช้ความเพียรพยายามใดๆอีกแล้ว ในการดูแลเจ้าต้นไผ่ต้นนี้    ท่านหันมาพูดกับผมว่า “เจ้ารู้อะไรไหม ในตลอดเวลาที่เจ้าต่อสู้ดิ้นรน นั่นคือการแตกรากลงเบื้องล่าง ข้าไม่ยอมล้มเลิกต่อการดูแลต้นไผ่อย่างไร ข้าก็จะไม่สิ้นหวังจากเจ้าเช่นกัน
"Don't compare yourself to others." He said. "The bamboo had a different purpose than the fern. Yet they both make the forest beautiful."
"Your time will come", God said to me. "You will rise high" "How high should I rise?" I asked. "How high will the bamboo rise?" He asked in
return. "As high as it can?" I questioned     "Yes." He said, "Give me glory by rising as high as you can."
ท่านกล่าวว่า ”อย่าเปรียบเทียบตัวของเจ้ากับผู้อื่น “  ต้นไผ่นั้นมีนัยของการเติบโตต่างจากต้นเฟรินร์ แต่ทั้งสองความแตกต่างก็สร้างป่าให้งดงาม  เวลาที่เป็นของเจ้าจะมาถึงเมื่อถึงเวลานั้น เจ้าจะเติบโตขึ้นสูงขึ้น   ผมถามท่านว่า “ผมจะต้องเติบโตถึงขนาดไหน”     แต่ท่านกลับถามกลับมาว่า “ก็ต้นไผ่มันสูงขนาดไหนล่ะ”   ผมตอบท่านว่า “ก็สูงเท่าที่มันอยากจะสูงสิครับ”     ท่านตอบว่า “ใช่... ก็สูงขึ้น เติบโตขึ้นเท่าที่เจ้าอยากจะสูง เท่านที่เจ้าอยากจะเติบโต”   
I left the forest and bring back this story. I hope these words can help you see that God will never give up on you. He will  never give up on you!
 
ผมออกจากป่ามา เพื่อนำเรื่องนี้มาบอกเล่าต่อ หวังว่าคำพูดเหล่านี้ จะสื่อให้ท่านได้เข้าใจว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ จะไม่ละเลยต่อท่าน 
 หากท่าน ไม่ยอมที่จะล้มเลิก ไม่ยอมที่จะยอมพ่ายแพ้
1645  สมาชิก VIP / General Discussion / Re: เช็กสภาพรถหลังพักร้อน เมื่อ: พฤษภาคม 05, 2010, 11:16:53 AM
ชอบค่ะดึงกระทู้ สนุกนะคะ icon_swat icon_swat
1646  สมาชิก VIP / General Discussion / Re: เจาะลึกชีวิต กรรณิกา ธรรมเกษร อดีตพิธีกรชื่อดัง เมื่อ: พฤษภาคม 05, 2010, 11:15:12 AM
ชอบผลงานเขาค่ะ เลยต้องดึงกระทู้ซะหน่อย เผื่อว่าใครยังไม่ทราบ icon_vader icon_vader
1647  สมาชิก VIP / General Discussion / Re: ปี่เซียะ (ผี่ชิว) วัตถุมงคลนิยม เมื่อ: พฤษภาคม 05, 2010, 11:14:05 AM
เรามีปีเซียะตั้งหลายอันแน่ะ ก็ไม่เคยรู้ประวัติเลยนิ+1ให้ค่ะ
1648  สมาชิก VIP / General Discussion / Re: เรื่องของสินสมรส เมื่อ: พฤษภาคม 04, 2010, 06:34:30 PM
เพิ่งรู้นะเนี่ย Grin Grin
1649  สมาชิก VIP / General Discussion / เขาปิ๊งคุณบ้างไหม...? เมื่อ: พฤษภาคม 04, 2010, 06:32:12 PM

ลองอ่านดูสิคะว่าเพื่อนๆ กำลังเจอกับเหตุการณ์แบบนี้อยู่หรือเปล่า... 

           1. แหม... พักนี้เจอเขาบ่อยมาก ๆ ไม่รู้ตั้งใจผ่านมาให้เห็นหรือเรื่องบังเอิญกันแน่ 

           2. เขาชอบเข้ามาชวนคุย (ทั้ง ๆ ที่แต่ก่อนไม่เคย) แถมการแต่งตัวของเขาก็ดูดีขึ้นกว่าเดิมอีกต่างหาก

