TARADTHONG.COM
เมษายน 19, 2024, 11:24:43 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: ตลาดทองดอทคอม
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  

Copy Code


หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ชาติพันธมิตร ทิ้งตูม! ถล่มศูนย์บัญชาการกัดดาฟีแล้ว  (อ่าน 4708 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
webmaster
Administrator
Full Member
*****

คะแนนความนิยม: 21
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 143



ดูรายละเอียด
« เมื่อ: มีนาคม 21, 2011, 01:51:40 PM »

ชาติพันธมิตร ทิ้งตูม! ถล่มศูนย์บัญชาการกัดดาฟีแล้ว


ชาติพันธมิตร ถล่ม  ศูนย์บัญชาการกัดดาฟีแล้ว  ทางด้านโฆษกรัฐบาลลิเบีย ติ ชาติพันธมิตร ทำป่าเถื่อนเกินเหตุ เพราะจุดโจมตีใกล้บ้านเรือนประชาชน พร้อมพาสื่อมวลชน เดินทางไปดูเศษซากขีปนาวุธ และอาคารที่โดนถล่ม

           นาย มุสซา ยังได้เปิดเผยว่า การกระทำของชาติพันธมิตร เป็นการกระทำที่ป่าเถื่อน เพราะการยิงขีปนาวุธครั้งนี้อาจจะไปถูกชาวบ้านพลเรือนหลายร้อยคน ซึ่งบ้านเรือนของประชาชนห่างจุดที่ถูกโจมตี ที่เป็นที่พัก มูอัมมาร์ กัดดาฟี เพียงแค่ 400 เมตร เท่านั้น แต่พวกเขากลับพูดว่า  ต้องการปกป้องประชาชน แต่กลับโจมตีที่พักอาศัย ที่พวกเขารู้ดีว่ามีพลเรือนอยู่ภายใน

           พร้อมกันนี้ยังได้เปิดเผยว่า การโจมตีในคืนวันอาทิตย์ เกิดขึ้นบริเวณบ้านพักของ กัดดาฟี รวมทั้ง ค่ายทหารหลายแห่ง และมีการยิงตอบโต้จากปืนต่อต้านอากาศยานหลายนัด หลังจากที่ กองกำลังชาติพันธมิตร ใช้กำลังโจมตีลิเบีย ตามมติของ คณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็น ปี 1973

            ขณะที่ กองทัพลิเบียได้ขอเจรจาหยุดยิงแล้ว หลังโดนกองกำลังนานาชาติประกอบด้วย สหรัฐ อังกฤษ อิตาลี และแคนาดา ถล่มอย่างหนัก ความเคลื่อนไหวสถานการณ์ในประเทศลิเบีย ภายหลังกองกำลังนานาชาติ เปิดฉากถล่มอย่างหนัก ที่เมืองเบงกาซี ล่าสุด สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า กองทัพลิเบียได้ขอเจรจาหยุดยิงแล้ว เนื่องจากได้รับความเสียหายจากการถูกโจมตีอย่างหนัก
       
         อย่างไรก็ตาม วินซ์ ครอว์ลีย์ โฆษกศูนย์บัญชาการกองทัพสหรัฐฯ ประจำภูมิภาคแอฟริกากล่าวว่า จากการประกาศขอยุติการหยุดยิงนั้น สหรัฐฯ ขอให้รัฐบาลลิเบียทำทุกอย่าง เพื่อแสดงความจริงใจต่อคำขอดังกล่าวด้วย

         โดยการโจมตีของฝ่ายชาติพันธมิตร เมื่อเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เมื่อเวลา 05.30 น. วานนี้ (20 มีนาคม) ตามเวลาท้องถิ่น โดยเปิดฉากจากการปฏิบัติการทางอากาศของฝรั่งเศส อังกฤษ และสหรัฐฯ พร้อมกับมีการยิงขีปนาวุธโทมาฮอว์ก จากเรือรบของอังกฤษ และเรือดำน้ำของสหรัฐฯ ที่จอดทอดสมออยู่นอกชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เข้าไปด้วย

         ขณะที่ นายโรเบิร์ต เกตส์ รัฐมนตรีกลาโหมของสหรัฐฯ ได้ออกมาเตือนซ้ำว่า ปฏิบัติการจะเพิ่มความรุนแรงมากขึ้น ซึ่งรวมไปถึงการพุ่งเป้าโจมตี ไปที่ตัวของ พ.อ.มูอัมมาร์ กัดดาฟี ผู้นำประเทศโดยตรง สหรัฐฯ จะโอนการควบคุมปฏิบัติการทางทหารให้องค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือ นาโต ในเร็ว ๆ นี้

