TARADTHONG.COM

สมาชิก VIP => General Discussion => ข้อความที่เริ่มโดย: น่ารักสุดๆ ที่ กันยายน 03, 2010, 07:37:20 PM



หัวข้อ: เปิดปมมรดกเลือด ตระกูลธรรมวัฒนะ
เริ่มหัวข้อโดย: น่ารักสุดๆ ที่ กันยายน 03, 2010, 07:37:20 PM
เปิดปมมรดกเลือด ตระกูลธรรมวัฒนะ


ย้อนรอยตระกูล ธรรมวัฒนะ มรดกสีเลือด ที่ทำให้ครอบครัวแตกแยก...

          หลังจากเมื่อวันที่ 1 ก.ย.2553 ศาลอุทธรณ์ได้ยกฟ้อง นายนพดล ธรรมวัฒนะ ข้อหาฆาตกรรมพี่ชายของตัวเอง กระแสความฉงนสงสัยในปมต่าง ๆ ของครอบครัว ธรรมวัฒนะ ก็กลับมาอีกครั้ง ว่าเหตุใดคนในครอบครัวจึงต้องกลายเป็นผู้ต้องสงสัยซ้ำแล้วซ้ำอีก...

          ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2542 เวลา 03.35 น. ณ บ้านหลังใหญ่ ย่านสะพานใหม่ ของตระกูลธรรมวัฒนะ นายห้างทอง ธรรมวัฒนะ นักการเมืองคนดัง ได้จบชีวิตลงบนเก้าอี้สีเขียว สภาพศพกึ่งนั่งกึ่งนอนบนกองเลือด มีรอยกระสุนฝังอยู่ที่ศีรษะ และมีปืนขนาด .38 อยู่ในมือขวา พร้อมกับมีจดหมายลาตายทิ้งไว้ฉบับหนึ่ง ที่กลายเป็นปริศนาว่า เหตุใดเขาจึงต้องฆ่าตัวตาย และ การตายของเขามาจากเงื้อมมือของตัวเองจริงหรือไม่...

          นายนพดล ธรรมวัฒนะ น้องชายของ นายห้างทอง ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์วันนั้น จึงตกเป็นผู้ต้องสงสัยทันที เพราะในบ้านหลังใหญ่ราคาหลายร้อยล้าน มีเพียงพวกเขา 2 คน ที่อยู่ด้วยกันในวันเกิดเหตุเท่านั้น และสำคัญไปกว่านั้นก็คือ นายห้างทอง ธรรมวัฒนะ จบชีวิตของเขาลงในห้องนอนของ นายนพดล

          ความสงสัยดังกล่าว ยิ่งกลายเป็นปมให้ตระกูลธรรมวัฒนะ ถูกสืบเสาะประวัติความเป็นมา และนั่นทำให้คดีนายห้างทอง กลายเป็นปริศนามากขึ้น เมื่อคนในครอบครัวของเขาส่วนใหญ่ ล้วนจากไปแบบมีเงื่อนงำ

          นับตั้งแต่ นางสุวพีร์ ธรรมวัฒนะ มารดาผู้สร้างมรดกหมื่นล้าน ตัดสินใจรวบรวมเงินทั้งชีวิตของเธอ เพื่อซื้อที่ดินย่านสะพานใหม่ เพื่อนำมาเปิดเป็น ตลาดยิ่งเจริญ ให้พ่อค้าแม่ค้าเช่า เธอต้องกัดฟันสู้ชีวิตอย่างเด็ดเดี่ยว จนในที่สุด ตลาดยิ่งเจริญ ก็กลายเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดย่านสะพานใหม่ และนำเงินไปต่อยอดเป็นธุรกิจอื่น ๆ เพื่อให้กลายเป็นเม็ดเงินนับล้านบาทที่หมุนเวียนอยู่กับครอบครัวในแต่ละวัน ให้กับลูก ๆ ทั้ง 9 คน และสามี คือ นายอาคม ฉัตรชัยยันต์

          แต่ นางสุวพีร์ กลับไม่รู้เลยว่า เงินจำนวนมหาศาลที่เธอสร้างขึ้นด้วยความเหน็ดเหนื่อยนั้น กลายเป็นที่มาของการจบชีวิตลงทีละรายของคนในตระกูล ราวกับว่ามีคนจงใจ...

