TARADTHONG.COM
เมษายน 26, 2024, 05:27:43 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: ตลาดทองดอทคอม
 
  หน้าแรก ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  

Copy Code


  แสดงกระทู้
หน้า: 1 [2] 3
16  สมาชิก VIP / General Discussion / Re: น้ำแข็งแห้ง อันตรายข้างตัวที่นึกไม่ถึง!! เมื่อ: มิถุนายน 27, 2010, 08:22:51 AM
เคยเห็นเด็กเอาใส่ในขวดนำ้ แล้วเขย่าแรง มันระเบิดเลย นิ้วขาด เป็นของแถม
17  สมาชิก VIP / General Discussion / Re: 10 อันดับประเทศที่มีการฆ่าตัวตายมากทีุ่สุดในโลก เมื่อ: มิถุนายน 27, 2010, 08:18:21 AM
อีกหน่อยไทยคงติดหนึ่งในสิบ
18  สมาชิก VIP / General Discussion / Re: ไขความเข้าใจ ทำไมผู้ชายถึงกลายเป็นเกย์! เมื่อ: มิถุนายน 27, 2010, 08:16:35 AM
ไม่เห็นแปลก เพราะผู้หญิงน่ะเรื่องมากจะตาย ชายเบื่อ ชายได้ชายคือยอดชาย
19  สมาชิก VIP / General Discussion / ปฏิวัติระบบคิด เมื่อ: มิถุนายน 18, 2010, 05:18:24 PM

ปฏิวัติระบบ'คิด' (ไทยโพสต์)

        แม้ไม่ใช่หัวข้อใหม่ในสังคม แต่ด้วยเหตุการณ์ความรุนแรงที่เพิ่งเกิดขึ้น เป็นเครื่องบ่งชี้ว่าประเทศไทยจำเป็นต้องเริ่มต้น 'การจัดการศึกษาอย่างสร้างสรรค์'  หรือ Creative Education  เพราะการมุ่งสร้างเด็กให้เรียนเก่งอย่างเดียวไม่เพียงพอในสังคมยุคปัจจุบัน ซึ่งเด็กควรมีความคิดสร้างสรรค์ ถือเป็นเป็นเริ่มต้นพัฒนาทักษะ 'การคิด'  ที่สามารถหาคำตอบได้มากกว่าหนึ่ง ดังนั้น เมื่อเด็กหรือคนทั่วไปมีปัญหาต่างๆ เกิดขึ้น หากมีความคิดสร้างสรรค์ก็จะสามารถหาทางออกให้กับชีวิตได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องพบกับทางตัน

        อ.รัศมี ธันยธร ผู้อำนวยการศูนย์ความคิดสร้างสรรค์ แนะว่า ลักษณะและรูปแบบของการคิดอย่างสร้างสรรค์เริ่มต้นจากสิ่งเหล่านี้

        การมอง 95 เปอร์เซ็นต์  กล่าวคือมนุษย์โดยปกติจะมีสัดส่วนของข้อดีอยู่ประมาณ 95 เปอร์เซ็นต์ ข้อเสีย 5 เปอร์เซ็นต์ แต่เรามีตัดสินคนจากการมองข้อเสียมากกว่าข้อดี ส่วนหนึ่งมาจากระบบการศึกษาของไทยที่ให้เด็กทำข้อสอบแบบปรนัย มีข้อที่ถูกเพียงคำตอบเดียว ซึ่งเป็นการฝึกให้เด็กมองแต่ความผิดพลาด ดังนั้น หากต้องการคิดอย่างสร้างสรรค์ต้องเริ่มฝึกมองส่วนดีที่มีอยู่ร้อยละ 95 หรือที่นิยมเรียกว่า Think Plus

        คำตอบที่ถูกมีมากกว่าหนึ่ง ในกรณีนี้สามารถชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนได้ 2 ประเด็นคือ เรื่องของ 'ความใจกว้าง'  แน่นอนว่าคนที่คิดไม่เหมือนเราไม่จำเป็นต้องคิดผิด ดังนั้น เมื่อ 2 คนที่คิดต่างมาคุยกัน หากเข้าใจไม่ตรงกันก็ไม่จำเป็นต้องหาให้ได้ว่าใครผิด ประเด็นต่อมาคือ 'ความหลากหลายของการสร้างสรรค์คำตอบ'  อาทิ หากครูต้องการตั้งคำถามนักเรียนอย่างสร้างสรรค์ และต้องการกระตุ้นให้นักเรียนคิดสร้างสรรค์ แทนที่จะถามว่า 4+4=? อาจจะเปลี่ยนคำถามว่าอะไรบวกกันได้ 8 บ้าง ซึ่งจะมีคำตอบมากกว่าหนึ่ง และทำให้เด็กคิดและจินตนาการด้านตัวเลขมากขึ้น

        "การจะก้าวออกนอกกรอบไปสู่ความสร้างสรรค์ได้นั้น จำเป็นต้องใช้ความกล้าหาญทางจริยธรรม (Moral Courage) เพราะระบบการศึกษาไทยนับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันได้กล่อมเกลาระเบียบวินัยและวิธีคิดให้อยู่ในกรอบที่กำหนดไว้ ทำให้น้อยคนที่จะกล้าคิดแตกต่าง ส่วนหนึ่งเพราะกลัว่าตัวเองจะคิดผิด กลัวคนอื่นวิจารณ์" อ.รัศมี  กล่าว.
20  สมาชิก VIP / General Discussion / แฉต่างชาติครอง อ่างเก็บน้ำในพระราชดำริ เมื่อ: มิถุนายน 18, 2010, 05:16:50 PM
แฉต่างชาติครอง อ่างเก็บน้ำในพระราชดำริ (ไทยโพสต์)

          ชาวห้วยสักแฉอดีตนายก อบต.-ผู้ว่าฯ อนุมัติให้ต่างชาติใช้อ่างน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริลงทุนทำธุรกิจกีฬาทางน้ำถึง 30 ปี ทำให้ประกอบอาชีพทำประมงไม่ได้

          นางขจีรัตน์ แสงคง อายุ 42 ปี ชาวบ้านหมู่ 13 ต.ห้วยสัก อ.เมืองเชียงราย เปิดเผยถึงกรณีนายทุนต่างชาติเข้าไปประกอบกิจการกีฬาทางน้ำในโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยสักอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ท้องที่หมู่ 5 ต.ห้วยสัก ที่มีเนื้อที่ 774 ไร่ โดยเข้าครอบครองและนำป้าย "ห้ามเข้าที่ส่วนบุคคล" ไปติดตั้งไว้ตั้งแต่ปากทางเข้า ทั้งที่อ่างน้ำแห่งนี้ชาวบ้านใช้ประโยชน์ร่วมกันมานาน เป็นแหล่งน้ำประปา การประมง ว่า เอกชนต่างชาติรายนี้นำเรือหลายลำไปชักลากคล้ายเล่นสกีในอ่าง มีการตั้งอุปกรณ์ถาวรไว้หลายจุด ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน เพราะจะทำการประมงก็ไม่ได้ อุปกรณ์หาปลาบางอย่างถูกเรือชนจนเสียหาย

          ด้านนายณรงค์ ปรางมณี นายก อบต.ห้วยสักคนใหม่ กล่าวว่า เพิ่งเข้ามาบริหารงาน ไม่เข้าใจว่าทำไมผู้บริหารชุดเก่าจึงให้เอกชนเข้าไปใช้พื้นที่ตามโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริได้ เพราะอ่างเก็บน้ำแห่งนี้ชาวบ้านใช้ในการหาปลา เมื่อมีเรือแล่นเช่นนี้ปลาก็ไม่วางไข่ การหาปลาก็ทำไม่ได้ จะนำน้ำไปใช้เพื่อการเกษตร เอกชนที่เข้าทำสัญญาก็ไม่ยอมให้เปิดน้ำจากอ่างไปใช้อีก และเมื่อมีกิจการนี้น้ำประปาใน 4 หมู่บ้านก็ขุ่นจนใช้ไม่ได้ ชาวบ้านพยายามเจรจาก็ไม่ให้พบ ไม่เข้าใจว่าเหตุใดถึงให้สัญญาเอกชนเช่าถึง 30 ปี โดยไม่ระบุรายได้ที่ อบต.ควรได้รับด้วย

