ต่างชาติกระเจิงไม่กล้าลงทุนการเมืองพ่นพิษมิ.ย.เงินหายพันล้าน

[น่ารักสุดๆ]

ต่างชาติกระเจิงไม่กล้าลงทุนการเมืองพ่นพิษมิ.ย.เงินหายพันล้าน
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เผยเม็ดเงินลงทุนธุรกิจต่างด้าวในไทยครึ่งแรกปี 53 ทรุด 25% เงินหายวับ 1.2 พันล้าน หลังการเมืองเม.ย.-พ.ค.แย่ ทำต่างชาติขวัญกระเจิง ไม่กล้าลงทุน เฉพาะ มิ.ย.เม็ดเงินลดแล้ว 1 พันล้าน

เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. นายบรรยงค์ ลิ้มประยูรวงศ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยถึงมูลค่าเงินลงทุนของธุรกิจคนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตลงทุนในไทย ครึ่งปีแรก (ม.ค.-มิ.ย.) 53 ว่า มีทั้งสิ้น 3,833 ล้านบาท ลดลง 1,276 ล้านหรือลดลง 25% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มี 5,109 ล้านบาท เพราะปัญหาทางการเมืองและเกิดเหตุรุนแรงในการชุมนุม จนธุรกิจต่างชาติไม่มั่นใจและนำเงินเข้ามาลงทุนน้อยลง ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจที่ให้บริการแก่บริษัทในเครือและกลุ่ม เช่น บริการทางบัญชี กฎหมาย บริการให้กู้ยืมเงิน บริการให้เช่าที่ดินพื้นที่อาคารโรงงาน บริการรับค้ำประกันหนี้ เช่น บริษัท พีซีทีที เข้ามาให้กู้ยืมเงินแก่บริษัทในเครือ 203 ล้านบาท บริษัท โตโยต้า ลิสซิ่ง (ประเทศไทย) ได้รับอนุญาตประกอบธุรกิจบริการเช่ารถยนต์ 403 ล้านบาท เป็นต้น

“ปัญหาการเมืองที่เกิดขึ้นเมื่อเดือน มี.ค.-เม.ย. เป็นปัจจัยสำคัญกระทบความเชื่อมั่นของชาวต่างชาติที่ลงทุนธุรกิจในไทย จนทำให้ยอดขออนุญาตลดลง ที่สำคัญในครึ่งแรกปี 52 มีธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการลงทุนขนาดใหญ่เข้ามาขออนุญาตมาก จนทำให้ฐานตัวเลขการลงทุนสูง เช่น ธุรกิจขุดเจาะสำรวจให้กับ ปตท.สผ. เม็ดเงินลงทุน 916 ล้านบาท สยามคูโบต้าให้บริการธุรกิจเช่าซื้อ 700 ล้านบาท รวมถึงธุรกิจจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มจากสแกนดิเนเวีย 850 ล้านบาท ต่างจากปี 53 มีเพียงธุรกิจเกี่ยวข้องรถไฟฟ้าสายสีแดง สีม่วง และแอร์พอร์ต ลิงค์เท่านั้นที่มีเม็ดเงินสูง” นายบรรยงค์ กล่าว

ส่วนธุรกิจต่างด้าวที่ได้รับการอนุญาต เฉพาะเดือน มิ.ย.53 นั้น มี 17 ราย เพิ่มขึ้นจากเดือน พ.ค. 21% แต่ลดลง 11% เมื่อเทียบกับเดือนมิ.ย.52 ที่มีจำนวน 19 ราย ขณะที่เงินลงทุนมี 312 ล้านบาท ลดลง 1,046 ล้านบาท หรือ 77% เมื่อเทียบกับเดือนมิ.ย.ปีก่อนแต่เพิ่มขึ้น 166 ล้านบาทเมื่อเทียบกับเดือนพ.ค. 53 โดยสาเหตุที่เงินลงทุนลดลงเพราะความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศทำให้นัก ลงทุนต่างชาติไม่มั่นใจในการลงทุน อย่างไรก็ตาม คาดว่า แนวโน้มครึ่งปีหลังน่าจะดีขึ้น เพราะปัญหาการเมืองคลี่คลาย และรัฐบาลมีสเถียรภาพมากขึ้น