TARADTHONG.COM
เมษายน 23, 2024, 09:32:49 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: ตลาดทองดอทคอม
 
  หน้าแรก ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  

Copy Code


  แสดงกระทู้
หน้า: 1 [2] 3
16  สมาชิก VIP / General Discussion / เล่นโยคะช่วยชะลอวัย...โดยไม่ต้องพึ่งมีดหมอ เมื่อ: กรกฎาคม 15, 2011, 04:05:54 PM
เล่นโยคะช่วยชะลอวัย...โดยไม่ต้องพึ่งมีดหมอ



เล่นโยคะช่วยชะลอวัย...โดยไม่ต้องพึ่งมีดหมอ (ไทยโพสต์)

          กล่าวได้ว่าการเล่นโยคะนั้น ถือเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยชะลอความแก่ได้โดยไม่ต้องพึ่งการศัลยกรรม เพราะการเล่นโยคะจะช่วยให้ทำให้สุขภาพของผู้เล่นแข็งแรงจากภายในสู่ภายนอก จึงส่งผลให้ผิวพรรณดูกระชับแข็งแรงและสดใสกว่าวัยนั่นเอง

          ลองไปฟังเคล็ดลับกระบวนท่าการฝึกโยคะแบบง่าย ๆ เพื่อช่วยให้รูปร่างของคุณผู้หญิงดูสวยและกระชับอยู่ตลอดเวลา โดยครูผู้ฝึกสอนโยคะที่มีความเชี่ยวชาญจากสตูดิโอการสอนโยคะชื่อดัง "เอนไลท์เทนโยคะ" ว่ามีขั้นตอนในการฝึกเพื่อช่วยให้คุณสาวๆ ดูดีได้อย่างไรบ้าง

          โดย น.ส.ปาริชาต ศิลปอาชา ครูผู้ฝึกสอนโยคะ กล่าวว่า ประโยชน์ที่ผู้เล่นโยคะจะได้อันดับแรกคือ การได้ความแข็งแรง เพราะการเล่นโยคะเป็นการออกกำลังกายทุกส่วนของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นกล้ามเนื้อจนถึงข้อต่อส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย และเมื่อร่างกายทุกส่วนถูกใช้งาน ก็จะทำเกิดความกระชับและเกิดความยืดหยุ่นขึ้นในผิวไปพร้อม ๆ กัน จึงทำให้ผิวหนังไม่หย่อนยาน หรือที่เราเคยได้ยินว่าผิวกระชับหรือเฟิร์มขึ้นจากการเล่นโยคะนั่นเอง พูดง่าย ๆ ว่าการเล่นโยคะนอกจากจะช่วยทำให้สุขภาพภายในแข็งแรงแล้ว ยังส่งผลให้ผิวกายภายนอกดูกระชับแข็งแรงและสดใสอ่อนกว่าวัยได้ด้วย

          ที่สำคัญการเล่นโยคะยังช่วยทำให้จิตใจสงบขึ้นได้ เพราะขณะที่เรากำลังฝึกโยคะนั้น จะทำให้เราได้อยู่กับลมหายใจตลอดเวลา เนื่องจากเราต้องหายใจเข้าออกให้สอดคล้องกับท่าทางของโยคะ จึงทำให้เรามีสติและสมาธิ และช่วยให้เราสามารถตัดปัญหาหรือเรื่องวุ่นวายที่เข้ามาออกไปได้ ขณะเดียวกันก็ช่วยทำให้เราเข้มแข็งและตัดสินปัญหาได้ด้วยการใช้สติมากขึ้น

          อย่างไรก็ตาม น.ส.ปาริชาต กล่าวว่า การเล่นโยคะนั้นสามารถช่วยชะลอวัยให้ใบหน้าผู้เล่นอ่อนเยาว์ได้ลงได้ เพราะการที่เราฝึกลมหายใจเข้าออก เป็นการช่วยฝึกให้ปอดสามารถทำงานได้ดียิ่งขึ้น จึงส่งผลให้อวัยวะทุกส่วนของร่างกายแข็งแรงและกระชับขึ้นเช่นกัน จึงสามารถชะลอวัยได้ แต่อย่างไรก็ตามไม่ได้หมายความว่า การเล่นโยคะจะทำให้ไม่แก่ลง เพราะทุกอย่างก็ย่อมต้องเสื่อมสภาพไปตามเวลา แต่การเล่นโยคะจะช่วยชะลอผิวพรรณของผู้เล่นให้ดูสดใสอ่อนเยาว์ หรือแก่ช้าลงกว่าผู้ที่ไม่ได้เล่นนั่นเอง

          พร้อมกันนี้ผู้บริหาร คุณครูปาริชาต ยังได้เผยให้ทราบถึงกระบวนท่าทางการฝึก ที่เรียกได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของการเล่นโยคะ เพื่อช่วยให้ผู้หญิงมีบุคลิกภาพที่ดูดีและสง่างามอยู่ตลอดเวลา ตลอดจนกระบวนท่าดังกล่าวยังช่วยลดอาการปวดเมื่อยตามร่างกายได้เช่นกัน

          อันดับแรกครูสอนโยคะแนะนำว่า ให้ผู้ฝึกแขม่วท้องตลอดเวลา เพราะการแขม่วท้องจะทำให้กล้ามเนื้อหน้าท้องแข็งแรงและกระชับอยู่เสมอ ซึ่งจะป้องกันการห้อยย้อยของพุงนั่นเอง แต่ขณะเดียวกันก็ไม่จำเป็นต้องเกร็งมากจนเกินไป เพียงแค่ให้สามารถพูดคุยหรือเดินได้ก็พอ ซึ่งการฝึกแขม่วท้องนี้จะช่วยให้ผู้ฝึกนั้นมีการทรงตัวที่ดี ช่วยลดการเดินหลังหรือไหล่ห่อลงได้ และที่สำคัญเชื่อว่าท้องเป็นจุดรวมของกำลังในร่างกาย ดังนั้นหากหน้าท้องมีความแข็งแรง ก็จะช่วยสร้างความสมดุลและส่งพลังงานที่แข็งแรงไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้เป็นอย่างดี

          นอกจากนี้ ผู้หญิงที่นั่งทำงานออฟฟิศที่มีอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อจากอาการออฟฟิศซินโดรมนั้น ครูสอนโยคะก็ให้คำแนะนำดี ๆ ว่า

           1.ให้ลองปรับเปลี่ยนอิริยาบถทุก ๆ 1 ชั่วโมง เพื่อลดอาการปวดเมื่อย หรืออาการเกร็งของกล้ามเนื้อ

