นักวิจัยสหรัฐฯ คาด น้ำแข็งอาร์กติกละลายหมดภายในปี 2030

[น่ารักสุดๆ]

นักวิจัยสหรัฐฯ คาด น้ำแข็งอาร์กติกละลายหมดภายในปี 2030

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์


เทเลกราฟ - ทะเลน้ำแข็งในมหาสมุทรอาร์กติก ที่ละลายหายไปในฤดูร้อนที่ผ่านมา ทำให้พื้นที่น้ำแข็งลดลงเหลือน้อยที่สุดเป็นอันดับ 3 ในประวัติศาสตร์ นักวิจัยสหรัฐฯ ระบุ พร้อมทั้งเตือนว่าภาวะโลกร้อน อาจทำให้ไม่เหลือแผ่นน้ำแข็งในภูมิภาคนี้ ภายในปี 2030
       
       เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ยามสิ้นฤดูกาลแห่งลมร้อน ใบไม้ผลิ และ “ฤดูน้ำแข็งละลาย” ในทะเลอาร์กติก ทะเลน้ำแข็งแห่งนี้มีพื้นที่ปกคลุมเพียง 4.76 ล้านตารางกิโลเมตร ศูนย์ข้อมูลหิมะและน้ำแข็งแห่งชาติ ของมหาวิทยาลัยโคโลราโด (เอ็นเอสไอดีซี) ระบุในรายงานประจำปี
       
       “ครั้งนี้นับเป็นครั้งที่สาม ที่ดาวเทียมสามารถบันทึกภาพ พื้นที่ทะเลน้ำแข็งลดลงต่ำกว่า 5 ล้านตารางกิโลเมตร และอีกสองครั้งก่อนหน้านี้ ก็เพิ่งเกิดในรอบ 4 ปีที่ผ่านมา” รายงานดังกล่าวระบุ

 
 
นักวิจัยจากศูนย์ข้อมูลหิมะและน้ำแข็งสหรัฐฯ ระบุ ทะเลน้ำแข็งอาร์กติกจะหายไปจากโลกภายในปี 2030
 
 
       

 
       นอกจากนี้ ยังมีรายงานอีกชิ้นหนึ่งของ สำนักงานมหาสมุทรและบรรยากาศแห่งชาติ ของสหรัฐฯ (เอ็นโอเอเอ) สำรวจพบเช่นกันว่า เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา พื้นที่ทะเลน้ำแข็งของมหาสมุทรอาร์กติกลดลงอย่างรวดเร็ว ปกคลุมพื้นที่เฉลี่ยเพียง 5.9 ล้านตารางกิโลเมตร หรือ ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยตั้งแต่ปี 1979-2000 ร้อยละ 22
       
       การบันทึกสถิติการหดตัวของพื้นที่น้ำแข็งในช่วงสิ้นฤดูน้ำแข็งละลาย เมื่อเดือนกันยายน 2007 เหลือน้ำแข็งปกคลุมพื้นที่ทะเลเพียง 4.1 ล้านตารางกิโลเมตร
       
       มาร์ก เซอร์เรเซ ผู้อำนวยการ เอ็นเอสไอดีซี ระบุว่า “ผู้ที่มีข้อสงสัยต่อสภาวะการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ อาจเข้าใจว่าทะเลน้ำแข็งอาร์กติก ไม่ได้หดตัวมากสุดในปีนี้ แต่พวกเขาเข้าใจผิด การหดตัวของพื้นที่น้ำแข็งไม่เคยยุติ”
       
       “ทะเลน้ำแข็งอาร์กติกก็เหมือนกับส่วนอื่นๆ บนโลก ที่ร้อนขึ้น และร้อนเร็วขึ้น เราจะได้เห็นว่าทะเลน้ำแข็งตอบสนองอย่างไร เพราะทุกๆ เดือน แผ่นน้ำแข็งลดลงไปเรื่อยๆ”
       
       ทะเลน้ำแข็งอาร์กติกหดหายไปร้อยละ 11 ของพื้นที่ต่อหนึ่งรอบทศวรรษ เขากล่าว
       
       “เราคิดว่า ภายในปี 2030 หากคุณออกไปยังทะเลอาร์กติก ในช่วงต้นเดือนกันยายนแบบนี้ คุณจะไม่เห็นน้ำแข็งเลยสักก้อน มันจะดูเหมือนมหาสมุทรสีฟ้าทั่วไป เรากำลังจะเสียมันไปเร็วๆ นี้" ผู้อำนวยการเอ็นเอสไอดีซี กล่าว ”