 



[20 มีนาคม] ชาติตะวันตกเปิดฉากโจมตี ลิเบีย แล้ว

          วันนี้ (20) สถานการณ์การดำเนินการทางทหารในลิเบียของชาติตะวันตก ล่าสุดเครื่องบินฝรั่งเศสทำการยิงทำลายรถถัง ของกองกำลังลิเบียแล้ว 4 คัน ในพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองเบงกาซี ขณะที่กลาโหมสหรัฐอเมริกา ระบุเตรียมยิง "ขีปนาวุธครูซ" จากเรือรบ ที่ประจำการในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน โดยเล็งเป้าไปที่ฐานต่อต้านอากาศยานของกองกำลังกัดดาฟี

          อย่างไรก็ดี ยังมีหลายชาติที่แสดงความไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของชาติตะวันตก ในการใช้ปฏิบัติการทางทหารกับลิเบียในครั้งนี้ โดยเฉพาะรัสเซีย ขณะที่กาชาดสากลเรียกร้องให้ทุกฝ่ายในลิเบีย อย่าทำการการสกัดกั้นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์และรถพยาบาล เพื่อให้เข้าดูแลผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ

          ทั้งนี้ ประธานาธิบดี นิโกลาส์ ซาร์โกซี ผู้นำฝรั่งเศส กล่าวว่า การประชุมฉุกเฉินที่กรุงปารีสเมื่อที่ 19 มีนาคม ที่ผ่านมา กับผู้เข้าร่วมประชุมระดับผู้นำประเทศ และเจ้าหน้าที่ระดับสูง รวมทั้งเลขาธิการสันนิบาตอาหรับ มีมติตกลงที่จะใช้มาตราการที่จำเป็น เพื่อให้ พ.อ.มูอัมมาร์ กัดดาฟี ผู้นำลิเบีย เคารพมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ที่เรียกร้องให้หยุดยิง

          ด้านสำนักข่าว อัลจาซีร่า รายงานว่า ฝรั่งเศสเตรียมส่งเครื่องบินรบ"ชาร์ลส์ เดอ โกลล์" เข้าไปยังลิเบียวันนี้ (20 มีนาคม) ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งช้ากว่าเวลาในประเทศไทยประมาณ 5 ชั่วโมง เพื่อป้องกันกองกำลังกัดดาฟีมิให้โจมตีกลุ่มต่อต้าน เช่นเดียวกับกลาโหมสหรัฐฯ ที่เตรียมเรือดำน้ำ 3 ลำเข้าประจำการที่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เพื่อเตรียมพร้อมในการจัดการกับลิเบีย

          ทั้งนี้ กระทรวงกลาโหม ของสหรัฐอเมริกา หรือ เพนตากอน เปิดเผยว่า ได้ยิงขีปนาวุธจากเรือรบของสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร และชาติพันธมิตรอื่น ๆ ใส่เป้าหมายในลิเบีย แล้ว 112 ลูก

          ขณะที่ประธานาธิบดีบารัก โอบามา ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวที่ประเทศบราซิล ระหว่างภารกิจเยือนลาตินอเมริกา ว่า การปฏิบัติการทางการทหารไม่ใช่ตัวเลือกแรก และไม่ได้เป็นความต้องการของสหรัฐฯ และ ชาติพันธมิตร ที่จะกระทำต่อลิเบีย แต่ไม่สามารถนิ่งเฉยได้ ในขณะที่ผู้นำประเทศบอกกับประชาชนของตนว่า "จะไม่มีความเมตตาอีกต่อไป" พร้อมกล่าวย้ำว่า สหรัฐฯ จะไม่ส่งกองกำลังภาคพื้นดินเข้าไปในลิเบีย

          ขณะเดียวกัน ฝ่ายสนับสนุน พ.อ.มูอัมมาร์ กัดดาฟี ผู้นำลิเบีย ใช้ยุทโธปกรณ์นานาชนิด รวมทั้งรถถัง ระดมโจมตีที่มั่นกองกำลังฝ่ายต่อต้านรัฐบาลในเมืองเบงกาซี เมืองใหญ่อันดับ 2 ของประเทศ หวังยึดคืนพื้นที่ให้ได้โดยเร็วที่สุด โดยมีรายงานผู้เสียชีวิตเฉพาะวันเสาร์ที่ 19 มีนาคม แล้วอย่างน้อย 27 ราย