           2.ในกรณีที่ต้องติดต่องานภายในออฟฟิศ ควรขึ้นลงบันไดแทนการใช้ลิฟต์ก็จะช่วยลดอาการปวดเมื่อยได้ เพราะร่างกายของเราได้เคลื่อนไหว

           3.เปลี่ยนจากการเอี้ยวตัวรับโทรศัพท์ เป็นการนำโทรศัพท์มาวางในบริเวณที่หยิบสะดวกและใกล้มือมากขึ้น ซึ่งวิธีนี้นอกจากจะช่วยลดอาการปวดเมื่อยจากการทำงานได้แล้ว ยังช่วยให้คุณผู้หญิงมีบุคลิกภาพการนั่งการยืนที่ดีขึ้นได้ด้วย

สำหรับผู้ที่มีอาการปวดหลังนั้น ครูสอนโยคะยังแนะนำด้วยว่า

           วิธีที่ 1.แนะนำให้นั่งหลังตรงโดยให้สะโพกชิดพิงเก้าอี้ ซึ่งการนั่งหลังตรงก็สามารถลดอาการปวดหลังลงได้

           วิธีที่ 2.ให้ผู้ฝึกนั่งตัวตรงชิดเก้าอี้แล้วก้มหน้าลงมาครึ่งตัวพร้อมกับปล่อยแขนทั้งสองข้างลงมา (คล้ายการนั่งห้อยหัว) หลังจากนั้นค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นช้า ๆ พร้อมกับการหายใจเข้า ท่านี้ก็สามารถช่วยให้ผู้ฝึกหายปวดหลัง และช่วยทำให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงสมองได้ดียิ่งขึ้น

           วิธีที่ 3.ให้ผู้ฝึกยืนขึ้นแล้วก้มศีรษะลงไปพร้อม ๆ กับปล่อยแขนทั้งสองข้าง ขณะเดียวกันให้ผู้ฝึกเกร็งหน้าขาทั้งสองข้างไว้ สำหรับท่านี้จะช่วยผ่อนคลายอาการปวดบริเวณกล้ามเนื้อลงได้ และช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อบริเวณต้นขาได้ด้วย

          ส่วนระยะเวลาของการฝึกกระบวนท่าเหล่านี้ ครูสอนโยคะบอกกับเราว่า สามารถฝึกได้ตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับความสะดวกและโอกาสของแต่ละบุคคล รวมถึงยังเหมาะกับคนทุกเพศทุกวัยอีกด้วย
17  สมาชิก VIP / General Discussion / วันอาสาฬหบูชา เมื่อ: กรกฎาคม 15, 2011, 04:02:40 PM
วันอาสาฬหบูชา



ทุกวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 ของทุกปี จะตรงกับวันสำคัญทางพุทธศาสนาอีกหนึ่งวัน นั่นคือ "วันอาสาฬหบูชา" ซึ่งในปี พ.ศ.2554 นี้ วันอาสาฬหบูชา ตรงกับวันที่ 15 กรกฎาคม และวันเข้าพรรษา ตรงกับวันที่ 16 กรกฎาคม 

          ทั้งนี้ คำว่า "อาสาฬหบูชา" สามารถอ่านได้ 2 แบบ คือ อา-สาน-หะ-บู-ชา หรือ อา-สาน-ละ-หะ-บู-ชา ซึ่งจะประกอบด้วยคำ 2 คำ คือ อาสาฬห ที่แปลว่า เดือน 8 ทางจันทรคติ กับคำว่า บูชา ที่แปลว่า การบูชา เมื่อนำมารวมกันจึงแปลว่า การบูชาในเดือน 8 หรือการบูชาเพื่อระลึกถึงเหตุการณ์สำคัญในเดือน 8

          วันอาสาฬหบูชา คือวันที่พระพุทธเจ้าได้ทรงประกาศพระพุทธศาสนาเป็นครั้งแรก หลังจากตรัสรู้ได้ 2 เดือน   โดยแสดงปฐมเทศนาโปรดพระปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 ได้แก่ พระโกณฑัญญะ พระวัปปะ พระภัททิยะ พระมหานาม และพระอัสสชิ ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน เมืองพาราณสี แคว้นมคธ จน พระอัญญาโกณฑัญญะ ได้บรรลุธรรมและขอบวชเป็นพระภิกษุรูปแรกในพระพุทธศาสนา จึงถือว่าวันนี้มีพระรัตนตรัยครบองค์สามบริบูรณ์ครั้งแรกในโลก คือ มีทั้งพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นก่อนพุทธศักราช 45 ปี

          ทั้งนี้ พระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงแก่ปัจจวัคคีย์ทั้ง 5 เรียกว่า  "ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร" แปลว่า พระสูตรแห่งการหมุนวงล้อธรรม ซึ่งหลังจากปฐมเทศนา หรือเทศนากัณฑ์แรกที่พระองค์ทรงแสดงจบลง พระอัญญาโกณฑัญญะก็ได้ดวงตาเห็นธรรม สำเร็จเป็นพระโสดาบัน จึงขออุปสมบทเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าก็ได้ประทานอุปสมบทให้ด้วยวิธีที่เรียกว่า "เอหิภิกขุอุปสัมปทา" พระโกณฑัญญะจึงได้เป็น พระอริยสงฆ์องค์แรกในพระพุทธศาสนา ต่อมา พระวัปปะ พระภัททิยะ พระมหานามะ และพระอัสสชิ ก็ได้ดวงตาเห็นธรรม และได้อุปสมบทตามลำดับ

          สำหรับใจความสำคัญของการปฐมเทศนา มีหลักธรรมสำคัญ 2 ประการ คือ

    1. มัชฌิมาปฏิปทา หรือทางสายกลาง เป็นข้อปฏิบัติที่เป็นกลางๆ ถูกต้องและเหมาะสมที่จะให้บรรลุถึงจุดหมายได้ มิใช่การดำเนินชีวิตที่เอียงสุด 2 อย่าง หรืออย่างหนึ่งอย่างใด คือ

           การหมกมุ่นในความสุขทางกาย มัวเมาในรูป รส กลิ่น เสียง รวมความเรียกว่าเป็นการหลงเพลิดเพลินหมกมุ่นในกามสุข หรือกามสุขัลลิกานุโยค

           การสร้างความลำบากแก่ตน ดำเนินชีวิตอย่างเลื่อนลอย เช่น บำเพ็ญตบะการทรมานตน คอยพึ่งอำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นต้น ซึ่งการดำเนินชีวิตแบบที่ก่อความทุกข์ให้ตนเหนื่อยแรงกาย แรงสมอง แรงความคิด รวมเรียกว่า อัตตกิลมถานุโยค

