TARADTHONG.COM
พฤษภาคม 08, 2024, 05:59:36 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: ตลาดทองดอทคอม
 
  หน้าแรก ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  

Copy Code


  แสดงกระทู้
หน้า: 1 ... 107 108 [109] 110 111
1621  สมาชิก VIP / General Discussion / ดับร้อนให้ใจด้วย 7 วิธีง่าย ๆ เมื่อ: มิถุนายน 04, 2010, 10:25:47 PM
ดับร้อนให้ใจด้วย 7 วิธีง่าย ๆ
7 ways to find inner peace ดับร้อนให้ใจด้วย 7 วิธีง่าย ๆ (Health plus)

          ถ้าชีวิตสมัยใหม่ทำให้คุณหงุดหงิดและเคร่งเครียด ลองปิดตัวเองจากการรับรู้เรื่องราวต่าง ๆ แล้วหันมาเติมพลังให้จิตใจด้วยวิธีง่าย ๆ ต่อไปนี้

1.ออกไปเดินเล่นในที่ที่คุณโปรดปราน

          เช่น สวนสาธารณะใกล้ ๆ หรืออาจเป็นชายทะเล ที่ไหนก็ได้ที่ช่วยให้คุณหลีกหนีจากความเร่งรีบ และสับสนวุ่นวายในชีวิตประจำวัน การเดินตามสบายอย่างผ่อนคลายจะช่วยคลายความตึงเครียด กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด กำหนดสมาธิไปที่ลมหายใจขณะที่คุณเดินง่าย ๆ ด้วยการนับ 1-10 ช้า ๆ ในใจ หรือกล่าวถ้อยคำที่คุณชอบซ้ำ ๆ วิธีนี้ จะช่วยให้คุณรู้สึกเชื่อมโยง และซึมซับความรู้สึกสงบสุขภายในจิตใจอย่างแท้จริง

2.เข้าถึงตัวตนด้านจิตวิญญาณของคุณ

          ด้วยการผสมกลิ่นอโรมาที่ทำให้จิตใจสุขุมเยือกเย็น หยดน้ำมันหอมระเหยกลิ่นลาเวนเดอร์ที่ช่วยให้จิตใจผ่อนคลาย 5 หยด กลิ่นจูนิเปอร์ที่ทำให้จิตใจปลอดโปร่ง 5 หยด และกลิ่นเจราเนียมช่วยให้จิตใจมั่นคง 5 หยดลงในตะเกียงจุดน้ำมันหอมระเหยขณะนั่งสมาธิ จะช่วยให้คุณรู้สึกสงบผ่อนคลายอย่างแท้จริง




3.ลงมือเขียน

          ผลการวิจัยระบุว่า การหยิบปากกาขึ้นเขียนข้อความลงบนกระดาษช่วยให้อารมณ์ดี ทำให้จิตใจสงบเยือกเย็น นั่งลงและเขียนอะไรก็ได้สัก 2-3 นาที อาจเป็นเรื่องราวในความฝันเมื่อเร็ว ๆ นี้ หรือจะเป็นเรื่องที่กำลังทุกข์ใจอยู่ในเวลานั้น วิธีนี้จะช่วยให้คุณได้ระบายความรู้สึกและเข้าใจถึงปัญหาแท้จริง ของเรื่องราวที่ร้างความยุ่งยากใจให้คุณ ซึ่งจะทำให้จิตใจของคุณแน่วแน่ และมีสมาธิมากยิ่งขึ้น

4.อยู่กับความนิยม

          ลองใช้เวลาอยู่กับความเงียบดูบ้าง นั่งนิ่ง ๆ ไม่ต้องทำอะไรเลย เฝ้าดูจิตใจตัวเองและฟังเสียงภายใน สำหรับคนที่ใช้ชีวิตไม่เคยหยุดนิ่งอาจเป็นเรื่องยาก แต่ถ้าคุณได้หยุดนิ่งโดยไม่คิดถึงเรื่องใด ๆ จะสัมผัสได้ถึงความรู้สึกโปร่ง โล่ง และเบาสบายของร่างกายและจิตใจ




5.ฟังดนตรี

          เพื่อความสงบนิ่งของจิตใจ ลองหาดนตรีคลาสสิคหรือเพลงบรรเลงที่ชอบมาฟัง เพลงที่มีจังหวะทำนองสบาย ๆ มีความละเมียดละไม นอกจากฟังแล้วสบายอกสบายใจขึ้น ยังช่วยกล่อมเกลาจิตใจให้อ่อนโยนขึ้นด้วย

6.ทำกิจกรรมที่สร้างสรรค์

          ไม่ว่าจะเป็นวาดรูป เล่นดนตรี ปักครอสติช ทำสวน หรือจัดดอกไม้ กิจกรรมเหล่านี้ทำแล้วช่วยให้คุณเพลิดเพลิน ผ่อนคลาย สบายใจ จนลืมความเครียด ความกังวลต่าง ๆ ช่วยเสริมสร้างสมาธิ และที่สำคัญช่วยให้ใจเย็นขึ้น

7.ทำจิตใจให้เบิกบาน

          พยายามอย่าปล่อยให้ความเครียดและความขุ่นมัวเข้ามาครอบงำ อาจฝึกนั่งสมาธิ สวดมนต์ หรือทำอะไรก็ได้ที่ช่วยให้จิตใจสงบเยือกเย็นขึ้น หรือใช้วิธีอื่น ๆ เช่น นอนเล่น หรืออ่านหนังสือดี ๆ สักเล่ม ก็สามารถช่วยได้เช่นกัน
1622  สมาชิก VIP / General Discussion / 9 ความเชื่อเรื่องนาฬิกา เมื่อ: มิถุนายน 04, 2010, 10:25:00 PM

9 ความเชื่อเรื่องนาฬิกา

           นาฬิกานอกจากเป็นเครื่องบ่งบอกเวลาแล้ว นาฬิกายังจัดได้ว่าเป็นวัตถุมงคล และเป็นสัญลักษณ์แห่งโชคลาภมากมายอีก เช่นกัน บ้างก็ว่านาฬิกาเป็นลักษณะของความก้าวหน้า ความเจริญรุ่งเรืองของพลัง ความสามารถหมุนเวียนไปได้อย่างทั่วถึง เสียงของนาฬิกาจึงเป็นพลังแห่งความตื่นตัว กระฉับกระเฉงอยู่เสมอ โดยเฉพาะนาฬิกาโบราณ นายสรรเสริญ เล่ห์จันทร์พงษ์ หรือที่รู้จักกันในนาม "ช่างอั๋น" ผู้สืบทอดการซ่อมนาฬิกาโบราณจาก "ช่างเซ็ง วัดคฤหบดี" บอกว่า ความเชื่อเรื่องนาฬิกา เริ่มตั้งแต่การจัดตำแหน่งของนาฬิกาในบ้านที่มีความสำคัญมาก ไม่ควรวางตำแหน่งของนาฬิกาที่ฝาผนังด้านขวาของบ้าน ไม่ควรแขวนนาฬิกาหรือเมื่อเปิดประตูเข้าบ้านต้องไม่เห็นนาฬิกาเผชิญหน้ากับเราพอดี บ้างก็ว่า นาฬิกาตรงกับประตูบ้านเป็นสัญลักษณ์ของการหมดอายุขัย

           ปัจจุบัน ยังมีคนที่เชื่อถือในความเชื่อสัญลักษณ์สิริมงคลที่แฝงอยู่ในนาฬิกา นาฬิกาที่ดีต้องไม่หยุดเดิน ที่เรียกว่า นาฬิกาตาย เมื่อนาฬิกาเดินจึงเป็นความหมายแห่งพลัง ความก้าวหน้า บ้างก็ว่าพลังที่ดีต้องมีการหมุนเวียนหยิน-หยาง พลังในทางมืดและทางสว่าง นาฬิกาน่าจะเป็นสัญลักษณ์ตรงนี้ได้ดี เมื่อสองพลังนี้สมดุลกันโบราณว่า จะนำโชคลาภมาให้

           จากประสบการณ์การเป็นช่างซ่อมนาฬิกาโบราณ ช่างอั๋นได้รวบรวม 9 ความเชื่อเกี่ยวกับนาฬิกา พร้อมกับอธิบายให้ฟังว่า

           1. นาฬิกาที่เดินนานที่สุด บางคนเชื่อว่านาฬิกาที่เดินนานที่สุดเป็นสัญลักษณ์แห่งอายุยืน ความปลอดโปร่ง สบายใจ ความเข้มแข็ง พลังแห่งความกระตือรือร้น ไม่เฉื่อยชา นาฬิกาประเภทที่เดินยาวนานที่สุดก็คือ นาฬิกาสี่ร้อยวันตั้งโต๊ะที่มีครอบแก้ว โดยไขลานเพียงครั้งเดียว

           แต่ยังมีนาฬิกาที่เดินนานที่สุด ที่นักสะสมนาฬิกามักบอกว่าเดินกันชั่วชีวิต คือ นาฬิกา Almos เป็นนาฬิกาที่เดินด้วยความกดอากาศหรืออุณหภูมิ โดยใช้หลักการในทุก ๆ 4 นาที อุณหภูมิของอากาศจะเปลี่ยนขึ้นลงตลอดเวลา

           2. เสียงตีของนาฬิกา เป็นสัญลักษณ์แห่งเกียรติยศ ชื่อเสียงเกรียงไกร สร้างพลังที่ดีให้แก่บ้าน เกิดความสำราญบานใจ ทั้งยังดึงดูดพลังที่ดีเข้าบ้าน ทำให้เกิดความร่มเย็นเป็นสุขและมีโชคลาภ นาฬิกาที่ค่อนข้างเงียบ ไร้เสียงกระดิ่งใส ไร้เสียงเพลง ถือว่าไม่ดีนัก คนในบ้านจะอับโชค ในขณะที่บางคนเชื่อว่า นาฬิกาไม่ตีเป็นสัญลักษณ์แห่ง ความเหนื่อย ไม่มีเวลาพักผ่อน มีแต่ความเร่งร้อนแห่งการรอคอย

