TARADTHONG.COM
เมษายน 27, 2024, 07:10:46 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: ตลาดทองดอทคอม
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  

Copy Code


หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ทุบหุ้นโลก-ทองนิวไฮ  (อ่าน 4950 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
songkhla
Administrator
Jr. Member
*****

คะแนนความนิยม: 26
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 60



ดูรายละเอียด
« เมื่อ: กรกฎาคม 27, 2011, 12:40:36 PM »

ทุบหุ้นโลก-ทองนิวไฮ


กูรูแห่เชียร์ซื้อหุ้นไทยโกยกำไรปตท.สผ.ยันผลงานปีนี้เข้าเป้า

ดัชนีบวกต่อ 6 จุด สวนทางหุ้นเอเชียถูกทิ้ง นักลงทุนกังวลหนี้สหรัฐ ไล่ซื้อทองดันนิวไฮ ศุภวุฒิไพบูลย์ เชียร์ลงทุนหุ้นไทย

ตลาดทุนโลกปั่นปวน หลังสหรัฐอเมริกายังไม่มีข้อตกลงเรื่องแก้ปัญหาหนี้ ส่งผลให้นักลงทุนเฮโลเข้าลงทุนในตลาดทองคำต่อเนื่อง ดันราคาทะยานขึ้นต่อเกือบ 20 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ ทำให้ประเทศไทยต้องประกาศราคาถึง 3 ครั้ง ภายในวันที่ 26 ก.ค. รวมทั้งสิ้น 200 บาท สำหรับทองคำแท่งขึ้นจ่อทดสอบระดับ 2.3 หมื่นบาท

ขณะเดียวกัน ก็มีแรงเทขายหุ้นในเอเชียหลายตลาด รวมถึงดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าร่วงลงแรงกว่า 100 จุด แต่ดัชนีหุ้นไทยกลับสวนทางปรับตัวขึ้นปิดที่จุดสูงสุดของวันที่ 1,127.58 จุด บวก 6.54 จุด แต่มูลค่าการซื้อขายบางตาลงเหลือ 29,572 ล้านบาท และนักลงทุนต่างชาติซื้อต่อ 1,816 ล้านบาท ซื้อตราสารหนี้จำนวน 6,694 ล้านบาท ขณะที่สถาบันทิ้งหุ้น 1,353 ล้านบาท

นายศุภวุฒิ สายเชื้อ กรรมการผู้จัดการสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ภัทร กล่าวในงานสัมมนา “ส่องกล้องมองทิศทางเศรษฐกิจไทย...จะจัดทัพลงทุนอย่างไรในครึ่งปีหลัง 54?” ว่า สหรัฐจะต้องใช้เวลาในการแก้ปัญหาหนี้สาธารณะนานกว่ายุโรป ซึ่งอาจจะถึง 23 ปี และต้องติดตามภาวะช็อกหนี้ที่อาจจะเกิดขึ้นได้

อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งปีหลังนักลงทุนยังสามารถลงทุนในหุ้นได้ เพราะแนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนไทย (บจ.) ยังเติบโตดี ส่วนตราสารหนี้ที่มีหนี้ต่ำก็น่าสนใจ ขณะเดียวกันควรบริหารความเสี่ยงด้วยการลงทุนในทองคำบ้าง แต่ในพอร์ตไม่ควรมีเกิน 5% เพราะราคาแกว่งตัวผันผวน

“เป็นสิ่งที่ตอบยากว่า เมื่อสหรัฐมีปัญหา แล้วเงินจะไหลเข้าตลาดหุ้นที่ไหน เพราะว่าในงบดุลของธนาคารกลางสหรัฐเก็บสะสมเงินสดมากกว่า 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ แสดงว่าเงินอยู่กับที่ไม่ได้ไปไหน” นายศุภวุฒิ กล่าว

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ทิสโก้ กล่าวว่า หุ้นยังน่าลงทุนต่อในครึ่งปีหลัง เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นในสหรัฐและยุโรปจะทำให้เงินไหลเข้าลงทุนในตลาดหุ้นเกิดใหม่ แม้ว่าปัญหาหนี้ของสหรัฐน่าจะผ่านพ้นไปด้วยดี และไม่จำเป็นต้องออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบที่ 3 หรือ QE3

“ผมแนะนำลงทุนหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคในประเทศ และกลุ่มธนาคารพาณิชย์ รวมถึงตราสารหนี้ และทองคำ” นายไพบูลย์ กล่าว

ด้าน บล.เครดิต สวิส ยังคงให้น้ำหนักลงทุนหุ้นบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) น้อยกว่าตลาด และลดราคาเป้าหมายลงจากหุ้นละ 183 บาท เหลือ 163 บาท เนื่องจากราคาน้ำมันล่วงหน้าปัจจุบัน และความเสี่ยงจากแหล่งขุดเจาะน้ำมันมอนทารา ออสเตรเลีย โดยคาดว่าหากไม่มีการซื้อกิจการปริมาณผลิตภัณฑ์จะทรงตัวจนถึงปี 2555 โดยปริมาณผลิตภัณฑ์จะเติบโต 15% ในปีหน้า และกำไรขึ้นอยู่กับราคาน้ำมันเป็นสำคัญ

ทั้งนี้ คาดว่าการซื้อกิจการหลักจะเกิดขึ้นในปี 2555 ที่จะทำให้ปริมาณผลิตภัณฑ์เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ และกังวลแผนซื้อกิจการเชิงรุกในช่วงที่ราคาน้ำมันแพงที่จะทำให้ผลตอบแทนของผู้ถือหุ้นลดลง

ราคาหุ้น PTTEP ปิดตลาดที่ 180.50 บาท ลดลง 3 บาท

นางเพ็ญจันทร์ จริเกษม รองผู้จัดการฝ่ายการเงิน PTTEP กล่าวว่า ไม่แปลกใจที่ บล.เครดิต สวิส ลดราคาเป้าหมายหุ้น PTTEP ลง เพราะที่ผ่านมามองราคาน้ำมันไม่ได้สูงอยู่แล้ว

ขณะที่พื้นฐานและการเติบโตของบริษัทก็ยังเป็นไปตามแผน ซึ่งปีนี้ปริมาณการขายก็ไม่น่าจะต่ำกว่า 2.73 แสนบาร์เรล เทียบเท่าน้ำมันดิบ ซึ่งนับรวมมอนทาราที่เลื่อนไปปีหน้าแล้ว ส่วนการซื้อกิจการใหม่ๆ นั้นต้องรอบคอบและให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับผู้ถือหุ้น

 
Post Today
Last update : 7/26/2011 5:04:55 PM
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


Powered by MySQL Powered by PHP Valid XHTML 1.0! Valid CSS!