          ดังนั้น เพื่อละเว้นห่างจากการปฏิบัติทางสุดเหล่านี้ ต้องใช้ทางสายกลาง ซึ่งเป็นการดำเนินชีวิตด้วยปัญญา โดยมีหลักปฏิบัติเป็นองค์ประกอบ 8 ประการ เรียกว่า อริยอัฏฐังคิกมัคค์ หรือ มรรคมีองค์ 8 ได้แก่
     
           1. สัมมาทิฏฐิ เห็นชอบ คือ รู้เข้าใจถูกต้อง เห็นตามที่เป็นจริง

           2. สัมมาสังกัปปะ ดำริชอบ คือ คิดสุจริตตั้งใจทำสิ่งที่ดีงาม

           3. สัมมาวาจา เจรจาชอบ คือ กล่าวคำสุจริต

           4. สัมมากัมมันตะ กระทำชอบ คือ ทำการที่สุจริต

           5. สัมมาอาชีวะ อาชีพชอบ คือ ประกอบสัมมาชีพหรืออาชีพที่สุจริต

           6. สัมมาวายามะ พยายามชอบ คือ เพียรละชั่วบำเพ็ญดี

           7. สัมมาสติ ระลึกชอบ คือ ทำการด้วยจิตสำนึกเสมอ ไม่เผลอพลาด

           8. สัมมาสมาธิ ตั้งจิตมั่นชอบ คือ คุมจิตให้แน่วแน่มั่นคงไม่ฟุ้งซ่าน

    2. อริยสัจ 4 แปลว่า ความจริงอันประเสริฐของอริยะ ซึ่งคือ บุคคลที่ห่างไกลจากกิเลส ได้แก่ 
   
           1. ทุกข์ ได้แก่ ปัญหาทั้งหลายที่เกิดขึ้นกับมนุษย์ บุคคลต้องกำหนดรู้ให้เท่าทันตามความเป็นจริงว่ามันคืออะไร ต้องยอมรับรู้ กล้าสู้หน้าปัญหา กล้าเผชิญความจริง ต้องเข้าใจในสภาวะโลกว่าทุกสิ่งไม่เที่ยง มีการเปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างอื่น ไม่ยึดติด 
   
           2. สมุทัย ได้แก่ เหตุเกิดแห่งทุกข์ หรือสาเหตุของปัญหา ตัวการสำคัญของทุกข์ คือ ตัณหาหรือเส้นเชือกแห่งความอยากซึ่งสัมพันธ์กับปัจจัยอื่นๆ 
   
           3. นิโรธ ได้แก่ ความดับทุกข์ เริ่มด้วยชีวิตที่อิสระ อยู่อย่างรู้เท่าทันโลกและชีวิต ดำเนินชีวิตด้วยการใช้ปัญญา 

           4. มรรค ได้แก่ กระบวนวิธีแห้งการแก้ปัญหา อันได้แก่ มรรคมีองค์ 8 ประการดังกล่าวข้างต้น


กิจกรรมวันอาสาฬหบูชา

           พิธีกรรมโดยทั่วไปที่นิยมกระทำในวันนี้ คือ การทำบุญ ตักบาตร รักษาศีล ฟังพระธรรมเทศนา และสวดมนต์ ในตอนค่ำก็จะมีการเวียนเทียนที่เป็นการสืบทอดประเพณีอันดีงามของไทยเรา ดังนั้น พุทธศาสนิกชนทั้งหลายควรเข้าวัด เพื่อน้อมระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย อีกทั้งยังเป็นการช่วยชะล้างจิตใจให้ปลอดโปร่งผ่องใส จะได้มีร่างกายและจิตใจที่พร้อมสำหรับการดำเนินชีวิตในยุคที่ค่าครองชีพถีบตัวสูงขึ้นอย่างนี้...
18  สมาชิก VIP / ข่าวตลาดทอง / ราคาทองคำร่วงจากยูโรและหุ้นที่มีการขึ้นเพียงเล็กน้อย เมื่อ: กรกฎาคม 16, 2010, 09:43:02 AM
ข่าว เศรษฐกิจ การเงิน
07/15/2010
ราคาทองคำร่วงจากยูโรและหุ้นที่มีการขึ้นเพียงเล็กน้อย
ตลาดนิวยอร์ก, 14 กรกฎาคม – ราคาทองคำมีการทะยานสูงขึ้นเพียงเล็กน้อยในการซื้อขายช่วงบ่ายของวันพุธที่ผ่านมา จากการที่ค่าเงินสกุลยูโรมีการแข็งค่ามากขึ้นและหุ้นในตลาดมีการร่วงลงหลังจากที่เฟดหรือธนาคารกลางสหรัฐได้มีการรายงานว่าตัวเลขการขยายตัวของเศรษฐกิจอาจจะมีการขยายตัวไม่มากนัก

ราคาทองคำมีการทะยานตัวสูงขึ้นแตะที่ระดับ $1,209.05 ต่อออนซ์ โดยในระหว่างวันมีการซื้อขายสูงสุดอยู่ที่ระดับ $1,217.85 ต่อออนซ์ เมื่อเทียบกับการซื้อขายเมื่อวันอังคารที่ผ่านมามีการซื้อขายอยู่ที่ระดับ $1,210.65 ต่อออนซ์ ราคาทองคำส่งมอบเดือนสิงหาคมมีการตั้งฐานร่วงลง $6.50 ปิดตัวที่ระดับ $1,207 ต่อออนซ์

ราคาทองคำได้รับแรงหนุนให้มีการทะยานตัวสูงขึ้นในช่วงแรกของการซื้อขายเนื่องจากนักลงทุนเกิดความกังวลเกี่ยวกับภาพรวมเศรษฐกิจของสหรัฐ เมื่อค่าเงินสกุลยูโรและหุ้นในตลาดมีการร่วงลงในช่วงบ่ายของการซื้อขาย หลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกที่ร่วงลงอย่างหนัก และสิ่งนี้ทำให้ราคาทองคำมีการร่วงลง

นอกจากนี้ ภาวะการซื้อขายในตลาดทองคำยังผันผวนอันเนื่องมาจากความอ่อนแอของตลาดหุ้น นิวยอร์ก หลังจากเฟดได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในปีนี้ลงสู่ระดับ 3.0 - 3.5% ซึ่งน้อยกว่าที่ได้คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะขยายตัวราว 3.2 - 3.7% และคาดว่าอัตราว่างงานในสหรัฐจะอยู่ที่ระดับ 9.2 - 9.5% ในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 9.1 - 9.5%