          รายงานข่าวแจ้งว่า จากการตรวจสอบเอกสารการอนุญาตให้ต่างชาติประกอบกิจการในที่ดังกล่าว เกิดจาก อบต.ทำข้อตกลงกับบริษัท แบ๊ค-อาร์ แพลนเน็ต เวคบอร์ด จำกัด ลงวันที่ 26 เม.ย. 49 ให้สามารถเข้าไปสร้างโครงการคอมเพล็กซ์กีฬา "กลิซ" ภายในอ่างได้ 30 ปี มีการระบุว่าจะไม่ให้เอกชนรายใดเข้าไปแข่งขัน แต่บริษัทสามารถให้เอกชนรายอื่นเข้ารับช่วงกิจการต่อได้ และยังมีหนังสือขออนุญาตจาก อบต.ห้วยสัก ไปยังฝ่ายปกครอง อ.เมืองเชียงราย และอดีตผู้ว่าฯ เชียงรายในขณะนั้นหลายฉบับ ถึงขั้นเคยมีการตั้งคณะกรรมการระดับจังหวัดเข้าตรวจสอบ ท้ายสุดก็มีการลงนามอนุมัติ อ้างว่าคณะกรรมการจังหวัดเห็นชอบ ส่งผลให้ อบต.ห้วยสัก ลงนามข้อตกลงกับบริษัทดังกล่าวด้วยทุนจดทะเบียน 2 ล้านบาท มีกรรมการดูแล 2 คน

21  สมาชิก VIP / General Discussion / พบบันเทิงไทยหยาบ-ไร้สาระเสนอจัดเรตติ้ง เมื่อ: มิถุนายน 18, 2010, 05:14:08 PM
พบบันเทิงไทยหยาบ-ไร้สาระเสนอจัดเรตติ้ง (ไทยโพสต์)

         มีเดีย มอนิเตอร์ เปิดผลสำรวจรายการบันเทิงไทย พบมีเนื้อหาส่อลามกอนาจาร ความรุนแรง พิธีกรมักใช้ภาษาจิก แฝงเรื่องเพศ ชู้สาว มีโฆษณาแฝงกว่า 70% นักวิชาการเสนอจัดเรตติ้งให้เข้มขึ้น

         วันที่ 17 มิถุนายน ที่สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) นายธาม เชื้อสถาปนศิริ ผู้จัดการกลุ่มงานวิชาการ โครงการศึกษาเฝ้าระวังสื่อและพัฒนาการรู้เท่าทันสื่อเพื่อสุขภาวะของสังคม (มีเดีย มอนิเตอร์) เปิดเผยว่า โครงการศึกษาเฝ้าระวังสื่อร่วมกับ สสส. ได้สำรวจเรื่อง "รายการข่าวบันเทิงในฟรีทีวี" (ช่อง 3, 5, 7, 9, NBT และทีวีไทย) ระหว่างเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2552 ผลสำรวจพบว่า รายการข่าวบันเทิงในฟรีทีวีทั้งสิ้น 30 รายการ มีข่าวบันเทิงทั้งหมด 1,052 ชิ้น รวมเวลาออกอากาศ 2,315 นาทีต่อสัปดาห์


 สถานีที่มีเวลาออกอากาศมากที่สุด

         - อันดับแรก ช่อง 3 จำนวน 6 รายการ 602 นาทีต่อสัปดาห์
         - รองลงมาคือ ช่อง 5 จำนวน 7 รายการ 590 นาทีต่อสัปดาห์
         - ช่อง 7 จำนวน 5 รายการ 362 นาทีต่อสัปดาห์
         - ช่อง 9 จำนวน 6 รายการ 445 นาทีต่อสัปดาห์
         - ช่อง 11 มี 1 รายการ 50 นาทีต่อสัปดาห์
         - ช่องทีวีไทย มี 4 รายการ 266 นาทีต่อสัปดาห์ ทุกรายการเป็นเรต "ท" ทั่วไป ออกอากาศทุกวัน ทุกช่วงเวลา ความยาวอยู่ระหว่าง 5-45 นาที
 เนื้อหาส่วนใหญ่ที่รายการข่าวบันเทิงนำเสนอมากที่สุดคือ

         - อันดับแรก ข่าวคนดัง ดารา นักร้อง คิดเป็น 56%
         - รองลงมาคือ ข่าวโปรโมต 31% แ
         - ข่าวศิลปวัฒนธรรม 12%

         โดยเกือบ 2 ใน 3 ของข่าวทั้งหมด หรือ 63.7% ใช้แหล่งข้อมูลจากดารา นักแสดง นักร้อง ที่น่าเป็นห่วงคือ พบว่าในจำนวนข่าวบันเทิง 1,052 ชิ้น เป็นข่าวที่มีเนื้อหาส่งผลกระทบทางสังคม 54 ชิ้น คิดเป็น 5.32% โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องลามก อนาจาร เรื่องเพศ และความรุนแรง ขณะที่อีก 40 ชิ้น มีลักษณะใส่ความ หมิ่นประมาท ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง และเป็นข่าวที่ละเมิดสิทธิส่วนบุคคล 14 ชิ้น

         "สอดคล้องกับการใช้ภาษาในรายการข่าวบันเทิงที่ผู้ดำเนินรายการมักใช้ภาษาแบบแซวจิกกัดมากที่สุด รองลงมาคือ ภาษาแบบขำขัน ภาษาข่าวแบบหวือหวา ที่น่าตกใจคือ มีการใช้ภาษาแบบสองแง่สองง่าม ที่สื่อความหมายแฝงเรื่องเพศในลักษณะชู้สาว ลามก อนาจาร ซึ่งมักพบในทุกชิ้นข่าวที่เนื้อหาเน้นชีวิตรักของคนดัง" นายธามกล่าว

         นอกจากนี้ยังพบว่ารายการบันเทิงส่วนใหญ่มักมีการโฆษณาทั้งทางตรงและแฝงจำนวนมาก โดยพบ 10 รายการที่มีระยะเวลาการโฆษณาเกินกำหนดของ พ.ร.บ.ประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ พ.ศ.2551 ที่กำหนดให้สามารถมีระยะเวลาในการโฆษณาได้ไม่เกินชั่วโมงละ 12 นาทีครึ่ง ส่วนการโฆษณาแฝงในข่าวบันเทิง จากการศึกษาแบบสุ่มรายการละ 5 เทป พบมีโฆษณาแฝงมากถึง 25 รายการ ส่วนใหญ่เป็นการโฆษณาแฝงในข่าวมากถึง 807 ชิ้น คิดเป็น 77% ขณะที่รายการข่าวบันเทิงมีอัตราค่าโฆษณาอยู่ระหว่าง 1-3 แสนบาทต่อนาที

         โดย พญ.พรรพิมล หล่อตระกูล ผู้จัดการโครงการศึกษาเฝ้าระวังสื่อฯ กล่าวว่า รายการบันเทิงส่วนใหญ่เน้นการประชาสัมพันธ์และการโปรโมต และมีหลายรายการที่ไม่ได้จัดกรอบการนำเสนอแก่ผู้ชม ดังนั้น รายการข่าวบันเทิงจึงควรเน้นคุณภาพของข่าวบันเทิงให้มากขึ้น ไม่ควรให้ความสำคัญหรือพื้นที่ข่าวแก่ดารา นักร้องที่มีพฤติกรรมในทางลบ หากนำเสนอก็ควรเป็นไปในลักษณะสร้างสรรค์และเป็นประโยชน์ต่อการเรียนรู้ที่จะไม่เอาเป็นแบบอย่างที่ดีแก่เด็กและเยาวชน