           3. หน้าปัดนาฬิกาก็เหมือนคน ความสง่างามก็อยู่ที่หน้า บ่งบอกถึงความมั่นคง หรือ หนักแน่น ความสมบูรณ์ เหมือนกับเด็กทารกที่อ้วนจ้ำม่ำ ดูแล้วเป็นมงคลในด้านโชคลาภ อุดมสมบูรณ์ ความรุ่งเรือง

           บางคนเชื่อว่า หน้าปัดที่ดีคือ หน้ากระเบื้อง เพราะกระเบื้องจะมีความเงางามสดใส ไม่มัวหมองง่ายเหมือนหน้าประเภทอื่น ดูแลสบาย สีสันสดใส สวยงาม ให้เกิดความสุข โชคดี และความคงทนกว่าหน้าประเภทอื่น แต่ถ้าแตกก็เลิกกัน

           4. สีมงคลประจำวันเกิด หลายคนเชื่อว่า สีประจำวันเกิดน่าจะเป็นสีที่ส่งผลต่อความเจริญ ประจำราศีเกิดของคนนั้น หน้าปัดของนาฬิกาที่มีสีต่าง ๆ นักสะสมเชื่อว่าน่าจะเลือกตามสีประจำวันเกิด เช่น สีเหลืองประจำวันจันทร์ วันอังคารสีชมพู วันพุธสีเขียว

           แต่ยังมีพิเศษอีกอย่างคือ หน้าครีม เหลืองอ่อน ระหว่างเลขที่หน้าปัดจะมีรูปสัญลักษณ์สีแดงคล้ายซิ่ว หรือ ตราลูกเสือ ตรงนี้นักสะสมเรียกว่าหน้ามีซิ่ว ซึ่งหมายถึง เทพแห่ง โชคลาภ หนึ่งในสาม คือ ฮก ลก ซิ่ว เชื่อว่าบันดาลโชคและความสุขให้ครอบครัว สุขภาพแข็งแรง

           5. ม้าและนกอินทรี บางคนเรียกว่าหัวโขนบนนาฬิกาที่อยู่ด้านบนสุดของนาฬิกา มีความเชื่อว่า ม้าเป็นสัญลักษณ์แห่งความโชคดี สำเร็จ แต่ต้องเป็นม้าสีทอง สีเงิน และ สีน้ำตาล บันดาลชัยชนะ ส่วนสีดำไม่เหมาะ นกอินทรี เป็นสัญลักษณ์แห่งความสง่างาม วาสนาสูง

           การเริ่มต้นที่ดีของความรุ่งเรือง นกที่มีท่วงท่าว่ากำลังจะบินเข้าบ้าน หมายถึง โชคลาภเข้ามาสู่บ้านเรือน ถ้าเป็นรูปอื่น เช่น สิงโต จะให้มงคลด้านความเข้มแข็ง เป็นผู้นำ การนับถือจากคนรอบข้าง

           6. กระจกเจียระไน หมายถึง กระจกที่นำไปเจียระไนลบเหลี่ยม หักเหแสงแวววาวเหมือนเพชร เหมือนคริสตัล มีความเชื่อว่าเป็นพลังของแสงสะท้อนกับแก้ว แล้วกระจายพลังที่ดีไปรอบ ๆ ขจัดพลังลบให้ออกไปจากบ้าน จะประสบความรุ่งเรือง เฟื่องฟู ฐานะการเงินมั่นคง ความสำเร็จอย่างสูง แต่ต้องเช็คทำความสะอาดกระจกให้เงางามอยู่เสมอ
           7. พระจันทร์ยิ้ม เชื่อว่าพระอาทิตย์-พระจันทร์ เป็นตัวแทนแห่งพลังหยิน-หยาง หมุนเวียนสับ เปลี่ยนกัน ถือว่าเป็นมงคลนัก เต็มไปด้วยพลังแห่งความกระตือรือร้น ไม่เฉื่อยชา พระจันทร์เป็นสัญลักษณ์แห่งความร่มเย็นจิตใจที่อ่อนโยน และจะนำเรื่องความรักความเมตตามาสู่ท่านด้วย ถึงว่าทำไมนาฬิกาพระจันทร์ยิ้มถึงแพงและหายาก ก็เพราะเป็นแบบนี้นี่เอง

           8. นาฬิกาโป๊ยก่วย หมายถึง นาฬิกาแปดเหลี่ยม มีลักษณะเหมือนยันต์แปดทิศของคนจีนที่ใช้เป็นสัญลักษณ์สำหรับแก้อาถรรพณ์ ต่างๆ เช่น ทางสามแพร่ง ถนนพุ่งเข้าบ้าน จึงใช้ลักษณะแปดเหลี่ยม แก้ไข ฮวงจุ้ยที่เสีย นาฬิกาแปดเหลี่ยมคนสมัยก่อนจึงเชื่อว่า เหมือนยันต์ แปดทิศ แต่มีพลังหยิน-หยาง แฝงอยู่ในตัวสมบูรณ์ และเสียงตีตามความเชื่อที่กล่าวมาแล้ว จะสังเกตว่าคนจีนสมัยก่อนนิยมนาฬิกาแปดเหลี่ยมกันมาก นอกจากนาฬิกาแปดเหลี่ยมแล้ว คนจีนเชื่อว่านาฬิการูปทรงกลม คล้ายเหรียญสตางค์จะนำลาภผลมาให้

           9. คำอวยพรอันเป็นมงคล สมัยก่อนเมื่อมีการเปิดกิจการร้านค้า ส่วนใหญ่จะนำนาฬิกาตั้งพื้น (ชิกโซ่) เป็นของขวัญที่ระลึกวันเปิดร้านใหม่

           และกระจกด้านหน้าที่มีข้อความเขียนคำอวยพรเป็นภาษาจีน ซึ่งล้วนแต่เป็นคำมงคลเกี่ยวกับโชคลาภ ความเจริญรุ่งเรือง ร้อยละเก้าสิบของนาฬิกาประเภทนี้จะมีคำอวยพรทั้งนั้น นักสะสมบางคนชอบเก็บสะสมคำอวยพรไว้ ซึ่งเป็นความหมายที่ดี

           นาฬิกาเซี่ยงไฮ้ของจีน จะมีกระจกเขียนลายสีหรือคำอวยพรตัวโต ๆ สวยงามแปลกตาไปอีกแบบหนึ่ง นาฬิกาเซี่ยงไฮ้จีนบางเรือนก็เขียนเป็นลายราศีประจำวันเกิด ที่เคยพบเห็นมี ปีวัว ปีเสือ ปีมังกร ปีงูเล็ก ปีลิง แต่หายากมาก นาฬิกาประเภทนี้กำลังตามเก็บรูปมาให้ท่านดูในโอกาสต่อไป น่าจะเป็นลักษณะมงคลที่ดีอีกแบบหนึ่ง

           "9 ลักษณะนาฬิกาที่เป็นมงคลตามตัวอย่างที่กล่าวมานี้ เป็นเพียงความเชื่อในส่วนหนึ่ง ซึ่งจริง ๆ แล้วยังคงมีมากกว่านี้ ที่หลายท่านมองเห็นในสิ่งที่ดีที่เป็นมงคลของนาฬิกา ในท้ายสุดของปี เรื่องของสิริมงคลน่าจะเป็นเรื่องที่น่าพูดถึงกับทุกท่านมากที่สุด" ช่างอั๋น กล่าวทิ้งท้าย
1623  สมาชิก VIP / General Discussion / สรุปภาวะ Gold Futures By GT Wealth Management สรุปการซื้อขาย 3 มิ.ย.53 และแนวโน้ เมื่อ: มิถุนายน 04, 2010, 11:45:25 AM
สรุปภาวะ Gold Futures By GT Wealth Management สรุปการซื้อขาย 3 มิ.ย.53 และแนวโน้มราคาทองคำ วันนี้ 4 มิ.ย.53

ThaiPR.net -- ศุกร์ที่ 4 มิถุนายน 2553 09:27:44 น.
กรุงเทพฯ--4 มิ.ย.--จีที เวลธ์แมเนจเมนท์

สรุปภาวะ Gold Futures By GT Wealth Management 3 มิ.ย. 53 (ภาคบ่าย)

ราคาทองคำในตลาดโลกวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบแคบ โดยแกว่งตัวในกรอบประมาณ 1,221 — 1,224 ดอลล่าร์ต่อออนซ์ ขณะตลาดการลงทุนทั่วโลกปรับดีขึ้นรับการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาดีกว่าคาดการณ์และสร้างความมั่นใจต่อสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่ม แม้วิตกหนี้ในยุโรปยังคงสร้างแรงกดดันต่อเนื่อง ทำให้นักลงทุนยังมองทองคำเป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยง ทำให้ราคายังคงทรงตัวในระดับสูง ส่วนค่าเงินบาทวันนี้ทรงตัวใกล้ระดับ 32.55 บาทต่อดอลล่าร์สหรัฐ ราคาทองคำในประเทศราคาเสนอซื้อ 18,700 บาท ราคาเสนอขาย 18,800 บาท ส่วนโกลด์ฟิวเจอร์วันนี้สัญญาสิ้นสุดอายุเดือนมิถุนายน (GFM10) ปิดที่ระดับ 18,810 ปริมาณการซื้อขาย 1,490 สัญญา สัญญาสิ้นสุดอายุเดือนสิงหาคม(GFQ10) ปิดที่ระดับ 18,900 บาท ปริมาณการซื้อขาย 647 สัญญา สัญญาสิ้นสุดอายุเดือนตุลาคม (GFV10) ปิดที่ระดับ 19,010 บาท ปริมาณการซื้อขาย 97 สัญญา ปริมาณการซื้อขายรวมทั้งตลาด 2,234 สัญญา