 

2010-07-14 21:11:14 GMT จาก Reuters

แปลข่าวโดยทีมวิเคราะห์ทองคำ MTS Gold
19  สมาชิก VIP / ข่าวตลาดทอง / FED ลดคาดการณ์การขยายตัวศก.สหรัฐปีนี้ลง เมื่อ: กรกฎาคม 16, 2010, 09:42:04 AM
07/15/2010
FED ลดคาดการณ์การขยายตัวศก.สหรัฐปีนี้ลง
ธนาคารกลาง สหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมซึ่งมีขึ้นเมื่อวันที่ 22-23 มิ.ย.ว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังคงฟื้นตัวในระดับปานกลาง แต่สหรัฐอาจจำเป็นต้องใช้มาตรการเพิ่มเติมเนื่องจากมีสัญญาณบ่งชี้ถึงการ ชะลอตัวทางเศรษฐกิจ โดยสหรัฐจำเป็นต้องหาทางเลือกใหม่ๆเพื่อรับมือกับภาวะชะลอตัวทางเศรษฐกิจ และกระตุ้นเศรษฐกิจให้กลับมาขยายตัวได้ดีอีกครั้ง

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า การเปิดเผยรายงานการประชุมครั้งนี้ คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐใน ปีนี้ลงสู่ระดับ 3.0 - 3.5% ซึ่งน้อยกว่าที่ได้คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะขยายตัวราว 3.2 - 3.7% ส่วนในปีหน้าคาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวราว 3.5 - 4.2% และคาดว่าเศรษฐกิจในปี 2555 จะขยายตัวราว 3.5 - 4.5%

ขณะเดียวกัน เฟดยังได้ปรับเพิ่มคาดการณ์อัตราว่างงานในสหรัฐว่าจะอยู่ที่ระดับ 9.2 - 9.5% ในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 9.1 - 9.5%

เฟดระบุในรายงานการประชุมว่า "ตัวเลขเงินเฟ้อยังคงมีแนวโน้มที่จะอยู่ในระดับต่ำต่อไป ขณะที่ตัวเลขการใช้จ่ายภาคครัวเรือนนั้น แม้ปรับตัวขึ้นบ้าง แต่ก็ถูกจำกัดด้วยอัตราว่างงานที่อยู่ในระดับสูง รายได้ส่วนบุคคลมีการขยายตัวปานกลาง และการปล่อยกู้ของภาคธนาคารยังคงปรับตัวลดลง ส่วนการลงทุนโดยรวมยังคงซบเซา ขณะที่ตัวเลขการสร้างบ้านยังคงอยู่ในระดับที่น่ากังวล โดยเฟดได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับภาวะตึงตัวในตลาดแรงงานมากกว่าแต่ก่อน เนื่องจากกลุ่มนายจ้างยังคงไม่มั่นใจที่จะเพิ่มการจ้างงาน"

เฟดยังกล่าวด้วยว่า วิกฤตหนี้สาธารณะของยุโรปส่งผลให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐมีความเสี่ยง เพิ่มขึ้น พร้อมกับชี้ว่าภาวะอ่อนแอนในตลาดการเงินกำลังส่งผลกระทบต่ออัตราการขยายตัว ของเศรษฐกิจ ขณะที่อัตราการปล่อยกู้ของภาคธนาคารหดตัวลงในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา

รายงานการประชุมครั้งล่าสุดของเฟดสะท้อนให้เห็นว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายส่วนใหญ่ของเฟดมีความกังวลเรื่องภาวะตึงตัวในตลาดแรง งาน ขณะที่นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟดเรียกร้องให้ธนาคารพาณิชย์เพิ่มปริมาณการปล่อยเงินกู้ให้กับธุรกิจ ขนาดเล็กภายในประเทศ โดยระบุว่าการเปิดทางให้ธุรกิจประเภทดังกล่าวเข้าถึงแหล่งเงินกู้ได้ง่าย ขึ้น จะช่วยกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และจะช่วยลดอัตราว่างงานลงด้วย โดยเบอร์นันเก้กล่าวว่าบริษัทขนาดเล็กมีตัวเลขการจ้างงานประมาณครึ่งหนึ่งของจำนวนชาวอเมริกันทั้ง หมด หรือคิดเป็นร้อยละ 60 ของตัวเลขการจ้างงานโดยรวม

การปล่อยเงินกู้ให้กับริษัทขนาดเล็กในสหรัฐปรับตัวลดลงแม้เศรษฐกิจเริ่ม ฟื้นตัวขึ้นก็ตาม โดยอัตราการปล่อยเงินกู้ในช่วงไตรมาสแรกปีนี้มีอยู่ไม่ถึง 6.70 แสนล้านดอลลาร์ ลดลงจากระดับกว่า 7.10 แสนล้านดอลลาร์ในไตรมาส 2 ของปี 2551 ซึ่งเป็นช่วงที่เศรษฐกิจสหรัฐได้รับผลกระทบอย่างหนักจากวิกฤตการณ์การเงิน

Mtsgold.com
20  สมาชิก VIP / ข่าวตลาดทอง / ราคาทองคำล่วงหน้าปิดตัวที่ระดับต่ำลงในคืนวันพุธ เมื่อ: กรกฎาคม 16, 2010, 09:16:30 AM
July 15, 2010
ราคาทองคำล่วงหน้าปิดตัวที่ระดับต่ำลงในคืนวันพุธ
           ราคาทองคำล่วงหน้าปิดตัวที่ระดับต่ำลงในคืนวันพุธหลังจากที่ยังคงแกว่งตัวอยู่ในกรอบของแดนลบจากที่ราคานั้นได้ร่วงลงมาเนื่องจากได้แรงผลักดันจากการบอกใบ้จากตัวเลขสกุลเงิน ราคาทองคำล่วงหน้าส่งมอบเดือนสิงหาคมนั้นลดลง 6.50 เหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 0.5% สู่ระดับ 1,207 เหรียญดอลลาร์ต่อออนซ์ ที่ตลาดไนแมกซ์ ราคาทองคำเองนั้นมีการตกลงมาจากที่สกุลเงินยูโรนั้นแข็งค่าขึ้นมาจากที่นักลงทุนนั้นต้องลดการลงทุนสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงอื่นๆ

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯนั้นร่วงลง0.3% สู่ระดับ 83.38จุด ขณะที่ค่าเงินยูโรนั้นมีการเปลี่ยนมือกันและทรงตัวที่ระดับ1.27ยูโรต่อดอลลาร์ เกิดแรงเทขายในทองคำที่เป็นรูปแบบสกุลเงินยูโรจึงส่งผลให้ค่าเงินยูโรนั้นมีการทะยานตัวขึ้นมาจากคำกล่าวของ สตีเฟ่น แพลท จาก อาร์เชอร์ ไฟแนนซ์เชี่ยล เซอร์วิส 