         ด้าน ผศ.ดร.ชวนะ ภวกานันท์ รองคณบดีฝ่ายวิจัยและการวางแผน คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า ขณะนี้รายการบันเทิงไทยมีพัฒนาอย่างรวดเร็ว และมีการแข่งขันกันสูง โดยเฉพาะการทำการตลาดและการสร้างแบรนด์ให้กับรายการ รายการบันเทิงส่วนใหญ่จึงมักนำเรื่องที่ประชาชนอยากรู้มานำเสนอ เช่น เรื่องชู้สาว เปลี่ยนแฟนของดารานักแสดงซึ่งเป็นบุคคลที่ประชาชนสนใจ ขณะเดียวกันผู้ดำเนินรายการมักใช้คำพูดปลุกเร้าความรู้สึกให้ผู้ชมคล้อยตามกับข่าวนั้นๆ ส่วนใหญ่ใช้ภาษาไม่ค่อยสุภาพ พูดจาส่อเสียด หรือแม้แต่การวิจารณ์ดารานักแสดงแบบเกินเลย ใส่ความว่าคนโน้นคนนี้โกหก ทั้งๆ ที่ความเป็นจริงแล้วอาจจะไม่ได้เป็นเช่นนั้น ทั้งนี้ ขอเสนอให้ทางหน่วยงานภาครัฐจัดระดับความเหมาะสมของสื่อหรือเรตติ้งในรายการบันเทิง เพื่อให้รายการต่างๆ ได้แบ่งระดับการนำเสนอข่าวบันเทิงให้เหมาะสมด้วย
 
22  สมาชิก VIP / General Discussion / Re: 10 เคล็ดลับการสอบสัมภาษณ์ เมื่อ: มิถุนายน 18, 2010, 05:11:55 PM
ตกงานมาก็หลายปี ก็ได้เล่นทองนี่แหละเลี้ยงชีพ แต่บางทีก็ขาดทุนเหมือนกัน ดีใจที่มีเว็บไซต์ดีๆแห่งนี้ kiss1 kiss1 kiss1
23  สมาชิก VIP / General Discussion / Re: ตารางการแข่งฟุตบอลโลก เมื่อ: มิถุนายน 12, 2010, 09:32:53 AM
ดีครับ  angry1 angry1
24  สมาชิก VIP / General Discussion / หัวข้อสัมภาษณ์งาน เตรียมตัวสัมภาษณ์งาน ให้ได้งาน เมื่อ: มิถุนายน 12, 2010, 09:32:01 AM
หัวข้อสัมภาษณ์งาน เตรียมตัวสัมภาษณ์งาน ให้ได้งาน
ตื่นเต้น ๆ ... คำ ๆ นี้มักเกิดขึ้นบ่อยครั้งสำหรับผู้มารับการสัมภาษณ์ เพื่อสมัครเข้าทำงาน บางคนอาจจะกลุ้มใจว่าทำยังไงถึงจะให้ได้งาน แล้วหัวข้อสัมภาษณ์งานส่วนใหญ่ จะเป็นประเด็นคำถามแบบไหน  และควรเตรียมตัวสัมภาษณ์งาน อย่างไร จึงจะให้ได้งาน วันนี้กระปุกดอทคอมมีทิปส์เล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับ หัวข้อสัมภาษณ์งาน เตรียมตัวสัมภาษณ์งาน มาฝากค่ะ

           เตรียมตัวสัมภาษณ์งาน

          อันดับแรกในการ เตรียมตัวสัมภาษณ์งาน คือการแต่งกายให้เรียบร้อย เหมาะกับกาลเทศะ เพื่อให้ผู้สัมภาษณ์เกิดความประทับใจตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ โดยส่วนใหญ่การสัมภาษณ์งานจะค่อนข้างเป็นทางการ ดังนั้น การเตรียมตัวสัมภาษณ์งาน ควรแต่งกายให้ดูสะอาด เรียบร้อย และก่อนออกจากบ้าน ควรสำรวจตัวเองอีกครั้งเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับตัวเองค่ะ

           หัวข้อสัมภาษณ์งาน

          หัวข้อสัมภาษณ์งาน ก็เป็นอีกเรื่องที่ผู้ไปรับสัมภาษณ์งานควรศึกษาและ เตรียมตัวสัมภาษณ์งาน ให้พร้อม เพื่อเวลาถูกสัมภาษณ์จะได้ไม่ตื่นเต้นและเกิดอาหารประหม่า

          ทั้งนี้หลักในการตอบคำถาม หัวข้อสัมภาษณ์งาน ควรตอบให้ตรงประเด็น กระชับ ได้ใจความ มีความคิดสร้างสรรค์ รวมถึงยกตัวอย่างเพื่อให้คำตอบชัดเจนยิ่งขึ้น ที่สำคัญข้อมูลต้องถูกต้องและเป็นความจริงด้วย และวันนี้เรามีตัวอย่าง หัวข้อสัมภาษณ์งาน มาให้อ่าน และแนะนำไปปรับใช้เวลาสัมภาษณ์งานมาฝากค่ะ
1. เล่าประวัติเกี่ยวกับตัวคุณ

          แนะนำว่าคุณควรใช้เวลาในการแนะนำตัวเองเพียงสั้น ๆ แค่ 2-3 นาทีพอ เน้นแบบกระชับได้ใจความ รวมถึงบอกว่าตัวเองเป็นคนที่เข้ากับคนอื่นง่าย รู้จักปรับตัว ยอมรับความคิดเห็นของคนอื่น และเรียนรู้เร็ว

          ทั้งนี้ ไม่แนะนำให้เล่าทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับตัวคุณตั้งแต่สมัยเรียนประถม จนถึงทำงาน โดยไม่มีอะไรน่าสนใจ หรือไม่มีอะไรเกี่ยวกับตำแหน่งงานที่คุณสมัครมา

2. ทำไมคุณถึงคิดว่าเหมาะกับงานนี้

          หัวข้อนี้แนะนำให้เล่าประสบการทำงานที่ผ่านมา และความสามารถที่เกี่ยวกับงานในตำแหน่งที่คุณสมัครมา ว่าอะไรที่ทำให้คุณเหมาะสมที่สุดสำหรับตำแหน่งนี้  และคุณมีจุดเด่นเหมาะกับงานตำแหน่งนี้มากกว่าคนอื่น ๆ ตรงไหนบ้าง

          สำหรับผู้ที่เพิ่งสำเร็จการศึกษาไม่มีประสบการณ์ในการทำงานมาก่อน ก็ให้บอกจุดเด่นในการทำกิจกรรมในสมัยที่ยังเป็นนักศึกษา หากคุณไม่ค่อยทำกิจกรรม อาจบอกว่าเพราะคุณทุ่มเทกับเรื่องเรียน พร้อมยกตัวอย่างเกรดเฉลี่ยสวย ๆ หรือวิชาที่คุณเรียนแล้วได้เกรดดี ๆ และเหมาะกับตำแหน่งงานมาประกอบการอธิบายก็ได้

          อย่างไรก็ตาม ไม่แนะนำให้ตอบคำถามสั้น ๆ และไม่มีเหตุผลอธิบายประกอบ เช่น "ด้วยประสบการณ์ทำงาน 2 ปีที่ผ่านมา ผมเชื่อว่าสามารถทำงานนี้ได้"

3. คุณคิดว่าตำแหน่งนี้ต้องรับผิดชอบงานอะไรบ้าง

          แนะนำว่า คุณควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับขอบเขตงานในตำแหน่งที่คุณไปสัมภาษณ์ก่อน และเวลาตอบต้องสั้น กระชับได้ใจความ  อย่าตอบคำถามแบบมั่นใจในตัวเองจนเกินไป หรือตอบแบบสร้างภาพพจน์ไม่ดีให้กับตัวเอง เช่น "ทราบมาว่าที่นี่กำลังขาดผู้จัดการฝ่ายการตลาด ด้วยประสบการณ์งาน 3 ปีในด้านนี้ ทำให้คิดว่าสามารถแก้ปัญหานี้ได้"

4. คุณรู้อะไรเกี่ยวกับบริษัทเราบ้าง

          อันดับแรกที่คุณต้องไปสัมภาษณ์งาน สิ่งที่คุณควรรู้คือ ข้อมูลองค์กรที่คุณจะไปสัมภาษณ์ รวมถึงขอบเขตงานในตำแหน่งงาน ที่ เช่น ผลิตภัณฑ์ กลุ่มลูกค้า คู่แข่ง ภาพลักษณ์องค์กร ที่มาและประวัติขององค์กร ฯลฯ