          1. นายอาคม ฉัตรชัยยันต์ สามีของนางสุวพีร์ และลูก ๆ ทั้ง 9 คน ถูกลอบยิงเป็นรายแรกเมื่อปี พ.ศ.2509 เรื่องการขัดผลประโยชน์จากโรงฆ่าสัตว์

          2. นางสุวพีร์ ธรรมวัฒนะ ก็ถูกลอบยิงจนบาดเจ็บสาหัส เมื่อปี พ.ศ.2522 และกลายเป็นอัมพาตต้องนั่งรถเข็น เธอจึงหลบไปรักษาตัวที่อเมริกาที่ ๆ ลูก ๆ ของเธอเรียนอยู่

          3. นางสาวกุสุมา ธรรมวัฒนะ หรือ แต๋น น้องสาวคนที่ 3 ของครอบครัว ที่รับได้มอบหมายให้ทำหน้าที่ดูแลกิจการแทนแม่ ที่หลบไปรักษาตัว ก็ถูกลอบยิงในอีก 3 ปีต่อมา คือวันที่ 30 กันยายน พ.ศ.2525 และตำรวจจับมือปืนผู้ลอบสังหารได้ โดยมือปืนซัดทอดว่า นายบวร ธรรมวัฒนะ ที่มีศักดิ์เป็นอา เป็นผู้จ้างวาน

          4. นางสุวพีร์ ธรรมวัฒนะ กลับมาบริหารงานที่เมืองไทยอีกครั้งเมื่อปี พ.ศ.2526 และล้มป่วยลงด้วยโรคมะเร็ง จนเสียชีวิตในปี พ.ศ.2533 โดยทิ้งพินัยกรรมเอาไว้ให้กับลูก ๆ ทั้งหมด พร้อมกับลายมือที่เขียนไว้ว่า "รักสามัคคี" แต่พินัยกรรมที่ระบุให้ลูก ๆ สามารถแบ่งทรัพย์สินกันได้หลังจากเธอเสียชีวิตไปแล้ว 20 ปี อาจจะกลายเป็นต้นตอของความสูญเสียที่ตามมา

          5. นางนัยนา ตามประกอบ จากไปเป็นรายที่ 4 ของตระกูล ที่ถึงแม้ว่านางนัยนา จะเลือกแต่งงานกับ พ.ต.ต.สมาน ตามประกอบ ที่แม่ไม่ชอบ จนต้องถูกตัดออกจากกองมรดก แต่แม่ก็ยังเขียนชื่อเธอลงในพินัยกรรมให้เป็นส่วนหนึ่งของมรดกมูลค่ามหาศาล จนเธอถูกอุ้มไปฆ่าอย่างโหดเหี้ยมในเพียงอีก 1 เดือนต่อมา และทำให้ผู้ร่วมขบวนการฆาตกรรมในครั้งนั้นถูกฆ่าปิดปากเรียบ

          6. นายเทอดชัย ธรรมวัฒนะ หรือ ผู้ใหญ่แดง พี่ชายต่างบิดา ก็ถูกอุ้มหายไปตั้งแต่ พ.ศ. 2534 และจนป่านนี้ยังไม่มีใครพบเห็นอีกเลย

          7. พ.ต.ท.สมาน ตามประกอบ สามีของนางนัยนา ถูกลอบวางระเบิดรถยนต์ในปี พ.ศ.2540 แต่ก็รอดตายได้อย่างหวุดหวิด

          8. นายห้างทอง ธรรมวัฒนะ รายล่าสุดของครอบครัว ที่เสียชีวิตลงในบ้านพักของตัวเอง พร้อมกับปืนในมือ และจดหมายลาตาย ที่แม้สถานการณ์จะดูคล้ายการจบชีวิตลงด้วยตนเอง แต่ทว่าท่ามกลางปมปริศนาของครอบครัวแล้ว การฆาตกรรมจึงเป็นสิ่งที่ยังถูกสงสัยอยู่

          นายนพดล ธรรมวัฒนะ นางมัลลิกา หลีระพันธ์ (ธรรมวัฒนะ) และ นางสาวฐานิยา ธรรมวัฒนะ คือฝ่ายที่มีความคิดเห็นแตกต่างกับ นายห้างทอง ธรรมวัฒนะ และน้อง ๆ อีก 3 คน คือ นายปริญญา ธรรมวัฒนะ นางสาวคนึงนิตย์ ธรรมวัฒนะ และนางนฤมล มังกรพาณิชย์ ที่มีคดีฟ้องร้องกันถึง 12 คดี และนั่นคือปมที่ทำให้นายนพดล ยังไม่ถูกตัดออกจากการเป็นผู้ต้องสงสัยในข้อหาฆาตกรรมพี่ชายแท้ ๆ ของตัวเอง