ฝ่ายวิเคราะห์การลงทุนบริษัทจีที เวลธ์แมเนจเมนท์ จำกัดกล่าวว่า ทิศทางในช่วงสั้นยังคงไม่ชัดเจน แม้จะมีความเป็นไปได้ที่จะมีประเทศอื่นนอกเหนือจากกรีซที่ขอรับเงินช่วยเหลือจากอียูและ IMF และสร้างแรงกดดันในตลาดการลงทุนในอนาคตก็ตาม การเข้าเก็งกำไรในราคาทองคำหลังจากราคามีความผันผวนทำให้ราคามีการปรับขึ้นลงแรงตามแรงเข้าซื้อและขายทำกำไรอย่างต่อเนื่อง ส่งให้ระยะสั้นยากต่อการจับทิศทางราคา


GT Wealth Management
1624  สมาชิก VIP / General Discussion / เผยเด็กไทย ไอคิวต่ำสุดในกลุ่มประเทศอาเซียน เมื่อ: มิถุนายน 03, 2010, 11:24:35 AM
เผยเด็กไทย ไอคิวต่ำสุดในกลุ่มประเทศอาเซียน
ราชบัณฑิต เผยเด็กไทยไอคิวต่ำที่สุดในกลุ่มประเทศอาเซียน ป.4-6 อ่านหนังสือไม่ออก เผยพระเณรเรียนจบ ปธ.9 แต่อ่านเขียนภาษาไทยไม่คล่อง วอนพัฒนาความรู้-ครูสอนสอนเด็กให้เข้าใจ

           พระธรรมกิตติวงศ์ ราชบัณฑิต เปิดเผยว่า ปัจจุบันเป็นเรื่องน่าอายที่พระสงฆ์บางส่วน เขียนภาษาบาลีไม่ได้ แม้พระบางรูปจะสอบผ่านเปรียญธรรม 9 ประโยค แต่ก็ยังขาดความรู้ด้านภาษาไทย อ่านเขียนไทยไม่คล่อง จึงไม่สามารถเทศน์ หรือขึ้นบรรยายทางวิชาการได้ขณะเดียวกัน ยังพบว่าเด็กไทยมีไอคิวต่ำที่สุดในกลุ่มประเทศอาเซียน โดยเด็ก ป.4-6 อ่านหนังสือไม่ออก และสามเณรส่วนใหญ่ที่เข้ามาบวชเรียนก็อ่านหนังสือไม่ออกเช่นกัน ทำให้ส่งผลต่อการเรียนภาษาบาลีด้วย

           จากปัญหาที่พบดังกล่าว ราชบัณฑิต บอกว่า อยากให้มีการพัฒนาความรู้ด้านภาษาไทยให้มากขึ้น ขณะที่ครูสอนภาษาบาลีก็ต้องวิเคราะห์ศัพท์ให้นักเรียนเข้าใจและเรียนได้ อย่างสนุก เพื่อให้พวกเขาสามารถถ่ายทอดการเทศน์ รวมถึงรักษาคำสอนของพระพุทธเจ้าต่อไป
1625  สมาชิก VIP / General Discussion / วิธิป้องกันถูกขโมยข้อมูลโพสต์ทำลาย (ไทยโพสต์) เมื่อ: มิถุนายน 03, 2010, 11:21:57 AM
วิธิป้องกันถูกขโมยข้อมูลโพสต์ทำลาย (ไทยโพสต์)
"ใส่ร้ายป้ายสี" ภัยรูปแบบใหม่บนโลกไซเบอร์ นักวิชาการแนะตั้งรหัสผ่านด้วยตัวอักษรผสมตัวเลขและสัญลักษณ์อย่างน้อย 8 ตัว พร้อมล็อกเอาต์ทุกครั้งที่ใช้คอมพิวเตอร์-บริการเว็บไซต์ ป้องกันถูกล้วงข้อมูลหรือสวมรอยกระทำความผิด

          ทุกวันนี้อาชญากรรมในโลกอินเทอร์เน็ตไม่ได้จำกัดอยู่แค่การจารกรรมข้อมูล สร้างความเสียหายต่อองค์กร หรือการทำธุรกรรมทางการเงินแทนเจ้าของเงินเท่านั้น แต่ยังถูกใช้เป็นเครื่องมือเพื่อกระทำการใส่ร้ายบุคคลอื่นให้ได้รับความเสียหายอย่างคาดไม่ถึง โดยการขโมยข้อมูลทั้งภาพ ที่อยู่ และเบอร์โทรศัพท์ ไปใช้ประกอบกับข้อความที่ถูกตัดต่อ พร้อมทั้งนำไปโพสต์ในเว็บไซต์ต่างๆ จนมีผู้ได้รับเสียชื่อเสียง

          เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน รศ.ดร.บุญญฤทธิ์ อุยยานนวาระ ภาควิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ สถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ให้ความรู้เรื่องการจารกรรมข้อมูลว่า แบ่งเป็น 2 ประเด็นหลักคือ

           1.การเข้ามาอย่างผิดกฎหมาย เช่น แฮ็กเกอร์หรือนักเจาะระบบข้อมูล ลักลอบเข้าสู่ระบบเพื่อล้วงความลับ แอบดูข้อมูลข่าวสาร หรือการพยายามล็อกอินในชื่อบัญชีของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง เพื่อปลอมแปลงเป็นบุคคลนั้นในการกระทำความเสียหาย

           2.การนำข้อมูลที่ผู้ใช้เปิดเผยไว้ไปใช้ต่อโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งจะมีความผิดในเรื่องของการละเมิดลิขสิทธิ์อยู่แล้ว เช่น นำภาพหรือข้อความไปใช้โดยที่เจ้าของไม่ยินยอม แต่ปัจจุบันเริ่มมีการกระทำผิดรูปแบบใหม่ด้วยการนำข้อมูลส่วนตัว ภาพ หรือข้อความที่เราไปโพสต์ไว้ในเว็บไซต์ต่าง ๆ ไปตัดต่อและอ้างอิงให้เกิดความเสียหาย รวมไปถึงขั้นนำภาพและข้อมูลส่วนตัวของเราไปสมัครใช้บริการของเว็บต่าง ๆ แล้วเข้าไปใช้บริการของเว็บไซต์ เช่น โพสต์ข้อความหมิ่นประมาท หรือเข้าดูเว็บอนาจาร ซึ่งการกระทำความผิดในกรณีนี้ป้องกันได้ยากมาก ดังนั้น หากตรวจสอบพบว่าโดนปลอมแปลงก็ต้องรีบแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ทันที ในเบื้องต้นให้แจ้งเว็บมาสเตอร์ให้ลบชื่อบัญชี หรือข้อความที่ถูกโพสต์ออกอย่างรวดเร็ว

          "ตอนนี้ในด้านเทคนิคการป้องกันความปลอดภัยนั้น เว็บไซต์ต่างๆ จะนิยมป้องกันด้วยเลขบัญชีคือ ชื่อล็อกอินกับรหัสผ่าน ดังนั้น ถ้าเรามีการตั้งรหัสผ่านที่ดี คือมีอักษรอย่างน้อย 8 ตัว ที่ประกอบด้วยตัวเลข ตัวอักษร และหากมีการผสมสัญลักษณ์อื่นๆ จะยิ่งมีความปลอดภัยมากขึ้น โดยบางคนอาจจะใช้เทคนิคใช้คำภาษาไทย แต่เวลากดแป้นพิมพ์กำหนดเป็นภาษาอังกฤษ ก็จะได้รหัสที่มีความหลากหลาย" รศ.ดร.บุญญฤทธิ์

          อาจารย์ภาควิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ ม.ธรรมศาสตร์ กล่าวว่า ข้อควรระวังที่ไม่ควรประมาทคือ การตั้งล็อกอินถาวร โดยเฉพาะในกลุ่มบุคคลที่มีคอมพิวเตอร์หรือโน้ตบุ๊กส่วนตัว หรือใช้คอมพิวเตอร์ร่วมกับผู้อื่นที่ไม่อยากเสียเวลาในการเข้ารหัสผ่านทุกครั้ง ทำให้เวลาที่โน้ตบุ๊กหาย หรือการลืมล็อกเอาต์ออกจากระบบเมื่อเลิกใช้ ก็จะถูกขโมยข้อมูลได้ง่าย เพราะการล็อกอินถาวรจะทำให้ระบบจดจำรหัสผ่านไว้ แม้จะปิดเครื่องและเปิดใหม่แล้วก็ตาม ทางที่ปลอดภัยคือการกดล็อกเอาต์ทุกครั้งที่เสร็จภารกิจกับเว็บไซต์ต่าง ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้คนที่มาใช้ต่อสวมรอยกระทำความผิดได้
     
