TARADTHONG.COM
เมษายน 19, 2024, 06:22:56 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: ตลาดทองดอทคอม
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  

Copy Code


หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ย้อนทบทวน 23 ข่าวเด่นแห่งปี 2553 ภาค1  (อ่าน 3706 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
น่ารักสุดๆ
Administrator
Hero Member
*****

คะแนนความนิยม: 2330
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1658



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: ธันวาคม 16, 2010, 09:00:55 PM »

ย้อนทบทวน 23 ข่าวเด่นแห่งปี 2553

1. แผ่นดินไหวสะเทือน "เฮติ"

         หากยังจำกันได้ ข่าวแผ่นดินไหวในประเทศเฮติ ถือเป็นข่าวดังเปิดฉากต้นปี 2553 เลยทีเดียว เพราะแรงสั่นสะเทือนถึง 7.0 ริกเตอร์ บวกกับอาฟเตอร์ช็อกอีกหลายครั้ง กลางกรุงปอร์โตแปรงซ์ เมืองหลวงของประเทศ ส่งผลให้ทำเนียบประธานาธิบดี ศูนย์ราชการ และบ้านเรือนประชาชนเสียหายมหาศาลกว่าแสนหลัง มีผู้เสียชีวิตกว่า 2 แสนคน ไร้ที่อยู่กว่า 1 ล้านคน นอกจากนั้น ยังเกิดโรคระบาด ฝนตกหนัก ถล่มชาวเฮติอีกระลอกสอง

         อย่างไรก็ตาม นานาชาติก็ไม่ได้นิ่งนอนใจกับเหตุการณ์ครั้งนี้ ได้เร่งลำเลียงสิ่งของ แรงงาน และระดมเงินเข้าช่วยเหลือประเทศเฮติอย่างเร่งด่วน โดยประเทศไทยเอง ก็ได้ร่วมบริจาคเงินและข้าวสารให้ประเทศเฮติ ขณะเดียวกันน้ำใจของคนไทยก็ช่วยกันระดมทุนอีกเป็นจำนวนมาก ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นประเทศที่บริจาคเงินช่วยเหลือชาวเฮติมากที่สุดในโลก คิดเป็นยอดเงินรวมกว่า 160 ล้านบาทเลยทีเดียว

2. น้ำหมักป้าเช็ง สะท้านวงการสุขภาพ  

         บรรดาลูกค้า "น้ำหมักป้าเช็ง" ต้องผวาไปตาม ๆ กัน หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้บุกจับป้าเช็ง หรือนางศรวรรณ ศิริสุนทรินทร์ อายุ 72 ปี เจ้าแม่เคเบิลทีวีเมืองปทุมธานี เจ้าของช่องซูเปอร์เช็ง และน้ำหมักชีวภาพ หรือน้ำหมักมหาบำบัด ที่ป้าเช็งอ้างสรรพคุณว่ามีประโยชน์ครอบจักรวาล ทั้งใช้รักษานิ่ว ไซนัส ความดันโลหิต ไทรอยด์ ใช้หยอดตา ปรุงอาหาร ถนอมผัก ฯลฯ แถมโฆษณาโครม ๆ ทางช่องเคเบิลทีวี โดยไม่มี อย. รับรอง

         ทั้งนี้ หลังผ่านการตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์ ก็พบว่า น้ำหมักดังกล่าวปนเปื้อนเชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย และมีความเป็นกรด จึงไม่เหมาะที่จะนำไปรับประทาน หรือหยอดตา เพราะจะทำให้เกิดอันตรายได้ ก่อนที่บรรดาผู้ที่เคยซื้อน้ำหมักป้าเช็งจะโร่แจ้งความตำรวจ ว่า ใช้น้ำหมักป้าเช็งแล้วไม่ได้ผล ที่ร้ายกว่านั้นคือ มีผู้ที่นำน้ำหมักไปหยอดตาจนต้องตาบอด แพทย์ต้องควักลูกตาทิ้ง เพราะติดเชื้ออย่างรุนแรง สุดท้ายแล้ว ป้าเช็งถูกแจ้ง 4 ข้อหา รอต่อสู้ในชั้นศาลต่อไป

 3. จีที 200 เครื่องตรวจระเบิดเจ้าปัญหา?