          อย่างไรก็ตาม คำตอบไหนที่คุณไม่แน่ใจ อย่าพยายามที่จะตอบ เพราะอาจจะทำให้ผู้สัมภาษณ์งานรู้ได้ว่า คุณไม่ได้ศึกษาเกี่ยวกับองค์กรและตำแหน่งงานมา หากคำตอบไม่แน่ใจ คุณอาจจะถามกลับผู้สัมภาษณ์งาน เพื่อให้อธิบายรายละเอียดเพิ่มเติมได้ แต่ทั้งนี้อย่าลืมบอกว่า คุณได้ศึกษาเกี่ยวกับองค์กรมา และความสนใจที่อยากจะทราบเกี่ยวกับองค์กรเพิ่มเติม

5. อะไรคือจุดมุ่งหมายระยะยาวในการทำงานของคุณ

          แนะนำให้พูดถึงสิ่งที่อยากทำในอนาคต และต้องบอกวิธีที่จะทำสิ่งนั้นให้สำเร็จ ซึ่งควรจะเกี่ยวข้องกับงานที่สัมภาษณ์อยู่ ทั้งนี้ไม่แนะนำให้ตอบในสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานที่สมัครอยู่  เพราะไม่เกิดประโยชน์ใด ๆ

6. ถ้าได้งานนี้ คุณคิดว่าจะทำงานที่นี่นานเท่าไหร่

          ควรตอบคำถามที่เน้นและพุ่งประเด็นไปที่การทุ่มเทงานของคุณ เช่น อาจจะตอบว่าตราบใดที่งานมีความยากและท้าทาย ก็จะขอจะทุ่มเทความสามารถของตัวเองให้เต็มที่ เพื่อสร้างคุณประโยชน์ให้กับองค์กร อย่างไรก็ตาม ไม่ควรบอกระยะเวลาไป เช่น มีแผนไปเรียนต่ออีก 2-3 ปีข้างหน้า หรือทางบ้านมีแผนให้ไปช่วยธุรกิจที่บ้าน

7. อะไรคือจุดอ่อนของคุณ

          ควรเลือกจุดอ่อนที่เป็นความจริงและกำลังปรับปรุงหรือพัฒนา เช่น ภาษาอังกฤษไม่แข็งแรง  ซึ่งตอนนี้กำลังเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติม

8. ทำไมคุณถึงลาออกจากงานเก่า

          ตอบความจริงให้มากที่สุด แต่ถ้าความจริงมันเลวร้ายก็อย่าตอบหมด เนื่องจากว่าผู้สัมภาษณ์ อาจขออนุญาตติดต่อบุคคลอ้างอิงเพื่อทำการตรวจสอบข้อมูลเหล่านั้น  ทั้งนี้แนะนำว่า ไม่ควรวิพากษณ์วิจารณ์เกี่ยวกับองค์กร เจ้านาย หรือเพื่อนร่วมงานเก่าที่คุณลาออกมา เพราะมันจะทำให้ภาพลักษณ์ของคุณดูไม่ดี

9. อะไรคือสิ่งที่คุณชอบและไม่ชอบในงานเก่า (หรืองานที่กำลังทำอยู่)

          แนะนำว่าควรบอกสิ่งที่ชอบมากกว่าสิ่งที่ไม่ชอบ และให้คำอธิบายรวมถึงเหตุผลว่าทำไมเราจึงคิดเช่นนั้น และไม่แนะนำให้บอกในสิ่งที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องงาน หรืออ้างอิงถึงบุคคล เพราะนั่นหมายถึงคุณกำลังวิจารณ์คนอื่น และไม่จำเป็นต้องเล่าทุกอย่างที่แย่ ๆ เกี่ยวกับงาน เพราะไม่เกิดประโยชน์อะไรขึ้นมา

10. อะไรคือสิ่งที่คุณประสบความสำเร็จสูงสุดในชีวิต

          คุณอาจพูดถึงการเลื่อนขั้น ปรับตำแหน่งในการทำงาน หรือตลอดระยะเวลาที่ทำงานมามีแต่ความราบรื่นไม่เคยมีปัญหากับลูกค้า หรือเพื่อนร่วมงาน ถ้าเป็นผู้สมัครที่เพิ่งจบการศึกษา อาจจะพูดถึงเกรดเฉลี่ย หรือความภาคภูมิใจที่สามารถสอบเข้ามหาลัยที่มีชื่อเสียงได้

11. คุณมีวิธีจัดการกับความกดดันอย่างไร

          คำตอบที่ควรตอบคือ บอกว่า ต้องตั้งสติ ไม่ร้อนรนไปกับสิ่งที่มากดดันให้เกิดความเครียด แต่ควรแปรความกดดันเป็นพลังงานที่จะนำไปพัฒนาสร้างสรรค์งานต่าง ๆ ตลอดจนผลักดันให้ตัวคุณก้าวข้ามอุปสรรคปัญหาต่าง ๆ ไปสู่ความสำเร็จให้จงได้ พร้อมยกตัวอย่างวิธีจัดการกับความกดดันที่เคยเกิดขึ้นกับคุณ

12. คุณคาดหวังเงินเดือนเท่าไหร่

          แนะนำให้คุณลองสืบข้อมูลดูก่อนว่าส่วนใหญ่ด้วยตำแหน่งและประสบการณ์ทำงานเงินเดือนเท่าไหร่ แล้วเสนอเป็นระดับช่วงเงินเดือนจะดีกว่าระบุเป็นตัวเลขตายตัว เพราะจะทำให้คุณสามารถต่อรองเงินเดือนจากความสามารถเฉพาะตัวของคุณได้ 

13. คำถามสุดท้ายคุณมีอะไรจะถามไหม

          ตัวอย่างคำถามที่ควรถามเช่น  ตำแหน่งของดิฉันอยู่ในตำแหน่งใดในโครงสร้างของบริษัท, เวลาทำงานปกติคือเวลาใด, กรุณาบอกคร่าว ๆ ถึงเป้าหมายของบริษัท เป็นต้น

          คำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับ เตรียมตัวสัมภาษณ์งาน

           แนะนำให้ฝึกตอบทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เนื่องจากบางบริษัทอาจจะสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษ

           ฝึกตอบคำถามหน้ากระจกและสำรวจบุคลิกภาพของตัวเอง

           เวลาตอบคำถามควรสบตากับผู้สัมภาษณ์ 

           ไม่ควรเท้าคาง หรือโต๊ะสัมภาษณ์ 

           ตอบคำถามแบบมั่นใจ พูดจาฉะฉาน

          อย่างไรก็ตาม เตรียมตัวไปสัมภาษณ์งาน และเตรียมหัวข้อสัมภาษณ์งาน ไว้ก่อนจะทำให้เรามีความพร้อมและเพิ่มความมั่นใจมากขึ้น และโอกาสที่จะได้งานก็มีมากขึ้นเช่นกัน แต่ทั้งนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดที่องค์กรหรือคนสัมภาษณ์จะรับเข้าทำงานส่วนใหญ่ จะพิจารณาจากความสามารถว่าคุณเหมาะกับงานตำแหน่งที่องค์กรจะรับหรือไม่ … 
25  สมาชิก VIP / General Discussion / ปภ.แนะเทคนิคในการขับรถช่วงฝนตก เมื่อ: มิถุนายน 12, 2010, 09:29:48 AM
ปภ.แนะเทคนิคในการขับรถช่วงฝนตก (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย)

          กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แนะผู้ขับขี่เพิ่มความระมัดระวังในการขับรถช่วงฝนตกมากกว่าปกติ หากต้องขับรถผ่านแอ่งน้ำให้ชะลอความเร็ว เพื่อป้องกันรถเกิดอาการเหินน้ำ กรณีต้องขับรถผ่านเส้นทางเสี่ยงดินถล่ม ควรศึกษาสภาพเส้นทางและหมั่นสังเกตความเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติ หากรถติดหล่มให้นำอิฐหรือท่อนไม้วางไว้ด้านหน้ายางล้อหลัง จะช่วยเพิ่มแรงเสียดทานทำให้รถเคลื่อนตัวออกจากหล่มโคลนง่ายขึ้น