          จากการสอบสวนวันนั้น นายนพดล ให้การว่าตนเองไม่ได้อยู่ในห้องที่เกิดเหตุ และปล่อยให้พี่ชายอยู่คนเดียว โดยคาดว่าพี่ชายเครียดจนจบชีวิตลง และทิ้งจดหมายบอกลาเอาไว้ พร้อมทั้งยืนยันว่า "ผมไม่ได้ฆ่าพี่ห้างทอง"

          และนี่คือข้อความในจดหมาย นายนพดลอ้างว่าเป็นข้อความที่พี่ชายของเขา ทิ้งไว้ก่อนตาย…

          "ถึงน้อง ๆ ทุกคน สัง จิ๋ม นิด หน่อย ริน น้อย เรื่องทั้งหมดขอให้ยุติเสียเถิด อะไรที่ผิดพลาดก็ขอให้อภัยต่อกัน พี่น้องควรรักกันไว้ทุกคนบอบช้ำมามาก ขอให้หันหน้าเข้าหากัน คดีความต่าง ๆ ควรยุติได้แล้วฝากน้องเดียร์ด้วย เพราะเบื่อเหลือเกินแล้ว มีภาระอะไร ก็กรุณาแก้ไขให้ด้วย โดยให้รู้รักสามัคคี ขอให้ลดทิฐิมานะลง หันกลับไปดีกันอย่างเดิม รัก - จาก ห้างทอง"

          การชันสูตรพลิกศพ หลายต่อหลายครั้งจึงเริ่มขึ้น เมื่อแพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ แพทย์นิติเวชผู้เชี่ยวชาญ สรุปสาเหตุการเสียชีวิตของนายห้างทอง ว่าไม่ใช่การฆ่าตัวตาย แต่เป็นการฆาตกรรม! เพราะมือข้างทื่ถือปืนกลับตกอยู่บนตัวของเขา แทนที่จะห้อยลงพื้นตามแรงดันของปืน อีกทั้งองค์ประกอบหลายต่อหลายอย่าง ที่ดูเหมือนการจัดฉากมากกว่าการฆ่าตัวตาย

          นายนพดล ที่ตกเป็นผู้ต้องหาคดีนี้ จึงยื่นฟ้องแพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ในทันที จนต้องมีการผ่าพิสูจน์รอบ 2 และใช้ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวช รวมถึงอาจารย์หมอมีฝีมือในประเทศไทย มารวมตัวกันวิเคราะห์ศพของนายห้างทองอีกครั้ง แต่ผลการพิพากษาก็ถูกตัดสินว่านั่นคือการฆ่าตัวตาย การผ่าพิสูจน์ครั้งที่ 3 จึงเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง และหลังจากผ่าพิสูจน์ครั้งนี้ ศพของนายห้างทอง ที่ถูกผ่าซ้ำแล้วซ้ำเล่าจึงได้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา รับพระราชทานเพลิงศพเสียที ในวันที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ.2549

          สุดท้าย เมื่อผลการตัดสินรอบล่าสุด ศาลยังยืนยันคำสั่งตามศาลชั้นต้น และให้ยกฟ้องคดีนี้ นายนพดล ธรรมวัฒนะ น้องชายผู้ตกเป็นผู้ต้องสงสัยมาตลอด 11 ปี จึงหลุดพ้นจากการตกเป็นผู้ต้องสงสัยในที่สุด แม้ว่าหลายคนจะยังคลางแคลงใจกับสาเหตุการตายของนายห้างทอง ธรรมวัฒนะ แต่เมื่อการเฟ้นหาคำตอบ ได้ดำเนินมาจนถึงวาระสุดท้ายของการฟ้องร้องแล้ว และศพนายห้างทอง ก็ไม่อยู่ให้ผ่าอีกต่อไป ดังนั้นคดีนี้จึงน่าจะปิดฉากลง ท่ามกลางความเหนื่อยล้าของทุกฝ่ายในการหาคำตอบ และไม่ว่าคำตอบนั้นจะเป็นอย่างไร คงมีแต่เพียงนายห้างทอง กับ นายนพดล ที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้นเท่านั้น ที่รู้คำตอบดีที่สุด

          และปี 2553 นี้เอง ที่พินัยกรรมของแม่ จะเป็นผล มารอดูกันว่า บทสรุปของมรดกเลือดตระกูลธรรมวัฒนะ จะเป็นเช่นไร สิ่งเดียวที่ภาวนาคือ ขออย่าให้เกิดความสูญเสียกับครอบครัวนี้อีกต่อไปเลย...