         เป็นประเด็นร้อนขึ้นมาทันที เมื่อนักวิทยาศาสตร์จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ออกมาฟันธงว่า จีที 200 หรือเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดแบบมือถือ ที่ประเทศไทยสั่งซื้อเข้ามาใช้ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ราคาเฉลี่ยเครื่องละ 1.2 ล้านบาท ไม่น่าจะมีประสิทธิภาพเพียงพอในการตรวจจับวัตถุระเบิด เนื่องจากหลักการทางวิทยาศาสตร์ไม่ชัดเจน แถมยังพบความผิดพลาดเกิดขึ้นอยู่บ่อย ๆ

         ขณะที่กองทัพบก เจ้าหน้าที่ตำรวจ-ทหาร ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็ออกมาโต้ว่า จีที 200 ใช้ได้ผล ในกรณีชี้เป้า ซึ่งต้องมีเครื่องมืออื่นมาตรวจซ้ำอีก และเครื่องมือนี้ยังจำเป็นต้องใช้ในพื้นที่ที่สามารถเกิดเหตุระเบิดรายวันได้ทุกเมื่อ ด้วยเหตุนี้จึงนำไปสู่การพิสูจน์ประสิทธิภาพของ จีที 200 ด้วยการทดสอบหาระเบิดตามมาภายหลัง ซึ่งผลที่ได้ไม่เป็นที่น่าพอใจ เพราะเครื่องสามารถตรวจสอบได้เพียง 4 ครั้ง จากทั้งหมด 20 ครั้ง ถือว่าเครื่องไม่มีคุณภาพ จนนำไปสู่การเลิกสั่งซื้อเครื่อง จีที 200 ในที่สุด

4. "ศีรษะนี้มอบให้พระเจ้าแผ่นดิน" วาทะแห่งปีของ อ๊อฟ พงษ์พัฒน์

         กลายเป็นวาทะเด็ดประจำค่ำคืนของการประกาศรางวัล "นาฎราช" ครั้งที่ 1 เมื่อนักแสดงสุดยอดฝีมือ อ๊อฟ พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง ขึ้นไปรับรางวัลการแสดงจากเรื่องพระจันทร์สีรุ้ง และได้กล่าววาทะเด็ดบนเวทีที่ทำให้ผู้ฟังขนลุก น้ำตาไหลด้วยความซาบซึ้งจนต้องลุกขึ้นยืนปรบมืออย่างดังสนั่นเป็นเวลานานสองนาน

         โดยอ๊อฟ พงษ์พัฒน์ ได้กล่าวถึง "พ่อ" ซึ่งหมายถึงพระเจ้าแผ่นดินของคนไทยทุกคน ว่า ทรงเสียเหงื่อ และเหนื่อยมามากกว่าจะได้บ้านหลังใหญ่แห่งนี้ แต่หากใครไม่รักพ่อแล้ว ก็ขอให้ออกไปจากที่นี่ อย่ามาพาลลงที่พ่อ เพราะที่นี่คือบ้านของพ่อ แผ่นดินของพ่อ ซึ่งทุกถ้อยคำของ อ๊อฟ พงษ์พัฒน์ ล้วนกลั่นกรองออกมาจากหัวใจ

         แต่ทว่าเรื่องราวอันน่าประทับใจกลับต้องมามีมลทินเล็กน้อย เมื่อนายภูมิพัฒน์ พงษ์ญาชวลิต เข้าไปแจ้งความเอาผิด อ๊อฟ พงษ์พัฒน์ โดยอ้างว่าพูดหมิ่นสถาบัน ทำให้เกิดความสับสน งานนี้เลยกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของสังคม สุดท้ายแล้ว ตำรวจก็ออกมายืนยันว่า อ๊อฟ พงษ์พัฒน์ ไม่ได้มีความผิดหมิ่นสถาบันแต่อย่างใด

5. แผ่นดินสยามร่ำไห้ จลาจลเผาเมือง-ราชประสงค์ วอด

         หน้าร้อนของประเทศไทยปีนี้อุณหภูมิสูงกว่าทุกปีรับกับเหตุการณ์ที่น่าเศร้าสะเทือนใจที่สุด  เมื่อเกิดเหตุการปะทะกันของเจ้าหน้าที่และคนเสื้อแดง โดยเริ่มต้นจากก่อนหน้านั้น กลุ่มเสื้อแดงได้นัดหมายชุมนุมกันที่บริเวณถนนราชดำเนิน แต่แล้วก็เปลี่ยนแผนแบ่งกำลังส่วนหนึ่งไปปักหลักชุมนุมกันที่บริเวณราชประสงค์ ใจกลางธุรกิจของกรุงเทพมหานคร เพื่อกดดันรัฐบาลแทน แต่จนแล้วจนรอด เป็นเวลานานนับเดือน ทั้งรัฐบาลและเสื้อแดงก็ยังงัดข้อต่อกันไม่เลิก สุดท้ายแล้ว ภาคธุรกิจและคนกรุงเริ่มทนไม่ไหว กดดันให้นายกฯ ลงมือทำอะไรสักอย่าง ขณะเดียวกัน บรรยากาศของทั้งสองฝ่ายเริ่มเขม็งเกลียวกันมากขึ้น จากเหตุการณ์ที่ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ถูกกระสุนปืนความเร็วสูงยิงทะลุศีรษะขณะให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศ ก่อนจะเสียชีวิตในที่สุด