          นายอนุชา โมกขะเวส อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า การขับรถในช่วงฤดูฝนผู้ขับขี่ต้องเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะในช่วงฝนตกใหม่ ๆ น้ำฝนจะผสมกับขี้ฝุ่นกลายเป็นดินโคลนบาง ๆ ฉาบผิวถนน ทำให้ถนนลื่นกว่าปกติ โดยเฉพาะถนนลูกรังและทางดินเมื่อเกิดฝนตกหนักจะกลายสภาพเป็นแอ่งน้ำ หรือบ่อโคลนที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย เพื่อความปลอดภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ขอแนะเทคนิคการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในการขับรถช่วงฝนตก ดังนี้

           กรณีรถเหินน้ำ ซึ่งเกิดจากการขับรถด้วยความเร็วสูงผ่านบริเวณที่มีน้ำท่วมขัง หรือแอ่งน้ำ เพื่อความปลอดภัยผู้ขับขี่ควรจับพวงมาลัยให้มั่น ลดความเร็วรถก่อนถึงแอ่งน้ำจะช่วยลดแรงกระแทก ห้ามเหยียบเบรกในขณะที่ขับผ่านแอ่งน้ำ เพราะจะทำให้ล้อล็อคและรถเสียการทรงตัว จนเกิดอาการหมุนหรือปัดอย่างรวดเร็ว ให้แก้ไขโดยค่อย ๆ ถอนคันเร่งรอจนรถสามารถทรงตัวได้ดี จึงค่อยเหยียบเบรกเพื่อหยุดรถ 

           การขับผ่านเส้นทางเสี่ยงดินถล่ม เช่น บริเวณหุบเขา เชิงเขา ก่อนเดินทางควรตรวจสอบข้อมูลประกาศแจ้งเตือนภัย และศึกษาสภาพเส้นทางจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมหาเส้นทางสำรองกรณีเส้นทางเดิมไม่ปลอดภัย  หากเส้นทางที่ขับผ่านมีฝนตกหนัก ให้เลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่นที่ปลอดภัยมากกว่า

           กรณีต้องขับผ่านเส้นทางเสี่ยงดินถล่ม ให้เพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ ไม่ขับรถเร็ว หมั่นสังเกตสัญญาณความเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติ หากน้ำในร่องน้ำข้างถนนเปลี่ยนเป็นสีเดียวกับดินบนภูเขา หรือได้ยินเสียงคล้ายดินถล่มให้ค่อย ๆ ขับรถออกจากบริเวณดังกล่าวโดยเร็วที่สุด 

           หากมีดินถล่มปิดทับเส้นทาง ควรหยุดรถในบริเวณที่ปลอดภัย ไม่ฝืนนำรถออกจากจุดเกิดเหตุ เพราะสภาพถนนที่แคบและโค้งชัน อาจทำให้รถเสียหลักหลุดออกนอกเส้นทาง

           การขับรถลุยโคลน ให้หยุดรถเพื่อประเมินเส้นทางและเลือกใช้เส้นทางที่ตื้นที่สุด หรือทางที่มีรอยล้อรถเดิม จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการติดหล่ม  โดยต้องขับรถในระดับความเร็วที่สม่ำเสมอ หากรู้สึกล้อหนืดหรือเหยียบคันเร่งไม่ไป  ให้ค่อยๆขยับพวงมาลัยไป-มาช้า ๆ เพื่อให้ล้อเกาะพื้นดินใหม่ แต่ห้ามหมุนล้อเร็วเกินไป เพราะจะทำให้ล้อรถจมดินมากขึ้น 

           หากรถจมโคลนหรือติดหล่ม ห้ามเร่งเครื่องหรือหักพวงมาลัยด้วยความเร็วสูง จะทำให้ล้อจมโคลนลึกขึ้น ให้แก้ไขโดยวางก้อนอิฐหรือท่อนไม้ไว้ด้านหน้ายางรถยนต์ล้อหลัง ค่อย ๆ เร่งเครื่องเพื่อเพิ่มแรงเสียดทาน หรือใช้สายเคเบิลลากจูงแบบตรง และพยายามเร่งเครื่องโดยใช้เกียร์ต่ำ จะทำให้รถสามารถเคลื่อนตัวออกจากหล่มโคลนง่ายขึ้น
26  สมาชิก VIP / General Discussion / 9 ทิปส์ ท่องเที่ยวแบบปัจจุบันทันยา เมื่อ: มิถุนายน 12, 2010, 09:28:41 AM
9 ทิปส์ ท่องเที่ยวแบบปัจจุบันทันยา (Woman Plus)

          ความฝันในวันพักผ่อน ปลิวว่อนมาตามลมแรกของฤดูร้อน ทำเอาใครหลายคนอดใจไม่ไหว รีบมองหาวันหยุดกันให้วุ่น แม้ไม่ได้ไปอาบแดดอุ่นในเกาะกลางทะเล ก็ขอวิ่งไฮเวย์สู่เขาใหญ่ หรือแหล่งท่องเที่ยวชานเมืองก็ยังดี จะที่ไหน ไม่สำคัญเท่าไปกับใคร...จริงไหม และที่สำคัญยิ่งกว่าคือจะรักษาสุขภาพอย่างไร ให้ได้สนุกกับทุกดีกรีกิจกรรม Be Happy, Don't worry เพราะเรามีวิธีเตรียมยาป้องกันภัยสุขภาพแบบปัจจุบันทันด่วนมาฝาก


 
อาการ

 ขนานยาที่ควรพกพาไปเที่ยว
ปวดหัว ตัวร้อน เป็นไข้

paracetamol แต่มีข้อควรระวังคือ การรับประทานต่อเนื่องจะทำให้เป็นพิษต่อตับ ยาอีกชนิดหนึ่งที่ใช้เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ไม่สามารถใช้ paracetamol คือ ibuprofen ที่มีสรรพคุณเช่นเดียวกัน แต่มีข้อดีกว่า คือลดการอักเสบ ปวด บวม แดง ร้อนได้

หากปวดฟันหรือมีการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อหรือข้อระหว่างเดินทางก็พอจะช่วย บรรเทาอาการได้ สิ่งที่ต้องระมัดระวังในการใช้ยา ibuprofen คือ ห้ามใช้ในผู้ป่วยที่เป็นไข้เลือดออก หรือเป็นโรคกระเพาะ และหากปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ อาจรับประทานยาคลายกล้ามเนื้อ ได้แก่ tolperisone หรือ orphenadrine ยากลุ่มนี้มักทำให้รู้สึกง่วงนอน ควรระมัดระวังหากต้องขับรถ หรือทำกิจกรรมที่ต้องใช้สมาธิ

 ท้องเสีย   
อาจเกิด ขึ้นได้เพราะไม่คุ้นเคยกับอาหารท้องถิ่น หรืออาหารไม่สะอาดมีการปนเปื้อนของเชื้อโรค ให้ดื่มผงเกลือแร่ ORS แนะนำชนิดที่เป็นซองละลายน้ำดื่มพอดี 1 แก้ว วิธีดื่มที่ถูกต้องคือค่อยๆจิบ สำหรับยาหยุดการเคลื่อนไหวของลำไส้ loperamide ให้รับประทานเมื่อจำเป็นเท่านั้น เพราะเป็นการกักสารพิษและเชื้อโรคไว้ในร่างกาย

แสบท้อง    
โรคกระเพาะจากการรับ ประทานอาหารไม่เป็นเวลา หรือมีภาวะเครียดขณะเดินทาง แนะนำให้พกยาเคลือบกระเพาะชนิดเม็ดเพื่อความสะดวกในการพกพา ได้แก่ aluminium hydroxide และ magnesium hydroxide ซึ่งบางชื่อการค้าอาจผสมยาขับลมเพิ่มเติมลงไปในสูตรด้วย


จุกแน่นท้อง อาหารไม่ย่อย


บรรเทาอาการได้ด้วย simethicone หากมีอาการอาหารไม่ย่อยจากการรับประทานอาหารอิ่มเกินไป อาจรับประทานยาช่วยย่อย ซึ่งมีให้เลือกหลายยี่ห้อ

แพ้ ผื่นคัน ลมพิษ   
ควรพกพา chlorpheniramine, hydroxyzine และ Calamine lotion ยาแก้แพ้อย่างเช่น chlorpheniramine นอกจากจะช่วยบรรเทาอาการผื่นคันแล้ว ยังช่วยบรรเทาอาการหวัดได้ด้วยหากเกิดเป็นหวัดระหว่างการเดินทาง