          รศ.ดร.บุญญฤทธิ์กล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ดี ด้วยโลกแห่งการสื่อสารยุคใหม่ที่ทำได้ง่าย รวดเร็ว ส่งผลให้ข้อมูลข่าวสารที่ได้รับผ่านการตรวจสอบความถูกต้องได้น้อยลง จึงอยากฝากถึงประชาชนที่ใช้บริการเว็บไซต์ต่างๆ ให้มีความระมัดระวังในการรับข้อมูลข่าวสารมากขึ้น ฟังหูไว้หู อย่าเชื่อทั้งหมด 100% ในทันที แต่ควรมีการพิจารณาอย่างรอบคอบ ด้วยการเปรียบเทียบกับข้อมูลจากองค์กร หรือสถาบันที่น่าเชื่อถือ รวมถึงสำนักพิมพ์ เว็บไซต์ต่าง ๆ ที่ได้รับการยอมรับ ขณะเดียวกันประชาชนเองก็ต้องระมัดระวังการเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณชนให้มากขึ้น เพื่อความปลอดภัยของตนเองด้วย
1626  สมาชิก VIP / General Discussion / การประยุกต์ใช้ Facebook กับตลาดทองดอทคอม ตอนที่1 เมื่อ: มิถุนายน 03, 2010, 12:04:36 AM
การประยุกต์ใช้ Facebook กับตลาดทองดอทคอม ตอนที่1
1627  สมาชิก VIP / General Discussion / เทคนิคการเพิ่มCodeกราฟตลาดทอง สำหรับเจ้าของเว็บไซต์ เมื่อ: มิถุนายน 02, 2010, 10:47:16 PM
เทคนิคการเพิ่มCodeกราฟตลาดทอง สำหรับเจ้าของเว็บไซต์
1628  สมาชิก VIP / General Discussion / จับตาโดมิโนหนี้ยุโรปตั้งรับไม่ดี"เอเชีย"เสี่ยงเจ๊งสุด(2/6/53) เมื่อ: มิถุนายน 02, 2010, 05:05:55 PM
จับตาโดมิโนหนี้ยุโรปตั้งรับไม่ดี"เอเชีย"เสี่ยงเจ๊งสุด(2/6/53)
ไม่เพียงแต่กระแสทุนจะถูกโยกย้ายจากยุโรปไปยังเอเชียมากขึ้นแล้ว เอเชียยังต้องเจอปัญหาด้านการส่งออกซ้ำอีกระลอก เพราะเป็นเรื่องชัดเจนว่าการนำเข้าสินค้าจากยุโรป จะลดลงฮวบฮาบ

โดย...ทีมข่าวต่างประเทศ

คงต้องเรียกว่าเป็นการประเมินที่ “ต่ำเกินไป” หากจะวางใจกับสถานการณ์ปัญหาหนี้ในยุโรป เพียงเพราะสหภาพยุโรป (อียู) โดยเฉพาะกลุ่มยูโรโซน 16 ประเทศ ประกาศมาตรการโอบอุ้มกรีซออกมาแล้ว หรือวางใจเพราะเชื่อว่ารัฐบาลมังกรจีนจะไม่ทอดทิ้งยูโรและตลาดตราสารหนี้ยุโรป หรือวางใจเพราะเชื่อว่าคงไม่มีใครปล่อยให้เกิดวิกฤตการณ์การเงินขึ้นซ้ำสอง เหมือนที่เพิ่งเคยเกิดขึ้นในวอลสตรีตเมื่อ 3 ปีก่อน

เพราะในฟากยุโรปซึ่งเป็นต้นตอปัญหานั้น สถานการณ์ยิ่งค่อยๆ เลวร้ายลง หลายประเทศส่อเค้าลางของวิกฤตการณ์หนี้สาธารณะรุนแรงขึ้น ไม่ว่าจะเป็น สเปน หรือกับสัญญาณล่าสุดที่ ฝรั่งเศส

ทว่า ที่ดูจะส่งสัญญาณชัดเจนไม่แพ้กันด้วย ก็คือ ภูมิภาคเอเชียของเราเอง เพราะแม้จะเป็นหัวหอกการฟื้นตัวของภาวะทางเศรษฐกิจโลก แต่ขณะเดียวกัน เอเชียก็กำลังเผชิญความเสี่ยงยิ่งกว่าใครๆ

เพราะหากวิกฤตการณ์หนี้ในยุโรปทวีความรุนแรงและเลวร้ายลง ย่อมหมายความว่ากระแสทุนจากต่างชาติ หรือ เงินร้อน ก็จะยิ่งทะลักล้นเข้าสู่เอเชียอีกมหาศาล

ในระยะสั้นอาจเป็นผลดีที่หวือหวาของตลาดทุน เช่นที่เคยเกิดขึ้นเมื่อเดือน ก.พ.–มี.ค.ที่ผ่านมา ทว่าในระยะยาวนั้น หากไม่มีการตั้งรับที่ดีพอ อาจทำให้ภูมิภาคเอเชียต้องสั่นคลอน และเผชิญกับภาวะฟองสบู่แตกตัวอีกครั้งใหญ่

ปัญหากระแสทุนร้อนๆ ที่หลั่งไหลสู่เอเชียนั้น เกิดขึ้นต่อเนื่องมานานนับปีแล้ว หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ลดอัตราดอกเบี้ยจนลงมาอยู่ที่ระดับ 0–0.25% เพื่อหวังกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ การได้เงินกู้ดอกเบี้ยที่มาอย่างง่ายๆ ท่ามกลางสภาพการลงทุนในประเทศที่ไม่เอื้ออำนวย ส่งผลให้กระแสทุนถูกโยกย้ายมายังฝั่งเอเชียและบรรดาตลาดเกิดใหม่แทน โดยเฉพาะจีน

ทว่า จนถึงวันนี้ เงินร้อนที่ไหลเข้ายังดูเหมือนไม่มีวันหมดง่ายๆ และยิ่งทำท่าจะทวีเป็นเงินร้อนทะลักล้นเข้ามาอีก หากปัญหาหนี้ในยุโรปบานปลาย ซึ่งมีแนวโน้มมากขึ้น

ล่าสุด สเปนถูกบริษัทจัดอันดับเครดิตฟิทช์ เรตติ้งส์ หั่นอันดับเครดิตของสเปนจากชั้นสูงสุด AAA ลงมาอยู่ที่ระดับ AA+ สะท้อนให้เห็นว่าความพยายามของรัฐบาลกรุงมาดริด ที่เพิ่งประกาศเตรียมหั่นงบประมาณรายจ่ายลง 1.5 หมื่นล้านยูโร (ราว 5.98 แสนล้านบาท) นั้น ไม่เพียงพอที่จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นขึ้นมาได้

แม้แต่ฝรั่งเศสเองนั้น ฟรังซัวส์ บารวง รัฐมนตรีกระทรวงงบประมาณ ยังส่งสัญญาณออกมาเตือนให้ประเทศต้องลดงบประมาณรายจ่ายลงอย่างเร่งด่วน เพื่อแก้ปัญหางบประมาณขาดดุล ก่อนที่ฝรั่งเศสจะเผชิญชะตากรรมเดียวกับสเปน

จึงไม่น่าแปลกใจที่นายกรัฐมนตรีแห่งแดนมังกรจีน เวินเจียเป่า จะแสดงความกังวลระหว่างที่กำลังเดินทางเยือนญี่ปุ่นว่า โลกมีสิทธิที่จะจม|สู่วิกฤตการณ์ทางการเงินอีกเป็น|ครั้งที่ 2 หากยังไม่รีบแก้ปัญหาวิกฤตการณ์หนี้ในยุโรป

สัญญาณชัดเจนถึงผลกระทบของความเสี่ยงในเอเชียนั้น หนีไม่พ้นภาวะฟองสบู่สินทรัพย์ในหลายประเทศ โดยเฉพาะตลาดหุ้นและตลาดอสังหาริมทรัพย์

หวังเสี่ยวยี่ รองผู้อำนวยการสำนักงานปริวรรตเงินตราในจีน เพิ่งกล่าวเมื่อต้นเดือน พ.ค.นี้ว่า ทางการจีนจะเร่งดำเนินมาตรการควบคุมกระแสทุนไหลเข้าให้มากขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้ภาวะฟองสบู่สินทรัพย์เลวร้ายลงอีก หลังจากที่ดำเนินมาตรการต่อเนื่องมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ทว่าจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่สามารถควบคุมราคาอสังหาริมทรัพย์อันสุดร้อนแรงได้

อีกสัญญาณที่ชัดเจนไม่แพ้กัน คือเสียงเรียกร้องจากรัฐบาลกรุงโซล เมื่อ คิมชุงซู ผู้ว่าการธนาคารกลางเกาหลีใต้ ได้เสนอในที่ประชุมผู้ว่าแบงก์ชาติทั่วโลกให้มีการจัดตั้งระบบสวอปค่าเงินที่ถาวร และเป็นแบบพหุภาคีขึ้นมา เป็นมาตรการเฝ้าระวังความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นในโลกการเงิน

เป็นการเฝ้าระวังเพื่อรับมือกับคลื่นการทะลักล้นของเงินร้อน ที่เตรียมเข้ามาอีกระลอกเพื่อเก็งกำไรหลายสกุลเงินเอเชียอย่างชัดเจน ซึ่งแน่นอนว่าต้องเดือดร้อนบรรดาแบงก์ชาติทั้งหลายเข้าไปพยุงค่าเงินของตัวเองไม่ให้ต้องแข็งค่าเกินไป จนกลายเป็นอุปสรรคต่อภาคการส่งออก ที่กำลังเริ่มกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง และหากมีระบบสวอปเงินที่พัฒนาจากทวิภาคีในปัจจุบัน มาเป็นรูปแบบพหุภาคีที่มีความยืดหยุ่นมากกว่า ก็จะยิ่งช่วยเสริมสร้างเสถียรภาพของภาคการเงินเอเชียให้มั่นคงยิ่งขึ้น

เพราะหากไม่เร่งเตรียมการแต่เนิ่นๆ กว่าจะกลับลำก็อาจไม่ทันการณ์ เมื่อปัญหาหนี้ในยุโรปขณะนี้ส่งสัญญาณชัดเจนขึ้นทุกขณะว่าคงไม่จบลงง่ายๆ