           3. เวลาทำอะไร เขาชอบมาปรึกษาหรือขอความคิดเห็นจากเธอเสมอ ไม่ว่าเป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่
           4. เธอมีความรู้สึกว่าเขาเข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมที่เธอทำบ่อย ๆ
           5. เขาชอบชมว่าเธอแต่งตัวน่ารัก ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า... หน้า... ผม... หรือรองเท้า หรือไม่ก็พูดว่าอยากเห็นเธอแต่งตัวอย่างนั้น ใส่เสื้อผ้าอย่างนี้
           6. เขาชอบมองมาที่เธอบ่อย ๆ โดยไม่มีสาเหตุ พอถามว่ามีอะไร? ก็บอกว่า "เปล่า"
           7. เขาชอบหาเรื่องมาแกล้งหรือแหย่เธอให้งอนเล่นๆ หรือไม่ก็มักมีของเล็ก ๆ น้อย ๆ มาฝาก
           8. บางทีเขาก็ชอบคุยเรื่องใครซักคนที่เข้ามาเป็นคนพิเศษ เป็นคนที่เข้าใจเขาให้เธอฟัง
           9. เขาเคยถามเธอว่ามีคนพิเศษหรือยัง หรือบางทีก็หลอกถามแบบอ้อม ๆ ไม่กล้าถามตรง ๆ หรือไม่ก็ชอบจับผิดเธอกับผู้ชาย

           10. เขาตั้งใจฟังเธอบ่นโดยไม่ขัด แถมยังชอบตามใจอีกต่างหาก
           11. เพื่อนของเขาหรือเพื่อนของเธอ ชอบเอาเธอและเขามาล้อ ทั้งๆ ที่เธอไม่ได้บอกอะไรเลย แต่เขาก็ไม่ได้โกรธอะไร
           12. เวลาเธอขอความช่วยเหลืออะไร เขาก็เต็มใจช่วยสุดๆ ไม่เคยเกี่ยง ไม่ว่าเขาจะติดธุระที่ไหนก็ตาม
           13.เขารู้เรื่องส่วนตัวของเธอเกือบทุกเรื่อง?
         ทีนี้ก็มาดูเฉลยเลยว่า... เขากำลังปิ๊งคุณอยู่หรือเปล่า?
  ตรงกับคุณอยู่ 11 - 13 ข้อ 

         ว๊าว...!! เขาปิ๊งเธอชัวร์ ก็แหม... เล่นโผล่มาให้เห็นบ่อยๆ แบบนี้ แถมยังชอบเข้ามาชวนคุยโน่นคุยนี่อีกต่างหาก (ทั้งๆ ที่ไม่มีเรื่องคุย ก็ยังจะสรรหามาคุยได้) ขอแนะนำให้เธอทำตัวตามปกติ ไม่ต้องเก๊กหรือว่าเขินอายนะ เพราะเสน่ห์ของเธอก็อยู่ที่ความเป็นเธอนั่นแหละ
  ตรงกับคุณอยู่ 8 - 10 ข้อ
         เขาปิ๊งเธอเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ไม่ต้องงัดมารยาหญิงเข้ามาเสริม รอดูท่าทีเขาไปก่อน และกรุณาอย่าแสดงนิสัยแย่ๆ ออกมาให้เขาเห็นซะก่อนละ ไม่งั้นเดี๋ยวเขาจะรับไม่ได้ เผ่นแนบไปเลยจะทำไง
  ตรงกับคุณอยู่ 5 - 7 ข้อ 

         เพราะเขากลัวแห้ว เลยไม่แน่ใจว่าจะแสดงอาการปิ๊งเธออย่างโจ่งแจ้งดีมั้ย ก็เลยต้องดูลาดเลา ตามสังเกตพฤติกรรมของเธอไปพลางๆ ก่อน แต่ถ้าเธอแสดงออกให้เขาเห็นว่าเธอเองก็ปิ๊งเขาอยู่ รับรองว่าเขาต้องมั่นใจจนต้องเข้ามาสารภาพแน่เลย
  ตรงกับคุณอยู่ 3 - 4 ข้อ 

         เขาสนใจเธออยู่นะ แต่เป็นความรู้สึกแค่เริ่มต้นเท่านั้น ยังไม่ได้ลึกซึ้งอะไรมาก เพราะฉะนั้นอย่าเพิ่งทำเป็นได้ใจไป ให้สังเกตท่าทีเขาไปก่อนจะดีกว่านะจ๊ะ
  ตรงกับคุณอยู่ 0 - 2 ข้อ
         เห็นทีต้องพยายามหาทางเสนอหน้า หรือคอยป้วนเปี้ยนใกล้ๆ เขาเองซะแล้ว ทำไงได้ล่า... ก็เขายังไม่มีทีท่าว่าจะปิ๊งเธอเลยนี่นา และขอแนะนำว่าถ้าอยากได้ใจเขาจริงๆ ต้องพยายามในทางที่ถูกที่ควรด้วยนะจ๊ะ
           ฮั่นแน่!! อ่านจบแล้วไม่ต้องอมยิ้ม ใครเคยเจอกับเหตุการณ์น่ารัก ๆ หรือเรื่องราวชวนให้แอบยิ้มคนเดียวแบบนี้ บอกกันด้วยนะจ๊ะ
1650  สมาชิก VIP / General Discussion / เกาะล้าน ทะเลสวย น้ำใส ใกล้กรุงเทพฯ เมื่อ: พฤษภาคม 04, 2010, 06:29:37 PM