อุบัติเหตุเล็กน้อย   
ควรเตรียมชุดปฐมพยาบาล ซึ่งประกอบด้วย สำลี ผ้าก็อซ พลาสเตอร์ เบตาดีน แอลกอฮอล์ ผ้าพันชนิดยืด (elastic bandage)

คลื่นเหียน เวียนศีรษะ   
แนะนำ dimenhydrinate กรณีรับประทานเพื่อป้องกันอาการเมารถ เมาเรือ ควรรับประทานก่อนออกเดินทางอย่างน้อย ครึ่ง ชั่วโมง

อาหารเป็นพิษ   
เกิดจากสารพิษในอาหารหรือพิษจากเชื้อแบคทีเรีย พบได้บ่อยจากการรับประทานอาหารทะเล Activated carbon จะช่วยดูดซับสารพิษไว้



คำแนะนำสำหรับคนมีโรคประจำตัว

          นอกเหนือจากการพกยาสำหรับโรคประจำตัว ควรจดประวัติการแพ้ยาในสมุดบันทึกเล็ก ๆ เพื่อความสะดวกในการให้การรักษาได้ทันท่วงที ในกรณีเป็นลมหมดสติไป

รีบปรึกษาแพทย์ทันทีี

          เมื่อคุณมีหลายอาการร่วมขณะท่องเที่ยว อันได้แก่ การมีอาการท้องเสียร่วมกับมีไข้ ถ่ายเป็นมูกเลือด มีกลิ่นเหม็นรุนแรง หรือมีไข้สูง หนาวสั่นโดยเฉพาะการเข้าไปในบริเวณที่มีการแพร่ระบาดของไข้มาลาเรีย หรือหลังรับประทานยาไปแล้วอาการเจ็บป่วยยังเป็นอย่างต่อเนื่อง และไม่ลดลง
27  วิเคาระห์กราฟแนวโน้มราคาทองรายวัน / วิเคาระห์กราฟแนวโน้มราคาทองรายวัน / Re: วิเคาระห์กราฟแนวโน้มราคาทองรายวัน ประจำเดือนมิถุนายน เมื่อ: มิถุนายน 11, 2010, 11:55:19 AM
***ข่าวที่ทำให้ค่าเงินยูโรขึ้น และต่อมาลงปรับฐาน พร้อมทะยานขึ้นต่อ มีดังนี้ ค่ะ…

* ยูโรพุ่งหลังธนาคารกลางยุโรปตรึงดอกเบี้ย-การค้าจีนไม่ถูกกระทบจากวิกฤตหนี้ยุโรป:
ศุกร์ที่ 11 มิถุนายน 2553 07:48:46 น.
ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้นแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (10 มิ.ย.) หลังจากธนาคารกลางยุโรปมีมติคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเมื่อวานนี้ และยังเดินหน้าโครงการซื้อพันธบัตรเพื่อคลี่คลายวิกฤตหนี้สาธารณะในยุโรป นอกจากนี้ ยูโรยังได้แรงหนุนจากจีนที่รายงานยอดส่งออกแข็งแกร่งและยืนยันว่าวิกฤตการเงินในยุโรปจะไม่ส่งผลกระทบต่อการค้าของจีน
ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้น 1.21% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ที่ระดับ 1.2130 ดอลลาร์ จากระดับของวันพุธที่ 1.1985 ดอลลาร์ ขณะที่ค่าเงินปอนด์ดีดตัวขึ้น 1.22% แตะที่ 1.4711 ดอลลาร์ จากระดับ 1.4533 ดอลลาร์
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐทรงตัวเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 91.260 เยน แต่ร่วงลง 0.55% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.1417 ฟรังค์ จากระดับ 1.1480 ฟรังค์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 2.72% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ 0.8503 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพุธที่ 0.8278 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนดพุ่งขึ้น 2.49% สู่ระดับ 0.6872 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6705 ดอลลาร์สหรัฐ
นักลงทุนมีความเชื่อมั่นในทิศทางของสกุลเงินยูโรมากขึ้น เมื่อนายหลี่ เตากุย ที่ปรึกษาธนาคารกลางจีนและผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์ของมหาวิทยาลัยชิงหัว กล่าวว่า วิกฤตหนี้สาธารณะในยุโรปยังไม่รุนแรงพอที่จะทำให้เกิดวิกฤตการเงินโลกรอบใหม่ และจะไม่ส่งผลกระทบต่อดีมานด์การส่งออกสินค้าของจีนในระยะยาว
โดยการแสดงความคิดเห็นของนายหลี่มีขึ้นหลังจากสำนักงานศุลกากรจีนรายงานเมื่อวานนี้ว่า ยอดส่งออกของจีนในเดือนพ.ค.ขยายตัวแข็งแกร่ง 48.5% ขณะที่ยอดนำเข้าพุ่งขึ้น 48.3% ซึ่งทำให้จีนมียอดเกินดุลการค้าสูงถึง 1.953 หมื่นล้านดอลลาร์ บ่งชี้จีนซึ่งเป็นประเทศที่เศรษฐกิจขยายตัวรวดเร็วสุดในโลก สามารถต้านทานวิกฤตการณ์หนี้สาธารณะในยุโรปได้
ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ 1% ในการประชุมเมื่อเย็นวานนี้ ซึ่งเป็นไปตามความคาดหมายของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ โดยอีซีบียังคงเดินหน้าโครงการซื้อพันธบัตรและจัดหาวงเงินกู้ฉุกเฉินระยะ 3 เดือนให้กับธนาคารพาณิชย์ในยุโรป โดยมีเป้าหมายที่จะคลี่คลายวิกฤตหนี้
นอกจากนี้ อีซีบีได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจในกลุ่มยูโรโซน หรือ 16 ประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโร ในปีนี้ อย่างไรก็ตาม อีซีบียอมรับว่าแนวโน้มเศรษฐกิจยูโรโซนในปีหน้าไม่ค่อยดีนัก
ค่าเงินปอนด์แข็งแกร่งขึ้นหลังจากธนาคารกลางอังกฤษมีมติตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.5% ในการประชุมเมื่อวานนี้ พร้อมกันนี้ ธนาคารกลางยังได้ตัดสินใจที่จะไม่อัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจเพิ่มเติมภายใต้โครงการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ซึ่งเป็นไปตามความคาดหมายของตลาด
ทั้งนี้ ผลสำรวจนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า แบงก์ชาติอังกฤษจะยังไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยจนกระทั่งปีหน้า หลังจากที่อัตราดอกเบี้ยตรึงอยู่ที่ระดับ 0.5% มาตั้งแต่เดือนมี.ค.2552
กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่แล้ว ลดลง 3,000 ราย สู่ระดับ 456,000 ราย ส่วนจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานโดยรวม ร่วงลง 255,000 ราย สู่ระดับ 4.5 ล้านคน
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่ทางการสหรัฐจะเปิดเผยในวันศุกร์ โดยกระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนพ.ค.และตัวเลขสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนเม.ย. ขณะที่มหาวิทยาลัยมิชิแกนจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นขั้นต้นเดือนมิ.ย.