หากสถานการณ์ในสเปนเลวร้ายลง จะยิ่งแย่กว่าวิกฤตการณ์ในกรีซมาก เพราะมีขนาดทางเศรษฐกิจที่ใหญ่กว่าถึง 4 เท่า ชนิดที่ทั้งอียู และธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) อาจรับมือไม่ไหว

ขณะเดียวกัน ไม่เพียงแต่กระแสทุนจะถูกโยกย้ายจากยุโรปไปยังเอเชียมากขึ้นแล้ว เอเชียยังต้องเจอปัญหาด้านการส่งออกซ้ำอีกระลอก เพราะเป็นเรื่องชัดเจนว่าการนำเข้าสินค้าจากยุโรป จะลดลงฮวบฮาบ ขณะที่การท่องเที่ยวจากยุโรปไปยังเอเชีย ก็จะลดลงตามไปด้วย และทางด้านเฟดก็อาจพิจารณาชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไปอีก ทำให้วัฏจักรที่เศรษฐกิจโลกจะกลับสู่ภาวะปกตินั้น ต้องเลื่อนออกไป

หมากนี้หากเตรียมเดินเกมไม่ดี มีหวังผู้นำอย่างเอเชีย อาจพลิกเป็นผู้แพ้ที่ย่ำแย่สุดในวังวนเศรษฐกิจโลกาภิวัตน์
1629  สมาชิก VIP / General Discussion / สถานการณ์ของยุโรปยิ่งนับวันยิ่งไว้วางใจไม่ได้ เมื่อ: มิถุนายน 02, 2010, 04:51:37 PM
สถานการณ์ของยุโรปยิ่งนับวันยิ่งไว้วางใจไม่ได้

ขณะนี้วิกฤตกำลังบ่มเพาะถึงขั้นอุกฤษฏ์ในกลุ่มประเทศ PIGS ซึ่งหมายถึง โปรตุเกส (P) อิตาลี (I) กรีซ (G) และสเปน (S) ท่ามกลางความอลหม่านของรัฐบาลและธนาคารกลางในภูมิภาคที่พยายามชี้ทางออกให้กับประเทศเหล่านี้ ก่อนที่จะบานปลายจนยากจะควบคุม

ไม่เพียงแนวโน้มหนี้สาธารณะจะบานปลายกระจายภายในกลุ่มประเทศ PIGS ซึ่งตั้งอยู่แถบตอนใต้ของยุโรปเท่านั้น แต่ยังมีวี่แววที่จะขยายตัวไปยังแถบตอนเหนือ เริ่มจากฝรั่งเศส ซึ่งมีความน่าเชื่อถือทางการเงินที่มั่นคงกว่า แต่ภาวะหนี้สินย่ำแย่ไม่น้อยไปกว่ากันมากนัก

แต่ที่น่ากังวลเป็นทวีคูณก็คือ ปัญหาหนี้สาธารณะยังไม่ทันจะสุกงอมเต็มที่ ขณะนี้ยุโรปยังแสดงอาการป่วยไข้อย่างอ่อนๆ ในธุรกิจการเงินด้วย

แม้จะเพียงเริ่มแสดงอาการ แต่ความไม่ประมาทย่อมเป็นสิ่งจำเป็นที่สุด หลังจากที่ยุโรปเลินเล่อกับการปล่อยให้ประเทศบางประเทศใช้จ่ายหนักมือจนกลายเป็นปัจจัยบ่มเพาะวิกฤตมาแล้ว

ล่าสุด ขณะที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) กำลังสาละวนกับการจัดกระบวนการขายพันธบัตรก็ต้องแสดงอาการกังวลอย่างหนัก เมื่อพบว่าบรรดาธนาคารในกลุ่มประเทศที่ใช้เงินยูโร หรือ Eurozone เสี่ยงที่จะเผชิญกับภาวะสินทรัพย์ถดถอยลงเป็นมูลค่ารวมถึง 1.95 แสนล้านยูโร เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจยังอยู่ในม่านหมอกที่อึมครึมตลอดทั้งปีนี้ยืดยาวไปจนถึงปีหน้า
คำเตือนจาก ECB เป็นสิ่งที่ธนาคารและนักลงทุนทั้งหลายพึงสังวรอย่างยิ่ง แต่คล้ายกับเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์โดยไม่ตั้งใจ ในภาวการณ์ที่ความเชื่อมั่นง่อนแง่นถึงขีดสุด และมีโอกาสที่จะทรุดลงได้ทุกเมื่อ

อย่างไรก็ตาม แม้กระทั่ง ECB เองยังสุ่มเสี่ยงที่จะกลายเป็น “ธนาคารเน่า” หรือ Bad Bank เสียเอง จากความพยายามที่จะขายพันธบัตรเพื่อพยุงประเทศที่กำลังประสบปัญหาหนี้สาธารณะ

หากแนวโน้มที่สินทรัพย์ธนาคารในยุโรปถดถอยลงนับเป็นสิ่งที่ชวนให้กังวลมากพอแล้ว วิธีการแก้ไขวิกฤตของ ECB ยังจุดชนวนให้เกิดกระแสโต้เถียงอย่างรุนแรง แม้กระทั่งในหมู่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารกลางของยุโรปแห่งนี้เอง

วิธีการที่ว่านี้คือ ECB จะกว้านซื้อพันธบัตรของประเทศที่ประสบปัญหาหนี้สิน เพื่อเสริมความมั่นคงทางการเงินในช่วงเวลาที่ประเทศเหล่านี้กู้เงินได้ยากขึ้น เนื่องจากถูกลดระดับความน่าเชื่อถือทางการเงิน

วิธีการนี้ได้รับการสนับสนุนอย่างสุดลิ่มทิ่มประตูจาก ฌอง โคลด ตริเชต์ ผู้ว่าการ ECB คนปัจจุบัน แต่เผชิญกับแรงต้านอย่างเต็มเหนี่ยวจาก แอกเซล เวเบอร์ ว่าที่ผู้ว่าฯ ECB คนต่อไป

ข้อดีของวิธีการนี้ก็คือ ช่วยไม่ให้กลุ่มประเทศ PIGS หรือรายต่อไปอย่างฝรั่งเศส ต้องล้มละลายในระยะเวลาอันรวดเร็ว

แต่ข้อเสียอย่างมหันต์ก็คือ ECB จะกลายเป็นผู้แบกรับความเสี่ยงจากระบบการเงินของประเทศเหล่านี้ และท้ายที่สุดก็จะกลายเป็นธนาคารกลางที่หมิ่นเหม่กับภาวะล้มละลาย หรือ Bad Bank ยังไม่นับภัยคุกคามต่อพื้นฐานเศรษฐกิจ โดยเฉพาะปัญหาเงินเฟ้อที่จะพุ่งสูงขึ้น

หาก ECB เปลี่ยนสถานะจากผู้พิทักษ์ความมั่นคงทางการเงินของยุโรปมาเป็น Bad Bank เมื่อใด นั่นก็หมายความว่า ยุโรปก็ได้เพียงรอนับถอยหลังเพื่อล้มละลายทางการเงินเมื่อนั้น
ด้วยเหตุนี้ แอกเซล เวเบอร์ จึงหวั่นใจยิ่งนักและโหวตค้านมาตลอด พร้อมชี้ว่า วิธีซื้อหนี้เพื่อกลบหนี้แสดงให้เห็นถึงความอ่อนแอของ ECB ที่นับวันจะยิ่งตกอยู่ภายใต้อิทธิพลทางการเมืองมากขึ้นทุกขณะ

ขณะที่เวเบอร์ระบุว่าธนาคารกลางของยุโรปถูกแทรกแซงโดยการเมืองนั้น เป็นการโยงสัญชาติฝรั่งเศสของผู้ว่าฯ คนปัจจุบัน เข้ากับแรงกดดันของประธานาธิบดีนิโกลาส์ ซาร์โกซี แห่งฝรั่งเศสที่ปรารถนาที่จะให้ ECB ยื่นมือเข้าช่วยเหลือประเทศที่กำลังประสบปัญหาโดยเร็วที่สุด

ความเป็นอิสระของธนาคารกลางหนึ่งๆ ไม่เพียงเป็นปัญหาในเชิงหลักการเท่านั้น แต่ยังอาจกลายเป็นปัญหาระดับสาหัสด้านนโยบายการเงิน หากฝ่ายรัฐบาลซึ่งควบคุมการคลัง (โดยเฉพาะรัฐบาลที่ปราศจากวินัยทางการเงินการคลัง) ยื่นมือเข้ามาชักใยนโยบายของธนาคารตามใจชอบ

ดังเช่นกรณีที่รัฐบาลไทยบางชุดพยายามเข้ามาแทรกแซงธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ด้วยการผลักดันนโยบายรวมบัญชีของ ธปท.และกระทรวงการคลังถึงสองครั้งสองคราในเวลาที่ต่างกัน ซึ่งแม้ว่าการรวมบัญชีจะมีตัวอย่างในบางประเทศ แต่หากนำวิธีการนี้มาใช้หมายความว่า ธนาคารกลางจะหมดสิ้นความเป็นอิสระ และถูกบงการโดยรัฐบาล หนักเข้าก็จะนำไปสู่หายนะ ดังเช่นที่ก่อนหน้าจะเกิดวิกฤตการเงินเอเชียปี 2540

เช่นเดียวกัน การใช้เงินทุนสำรองของธนาคารมาซื้อพันธบัตรรัฐบาล แม้จะถือเป็นวิธีปฏิบัติโดยทั่วไปในการบริหารหนี้สาธารณะ แต่หากใช้ผิดจังหวะและเป้าหมายอาจยังผลให้เกิดมิคสัญญีทางการเงินการคลังได้โดยง่าย

จะเห็นได้ว่า หน่วยงานที่เป็นเสมือนเสาหลักของยุโรป และจะเป็นผู้กอบกู้วิกฤตการณ์ ไม่เพียงมีแนวโน้มที่จะตกอยู่ในวิกฤตเสียเอง แต่ยังเสี่ยงที่จะหมดสิ้นความน่าเชื่อถือ เพราะเปิดช่องให้การเมืองเข้ามาพัวพันมากเกินไป

ด้วยเหตุนี้จึงไม่เกินกว่าเหตุที่จะชี้ว่า “สถานการณ์ของยุโรปยิ่งนับวันยิ่งไว้วางใจไม่ได้”!