เบอร์นาร์ด ซิน จากเอ็มเคเอส ไฟแนนซ์ กล่าวว่า ในเวลานี้ยังไม่มีแรงเข้าซื้อที่เกิดจากความน่าสนใจเข้ามาในเวลานี้ที่ตลาดนั้นค่อนข้างเงียบเหงาที่แรงการซื้อเพื่อรับทองนั้นเบาบางที่ราคานั้นค่อนข้างสูง

แปลข่าวโดยทีมวิเคราะห์ทองคำMTS Gold
21  สมาชิก VIP / General Discussion / Re: คิดจะติดตั้งระบบก๊าซ ดีไหม? เมื่อ: กรกฎาคม 11, 2010, 09:29:11 AM
 ดี:laugh: grin1 grin1 grin1
22  สมาชิก VIP / General Discussion / Re: ต้องตามใจแฟนทุกอย่างใช่ไหม ถึงจะเรียกได้ว่ารักแท้(18+) เมื่อ: กรกฎาคม 11, 2010, 09:28:13 AM
แหมเรามีลูกสาวเสียด้วย อ่านแล้วกลัวเหมือนกันนะเนี่ย
23  สมาชิก VIP / General Discussion / Re: ข้อปฏิบัติการขับรถท่องเที่ยว ในเส้นทางวิบาก เมื่อ: กรกฎาคม 11, 2010, 09:27:16 AM
ดีครับ wink1 wink1
24  สมาชิก VIP / ข่าวตลาดทอง / ผู้ค้าทองพร้อมลุย 'มินิโกลด์ฯ เมื่อ: กรกฎาคม 09, 2010, 10:26:18 AM
 ผู้ค้าทองพร้อมลุย 'มินิโกลด์ฯ

วันพุธที่ 07 กรกฏาคม 2010 เวลา 11:56 น. กอง บก.ฐานเศรษฐกิจ การเงิน Financial - การเงิน Financial



ผู้ค้าทองคำพร้อมรับมือมินิ โกลด์ฟิวเจอร์สลุยตลาด 2 สิงหาคมนี้  คาดดันโวลุ่มเทรดคึก  5,000 ล้านต่อวัน "ออสสิริส" คาดนักลงทุนหน้าใหม่เปิดบัญชีซื้อขายอีกเท่าตัว พร้อมรักษาเบอร์1 ในตลาด "ฮั่วเซ่งเฮง" เสริมทัพเจ้าหน้าที่การตลาด  ลุยเดินหน้าให้ความรู้นักลงทุน "แม่ทองสุก" เปิดตัวเอ็มทีเอส อคาเดมี่ สร้างความเข้าใจการลงทุน
           
วันที่ 2 สิงหาคม 2553 บริษัท ตลาดอนุพันธ์ (ประเทศไทย) จำกัด(มหาชน)  หรือTFEX จะเปิดให้มีการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าอ้างอิงราคาทองคำ(โกลด์ฟิวเจอร์ส)น้ำหนักทองคำขนาด 10 บาทต่อสัญญา หรือ "มินิ โกลด์ ฟิวเจอร์ส"  ทั้งนี้"ฐานเศรษฐกิจ"สำรวจไปยังผู้ค้าทองคำ พบว่าต่างเตรียมความพร้อมเต็มพิกัดเพื่อรับมือโปรดักต์น้องใหม่
 
 นายบุญเลิศ สิริภัทรวณิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออสสิริส จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้มีการเตรียมความพร้อมด้านต่างๆ เพื่อรองรับการเปิดซื้อขายมินิ โกลด์ ฟิวเจอร์ส โดยเริ่มต้นจากการเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด จากเดิมที่ 15 คน เป็น 30 คน ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ทุกคนจะต้องเข้ารับการฝึกอบรม และสอบใบอนุญาต ซึ่งถือเป็นการเตรียมความพร้อมด้านการให้คำปรึกษาแก่นักลงทุน

 นอกจากนี้ บริษัทได้ขยายพื้นที่สาขาเป็น 1,000 ตารางเมตร จากพื้นที่เดิมเฉลี่ย 500 ตารางเมตร เพื่อรองรับจำนวนนักลงทุนที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น รวมถึงการบริหารจัดการกลวิธีการซื้อขาย และมุ่งให้ความรู้ ความเข้าใจในการลงทุนแก่เหล่านักลงทุน

 "3-6 เดือน หลังเปิดเทรดมินิ โกลด์ฯ คาดว่าทำให้ปริมาณการซื้อขายในตลาดโกลด์ ฟิวเจอร์ส  เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 5,000 ล้านบาทต่อวัน "
 สำหรับบริษัท ออสสิริสฯ ตั้งเป้านักลงทุนหน้าใหม่เปิดบัญชีซื้อขายเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว จากปัจจุบันมีลูกค้า 1,000 ราย และมั่นใจว่าจะรักษาตำแหน่งผู้นำตลาดโกลด์ ฟิวเจอร์สต่อไป โดยปัจจุบัน บริษัทมีส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 12-13% ส่วนยอดขายทองคำแท่งปีนี้ตั้งเป้าที่ 25,000 ล้านบาท  เติบโตเฉลี่ย 30%

 นายธนรัชต์ พสวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดโกลด์ ฟิวเจอร์ส จะมีจำนวนผู้ลงทุนเพิ่มมากขึ้น หลังวันที่ 2 สิงหาคมนี้ โดยปริมาณการซื้อขายต่อวันอาจจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 2,000 ล้านบาท จากเดิมอยู่ที่ 1,300-1,400 ล้านบาท เนื่องจากนักลงทุนเล็งเห็นว่า โกลด์ ฟิวเจอร์ส เป็นเครื่องมือชนิดหนึ่งในการบริหารความเสี่ยง และเป็นโอกาสในการทำกำไร

 นายธนรัชต์ กล่าวว่า โดยส่วนตัวมองว่า การซื้อขายโกลด์ ฟิวเจอร์ส ขนาดสัญญา 10 บาทถือเป็นการเปิดโอกาสให้นักลงทุนรายย่อยได้เข้ามาลงทุน หลังอัตราดอกเบี้ยเงินฝากยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำ

 สำหรับนโยบายการรองรับการเปิดซื้อขายมินิ โกลด์ ฟิวเจอร์ส ของฮั่วเซ่งเฮงนั้น  ยังคงให้ความสำคัญเรื่องการให้ความรู้ ความเข้าใจในการลงทุน ผ่านการจัดสัมมนา ออกบูธ และการนำเสนอข้อมูล(โรดโชว์)ทั่วประเทศ ประกอบกับการเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด จากเดิม 15 คน เป็น 30 คน รวมถึงการขยายพื้นที่สาขาเป็น 350 ตารางเมตร โดยคาดว่าจะมีนักลงทุนหน้าใหม่เปิดบัญชีซื้อขายกับบริษัทเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันมีฐานลูกค้า 57,000 บัญชี

 ด้านน.พ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก จำกัด กล่าวว่า จากการสำรวจพบว่า ช่วง 1 ปีครึ่งที่ผ่านมา ผู้ลงทุนในโกลด์ ฟิวเจอร์สยังคงประสบกับภาวะขาดทุน เนื่องจากขาดความเข้าใจในการลงทุนอย่างถ่องแท้ ดังนั้นเพื่อเป็นการสร้างความรู้ ความเข้าใจในการลงทุนอย่างถูกต้อง และเป็นระบบ ประกอบกับเป็นการเตรียมความพร้อมรองรับการเปิดซื้อขายมินิ โกลด์ ฟิวเจอร์ส  บริษัทได้เปิดตัว "สถาบันการลงทุนทองคำครบวงจร หรือ MTS Academy"
 โดยเนื้อหาการอบรมของเอ็มทีเอส อคาเดมี่นั้น จะแบ่งออกเป็น 3 ระดับ เริ่มจากระดับเบื้องต้น  ซึ่งเป็นการสอนให้เข้าใจถึงการลงทุนในทองคำแท่ง และโกลด์ ฟิวเจอร์ส พร้อมทั้งความเสี่ยงที่นักลงทุนควรจะเข้าใจ ซึ่งระดับเริ่มต้นนี้ เปิดโอกาสให้นักลงทุนทั่วไปสามารถเข้ารับการอบรมได้ โดยตั้งเป้าลูกค้าใหม่ที่จะเข้ามาเปิดบัญชีซื้อขายกับบริษัท หลังเข้ารับการอบรมในระดับเบื้องต้นแล้วเฉลี่ย 300 บัญชี หรือคิดเป็น 20% ของฐานลูกค้าเดิม

ระดับต่อมาคือ ระดับกลาง เป็นการสอนให้นักลงทุนเข้าใจถึงการวิเคราะห์ทางเทคนิค และแนวโน้มของราคาทองคำ และระดับสูง เป็นระดับที่ช่วยแก้ปัญหาแก่นักลงทุนที่ประสบภาวการณ์ขาดทุน สร้างความเข้าใจในวิธีการบริหาร และแก้ไขพอร์ตลงทุน เพื่อให้ลงทุนได้ถูกต้อง และสอดคล้องกับแนวโน้มตลาด โดยการอบรมระดับกลาง และระดับสูงนั้น ผู้เข้าร่วมอบรมจะต้องเป็นลูกค้าของบริษัทเท่านั้น

"กลุ่มแม่ทองสุกมีความพร้อมสูงในการรองรับเปิดซื้อขายมินิ โกลด์ ฟิวเจอร์ส และมั่นใจว่าเอ็มทีเอส อคาเดมี่  เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่จะทำให้นักลงทุนหน้าใหม่เปิดบัญชีซื้อขายกับบริษัทเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 500 บัญชี จากปัจจุบันมีฐานลูกค้าเดิมกว่า 1,000 บัญชี"

น.พ.กฤชรัตน์ กล่าวต่อว่า บริษัทยังได้เตรียมความพร้อมด้านเจ้าหน้าที่การตลาด โดยจะเพิ่มอีก 30-40% เพื่อให้คำปรึกษาแก่นักลงทุน รวมถึงการขยายพื้นที่สาขา และการพัฒนาระบบการซื้อขาย   และคาดว่าช่วงครึ่งปีหลังนี้ ตลาดโกลด์ ฟิวเจอร์ส จะขยายตัวต่อเนื่อง โดยจะมีปริมาณการซื้อขาย 4,000-5,000 ล้านบาทต่อวัน จากปัจจุบันอยู่ที่  3,000 ล้านบาทต่อวัน ส่วนกลุ่มแม่ทองสุก ตั้งเป้าเพิ่มส่วนแบ่งตลาดโกลด์ ฟิวเจอร์สเป็น14-15% ภายในสิ้นปีนี้ จากปัจจุบันมีส่วนแบ่งตลาด  13.54%

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,546  8-10  กรกฎาคม พ.ศ. 2553
25  สมาชิก VIP / General Discussion / ฤกษ์ยามกับงานแต่งงาน เมื่อ: กรกฎาคม 06, 2010, 03:41:37 PM
ฤกษ์ยามกับงานแต่งงาน

ฤกษ์ หมายถึง คราวหรือเวลา ความปลอดภัยหรือความสำเร็จสมประสงค์ อำนวยความเป็นศิริมงคลแก่ผู้ประกอบการนั้น ๆ อีกทั้งคนไทยเชื่อกันว่าการเริ่มต้นเรื่องใด ๆ ในชีวิต หากเริ่มตามฤกษ์ที่คำนวณว่าดีแล้ว ก็จะพบกับความสำเร็จ โดยเฉพาะเรื่องของการแต่งงาน จะขาดการดูฤกษ์ในการเริ่มต้นพิธีเป็นไม่ได้ เพราะการแต่งงานถือเป็นการเริ่มต้นชีวิคคู่ เพราะฉะนั้น การดูฤกษ์งามยามดีถือว่าสำคัญมาก

          สำหรับการดูฤกษ์แต่งงานของคู่บ่าวสาว ตามตำราจะต้องมีการนำดวงชะตาของทั้งสองคนมาวางฤกษ์ แล้วหาวันที่ เดือนที่ ปีที่เป็นมงคล มีจะครองคู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ซึ่งจะต้องไม่ขัดแย้งหรือเป็นอริต่อกัน โดยเดือนที่เป็นมงคล ตามประเพณีไทยโบราณจะให้แต่งงานในเดือนคู่ เช่น เดือนยี่ เดือนสี่ เดือนหก เดือนแปด เดือนสิบสอง ถ้าเดือนคี่ก็จะให้แต่งเดือนเก้าได้