……………………………………………………………………………….
***ข่าวที่ทำให้น้ำมันขึ้น และต่อมาลงปรับฐาน พร้อมทะยานขึ้นต่อ มีดังนี้ ค่ะ…

* ภาวะตลาดน้ำมัน NYMEX: น้ำมันดิบปิดบวก $1.10 หลังข้อมูลชี้เศรษฐกิจโลกแข็งแกร่ง
ศุกร์ที่ 11 มิถุนายน 2553 07:04:21 น.
สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (10 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนมีความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจโลกและดีมานด์พลังงานมีแนวโน้มที่แข็งแกร่ง หลังจากนานาประเทศรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใส รวมถึงจีน ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ ตลาดยังคงได้รับปัจจัยบวกจากตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบที่ร่วงลงของสหรัฐ
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.ค.พุ่งขึ้น 1.10 ดอลลาร์ ปิดที่ 75.48 ดอลลาร์/บาร์เรล
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์เดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 2.32 เซนต์ ปิดที่ 2.0328 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินเดือนก.ค.ดีดขึ้น 3.08 เซนต์ ปิดที่ 2.0582 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนก.ค.พุ่งขึ้น 1.02 ดอลลาร์ ปิดที่ 75.29 ดอลลาร์/บาร์เรล
ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งจากทั้งจีน สหรัฐ ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย โดยเมื่อวานนี้กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่แล้ว ลดลง 3,000 ราย สู่ระดับ 456,000 ราย ส่วนจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานโดยรวม ร่วงลง 255,000 ราย สู่ระดับ 4.5 ล้านคน
ขณะที่สำนักงานศุลกากรจีนรายงานเมื่อวานนี้ว่า ยอดส่งออกของจีนในเดือนพ.ค.ขยายตัวแข็งแกร่ง 48.5% ขณะที่ยอดนำเข้าพุ่งขึ้น 48.3% ซึ่งทำให้จีนมียอดเกินดุลการค้าสูงถึง 1.953 หมื่นล้านดอลลาร์ บ่งชี้จีนซึ่งเป็นประเทศที่เศรษฐกิจขยายตัวรวดเร็วสุดในโลก สามารถต้านทานวิกฤตการณ์หนี้สาธารณะในยุโรปได้
สำนักงานสถิติแห่งชาติออสเตรเลียเปิดเผยว่า ภาคเอกชนของออสเตรเลียมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 26,900 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นสถิติที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 เนื่องจากการลงทุนที่เพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรมเหมืองแร่ช่วยหนุนตัวเลขจ้างงานเพิ่มขึ้นด้วย
ส่วนสำนักงานคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่แท้จริงในช่วงไตรมาสแรกของญี่ปุ่น ขยายตัวในอัตรา 5.0% ต่อปี ซึ่งเพิ่มขึ้นจากที่ประมาณการไว้ก่อนหน้านี้ว่าขยายตัว 4.9% และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะขยายตัวเพียง 4.2%
นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นเมื่อนายนายหลี่ เตากุย ที่ปรึกษาธนาคารกลางจีนและผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์ของมหาวิทยาลัยชิงหัว กล่าวว่า วิกฤตหนี้สาธารณะในยุโรปยังไม่รุนแรงพอที่จะทำให้เกิดวิกฤตการเงินโลกรอบใหม่ และจะไม่ส่งผลกระทบต่อดีมานด์การส่งออกสินค้าของจีนในระยะยาว
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันนิวยอร์กดีดตัวขึ้นขานรับรายงานคาดการณ์ของสำนักงานพลังงานสากล (ไอเอีเอ) ที่ระบุว่า ดีมาน์น้ำมันในตลาดโลกปี 2553 จะเพิ่มขึ้น 1.68 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือ 2% เป็น 86.44 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากระดับ 84.76 ล้านบาร์เรลต่อวันในปีที่แล้ว เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นผู้ใช้พลังงานรายใหญ่สุดของโลก ได้ช่วยหนุนให้การใช้พลังงานเพิ่มสูงขึ้น โดยตัวเลขดังกล่าวเป็นการปรับเพิ่มขึ้น 60,000 บาร์เรลจากคาดการณ์ในเดือนที่แล้ว
ไออีเอระบุว่า ความต้องการน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นยังคงมาจากตลาดเกิดใหม่มากที่สุด โดยเฉพาะความต้องการจากจีน ซึ่งเป็นผู้ใช้พลังงานรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก
นอกจากนี้ ไออีเอยังได้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่แท่นขุดเจาะน้ำมันของบริษัทบีพีระเบิดและจมลงจนทำให้น้ำมันปริมาณมหาศาลไหลทะลักลงสู่อ่าวเม็กซิโกว่า อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในส่วนของอุปทานน้ำมัน เนื่องจากอาจมีการควบคุมการขุดเจาะน้ำมันใต้ทะเลให้มีความเข้มงวดมากขึ้นในอนาคต ซึ่งก็จะส่งผลให้อุปทานน้ำมันลดลง
...................................................................


(ขอขอบพระคุณข่าวจาก อินโฟเควสท์ )


28  สมาชิก VIP / General Discussion / เคล็ดลับย้อนวัย ให้ผิวสวยสดใส ไร้ริ้วรอย เมื่อ: พฤษภาคม 11, 2010, 07:12:10 PM
เคล็ดลับย้อนวัยให้ผิวสวยสดใสไร้ริ้วรอย (Lisa)

 1.สารเติมเต็มผิว

          หนึ่งในวิทยาการไฮเทคที่เห็นผลทันตาในการกำจัดริ้วรอยและร่องลึกบนผิวก็คือ การฉีดสารเติมเต็มผิวอย่างเช่นกรด ไฮยาลูรอนิค ซึ่งข้อดีของมันก็คือ มันช่วยให้การทำงานของเซลล์ผิวหนังดีขึ้น รวมทั้งยังทำให้สิ่งที่ครีมทำไม่ได้ก็คือ แทรกลึกลงไปในผิวชั้นล่าง และเปลี่ยนความเสียหายของเซลล์ผิวให้กลับดีดังเดิม ผลการฉีดจะยืดยาวราว 4-5 เดือน ซึ่งนอกจะมีประสิทธิภาพสูงแล้ว ยังไม่มีอันตราย

 2.คลื่นวิทยุ

          จนถึงขณะนี้ยังเป็นที่ยอมรับกันว่า การใช้ คลื่นวิทยุ หรือ เทอร์มาจ เป็นวิธีการอย่างเดียวที่ช่วยยกคิ้ว แนวกราม และทำให้ผิวดึงขึ้นได้โดยไม่ต้องผ่าตัดและไม่ต้องพักพื้น มันเป็นการใช้คลื่นวิทยุเข้าไปกระตุ้นการเติบโตและปรับโครงสร้างของคอลลาเจนในผิวเสียใหม่ ซึ่งการใช้แสงชนิดเข้มข้นอย่าง IPL อาจจะกระตุ้นคอลลาเจนได้ แต่เทอร์มาจทำงานลึกลงไปในผิวหนังชั้นใน ทำให้คุณดูดีทันทีหลังทำ และยิ่งดูดีขึ้นเรื่องๆ ในช่วง 6 เดือนถัดไป เนื่องคอลลาเจนสร้างตัวขึ้นมา มันอาจไม่ใช่คู่แข่งของการผ่าตัดยกหน้า แต่สำหรับในการรักษาความหย่อนคล้อยของผิวโดยเจ็บตัวน้อยที่สุดล่ะก็ มันถือเป็นปรากฎการณ์สำคัญเลยทีเดียว

 3.เป็ปไทด์

          ปัจจัยสำคัญของการเกิดริ้วรอยก็คือ คอลลาเจนในผิวลดน้อยลง ไม่ต้องสงสัยว่าวิทยาศาสตร์จะต้องมองหาวิธีแก้ไขโครงสร้างที่จะช่วยพยุงผิวหน้า และก็พบว่าเมื่อคอลลาเจนเรื่มเสื่อมสลายลง เป็ปไทด์จะถูกปล่อยเข้ามาแทนมากขึ้น ครีมที่มีเป็ปไทด์จะเป็นการส่สัญญาณเตือนผิวหลอกๆ ให้ชดเชยการสร้างคอลลาเจน เพื่อให้ผิวกระชับและริ้วรอยลดน้อยลง

 4.ความเครียดของผิว

          งานวิจัยชี้ว่า ผิวร่วงโรยได้เร็วขึ้นในช่วงที่มีความเครียดทางอารมณ์ แต่นอกเหนือการบำบัดทางจิตใจและการผ่อนคลาย อย่างเช่นการเล่นโยคะแล้ว หนทางช่วยเหลืออื่นอย่างสำหรับผิวก็คือการควบคุมไม่ให้ผิวมีการอักเสบ ด้วยการเพิ่มการป้องกันรังสียูวี การให้ความชุ่มชื่น การบริโภคแอนตี้ออกซิแดนซ์ และการหลีกเลี่ยงการให้ผิวเครียด อย่างเช่น การขัดผิวหน้าด้วยเกร็ดอัญมณี หรือการลอกหน้าด้วยเคมี

