TARADTHONG.COM
เมษายน 19, 2024, 07:25:31 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: ตลาดทองดอทคอม
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  

Copy Code


หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เปิดแถลงฉบับ 2 ของทนายสาวซีวิค วอนสังคมเห็นใจ  (อ่าน 3721 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
น่ารักสุดๆ
Administrator
Hero Member
*****

คะแนนความนิยม: 2330
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1658



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: มีนาคม 03, 2011, 06:42:51 AM »

เปิดแถลงฉบับ 2 ของทนายสาวซีวิค วอนสังคมเห็นใจ


ทีมทนายสาวซีวิคออกแถลงการณ์ฉบับที่ 2 แจงรถอาจไม่ได้ชนกัน วิงวอนสังคมให้ความเป็นธรรม ยันสาวซีวิคไม่ได้โพสต์ข้อความในแบล็กเบอร์รี่หลังเกิดเหตุ

           กลับมาเป็นประเด็นอีกครั้ง เมื่อทีมทนายความของสาวอายุ 17 ปี ซึ่งขับขี่รถยนต์ฮอนด้าซีวิคชนรถตู้บนทางด่วนโทลล์เวย์ ออกแถลงการณ์ของตระกูลเทพหัสดิน ณ อยุธยา ฉบับที่ 1 เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ เพื่อชี้แจงต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไปก่อนหน้า โดยระบุว่า รถยนต์ของสาวซีวิคอาจจะไม่ได้ชนกับรถตู้ แต่เป็นเพียงการหักหลบ เนื่องจากไม่มีร่องรอยสีของรถติดอยู่ ทำให้สังคมวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนาหูอีกครั้ง

           ล่าสุด วานนี้ (1 มีนาคม) นายพิทยา ปักเข็ม ทนายความของสาวซีวิคได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 2 เพื่ออธิบายข้อเท็จจริง และสิ่งที่สังคมยังมีความคลางแคลงใจอยู่ โดยมีเนื้อหาดังนี้

           สืบเนื่องจากคำแถลงการณ์ฉบับที่ 1 ที่ยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับพยานหลักฐานที่ ปรากฏบนตัวถังของรถยนต์ตู้โดยสารและรถยนต์เก๋งซีวิค ซึ่งตรงนี้ทีมกฎหมายขอ ยืนยันว่า ในแถลงการณ์ฉบับที่ 1 มีข้อเท็จจริงที่ชัดเจนจากภาพถ่ายรถคู่กรณี ทั้งสองคันว่า ไม่มีร่องรอยสีของรถยนต์ทั้งสองคันติดกัน ซึ่งเป็นไปได้ยากมากหากเกิดการเฉี่ยวชนที่รุนแรงขนาดนั้น จะไม่มีร่องรอยหรือสีของรถทั้งสองคันติดอยู่บนตัวถังรถซึ่งกันและกัน จึงขอวิงวอนให้สังคมพิจารณาตามข้อเท็จจริง

           นอกจากนี้ทีมกฎหมายเห็นว่า อาจมีความเป็นไปได้ว่ารถยนต์ทั้งสองคัน อาจไม่ได้เฉี่ยวชนกัน แต่อาจเกิดการเสียหลักเพราะเหตุที่รถยนต์ตู้โดยสารขับคร่อมเลน และปาดหน้ามายังช่องทางเดินรถขวาสุดอย่างกะทันหัน ส่วนรถเก๋งซีวิคก็พยายามหักหลบจนเกิดอุบัติเหตุขึ้นดังที่ทราบ ส่วนการที่รถยนต์ตู้เกิดเสียหลักหรือไม่อย่างไร เป็นเรื่องที่ผู้เกี่ยวข้องจะต้องศึกษากันว่า เกิดจากสภาพของรถ หรือเกิดจากคนที่ขับขี่ และหากจะมองจากภาพวีดีโอที่ปรากฏทางสื่อ ก็น่าจะเห็นได้ชัดเจนว่า รถยนต์เก๋งซีวิคได้เบนหน้ารถออกมาทางด้านซ้าย ซึ่งเป็นการหักหลบเพื่อให้พ้นการเฉี่ยวชน

           ทีมกฎหมายขอเรียนมายังท่านที่สนใจกรณีดังกล่าวว่า สิ่งที่แถลงการณ์มานั้นเป็นข้อเท็จจริงจากการสอบคำให้การของผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งจากหลักฐานที่ปรากฏชัด ซึ่งมิใช่คำอ้างเพียงลอย ๆ เพียงเพื่อที่จะต่อสู้คดีเท่านั้น