          ด้านสำนักข่าว เอบีซี นิวส์ รายงาน อ้าง เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ที่ยืนยันครั้งแรกว่า ได้ยิงขีปนาวุธใส่ลิเบีย จากเรือรบที่ประจำการอยู่ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของสหรัฐฯ ที่เข้าไปมีส่วนร่วมโดยตรง กับการดำเนินการระหว่างประเทศ เพื่อยับยั้ง พ.อ.มูอัมมาร์ กัดดาฟี ในการโจมตีฝ่ายต่อต้านและประชาชน และเพื่อบังคับให้ปฏิบัติตามมติของที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ในการจัดตั้งเขตห้ามบิน และขณะนี้ได้เคลื่อนเรือรบ 11 ลำ เข้าประจำการในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน รวมทั้งเรือดำน้ำ 3 ลำ เรือพิฆาต 2 ลำ เรือสะเทินน้ำสะเทินบก และ เรือขนส่งอีกหลายลำ

          ขณะที่ พ.อ.มูอัมมาร์ กัดดาฟี เรียกร้องให้ประชาชนชาวลิเบีย ลุกขึ้นจับอาวุธ เพื่อปกป้องประเทศ ในสิ่งที่เรียกว่า "สงครามศาสนา และ การล่าอาณานิคม" จากการรุกรานโดยกองกำลังของชาติตะวันตก

          โดย กัดดาฟี กล่าวผ่านสถานีโทรทัศน์ของรัฐบาล ว่า เป็นสิ่งจำเป็นในตอนนี้ ที่ประชาชนทุกคนต้องหันมาจับอาวุธ เพื่อปกป้องความเป็นอิสระ ความสามัคคี และศักดิ์ศรีของชาวลิเบีย พร้อมเรียกร้องให้ประชาชนพลเมืองของประเทศอาหรับ อิสลาม ลาตินอเมริกา เอเชีย และแอฟริกา ยืนเคียงข้างชาวลิเบีย ที่กล้าหาญ และกล้าเผชิญกับการรุกรานนี้ และมีเพียงความสามัคคีและความแข็งแกร่งของประชาชนชาวลิเบียเท่านั้น ที่จะนำพาประเทศผ่านพ้นการคุกคามนี้ไปได้

          อย่างไรก็ตาม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ขณะนี้ตนทราบว่ากรณีที่สหรัฐอเมริกา พร้อมกำลังของประเทศสหประชาชาติ ถล่มประเทศลิเบีย แต่เหตุที่เกิดขึ้นนั้น เกิดทางภาคเหนือของลิเบีย ซึ่งแรงงานไทยได้อพยพออกมาแล้ว แต่จะเหลือก็เพียงผู้ที่สมัครใจอยู่ต่อเท่านั้น เพราะอยู่มานานจึงมีความผูกพัน และไม่ทราบมีจำนวนเท่าใด ขณะที่หากถ้ายังต้องการกลับไทย ก็ยังสามารถแจ้งความประสงค์มาได้ เช่นเดียวกับคนไทยในประเทศเยเมนด้วย





ซาอีฟ อัล อิสลาม

[18 มีนาคม] ลูกชาย กัดดาฟี ประกาศลั่น! ไม่กลัวยูเอ็นถล่ม ลิเบีย

          หลังจากที่ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือ UNSC มีมติให้ใช้กำลังทหารเข้าหยุดยั้งกองกำลังของ พ.อ.มูอัมมาร์ กัดดาฟี ผู้นำลิเบีย เนื่องจากฆ่าประชาชน พร้อมกับให้มีการเคลียร์พื้นที่เพื่อเตรียมโจมตีทางอากาศ โดยการทิ้งระเบิดชุดแรกจะเกิดขึ้นภายในไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า ด้วยคะแนน 10:0 และมีการงดออกเสียงจากสมาชิก 5 ประเทศ รวมถึงรัสเซียและจีน ขณะที่สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศสและสหราชอาณาจักร จะทำการผลักดันเพื่อขออนุมัติโดยเร็วนั้น

          ล่าสุดวันนี้ (18 มีนาคม) ซาอีฟ อัล อิสลาม บุตรชายของ กัดดาฟี ออกมาระบุว่า พวกเขาไม่รู้สึกหวั่นเกรง แม้องค์การสหประชาชาติจะประกาศโจมตีทางอากาศ เพื่อต่อต้านกองทัพของลิเบีย ซึ่งยังภักดีต่อพ่อของเขาอยู่ และหากคิดจะทิ้งระเบิดใส่ลิเบีย ก็เท่ากับคิดฆ่าคนลิเบีย คงไม่มีใครพอใจอย่างแน่นอน อีกอย่างเราอยู่ในประเทศของเรา จึงไม่ต้องกลัวอะไร