กระนั้นก็ตาม ในช่วงเวลาที่วิกฤต Bad Bank ยังมาไม่ถึงยุโรป และขณะที่วิกฤตหนี้ยังพอซื้อเวลาจัดการได้ สหภาพยุโรปโดยการนำของ ECB ยังมีภารกิจเร่งด่วนที่จะต้องทำ

ประการแรก ต้องหาข้อสรุปร่วมกันเกี่ยวกับหนทางในการสะสางวิกฤตที่ดำเนินอยู่

ข้อนี้จะบรรลุผลได้ก็ต่อเมื่อ แต่ละฝ่ายต้องเลิกขัดขากัน และหันมาพิจารณาถึงจุดเด่นจุดด้อยของมาตรการที่จะนำมาใช้สะสางวิกฤตหนี้ ขณะที่รัฐบาลบางประเทศจะต้องลงมือจากการแสดงท่าทีก้าวก่ายนโยบายของ ECB และควรเร่งมือควบคุมวินัยทางการเงินของตน

ประการที่สอง ต้องระดมสมองเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดวิกฤตขึ้นซ้ำรอยในเวลาอันใกล้

ทางออกของข้อนี้จะเป็นผลลัพธ์จากข้อแรก สิ่งต่อมาที่จำเป็นที่สุดคือ การปฏิรูปวินัยทางการเงิน และหากมีความจำเป็น กลุ่มประเทศ Eurozone ก็ควรจริงจังกับการลงโทษประเทศสมาชิกที่ขาดวินัยทางการเงิน ทั้งยังขยันก่อหนี้โดยไม่ฟังคำทัดทานของเพื่อนสมาชิกด้วยกัน

สิ่งที่ ECB ต้องการคือความเป็นเอกภาพและอิสรภาพจากการเมือง เพื่อเสถียรภาพของระบบการเงินโลก

สิ่งที่ Eurozone ต้องการคือเจตนารมณ์และความมั่นคงในหลักการของประเทศสมาชิก เพื่อความอยู่รอดของเงินยูโร

ก่อนที่เสาหลักจะล้มลง เพราะเผชิญกับวิกฤตล้อมหน้าล้อมหลัง

เพราะเสถียรภาพทางการเงินของสหภาพยุโรป และค่าเงินยูโรมิได้ผูกติดกับความเป็นความตายของยุโรปเท่านั้น

แต่ยังหมายถึงชะตากรรมของอีกหลายประเทศทั่วโลกที่มอบความไว้วางใจให้กับสกุลเงินยูโร
1630  สมาชิก VIP / General Discussion / เลือกดื่มอย่างไร ไม่ทำให้อ้วน เมื่อ: มิถุนายน 01, 2010, 03:34:45 PM
เลือกดื่มอย่างไร ไม่ทำให้อ้วน (สภากาชาดไทย)

          หากคุณดื่มเครื่องดื่มพวกนี้เป็นประจำจะทำให้ลดน้ำหนักได้ยาก อาหารพลังงานว่างเปล่า เช่น น้ำตาล น้ำอัดลม เพราะน้ำตาลทุก ๆ 1 ช้อนชา จะเพิ่มพลังงานส่วนเกินแก่ร่างกาย 16 กิโลแคลอรี คาร์โบไฮเดรตอันตรายเป็นอีกชื่อที่เราอาจได้ยินอยู่บ่อย ๆ ได้แก่ น้ำตาล น้ำหวาน น้ำอัดลม อาหารแปรรูปที่มีแป้ง น้ำตาล และไขมัน ระวังน้ำผลไม้ 100% แม้จะมีประโยชน์แต่ก็เป็นคาร์โบไฮเดรตล้วน ๆ ดื่มมากก็อ้วนได้เช่นกัน ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่รักสุขภาพ และต้องการลดน้ำหนักหรือควบคุมน้ำหนัก หากต้องการเครื่องดื่มสักแก้วควรพิจารณาดังนี้

เลือกดื่ม

          นมจืดพร่องมันเนย นมถั่วเหลืองเสริมแคลเซียมไม่เติมน้ำตาล เป็นเครื่องดื่มที่มีคุณค่าทางอาหารสูง

          น้ำเปล่า น้ำแร่ น้ำโซดา ชาไม่ใส่น้ำตาล เป็นเครื่องดื่มที่ไม่มีแคลอรี

          เครื่องดื่มเกลือแร่ เหมาะสำหรับผู้ออกกำลังกายหนักๆที่สูญเสียเหงื่อมาก ผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักตัว หรือผู้เป็นเบาหวานควรจำกัดปริมาณการดื่มต่อครั้ง เพราะเครื่องดื่มประเภทนี้มีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบอยู่


ผู้บริโภคที่ฉลาดต้องทราบว่า

           น้ำหวานมีแคลอรีประมาณ 130-120 แคลอรีต่อกระป๋อง แคลอรีทั้งหมดมาจากน้ำตาลทราย ซึ่งมีอยู่ประมาณ 10 ช้อนชา

           น้ำชาเขียว ชาขาวที่มีส่วนผสมของน้ำตาลมีแคลอรีประมาณ 120-200 แคลอรีต่อขวด (500 มล.)

           เครื่องดื่มธัญพืช 1 กล่อง (200 มล.) มีแคลอรีประมาณ 90-110 แคลอรี หรือเท่ากับข้าวสวย 1 ทัพพี

           กาแฟเย็น โอเลี้ยง ชาเย็น ชาดำเย็น มีส่วนผสมของน้ำตาลสูงมาก มีแคลอรีประมาณ 120-300 แคลอรีต่อแก้ว ถ้าดื่มบ่อย ๆ จะทำให้ได้รับแคลอรีและน้ำตาลเกินได้ง่าย

           นมเย็น ที่มีขายทั่วไปมีส่วนผสมของนมข้นหวานมากกว่านมจืด และไม่จัดว่าเป็นเครื่องดื่มที่มีคุณค่าทางอาหารสูงเหมือนนม

           นมเปรี้ยวพร้อมดื่มมักมีน้ำตาลสูง ถ้าดื่มควรเลือกแบบที่มีน้ำตาลน้อย มีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบน้อยกว่า 3% ต่อหนึ่งหน่วยบริโภค

           กาแฟ ชา และเครื่องดื่มรสมอลต์แบบสำเร็จรูป 3 in 1 มักมีน้ำตาลสูง และมีส่วนผสมของครีมผงที่มีส่วนประกอบของน้ำมันมะพร้าว ซึ่งมีไขมันอิ่มตัวสูง ควรเลือกนมผงหรือนมสดใส่ในเครื่องดื่มเหล่านี้แทน

           แอลกอฮอล์ ทั้งไวน์ เบียร์ และเหล้าผสม มีแคลอรีสูง ถ้าเลือกดื่มไม่ควรเกิน 1 แก้วต่อวันสำหรับผู้หญิง และ 2 แก้วต่อวันสำหรับผู้ชาย

           น้ำผลไม้ปั่นเป็นเครื่องดื่มที่มีคุณค่าทางอาหารสูง แต่ควรระวังเรื่องปริมาณ เนื่องจากมีน้ำตาลธรรมชาติสูง

           น้ำผลไม้แม้จะเป็นเครื่องดื่มที่ดี ให้วิตามินซีสูง แต่ขอให้เลือกน้ำผลไม้ 100% ปริมาณไม่เกินวันละ 120-240 มล. แต่คุณจะได้พลังงานส่วนเกินถ้าดื่มมากขึ้น และไม่ได้ใยอาหารและสารอาหารเหมือนกับการกินผลไม้สด สำหรับผู้เป็นเบาหวาน น้ำผลไม้ 120 มล. จะต้องแลกกับผลไม้สด 1 ส่วน ไม่ควรตุนน้ำผลไม้มากเกินไปเพราะจะมีโอกาสดื่มเพิ่มขึ้น

           เราสามารถตรวจสอบน้ำตาลจากฉลากอาหารบนเครื่องดื่มได้ ปริมาณน้ำตาลที่ระบุเป็นปริมาณรวม ระหว่างน้ำตาลธรรมชาติและน้ำตาลที่เติมลง ไปในเครื่องดื่ม วิธีดูปริมาณน้ำตาลที่ดีที่สุดคือการอ่านส่วนประกอบในอาหารด้วย

          เหตุผลที่เราบริโภคน้ำตาลเกินพิกัด เพราะน้ำตาลได้แปลงกายซ่อนอยู่ในรูปของน้ำเชื่อมชนิดต่าง ๆ น้ำผึ้ง น้ำผลไม้ ฟรักโทส และกากน้ำตาล ล้วนแล้วแต่เป็นพลังงานว่างเปล่า ซึ่งให้แค่พลังงานอย่างเดียวโดยไม่มีวิตามิน แร่ธาตุ และกากใยอาหารเหมือนน้ำตาลธรรมชาติที่พบในผลไม้สดและนม แต่ขึ้นชื่อว่าน้ำตาลแล้ว ไม่มีชนิดไหนดีไปกว่ากันเพราะให้พลังงานใกล้เคียงกัน ยกเว้นน้ำตาลเทียม
1631  วิเคาระห์กราฟแนวโน้มราคาทองรายวัน / วิเคาระห์กราฟแนวโน้มราคาทองรายวัน / Re: วิเคาระห์กราฟแนวโน้มราคาทองรายวัน โดย Chart Pro เมื่อ: มิถุนายน 01, 2010, 12:08:56 PM

ว้ายกรี๊ด!!!!!!!!!อยู่ๆลงเลย พูดหน่อยลงเลย อะไรเนี่ย icon_vader icon_vader icon_vader
1632  สมาชิก VIP / General Discussion / วิธีคิด ดีมากๆ... เมื่อ: พฤษภาคม 31, 2010, 07:31:40 PM
วิธีคิด ดีมากๆ...

