TARADTHONG.COM
พฤษภาคม 05, 2024, 11:15:58 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: ตลาดทองดอทคอม
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  

Copy Code


หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: โรคลีเจียนแนร์ ระบาดภาคเหนือ แรงกว่าหวัด 2009  (อ่าน 3963 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
น่ารักสุดๆ
Administrator
Hero Member
*****

คะแนนความนิยม: 2330
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1658



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: กรกฎาคม 20, 2010, 07:36:36 PM »

โรคลีเจียนแนร์ ระบาดภาคเหนือ แรงกว่าหวัด 2009

ศูนย์อนามัยภาคเหนือเผย พบ "โรคลีเจียนแนร์" ระบาดในภาคเหนือ ชี้แรงกว่า ไข้หวัดใหญ่ 2009 เพราะผู้ติดเชื้ออาจเสียชีวิตได้ใน 2-3 สัปดาห์

          นายอิ่นใจ วงศ์รัตนเสถียร นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการ ศูนย์อนามัยที่ 10 เชียงใหม่ เผยว่า ขณะนี้ประเทศไทยพบโรคอุบัติใหม่ คือ โรคลีเจียนแนร์ (Legionnaires' disease) กำลังแพร่ระบาดอยู่ในภาคเหนือ ซึ่งเป็นโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจที่มีความรุนแรงมากกว่า ไข้หวัดใหญ่ 2009 เพราะยังไม่มีการระบุว่า จะใช้ยาตัวใดรักษา โรคลีเจียนแนร์ ได้

          ทั้งนี้  โรคลีเจียนแนร์ เป็นโรคติดเชื้อแบคทีเรียเฉียบพลันจากสิ่งแวดล้อม เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ลีเจียนแนลลา นิวโมฟิลลา สามารถแพร่ระบาดผ่านระบบเครื่องปรับอากาศในอาคารใหญ่ ๆ ระบบจ่ายน้ำร้อน-เย็น ได้ ดังนั้นสถานที่เสี่ยงต่อ โรคลีเจียนแนร์ ได้แก่ตามโรงแรม ห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล รวมทั้งสถานที่ที่อุปกรณ์ที่ทำให้เกิดละอองน้ำ เช่น สปา สระน้ำ น้ำพุประดับและสปิงเกอร์ในสวน ซึ่งเชื้อจะเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็วและฟุ้งกระจายอยู่ในอากาศ

          โดย โรคลีเจียนแนร์ สามารถติดเชื้อผ่านทางปาก และการหายใจเอาเชื้อเข้าไป ซึ่งอาจทำให้ผู้ป่วย โรคลีเจียนแนร์ มีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ คอแห้ง ไอแห้งไม่มีเสมหะ ปวดศีรษะ ปวดตามข้อ และกล้ามเนื้อ เบื่ออาหาร มีไข้สูง 39-40 องศาเซลเซียส  รวมทั้งมีอาการอาเจียน ท้องเสียตามมา ซึ่งหากมีอาการไม่หนัก ไม่มีภาวะปอดอักเสบ จะสามารถหายได้เอง 2-5 วัน ในทางการแพทย์จะเรียกว่า "โรคไข้ปอนเตียก" (Pontiac fever)

          แต่หากมีภาวะปอดอักเสบตามมา จะเรียกว่า โรคลีเจียนแนร์  ซึ่งเมื่อเอ็กซเรย์ปอดผู้ป่วยจะพบการอักเสบเป็นปื้น และจุดขาว และในผู้ที่มีอาการรุนแรง จะทำให้ระบบหายใจล้มเหลว เสียชีวิตในเวลาเพียง 2-3 สัปดาห์เท่านั้น

          สำหรับกลุ่มเสี่ยง โรคลีเจียนแนร์ ได้แก่ ผู้สูงอายุ ตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป ผู้ป่วยที่สูบบุหรี่จัด หรือดื่มจัด ผู้ที่ปลูกถ่ายอวัยวะเทียม ผู้ป่วยที่มีโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน โรคไต โรคปอดเรื้อรัง โรคมะเร็ง รวมทั้งคนที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ โดยมากมักพบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง

          อย่างไรก็ตาม โรคลีเจียนแนร์ พบครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.2490 และมีการระบาดครั้งแรกในปี พ.ศ.2500 ที่รัฐมิเนโซตา ประเทศสหรัฐอเมริกา ก่อนจะมีการระบาดไปทั่วทวีปอเมริกาเหนือ  ออสเตรเลีย แอฟริกา อเมริกาใต้ และยุโรป ซึ่ง โรคลีเจียนแนร์ สามารถเกิดได้ตลอดทั้งปี สำหรับประเทศไทย มีรายงานว่า พบผู้ป่วย โรคลีเจียนแนร์ ครั้งแรกในปี พ.ศ.2527

          ขณะที่สถานการณ์การระบาดของ โรคลีเจียนแนร์ ในภาคเหนือของประเทศไทย ในขณะนี้นั้น พบว่า กลุ่มเสี่ยงติด โรคลีเจียนแนร์ คือ กลุ่มนักท่องเที่ยว บุคคลากรในวงการท่องเที่ยว รวมถึงประชาชนทั่วไปที่อยู่ในพื้นที่ ซึ่งจากการตรวจสอบพบการแพร่ระบาดของ โรคลีเจียนแนร์ แล้วในผู้ป่วยจำนวนหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ศูนย์อนามัยที่ 10 เชียงใหม่ ได้เรียกประชุมผู้ประกอบการโรงแรมในภาคเหนือ เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับ โรคลีเจียนแนร์ พร้อมกำชับให้ตรวจสอบทำความสะอาดระบบแอร์ ระบบจ่ายน้ำและระบบอื่น ๆ ที่มีความเสี่ยงทุก ๆ 6 เดือนเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อแล้ว
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


Powered by MySQL Powered by PHP Valid XHTML 1.0! Valid CSS!