          อย่างไรก็ตาม ก็มีบางช่วงเวลาที่คนโบราณถือว่าไม่นิยมจัดงานแต่งงาน ได้แก่ ห้ามจัดพิธีแต่งงานใน วันพระ เพราะสมัยก่อน วันพระ พระภิกษุสงฆ์ต้องทำวัตรตั้งแต่เช้าจรดค่ำ จึงไม่ควรไปทำกิจอย่างอื่นอีก ยิ่งการแต่งงานถือเป็นเรื่องของกิเลส มีการเสพสังวาส (ร่วมหลับนอน) คนโบราณมักจะไม่ร่วมหลับนอนกันในวันพระและวันโกน ห้ามแต่งงานในวันพุธ เพราะเชื่อว่าดาวพุธเป็นดาวแห่งความแปรปรวน หาความแน่นอน ความมั่นคงไม่ได้ จึงไม่ควรใช้เป็นวันประกอบพิธีแต่งงาน เพราะอาจจะทำให้คู่บ่าวสาวไม่มั่นคงกับคู่ครองของตน

          และห้ามแต่งงานในวันที่ตรงกับ วันอุบาทว์ วันโลกาวินาศ ซึ่งจะไม่ตรงกันในแต่ละปี ได้แก่ ในวันอาทิตย์ ห้าม ขึ้น/แรม 12 ค่ำ วันจันทร์ ห้าม ขึ้น/แรม 11 ค่ำวันอังคาร ห้าม ขึ้น/แรม 7 ค่ำ วันพุธ ห้าม ขึ้น/แรม 3 ค่ำ วันพฤหัสบดี ห้าม ขึ้น/แรม 6 ค่ำ วันศุกร์ ห้าม ขึ้น/แรม 12 ค่ำ วันเสาร์ ห้าม ขึ้น/แรม 12 ค่ำ

          ทั้งนี้ ฤกษ์แต่งงาน เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญในการเริ่มต้นครอบครัวใหม่ แต่ก็เป็นความเชื่อส่วนบุคคล ดังนั้น คู่บ่าวสาวควรควรใช้วิจารณญาณในการพิจารณา
26  สมาชิก VIP / General Discussion / เชื่ออะไรผิด ๆ แบบนี้...อ้วนมานักแล้ว เมื่อ: กรกฎาคม 06, 2010, 03:40:46 PM
เชื่ออะไรผิด ๆ แบบนี้...อ้วนมานักแล้ว (LISA)

          เรื่องเกี่ยวกับการลดน้ำหนักส่วนใหญ่ที่เราได้รับการบอกเล่าต่อ ๆ กันมา บางทีก็เป็นเรื่องเข้าใจผิด

ความเชื่อ : ยิ่งออกกำลังมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น

           ความจริง : การออกกำลังเป็นหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการรักษาน้ำหนักตัว และทำให้สุขภาพโดยรวมดีขึ้น แต่การออกกำลังสัปดาห์ละเจ็ดวัน อาจทำให้เกิดผลในทางตรงกันข้ามได้ มันอาจทำให้ภูมิคุ้มกันคุณอ่อนแอลง ทำให้ข้อต่อต่าง ๆ ล้า และทำให้เราอ่อนแรง ถ้าคุณออกกำลังด้วยท่าทางที่ไม่ถูกต้องเนื่องมาจากความอ่อนล้า คุณก็จะเผาผลาญแคลอรีได้น้อยกว่าการออกกำลังอย่างถูกต้อง

          เพื่อป้องกันความอ่อนล้าจากการออกกำลัง ควรจัดวันสำหรับพักผ่อนอย่างน้อยหนึ่งวันในแต่ละสัปดาห์ และเปลี่ยนแปลงการออกกำลังไปเล็กน้อยในแต่ละครั้ง เช่น บริหารแขนวันหนึ่ง แล้วก็บริหารขาอีกวันหนึ่ง เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้กล้ามเนื้อชุดเดียวกันมากเกินไป

ความเชื่อ : กล้ามเนื้อหนักกว่าไขมัน

           ความจริง : ถ้าคุณออกกำลังมาระยะหนึ่งแล้ว แต่ตาชั่งบอกตัวเลขที่มากกว่าที่คุณอยากได้ คุณอาจอยากบอกตัวเองว่า "อืม มันก็น้ำหนักของกล้ามเนื้อ" เพราะกล้ามเนื้อหนักกว่าไขมันไม่ใช่หรือ?

          ก็ไม่ขนาดนั้นนะ กล้ามเนื้อหนึ่งปอนด์กับไขมันหนึ่งปอนด์ ก็คือหนึ่งปอนด์เท่ากัน แต่เพราะกล้ามเนื้อมีความหนาแน่นกว่าไขมัน การมีกล้ามเนื้อมากกว่าไขมันจึงทำให้คุณดูเพรียวกว่า และมันก็มีประโยชน์อื่นด้วย นั่นคือกล้ามเนื้อหนึ่งปอนด์เผาผลาญราว 50 แคลอรีต่อวัน ในขณะที่ไขมันหนึ่งปอนด์เผาผลาญแค่ 2 แคลอรีต่อวัน ฉะนั้น ยิ่งคุณมีไขมันน้อยเท่าไหร่ อัตราการเผาผลาญของคุณก็จะสูงเท่านั้น

ความเชื่อ : เมื่ออายุมากขึ้นก็เลี่ยงไม่ได้ที่น้ำหนักจะเพิ่มขึ้น

           ความจริง : ไขมันส่วนใหญ่ไม่ได้เพิ่มขึ้น แต่น้ำหนักมักเปลี่ยนไปจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน การให้กำเนิดบุตร หรือกระดูกที่อ่อนแอลง ซึ่งคุณสามารถทำให้การเปลี่ยนแปลงช้าลงได้ ด้วยการยกน้ำหนัก

          จากการศึกษาของสถาบันสุขภาพแห่งชาติ สหรัฐฯ ผู้หญิงที่น้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วน ซึ่งยกน้ำหนักเพียงแค่สัปดาห์ละสองครั้ง มีการสะสมของไขมันที่หน้าท้องเพิ่มขึ้นเล็กน้อย (7 เปอร์เซ็นต์ในช่วงสองปี) เมื่อเทียบกับคนไม่ได้ออกกำลัง (ซึ่งไขมันที่สะสมในหน้าท้องเพิ่มขึ้นถึง 21 เปอร์เซ็นต์ในช่วงสองปี) ยิ่งคุณยกน้ำหนักเร็วขึ้นเท่าไหร่ ก็จะยิ่งง่ายที่จะทำให้รอบเอวไม่เพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป

ความเชื่อ : คุณต้องลดน้ำหนักอย่างมาก เพื่อที่จะได้ประโยชน์ทางสุขภาพ

           ความจริง : ถ้าคุณมีตัวเลขที่ต้องลดถึงสองหลัก อาจฟังดูน่ากลัว แต่การลดเพียงแค่ไม่กี่กิโลฯ ก็สามารถมีผลอย่างมากต่อสุขภาพของคุณแล้ว

          โดยน้ำหนักส่วนเกินทุกหนึ่งกิโลที่คุณลดลงได้ คอเลสเตอรอลของคุณจะลดลงโดยเฉลี่ย 3 จุด ผู้ชายและผู้หญิงสามารถลดความดันโลหิตลงได้ หลังจากลดน้ำหนักเพียงแค่ 4-5 กก. ร่างกายของเราสามารถบอกได้เมื่อเราลดน้ำหนัก แม้มันจะเล็กน้อย แต่ร่างกายก็จะปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว
27  สมาชิก VIP / General Discussion / เรื่องเหล่านี้ผู้หญิงขอเถอะ ผู้ชายอย่ามายุ่ง!! เมื่อ: กรกฎาคม 06, 2010, 03:39:49 PM
เรื่องเหล่านี้ผู้หญิงขอเถอะ ผู้ชายอย่ามายุ่ง!! (Centerpoint Magazine)

          เรื่องของความต่างระหว่างชายหญิง จริง ๆ มีอยู่หลายมุม แต่ที่แน่ ๆ มุมบางอย่างที่ผู้หญิงอย่างเรา ๆ จะขอเว้นที่ว่างไว้ ห้ามผู้ชายเข้ามาใกล้เกินความพอดีจะมีอะไรกันบ้างนะ ต้องไปถามสาวสุดเฟี้ยวอย่าง โบวี่-อัฐมา ชีวนิชพันธ์ กัน...

           แต่งสวยเสริมงาม : ผู้ชายบางคนจะชอบว่าผู้หญิงว่าแต่งหน้าทำไม สวยอยู่แล้ว ทั้งที่เอาเข้าจริง ๆ ผู้ชายก็ชอบมองผู้หญิงสวยกันนะ ส่วนใหญ่ที่ชอบมองก็เป็นผู้หญิงที่แต่งเยอะ ๆ ด้วยซ้ำ เราไม่เข้าใจเลย พอเราแต่งหน้าสวยบ้างทำไมจะต้องมาห้ามด้วย

           เซ็กซี่นิดหน่อย : ชุดสวย ๆ บางชุดมันก็ต้องมีบ้างนะเรื่องโชว์นิดโชว์หน่อยให้พอดูเซ็กซี่เล็ก ๆ แต่ผู้ชายบางคนชอบหวงไม่เข้าเรื่อง แฟนตัวเองเนี่ยแต่งชุดเซ็กซี่ไม่ได้เลย แล้วชอบมาหาว่าเราแต่งตัวโป๊ไปยั่วคนอื่นอีก ทั้ง ๆ ที่เราแต่งชุดสวย ๆ ก็เพราะว่าเราอยากรู้สึกมั่นใจในตัวเองมากกว่า

           ควบคุมอาหาร : เวลาไปดินเนอร์ บางทีเราอาจจะรู้สึกไม่อยากกินอาหารบางอย่าง เพราะกลัวน้ำหนักขึ้น แต่ผู้ชายจะชอบมาถามว่าทำไมไม่กินล่ะ ทำไมต้องอดอาหารด้วย ซึ่งที่เราไม่กินเราก็อยากสวยเพราะคุณนั่นแหละ ^^

           ออกกำลังกาย : เวลาออกกำลังกาย เป็นช่วงเวลาที่เราจะเต็มที่มาก เพื่อให้หุ่นของเราออกมาดูดี แล้วเวลาที่เราออกกำลังเต็มที่ เหงื่อจะชุ่มไปหมดเลย เวลานั้นเราก็ไม่อยากให้ผู้ชายมาเห็นความโทรมของเราหรอกนะ

           ปาร์ตี้กับเพื่อนสาว : บางทีเราก็อาจจะรู้สึกอยากไปพบปะสังสรรค์กับเพื่อนสาวบ้าง อยากไปเม้าท์ตามประสาเพื่อนที่รู้ใจบ้าง ช่วงเวลานี้โบก็ไม่อยากจะมีแฟนตามไปด้วยนะ เพราะเราอาจจะรู้สึกว่าทำให้เราเม้าท์กับเพื่อนได้ไม่เต็มที่

           ช่วงเวลาตอนทำงาน : เวลาทำงานจะเป็นช่วงที่เราต้องจริงจัง ต้องใช้สมาธิกับมัน ถ้าเรามีแฟนคอยตามมาด้วย เราก็จะรู้สึกกังวล ทำงานได้ไม่เต็มที่ เพราะจะต้องมาคอยแคร์แฟนเรา แล้วยังต้องใช้สมาธิจดจ่อกับงานอีก เพราะฉะนั้น อย่าตามมาเลยจะดีกว่า

           การตัดสินใจ : เรื่องบางเรื่องในชีวิตของผู้หญิง เขาอาจจะรู้สึกอยากตัดสินใจด้วยตัวเอง อาจจะเพียงแค่ต้องการคำปรึกษาจากแฟน แต่ก็ไม่ควรที่จะไปคอยบงการว่าต้องทำแบบนี้นะ แล้วเมื่อเราตัดสินใจอะไรไปแล้วผิดพลาด ผู้ชายก็ไม่ควรจะมาซ้ำเติม เพียงแค่คอยให้กำลังใจและอยู่เคียงข้าง เพียงเท่านี้เราก็รู้สึกดีขึ้นแล้วล่ะ
28  สมาชิก VIP / General Discussion / Re: นักเรียน ม.5 เผาหอสมุด รร.มหิดลวิทยานุสรณ์ วอด เหตุขี้เกียจเรียน เมื่อ: มิถุนายน 10, 2010, 11:04:06 PM
น่าจะมีปัญหา sad1
29  สมาชิก VIP / General Discussion / Re: ผลสำรวจเด็กไทยดื่มน้ำอัดลม-ขนมกรุบกรอบพุ่ง 97% เสี่ยงโรคอ้วน เมื่อ: มิถุนายน 10, 2010, 11:02:48 PM
เพราะอันนี้หรือเปล่า undecided1
30  สมาชิก VIP / General Discussion / Re: สธ.เผย คนไทยตุ้ยนุ้ยพุ่ง หญิง 41% ชาย 28% เมื่อ: มิถุนายน 10, 2010, 11:01:54 PM
 จริงหริ:angry1:
หน้า: 1 [2] 3

Powered by MySQL Powered by PHP Valid XHTML 1.0! Valid CSS!