• เวลาเจองานหนัก
  ให้บอกตัวเองว่า นี่คือโอกาสในการเตรียมพร้อมสู่ความเป็นมืออาชีพ

• เวลาเจอปัญหาซับซ้อน
  ให้บอกตัวเองว่า นี่คือบทเรียนที่จะสร้างปัญญาได้อย่างวิเศษ

• เวลาเจอความทุกข์หนัก
  ให้บอกตัวเองว่า นี่คือแบบฝึกหัดที่จะช่วยให้เกิดทักษะในการดำเนินชีวิต

• เวลาเจอนายจอมละเมียด
  ให้บอกตัวเองว่า นี่คือการฝึกตนให้เป็นคนสมบูรณ์แบบ (Perfectionist)

• เวลาเจอคำตำหนิ
  ให้บอกตัวเองว่า นี่คือการชี้ขุมทรัพย์มหาสมบัติ

• เวลาเจอคำนินทา
  ให้บอกตัวเองว่า นี่คือการสะท้อนว่าเรายังคงเป็นคนที่มีความหมาย

 • เวลาเจอความผิดหวัง
  ให้บอกตัวเองว่า นี่คือวิธีที่ธรรมชาติกำลังสร้างภูมิคุ้มกันให้กับชีวิต

• เวลาเจอความป่วยไข้
  ให้บอกตัวเองว่า นี่คือการเตือนให้เห็นคุณค่าของการรักษาสุขภาพให้ดี

 • เวลาเจอความพลัดพราก
  ให้บอกตัวเองว่า นี่คือบทเรียนของการรู้จักหยัดยืนด้วยขาตัวเอง

• เวลาเจอลูกหัวดื้อ
  ให้บอกตัวเองว่า นี่คือโอกาสทองของการพิสูจน์ความเป็นพ่อแม่ที่แท้จริง

 • เวลาเจอแฟนทิ้ง
  ให้บอกตัวเองว่า นี่คือความเป็นอนิจจังที่ทุกชีวิตมีโอกาสพานพบ
 
 • เวลาเจอคนที่ใช่แต่เขามีคู่แล้ว
  ให้บอกตัวเองว่า นี่คือประจักษ์พยานว่าไม่มีใครได้ทุกอย่างดั่งใจหวัง

 • เวลาเจอภาวะหลุดจากอำนาจ
  ให้บอกตัวเองว่า นี่คือความอนัตตาของชีวิตและสรรพสิ่ง
 
 • เวลาเจอคนกลิ้งกะล่อน
  ให้บอกตัวเองว่า นี่คืออุทาหรณ์ของชีวิตที่ไม่น่าเจริญรอยตาม

• เวลาเจอคนเลว
  ให้บอกตัวเองว่า นี่คือตัวอย่างของชีวิตที่ไม่พึงประสงค์

 • เวลาเจออุบัติเหตุ
  ให้บอกตัวเองว่า นี่คือคำเตือนว่าจงอย่าประมาทซ้ำอีกเป็นอันขาด

 • เวลาเจอศัตรูคอยกลั่นแกล้ง
  ให้บอกตัวเองว่า นี่คือบททดสอบว่าที่ว่า 'มารไม่มีบารมีไม่เกิด'
• เวลาเจอวิกฤต
  ให้บอกตัวเองว่า นี่คือบทพิสูจน์สัจธรรม 'ในวิกฤตย่อมมีโอกาส'

• เวลาเจอความจน
  ให้บอกตัวเองว่า นี่คือวิธีที่ธรรมชาติเปิดโอกาสให้เราได้ต่อสู้ชีวิต

 • เวลาเจอความตาย
  ให้บอกตัวเองว่า นี่คือฉากสุดท้ายที่จะทำให้ชีวิตมีความสมบูรณ์
11.ควรหัดพูดคำว่า "ไม่เป็นไร"ให้เคยปากมากกว่าการพูดคำว่า "จะเอายังไง"

12.ลองตั้งนาฬิกาให้เร็วขึ้น 15 นาที รับรองว่าจะไม่ค่อยไปสายเหมือนก่อน

13.สัตว์เลี้ยงที่บ้านเก็บความลับเก่ง เรื่องที่ไม่อยากให้ใครรู้จึงควรเล่าให้มันฟัง

14.อาหารที่ไม่ชอบกินตอนเด็ก ลองตักเข้าปากอีกที เผื่อจะกลายเป็นอาหารจานโปรด

15.เขียนชื่อคนที่เกลียดใส่กระดาษแล้วฉีกทิ้ง ความเกลียดจะเบาบางลงเรื่อยๆ

16.ให้ปล่อยให้น้ำตาไหลโดยไม่ต้องเช็ด เมื่อน้ำตาแห้งแล้วแทบดูไม่ออกว่าเพิ่งร้องให้

17.ตุ๊กตาและของเล่นเก่าๆ จะทำให้เรายิ้มได้เสมอเมื่อไปหยิบมาเล่นอีกครั้ง

18.ก่อนจะซื้ออะไรก็ตาม ต้องคิดหาประโยชน์ของมันให้ได้อย่างน้อยสามข้อก่อน

19.ถึงเสื้อกางเกงในตู้จะมีอยู่น้อย แต่ถ้าใส่สลับกันไปเรื่อยๆ ก็ดูเหมือนมันมีเยอะเอง

20.ซาลาเปา 1 ลูกกินได้ 2 คน ลูกชิ้นปิ้ง 1 ไม้กินได้ 4 คนถ้าคุณคิดจะแบ่งเท่านั้นเอง
1633  สมาชิก VIP / General Discussion / ลดความอ้วน จะทานโลว์คาร์โบฯ หรือโลว์แฟตดี? เมื่อ: พฤษภาคม 27, 2010, 10:36:16 PM
ลดความอ้วน จะทานโลว์คาร์โบฯ หรือโลว์แฟตดี?
โลว์คาร์โบฯ หรือโลว์แฟต ไม่ต้องเลือก ใช้มันทั้งสองอย่างเลย (Lisa)

           ลดความอ้วน...จะกินอาหารแบบคาร์โบไฮเดรตต่ำ หรือไขมันต่ำดีนะ? บางทีเราก็ไม่เห็นต้องเลือกนี่ มาลองผสมผสานข้อดีของการลดน้ำหนักแต่และแบบ เข้าด้วยกันไม่ดีกว่าหรือ?

 1.เริ่มการลดน้ำหนักด้วยการกินอาหารคาร์โบไฮเดรตต่ำ และโปรตีนสูงก่อน

           เนื่องจากการศึกษาหลายครั้ง แสดงให้เห็นว่า คนเราลดน้ำหนักได้มากกว่าในช่วง 6 เดือนแรกด้วยการกินแนวทางนี้

 2.ระวังปริมาณไขมัน

           หลุมพรางสำคัญของการกินอาหารคาร์โบไฮเดรตต่ำ คือการไม่ใส่ใจในปริมาณไขมัน เนื่องจากอาหารโปรตีนสูงหลายอย่างเต็มไปด้วยไขมัน ควรเลือกโปรตีนที่ไขมันต่ำ หรือไร้ไขมันเอาไว้ก่อน

 3.ค่อย ๆ เพิ่มคาร์โบไฮเดรตเข้าไปในอาหารของคุณ

           โดยควรเป็นคาร์โบไฮเดรตชนิดดี หลักการง่าย ๆ ในการดูก็คือ อย่ากินอะไรที่เป็น "สีขาว" เช่น แป้งขาว หรือน้ำตาลขาว เลือกธัญพืชไม่ขัดสี และน้ำตาลต่ำ หรือไม่มีน้ำตาลแทน

 4.กินผักและผลไม้ให้มาก ๆ

           ในขณะที่คุณเข้าสู่ช่วงต่อของการกินคาร์โบไฮเดรตมากขึ้น ให้แน่ใจว่าส่วนใหญ่ของคาร์โบไฮเดรตมาจากผักและผลไม้ อย่างน้อยกินให้ได้ 9 ส่วน หรือราว 4 ถ้วยครึ่งต่อวันทุกวัน

 5.อย่าอยู่เฉย

           จำไว้ว่าอาหารคือพลังงาน อย่ากินแล้วนั่งดูทีวี แต่ออกไปเดินเล่น ไปเข้ายิม หรือทำอะไรที่จะเผาผลาญพลังงานที่คุณเติมเข้าไปในร่างกาย

1634  สมาชิก VIP / General Discussion / แต่งหน้าในรถ เมื่อ: พฤษภาคม 27, 2010, 10:34:30 PM
แต่งหน้าในรถ
แต่งหน้าในรถ (Lisa)

