TARADTHONG.COM

สมาชิก VIP => ข่าวตลาดทอง => ข้อความที่เริ่มโดย: น่ารักสุดๆ ที่ สิงหาคม 11, 2010, 07:50:18 AM



หัวข้อ: แนะผู้ใช้เน็ตแบงก์กิ้งอย่าโหลดมั่ว หวั่นถูกโจรกรรมข้อมูล
เริ่มหัวข้อโดย: น่ารักสุดๆ ที่ สิงหาคม 11, 2010, 07:50:18 AM
แนะผู้ใช้เน็ตแบงก์กิ้งอย่าโหลดมั่ว หวั่นถูกโจรกรรมข้อมูล


“อภิศักดิ์”การันตี ยังไม่มีระบบอินเตอร์เน็ตแบงก์กิ้ง ของธนาคารใด ถูกโจรกรรมข้อมูล แนะผู้ใช้บริการ อย่าดาวน์โหลดเมล์ แปลกๆ อาจถูกโจรกรรมข้อมูลได้

เมื่อวันที่ 10 ส.ค. นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กรณีที่ลูกค้าอินเตอร์เน็ตแบงก์กิ้งของธนาคารพาณิชย์บางแห่งถูกโจรกรรมข้อมูล พร้อมนำข้อมูลที่ได้มาทำธุรกรรมทางการเงิน จนได้รับความเสียหาย ซึ่งในเรื่องนี้เท่าที่ติดตาม เกิดจากเครื่องคอมพิวเตอร์ของลูกค้าที่ใช้ทำอินเตอร์เน็ตแบงก์กิ้ง ถูกโจรกรรมข้อมูล ในส่วนของระบบอินเตอร์เน็ตของธนาคาร สามารถเข้าไปเจาะฐานข้อมูลได้ ซึ่งในจุดนี้ลูกค้าของธนาคารที่ใช้ระบบดังกล่าว ต้องระมัดระวัง ไม่ไปดาวน์โหลด เปิดเมล์ที่ไม่รู้จัก เพราะอาจถูกโจรกรรมข้อมูลได้

"การกระทำทุจริตมีหลายช่องทาง ทั้งในเรื่องของการทำธุรกรรมผ่านสาขา ธุรกรรมโทรศัพท์ และอินเตอร์เน็ตแบงก์กิ้ง ดังนั้นต้องระมัดระวัง ซึ่งในเรื่องของความรับผิดชอบ กรณีที่เครื่องของลูกค้าถูกโจรกรรมข้อมูล ลูกค้าต้องเป็นผู้รับผิดชอบ แต่หากกรณีระบบของธนาคารถูกโจรกรรมข้อมูล ธนาคารจะเป็นผู้รับผิดชอบ" นายอภิศักดิ์ กล่าว

ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมา เรื่องของการโจรกรรมข้อมูล ในรูปแบบต่างๆ ธนาคารทุกแห่งได้ระมัดระวังอยู่ตลอด และเมื่อเกิดกรณีของลูกค้าของธนาคารบางแห่งถูกโจรกรรมข้อมูล ในส่วนของธนาคารกรุงไทย ได้เพิ่มความระมัดระวังยิ่งขึ้น โดยหากเป็นลูกค้าของธนาคาร เมื่อเข้ามาทำธุรกรรมบนอินเตอร์เน็ตแบงก์กิ้ง เมื่อธุรกรรมเสร็จสิ้น จะถูกแจ้งผ่าน SMS ทันที

นายอภิศักดิ์ ยังกล่าวถึงค่าเงินบาที่แข็งค่าขึ้นของเงินบาท ว่าเกิดจากการส่งออกที่มากขึ้น ประกอบกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลง ทำให้ค่าเงินบาท และค่าเงินในภูมิภาคแข็งค่าขึ้น ซึ่งต้องยอมรับว่าในช่วงที่ผ่านมา ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ดูแลเสถียรภาพเงินบาทได้ดีมาก และในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ที่ค่าเงินบาทได้แข็งค่าขึ้น อย่างไรก็ตาม แนวโน้มของค่าเงินบาทหลังจากนี้จะแข็งค่าขึ้น โดยมีสำนักวิจัยหลายแห่งได้ออกมาระบุว่า สิ้นปีนี้ค่าเงินบาทจะแข็งค่าไปอยู่ที่ 31.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ

ส่วนกรณี ธปท. ออกมาเตือนให้ระวังฟองสบู่ธุรกิจคอนโดมิเนียมว่า ธปท.มีความเป็นห่วงในเรื่องของธุรกิจคอนโดมิเนียม เพราะนับตั้งแต่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจปี 40 เป็นต้นมา คนที่ซื้อคอนโดมิเนียมเกือบทั้งหมดซื้อเพื่ออยู่อาศัย แต่ในระยะหลัง ในจำนวนผู้ซื้อทั้งหมด มีถือ 20 % ไม่ได้ซื้อเพื่ออยู่อาศัย ซึ่งในเรื่องนื้ถือว่าเกิดขึ้นได้ และจากการติดตามยังไม่พบปัญหาเกิดขึ้น ทั้งนี้ในเรื่องของการปล่อยสินเชื่อของธนาคารให้กับผู้ประกอบการธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์ ธนาคารดำเนินการอย่างเข้มงวด และระมัดระวังอยู่ตลอดเวลา โดยการพิจารณาสินเชื่อดูจากกลุ่มผู้ประกอบการ และเครดิตของลูกค้า โดยสินเชื่อที่ปล่อยให้กับผู้ประกอบการโครงการอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารมีส่วนแบ่งการตลาด 20 % ของตลาดรวม

"พฤติกรรมของผู้บริโภคเริ่มเปลี่ยนไป ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่เป็นแนวราบ อัตราการเติบโตเหลือแค่ 7-8 % ขณะที่คอนโดมิเนียมอัตราการเติบโตยัง 10-20 % ทำให้ผู้ประกอบการมาทำคอนโดมิเนียมมากขึ้น" นายอภิศักดิ์ กล่าว.