         จากนั้นไม่นาน เจ้าหน้าที่ได้ปะทะกับกลุ่มเสื้อแดง รวมทั้งกลุ่มชายชุดดำ กองกำลังไม่ทราบฝ่ายพร้อมอาวุธครบมือหลายครั้ง ทั้งในพื้นที่สวนลุมพินี สนามมวยลุมพินี แยกวิทยุ พระราม 4 ประตูน้ำ ถนนราชปรารภ บ่อนไก่ สามเหลี่ยมดินแดง ท่ามกลางเสียงระเบิดและอาวุธจำนวนมาก ภาพสงครามกลางเมือง เผายาง สู้รบกันกลายเป็นภาพออกไปสู่สายตาสาธารณชนทั่วโลก และนำไปสู่ความสูญเสียทั้งฝ่ายพลเรือน และเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ก่อนที่ แกนนำ นปช. บางส่วนจะได้ประกาศยุติการชุมนุม  และขอเข้ามอบตัว เพื่อให้สถานการณ์สงบ

         แต่ทว่า หลังจากแกนนำประกาศมอบตัวได้ไม่นาน กลุ่มเสื้อแดงบางคนไม่พอใจ ได้ก่อเหตุจลาจล ด้วยการเผาห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เซน บิ๊กซี ราชดำริ ก่อนจะลุกลามมายังโรงหนังสยาม ห้างเซ็นเตอร์วัน อนุสาวรีย์ชัย จากนั้นกลุ่มเสื้อแดงบางส่วนก็ได้บุกเข้าทำลายทรัพย์สินในอาคารมาลีนนท์ ช่อง 3 ก่อนจะลุกลามไปถึงในต่างจังหวัดที่กลุ่มเสื้อแดงได้รวมตัวกันเผาศาลากลางจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือหลาย รวมทั้งสถานที่สำคัญในแต่ละจังหวัด สุดท้ายแล้ว แม้ไฟเผาเมืองจะดับลง แต่ก็ทิ้งซากความหายนะที่ประมาณค่าไม่ได้ พร้อมกับจำนวนผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บจำนวนมาก

         อย่างไรก็ตาม จากเหตุการณ์นี้ นิตยสารไทมส์จัดอันดับให้เป็น 1 ใน 10 เหตุการณ์ที่คนทั่วโลกต้องจดจำ ประจำปี 2010 ด้วย


6. เครียด! เด็ก ม.5 เผาโรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์  

         ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเห็นภาพเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมืองของผู้ใหญ่หรือไม่ จึงทำให้เด็กชายชั้น ม.5 โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ ที่เกิดอาการเครียดจัด เพราะเกรดตก อีกทั้งที่โรงเรียนสอนเข้มงวดมาก ตัดสินใจเผาหอสมุดของโรงเรียน เพื่อหวังจะให้โรงเรียนประกาศปิดชั่วคราว แต่ไฟกลับลุกลามใหญ่โตจนโรงเรียนได้รับความเสียหายมูลค่ากว่า 130 ล้านบาท

         ก่อนที่ต่อมามือเผาก็ได้เข้ามอบตัว และถูกนำไปตรวจสอบสภาพจิต ขณะที่ทางโรงเรียนไม่เอาผิดทางแพ่งต่อนักเรียนที่ก่อเหตุ ส่วนคดีทางอาญาก็ต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในการดำเนินการตามกฎหมายต่อไป อย่างไรก็ตาม นี่ถือเป็นข่าวที่น่าสลดใจ และตอกย้ำให้เห็นว่า วงการการศึกษาไทยแม้จะมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงไปกี่ครั้ง สุดท้ายกรรมก็ยังไปตกอยู่กับเด็กที่ได้รับแรงกดดันให้เข้าสู่สนามการแข่งขันที่มากเกินไปอยู่ดี

 
7. เขาพระวิหาร ปัญหาเรื้อรังที่ไม่จบ (ง่าย ๆ)

         ยืดเยื้อมาอย่างยาวนาน จนกลายเป็นความบาดหมางระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน สำหรับปมปัญหาปราสาทเขาพระวิหาร หลังประเทศกัมพูชาพยายามจะเสนอยูเนสโก ให้ยก "ปราสาทเขาพระวิหาร"  เป็นมรดกโลก แต่ทางประเทศไทยก็ยื่นคัดค้าน เนื่องจากยังตกลงเรื่องเขตแดน และพื้นที่โดยรอบปราสาทยังไม่ชัดเจน โดยเฉพาะเรื่องบันทึกความเข้าใจ MOU และคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทยกัมพูชา หรือ JBC ที่ยังไม่มีความเรียบร้อย จนเกรงว่าจะนำไปสู่การสูญเสียดินแดนส่วนของไทยไปในที่สุด