           ส่วนการโพสต์ข้อความลงในเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดยนำภาพของผู้ต้องหาขณะพยายามใช้โทรศัพท์ติดต่อผู้ที่เกี่ยวข้องไปลง พร้อมกับมีรูปประกอบการโพสต์ข้อความในแบล็กเบอร์รี่ ทำนองว่า "เซงเลย รถเราไปเฉี่ยวรถตู้" หรือ "อัพรูปไปแล้วภาพรถตู้ด้วย เหมือนในหนังเลยตัวเอง" หรือ "อีกแปปก็ไปแล้ว พ่อกำลังเคลียร์กับนักข่าวอยู่" หรือ ขึ้นสถานะว่า "เมื่อกี้ชั้นขับรถชนรถตู้ ตายไปเท่าไหร่ไม่รู้อ่า55 ตื่นเต้นชะมัดเลยอ่า เด่วอัพรูปลงเฟสบุคให้ดู" อันเป็นเหตุให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ทางสังคมในเชิงลบอย่างหนัก

           ขอเรียนว่า ข้อความดังกล่าว ฝ่ายผู้ต้องหามิได้เป็นผู้โพสต์ข้อความดังกล่าว และภายหลังจากเกิดเหตุ ผู้ต้องหาก็มิได้เล่น บี.บี.ดังที่มีการลงข้อความดังกล่าว เพราะหลังจากเกิดอุบัติเหตุ ผู้ต้องหาถูกอัดอยู่ใต้พวงมาลัย จนกระทั่งได้รับการช่วยเหลือออกมา และถูกพยุงมาพิงอยู่กับขอบทางด่วน พร้อมทั้งได้รับคำแนะนำจากหน่วยกู้ชีพให้โทรติดต่อหาญาติ โดยหน่วยกู้ชีพได้ไปหาโทรศัพท์จากรถยนต์เก๋งซีวิคมาให้กับผู้ต้องหาใช้ ในจังหวะที่กำลังกดโทรศัพท์อยู่นั้น ก็ถูกถ่ายรูปไว้ และต่อมาเรื่องดังกล่าวก็ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าข้อความในแบล็กเบอร์รี่ นั้น ผู้ต้องหาไม่ได้เป็นผู้พิมพ์แต่อย่างใด หากแต่มีผู้ทำภาพตัดต่อแต่งเติมขึ้นมา จึงขอเรียนย้ำมาให้ทราบทั่วกัน

           สำหรับกรณีที่มีข่าวว่า ฝ่ายผู้ต้องหาไม่เคยติดต่อเข้าไปเจรจากับผู้เสียหาย ขอเรียนว่านับตั้งแต่เกิดเหตุ ครอบครัวของผู้ต้องหาได้พยายามติดต่อญาติผู้เสียหายเกือบทุกท่าน แต่การพูดคุยทำได้ไม่มากดังที่เป็นข่าว โดยบางรายก็อ้างว่า ต้องรอคุยกับทีมกฎหมายของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เสียก่อน แต่อย่างไรก็ตามในการเข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาเมื่อวันที่ 5 มกราคมที่ผ่านมา ฝ่ายผู้ต้องหาก็ได้แสดงเจตนาชัดแจ้ง และขอให้พนักงานสอบสวนนัดเจรจากับฝ่ายผู้เสียหายแล้ว แต่ภายหลังก็ได้รับทราบว่า ทีมกฎหมายของธรรมศาสตร์ได้ตอบปฏิเสธเรื่องการเจรจา

           ข้อเท็จจริงจึงมิใช่กรณีที่ฝ่ายผู้ต้องหาไม่ได้พยายามที่จะเจรจากับฝ่ายผู้เสียหายดังที่เป็นข่าวแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะความประสงค์ของตัวแทนของฝ่ายกฎหมายของผู้เสียหายต่างหาก ส่วนที่พนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานแล้วเสร็จ และจะเสนอสำนวนต่อพนักงานอัยการนั้น ฝ่ายผู้ต้องหาก็พร้อมที่จะไปพบพนักงานอัยการ เพื่อเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมายต่อไป

           ทั้งนี้ทีมกฎหมายขอขอบพระคุณทุกท่านอีกครั้งหนึ่งที่กรุณารับฟังข้อเท็จจริง และหวังว่าทุกท่านคงเข้าใจและพยายามดำเนินการ เพื่อนำไปสู่การยุติข้อพิพาท ไม่ว่าโดยการเจรจาหรือโดยกระบวนการทางศาล เพื่อความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย หลังจากนี้จะมีการเผยแพร่แถลงการณ์ไปตามสื่อต่าง ๆ เพื่อให้สังคมได้รับทราบข้อมูลที่แท้จริงกันอย่างทั่วถึงต่อไป
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


Powered by MySQL Powered by PHP Valid XHTML 1.0! Valid CSS!