           ชีวิตที่แสนเร่งรีบทำให้สาว ๆ สมัยนี้ต้องอาศัยเวลาในรถ เพื่อแต่งหน้ากัน ซึ่งเรารู้ว่ามันไม่ง่ายเลย แต่ถ้าคุณจำเป็นต้องแต่งหน้าในรถบ่อย ๆ ก็ลองใช้วิธีการของเราต่อไปนี้ดู

            เก็บครีมรองพื้นชนิดน้ำไว้ก่อน แล้วหันมาใช้รองพื้นแบบครีมซึ่งมีฟองน้ำสำหรับทามาให้พร้อม ครีมรองพื้นแบบนี้ จะช่วยให้คุณเกลี่ยได้ง่ายโดยไม่ต้องกลัวหกเลอะเหอะ

            การใช้อุปกรณ์ในการแต่งหน้าอย่างแปรงปัดบลัชออนนั้น อาจสร้างความลำบากในการแต่งหน้าให้คุณได้ ฉะนั้น ก็หันมาใช้บลัชออนชนิดครีมที่ใช้นิ้วเกลี่ยลงบนแก้มได้ง่ายแทน

            ถ้าคุณเป็นคนชอบเขียนตา ก็ลืมอายไลเนอร์ชนิดน้ำไปเลย แล้วหันมาใช้แบบที่เป็นดินสอแทน เพราะจะเขียนให้ดูเรียบคมได้ง่ายกว่า

            อย่าใช้ที่ดัดขนตาในรถเด็ดขาด เพราะคุณอาจหนีบขนตาหลุดออกมาได้ ลองหันมาใช้เทคนิคนี้แทน นั่นคือหลังจากปัดมาสคาร่าแล้ว ใช้นิ้วชี้กับนิ้วหัวแม่มือจับเส้นขนตาให้ยกขึ้นจนกว่ามาสคาร่าจะแห้ง

            ลิปสติกสีสวย ๆ อาจสร้างปัญหายามทาตอนอยู่ในรถ หันมาใช้ลิปกลอสสีอ่อน ๆ แทนจะดีกว่า

1635  สมาชิก VIP / General Discussion / เมื่อซื้อทัวร์แล้ว แต่กลับถูกหลอก เมื่อ: พฤษภาคม 27, 2010, 10:31:51 PM
เมื่อซื้อทัวร์แล้ว แต่กลับถูกหลอก
ซื้อทัวร์แล้วกลับถูกหลอก (Lisa)

           จากข่าวที่ปรากฏเกี่ยวกับการถูกหลอกให้ซื้อทัวร์ ทำให้นักท่องเที่ยวทั้งหลายต้องระวังตัวมากขึ้น ซึ่งวันนี้ อ.ประมาณ มีข้อแนะนำเกี่ยวกับเรื่องนี้มาฝากกันแล้ว

           รายได้จากการท่องเที่ยวเป็นรายได้สำคัญอันดับต้นๆ ของประเทศไทยเราครับ ทั้งจากทัวร์ภายนอกประเทศ และคนไทยเองนี่แหละครับที่นิยมเดินทางไปท่องเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติ และวัฒนธรรมต่าง ๆ  ทั่วทั้งประเทศไทย ที่คุณผู้อ่านเองก็สามารถเลือกท่องเที่ยวได้ตามรสนิยมครับ

           เรื่องหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวในบ้านเรา และคุณผู้อ่าน Lisa บางท่านเป็นกังวลและได้ไถ่ถามมาที่กองบรรณาธิการ คือ หลังจากที่มีข่าวเมื่อปลายเดือนธันวาคม 2552 ต่อเนื่องมาถึงต้นเดือนมกราคม 2553 ว่ามีนักท่องเที่ยวหลายคนถูกหลอกให้ซื้อโปรแกรมทัวร์ในงานที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจัดบูธส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยให้บริษัททัวร์น้อยใหญ่มาออกงาน แต่พอถึงเวลาจริง กลับโอละพ่อบริษัททัวร์แห่งนั้นปิดบริษัทหายจ้อย... ซึ่งผมจะคุยเรื่องเหล่านี้กับคุณผู้อ่านใน Lisa ฉบับนี้แหละครับ

ซื้อแพ็กเกจแล้ว...แต่ถูกเบี้ยว

           เรื่องของเรื่องก็คือเมื่อวันที่ 10 มกราคม 2553 ประชาชนผู้เสียหายจำนวน 26 คน นำหลักฐานใบเสร็จรับเงินเดินทางเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลลุมพินีให้ดำเนินคดีกับบริษัท เซาเธิร์น พลัส ทราเวล จำกัด และพวก ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกง หลังผู้เสียหายได้เข้าไปซื้อแพ็กเกจท่องเที่ยว จังหวัดกระบี่ จากบริษัทดังกล่าว ทั้งในงาน อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ แกรนด์เซลส์ 2009 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 กรกฎาคมถึง 2 สิงหาคม 2552 และงานมหัศจรรย์เที่ยวไทย เมื่อวันที่ 4-6 ธันวาคม 2552 แต่ปรากฏว่า ไม่สามารถท่องเที่ยวได้จริงตามนั้น แถมผู้เสียหายเหล่านี้ก็สูญเงินไปรวมกันเกือบล้านบาท

           เรื่องนี้ชัดเจนครับว่า เข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน เพราะบริษัททัวร์เอาเงินของผู้เสียหายไปแล้ว แต่ปรากฏว่าไม่สามารถทำตามที่โฆษณาไว้ แถมปิดบริษัทหนีอีก ซึ่งโทษในคดีนี้เบื้องต้นคือจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับครับ

มีบทลงโทษ...จาก ททท. อีก

           บริษัทท่องเที่ยวหรือบริษัททัวร์ใด ๆ ก็ตามที่มีความผิดประเภทลูกค้าซื้อทัวร์ไปแล้ว แต่บริษัทแจ้งยกเลิกการเดินทาง และ ไม่ยอมคืนเงินให้ หรือเบี้ยวลูกค้าหน้าตาเฉยอย่างกรณีข้างต้น แบบนี้ นอกจากถูกสั่งให้คืนเงินตามจริงแล้ว บริษัทจะต้องถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวตาม พ.ร.บ.ธุรกิจนำเที่ยว และมัคคุเทศก์ พ.ศ.2535 โดยมีกำหนดระยะเวลา แต่ไม่เกินครั้งละ 6 เดือนครับ

นักท่องเที่ยว...ได้เงินชดใช้

           นอกจากบริษัทท่องเที่ยวต้องรับผิดชอบความเสียหายทั้งปวงหลังจากที่ผู้เสียหายไปแจ้งความแล้ว หากคุณผู้อ่านซึ่งซื้อทัวร์จากบริษัทที่จดทะเบียนกับ ททท. แล้วคิดว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม หรือรู้สึกว่าถูกเอารัดเอาเปรียบ คุณในฐานะนักท่องเที่ยวยังสามารถร้องเรียนที่นายทะเบียนธุรกิจนำเที่ยว และมัคคุเทศก์ ณ สำนักงานธุรกิจนำเที่ยว และ มัคคุเทศก์ ใกล้บ้านได้เลยนะครับ โดยคุณจะได้รับเงินชดใช้ค่าเสียหายในวงเงินตามประเภทใบอนุญาตที่บริษัทแห่งนั้นได้ทำเอาไว้ดังนี้ครับ

         ใบอนุญาตท่องเที่ยวภายในจังหวัด และจังหวัดที่มีพื้นที่ติดต่อ ชดใช้ไม่เกิน 10,000 บาท

         ใบอนุญาตท่องเที่ยวภายในประเทศ ชดใช้ไม่เกิน 50,000 บาท

         ใบอนุญาตนำนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเข้ามาเที่ยวภายในประเทศ (Inbound) ชดใช้ไม่เกิน 100,000 บาท

         ใบอนุญาตนำนักท่องเที่ยวภายในประเทศเดินทางท่องเที่ยวยังต่างประเทศ (Outbound) และนำนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเข้ามาเที่ยวภายในประเทศ (Inbound) ชดใช้ไม่เกิน 200,000 บาท

รักษาเอกสาร...ไว้เป็นหลักฐาน

           เอกสารท่องเที่ยวต่าง ๆ เช่น โปรแกรมเดินทางสถานที่ท่องเที่ยว รายการนำเที่ยว ใบเสร็จรับเงิน ฯลฯ เป็นสิ่งที่ผู้ซื้อทัวร์ต้องเก็บรักษาเอกสารเหล่านี้ไว้สุดชีวิตเลยนะครับ อย่าไปทิ้งขว้าง เพราะจะเป็นหลักฐานสำคัญ และเป็นประโยชน์เมื่อมีการร้องเรียนในภายหลัง นอกจากนี้ คุณผู้อ่านต้องพิจารณานะครับว่าชื่อผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวในใบอนุญาตและใบเสร็จรับเงินต้องตรงกัน และจำนวนเงินต้องถูกต้อง ตรวจสอบเงื่อนไขอื่น ๆ  ตามเอกสารให้ถูกต้องตรงตามที่เขาได้ตกลงกับคุณไว้ด้วยวาจาด้วยนะครับ

           สำหรับคนที่นิยมซื้อแพ็กเกจตามงานแฟร์หรืองานเทศกาลต่างๆ จำไว้นะครับว่าควรชำระเงินแค่ส่วนหนึ่งก่อนอย่าเพิ่งชำระเต็ม เมื่อเกิดเหตุขึ้นต้องรีบแจ้งความเพื่อควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยในการกระทำความผิด ชั้นต่อไปคือเข้าไปร้องเรียนที่การท่องเที่ยวฯ ใกล้บ้าน เพื่อรับเงินชดใช้ค่าเสียหายครับ

หน้า: 1 ... 107 108 [109] 110 111

Powered by MySQL Powered by PHP Valid XHTML 1.0! Valid CSS!