         โดยประเทศไทยได้ส่งนายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าคณะตัวแทนจากประเทศไทย เดินทางไปเวทีประชุมคณะกรรมการมรดกโลกที่ประเทศบราซิล เพื่อชี้แจงยื่นคัดค้านกัมพูชาที่จะขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก ท่ามกลางการลุ้นระทึกของคนไทย สุดท้ายคณะกรรมการมรดกโลก ก็ตัดสินใจให้เลื่อนการพิจารณาขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกออกไปเป็นปี 2554 ที่ประเทศบาร์เรนแทน แน่นอนว่า ทางประเทศไทยก็ต้องทำงานเต็มที่ เพื่อเร่งชี้แจงข้อเท็จจริง และแก้ไขข้อพิพาทที่กลายเป็นปมร้าวระหว่างไทย-กัมพูชาต่อไป

8. ฝันอีกไกล คนไทยกับ 3G

         ประเทศญี่ปุ่นกำลังจะก้าวเข้าสู่ 4G แล้ว ขณะที่บนยอดเขาเอเวอร์เรสต์ ประเทศเนปาล ก็ได้เปิดใช้ 3G แล้วเช่นกัน แต่ทว่าประเทศไทยยังคงถกเถียงกันไปมาอย่างไม่มีจุดจบเสียที แม้ก่อนหน้า จะมีการทุ่มเงินกว่า 50 ล้านบาท เพื่อเตรียมจัดการประมูล 3G ไว้เกือบจะครบกระบวนการทุกอย่างแล้ว แต่ทว่า ศาลปกครองสูงสุด ก็ได้มีคำสั่งชั่วคราวให้ กทช. ระงับการประมูล 3G ออกไปก่อน หลังจากที่ กสท. ยื่นฟ้องว่า กทช. ไม่มีอำนาจในการออกใบอนุญาตเปิดประมูล 3G จนนำไปสู่การผลักดันคณะกรรมการ กสทช. ขึ้นมาทำหน้าที่แทน

         อย่างไรก็ตาม ทางรัฐบาลเตรียมการจะเป็นผู้ลงทุนระบบ 3G ผ่านทางทีโอทีแทน ซึ่งนายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ออกมายืนยันว่า คนไทยจะได้ใช้ 3G ในเดือนกันยายน 2554 อย่างแน่นอน เอ้า! งานนี้ คนไทยมานั่งลุ้นกันดีกว่า ว่า เมื่อไหร่ประเทศไทยจะได้ใช้ 3G เสียที


9. หมึกพอล ผู้ชนะที่แท้จริงของ ฟุตบอลโลก 2010  

         แม้ว่าลูกยิงของอันเดรส อิเนียสต้า จะเป็นประตูชัยส่งให้ทีมชาติสเปนผงาดคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ แต่ดูท่าว่าความดังของทีมกระทิงดุคงจะต้องเสียท่าให้กับเจ้าพอล หรือ หมึกพอล หมึกยักษ์แห่งสวนน้ำ ซี ไลฟ์ อควอเรียม เมืองโอเบอร์เฮาเซ่น ของเยอรมัน เมื่อเจ้าหมึกพอลเล่นขโมยซีนทายผลฟุตบอลโลกถูกทั้ง 7 คู่ ชนิดหักปากกาเซียน

         แถมความแม่นของเจ้าหมึกพอล ยังส่งผลให้มันมีแฟนคลับตามติดชีวิตอีกเพียบ กระทั่งมีคนเตรียมจะสร้างหนังชีวิตของเจ้าพอลเลยทีเดียว แต่มันก็ทำให้บรรดาเพื่อนพ้องน้องหมึกกลายเป็นอาหารอันโอชะของแฟนบอลที่เจ็บช้ำน้ำใจ เมื่อเจ้าพอลทายว่า ทีมไหนจะแพ้ แล้วดันแพ้ขึ้นมาจริง ๆ ดังตาเห็น นอกจากนั้น เจ้าพอล ยังหวิดถูกฆาตกรรม เมื่อแฟนบอลที่ไม่พอใจเจ้าพอลประกาศขู่ฆ่าเจ้าพอลซะอีก

         แต่แผนลักพาตัวเจ้าพอลคงต้องพับเก็บไปเรียบร้อย เพราะอีก 3 เดือนถัดมาหลังเสร็จศึกฟุตบอลโลก 2010 ก็กลับเกิดข่าวน่าเศร้าขึ้น เมื่อ "หมึกพอล" จำต้องแขวนหนวด ไม่มีสิทธิ์ได้ทายผลฟุตบอลต่อไป เนื่องจากมันได้เสียชีวิตลงตามอายุขัย 2 ปี สร้างความตกใจและเสียดายไปทั่วโลกเลยทีเดียว
 icon_fsm
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


Powered by MySQL Powered by PHP Valid XHTML 1.0! Valid CSS!