          นอกจากนี้ บุตรชายของ กัดดาฟี ระบุอีกว่า มติขององค์การสหประชาชาติไม่เป็นธรรม อีกทั้งยังปฏิเสธข่าวที่อ้างว่าทหารของ กัดดาฟี ได้ฆ่าประชาชนจำนวนมากระหว่างพยายามยึดเมืองคืน เพราะไม่มีการนองเลือดเกิดขึ้น เนื่องจากพวกกบฎยอมแพ้เอง




[9 มีนาคม] ทหารกัดดาฟีสกัดแรงงานข้ามชาติ ไม่ให้ออกประเทศ
 
         กองกำลังทหารกัดดาฟี เข้าสกัดกั้นแรงงานข้ามชาติ กว่า 30,000 คน ที่กำลังอพยพออกจากประเทศ พร้อมต้อนกลับเข้ากรุงตริโปลี เพื่อใช้แรงงาน
 
         สหพันธ์สภากาชาดและสภาเสี้ยววงเดือนแดงระหว่างประเทศ (The International Federation of Red Cross and Red Crescent Societies) หรือ Federation เปิดเผยว่า กองกำลังที่ให้การภักดีต่อ พ.อ.มูอัมมาร์ กัดดาฟี ผู้นำลิเบีย เข้าทำการสกัดกั้นแรงงานข้ามชาติ ที่พยายามอพยพออกจากประเทศลิเบีย สู่ประเทศตูนิเซีย ผ่านช่องทางชายแดน กว่า 30,000 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวบังกลาเทศ อียิปต์ และจากกลุ่มประเทศที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของทะเลทรายซาฮารา ในทวีปแอฟริกา พร้อมบังคับให้กลับไปใช้แรงงานในกรุงตริโปลี เมืองหลวงของลิเบียตามเดิม เพื่อใช้แรงงานขั้นพื้นฐาน ในการทำความสะอาดตามโรงพยาบาล

         ด้านข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ เปิดเผยถึง ความรุนแรงที่เพิ่มมากขึ้น โดยกองกำลังติดอาวุธชาวลิเบีย และกลุ่มทหารรับจ้าง ในพื้นที่ทางตะวันออกของประเทศลิเบีย และที่มั่นของกัดดาฟี ในพื้นที่ทางตะวันตก ขณะที่ผู้ลี้ภัยชาวซูดานได้เดินทางถึงประเทศอียิปต์ ผ่านชายแดนทางตะวันตกของลิเบียแล้ว และมีเด็กหญิงชาวซูดานวัย 12 ปี คนหนึ่ง เปิดเผยว่า ถูกข่มขืนระหว่างการอพยพ และอีกหลายคน ถูกทำลาย หรือยึดหลักฐานแสดงตน
 
        ทางด้าน นายมุสตาฟา อับเดล จาลิล อดีตรัฐมนตรียุติธรรมลิเบีย ซึ่งลาออก และถูกแต่งตั้งเป็นประธานสภาแห่งชาติลิเบีย ตัวแทนของฝ่ายกบฏ มีฐานที่มั่นในเมืองเบงกาซี แถลงทางโทรศัพท์ ผ่านสถานีโทรทัศน์ "อัล จาซีรา" ว่า ฝ่ายต่อต้านหรือฝ่ายกบฏ จะไม่ติดตามเอาความในอาชญากรรม ที่ พ.อ.มูอัมมาร์ กัดดาฟี ก่อขึ้น ถ้าเขาลาออก และเดินทางออกจากลิเบีย ภายใน 72 ชั่วโมง และยุติการทิ้งระเบิดโจมตีฝ่ายต่อต้าน

        สำหรับถ้อยแถลงของ นายจาลิล มีขึ้นหลังเจ้าหน้าที่ สหภาพยุโรป (อียู) เผยว่า รัฐบาลลิเบียได้เรียกร้องให้สหประชาชาติ ส่งคณะเจ้าหน้าที่ค้นหาความจริงเข้าไปสอบสวนเรื่องความรุนแรงในลิเบีย ขณะที่มีรายงานว่า อียู ตกลงเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรลิเบียรอบใหม่
บันทึกการเข้า


   โรงแรมอโยธยา-ทองคำ-แห่ง-สยาม


หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


Powered by MySQL Powered by PHP Valid XHTML 1.0! Valid CSS!