เกาะล้าน ทะเลสวย น้ำใส ใกล้กรุงเทพฯ
หลังจากเคร่งเครียดกับการเรียน เหน็ดเหนื่อยจากการทำงาน เดินซมซานออกมาจากความรัก อึ๊ย…!! ไม่ใช่แล้ว (แหะๆ) เอาเป็นว่า... หากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่กำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ ท้องฟ้าใสๆ สีน้ำทะเลสวยๆ อยู่ล่ะก้อ เราขอแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวสุดเดิ้น "เกาะล้าน" ทะเลแสนสวย สายน้ำใสๆ ที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลกรุงเทพฯ นี่เอง
          "เกาะล้าน" ตั้งอยู่ที่ จ.ชลบุรี อยู่ห่างจากชายฝั่งพัทยา 7 กิโลเมตร นั่งเรือโดยสาร 45 นาทีก็ถึง (นั่งกินลมชิวๆ ชมวิวเพลินๆ) หากเดินทางโดยเรือเร็วจะใช้เวลาเพียง 15 นาทีเท่านั้น (เร็วจริงๆ) มีพื้นที่ประมาณ 4 ตารางกิโลเมตร มีชายหาดที่สวยงามหลายแห่ง ส่วนใหญ่คึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวที่มาเล่นน้ำ เพราะน้ำทะเลที่เกาะล้านนี้ใสมากๆ แถมยังเย็นชื่นใจอีกด้วย ว่ายไปว่ายมา บ้างก็ดำผุดดำว่าย บ้างก็ลอยตัวบนผิวน้ำใสๆ ก็เพลินใจไปอีกแบบ อ๋อ... ที่เค้าเรียกว่า "เย็นกายสบายใจ" เป็นอย่างนี้นี่เอง
 
          หรือจะเลือกไปดำน้ำดูปะการัง เล่นกีฬาทางน้ำ ไม่ว่าจะเป็น "เรือลากร่มชูชีพ" สำหรับผู้ที่ชอบหวาดเสียว "เรือสกี" สำหรับผู้ที่ชอบความท้าทาย หรือจะเลือกมันส์ไปกับ "สกู๊ตเตอร์" ก็ไม่มีใครว่า (55) โดยเฉพาะที่หาดตาแหวน หาดทองหลาง หาดนวล และหาดเทียนเนี่ย มีอะไรให้เล่นสนุกๆ คึกครื้นกันตลอดทั้งวันเลย
          หากชอบความเงียบสงบ ต้องการพักผ่อนแบบเป็นส่วนตัวขึ้นมาหน่อยก็ต้องไป "หาดแสม" เพราะที่นี่บรรยากาศจะเงียบสงบกว่าหาดอื่นในบริเวณเกาะล้าน ส่วนเกาะเล็กๆ ที่อยู่รอบๆ เช่น เกาะครก และเกาะสาก นั้น ก็ถือเป็นแหล่งตกปลา ดำน้ำดูปะการัง (ทั้งแบบน้ำลึกและน้ำตื้น) และเป็นสถานที่ฝึกหัดเรียนดำน้ำอีกด้วย
การเดินทาง 

          มีเรือโดยสารออกจากท่าเรือพัทยาใต้ไปเกาะล้านทุกวัน เที่ยวไป ตั้งแต่เวลา 10.00 น.-18.30 น. เที่ยวกลับ มี 2 รอบ คือ เวลา 12.00 น. และ 14.00 น. อัตราค่าเรือโดยสาร คนละ 30 บาท เรือจอดที่ท่าหน้าบ้าน หากจะเดินทางต่อไปชายหาดอื่นก็สามารถเช่าเรือหางยาวหรือรถรับจ้างได้ นอกจากนี้ ยังมีบริการเรือเร็วให้เช่าอยู่ทั่วไปตามชายหาดพัทยา อัตราค่าเช่าประมาณ 3,000 บาท สามารถแวะเที่ยวได้หลายหาดแล้วแต่จะตกลงราคากันค่ะ   
หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
 
  สำนักงานจังหวัดชลบุรี โทร. 0-3827-5034
  เทศบาลเมืองชลบุรี โทร. 0-3827-9407 ต่อ 112
  ประชาสัมพันธ์จังหวัด โทร. 0-3827-9448
  ตำรวจท่องเที่ยว โทร. 1155
  Call Center พัทยา โทร.1337
  ตำรวจท่องเที่ยว (พัทยา) โทร. 0-3842-9371, 0-3842-5937
  สถานีตำรวจภูธร (พัทยา) โทร. 0-3842-0802–5
  สถานีตำรวจภูธร(จอมเทียน) โทร. 0-3823-2330-1
  สถานีตำรวจภูธร (บางละมุง) โทร. 0-3822-1800, 0-3822-1331
  โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา โทร. 0-3825-9999
  โรงพยาบาลเอกชล โทร. 0-3827-3840, 0-3879-1790-9
  โรงพยาบาลบางละมุง โทร. 0-3842-9244
  สนามบินอู่ตะเภา โทร. 0-3824-5666
  สถานีเดินรถโดยสารประจำทาง โทร. 0-3842-9877
หน้า: 1 ... 108 109 [110] 111

Powered by MySQL Powered by PHP Valid XHTML 1.0! Valid CSS!