 5.อาหารผิว

          ไม่จำเป็นว่าการชะลอความร่วงโรยของผิวจะเป็นไฮเทคเสมอไป งานวิจัยล่าสุดพบว่า น้ำมันโรสฮิป เป็นสารที่ช่วยต่อต้านความร่วงโรยตามธรรมชาติที่ทรงประสิทธิภาพ และบำรุงผิวอย่างน่าประทับใจด้วย เช่นเดียวกับการรับประทานน้ำมันดอกอิฟนิ่งพริมโรสเป็นอาหารเสริม ซึ่งอาจไม่ใช่หน้าใหม่ของวงการต่อต้านริ้วรอย หากในการศึกษาวิจัยล่าสุดที่ตีพิมพ์ใน The international Journat of Cosmetic Science ได้แสดงให้เห็นว่า การรับประทานน้ำมันอิฟนิ่งพริมโรสเม็ดละ 500 มก. จำนวน 6 เม็ด ทุกวัน สามารถช่วยหยุดการร่วงโรยของผิวได้ใน 3 เดือน

 6.ขัดลอกผิว

          การทรีตเมนต์อย่างการลอกผิวด้วยสารเคมี และการขัดผิวด้วยเกร็ดอัญมณี เป็นการดูแลความงามที่แพร่หลายกระจายไปอย่างรวดเร็วในร้านเสริมสวย แต่งานวิจัยชี้ว่า การขัดลอกผิวเช่นนี้ไม่ได้วิเศษอะไรมากมายนัก มันยิ่งอาจทำให้ผิวชั้นบนบางลงอย่างรวดเร็วอีกด้วย ซึ่งเป็นการรบกวนปราการป้องกันผิว และต้องใช้เวลาหลายวันในการซ่อมแซมตัวเอง  มันอาจนำไปสู่อาการระคายเคืองผิวหนังและไวต่อแสงอีกด้วย ใช้การขัดลอกผิวอย่างอ่อนโยนเป็นประจำทุกวันด้วยตัวเองดีกว่า มันจะทำให้ผิวชั้นบนดีขึ้น ให้ความชุ่มชื่น และยังลดเลือนริ้วรอยได้

 7.ไลฟ์สไตล์ของคุณ
 
          การเผชิญหน้ากับรังสียูวี มลภาวะ และการสูบบุหรี่ ยังเป็นปัจจัยสำคัญ 3 อันดับแรกของการทำให้ผิวร่วงโรย แต่การนั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์ใกล้เกินไปก็ทำให้ใบหน้าเสี่ยงต่อการร่วงโรยได้เร็วขึ้นเช่นกัน เนื่องมาจากรังสีไอโอนิกที่จะสะท้อนออกมจากหน้าจอนั่นเอง นอกจากนี้ คุณอาจเคยได้ยินว่า การนอนตะแคงข้างทำให้คุณมีริ้วรอย แพทย์ผิวหนังยังให้อรรถธิบายว่า คุณไม่มีวันมีริ้วรอยในแนวตั้งได้ เนื่องจากแรงโน้มถ่วงตามธรรมชาติจะทำให้เกิดริ้วรอยในแนวนอน พูดอีกอย่างหนึ่งคือ กล้ามเนื้อเคลื่อนไหวตัวขึ้นและลง ไม่ใช่เคลื่อนที่ไปข้างๆ ริ้วรอยที่เกิดจากการนอนตะแคงข้างนั้นปกติจะจางหายไปเอง  เว้นแต่มันจะถูกทำให้ผิวย่นซ้ำแล้วซ้ำอีก ริ้วรอยพวกนั้นจะเกิดขึ้นอีกเป็นการถาวร ดังนั้น ถ้าการนอนหงายไม่ใช่ทางเลือกของคุณ ลองใช้หมอนผ้าไหม หรือซาติน มักจะลดริ้วรอยจากการนอนให้น้อยลงได้

 8.ความลับของขิงและมะนาว

          เป็นที่รู้กันว่าขิงมีคุณสมบัติช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ และยังเสริมสร้างสุขภาพ และจากการทดลองในห้องแล็ปพบว่า สารสกัดจากขิงนั้น สามารถลดการหดตัวของกล้ามเนื้อผิวหนังได้ด้วย จึงช่วยคลายริ้วรอยลึกให้ตื้นขึ้นได้ และยกกระชับผิวให้เนียนเรียบ ส่วนมะนาวก็มีคุณสมบัติในการช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่า และลดการผลิตเมลานิน เมื่อนำมาร่วมกันแล้ว ขิงและมะนาวก็เป็นส่วนผสมจากธรรมชาติที่ทรงอำนาจอย่างยิ่ง ในการช่วยคุณต่อสู้ริ้วรอยอย่างได้ผล

 9.ไวน์แดง โรสแมรี่ และข้าวโอ๊ต

          นอกจากนักวิทยาศาสตร์จะพบแหล่งใหม่ของอนุมูลอิสระที่ทำให้ร่วงโรย พวกเขาก็ค้นพบ แอนตี้ออกซิแดนซ์ ชนิดใหม่ๆ เพิ่มขึ้นด้วย อย่างเช่น Reaveratral ในไวน์แดง กรดโรสมารินิกจากโรสแมรี่ และ กรดแฟรูลิกจากข้าวและข้าวโอ๊ต ซึ่งเป็นอนาคตสำคัญของแอนตี้ออกซิแดนซ์ นอกจากนี้ แพทย์ยังแนะนำในการผสมผสานวิตามินเอ ซี  และอี ซึ่งจะเพิ่มประสิทธิภาพของการต้านอนุมูลอิสระให้มากขึ้นด้วย

 10.ความเสียหายจากน้ำตาล

          โดยทั่วไปคนเรารับประทานน้ำตาล เฉลี่ยแล้ว 2 ช้อนชา ต่อวัน ซึ่งเป็นบริมาณที่ผู้เชี่ยวชาญเห็นว่ามากเกินไป การรับประทานน้ำตาลมากเกินไปทำให้เกิดอนุมูลอิสระมากขึ้นในร่างกาย ซึ่งจะทำร้ายเซลล์ และนำไปสู่การแก่ก่อนวัย ฉะนั้น จงระวังเรื่องน้ำตาลที่ ซ่อนอยู่ในอาหารต่างๆ อย่างเช่น ประหลาดใจไหมว่าถ้าเราจะบอกว่าไอศครีมวานิลลาขนาดปกติ (112 กรัม) มีน้ำตาล (4.5 กรัม) น้ำส้มหนึ่งแก้วเสียอีก
29  สมาชิก VIP / General Discussion / เครื่องประดับ ช่วยเสริมหล่อ เมื่อ: พฤษภาคม 11, 2010, 07:11:30 PM
เครื่องประดับ ช่วยเสริมหล่อ (Hair World)

         เพราะโลกของแฟชั่นไม่ได้จำกัดอยู่ที่ผู้หญิงเพียงอย่างเดียว เราจะเห็นว่าเดี๋ยวนี้หนุ่มๆ ก็หันมาใส่ใจในเรื่องการแต่งตัว และตามแฟนชั่นกันมากมาย อย่างที่เห็นได้ชัดในช่วงหลังๆ และถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่รู้ถึงความสำคัญของการมีเสื้อผ้าดีๆ กางเกงรองเท้า ที่จะเลือกสรรให้เข้าคู่ ให้เข้าชุดกับเสื้อผ้าที่จะทำให้ดูดี

         แต่รู้หรือไม่ว่ายังมีอีกหลายสิ่งที่คุณสามารถมีได้ แล้วจะดูแตกต่างกับคนอื่น ไม่ใช่เพียงให้คุณทันสมัย หากคุณยังสามารถยกระดับตัวตนของคุณได้อีกด้วย สิ่งที่พูดถึงนี้คุณผู้ชายทั้งหลายมักไม่ค่อยใส่ใจ เช่น เข็มขัด กระดุมข้อมือ ปากกา เป็นต้น สิ่งเล็กน้อยเหล่านี้นี่แหละจะช่วยยกระดับคุณและเสริมสร้างบารมีให้คุณได้อีกด้วยเชื่อว่าหนุ่มๆ คงอยากรู้แล้วล่ะว่ามีอะไรที่จะช่วยเสริมให้บุคลิกดูดี และดูน่าเชื่อถือ ถ้าอย่างนั้น ก็ตามมาอ่านพร้อมๆ กันเลยจ้า

          1. เนคไท เนคไทจัดว่าเป็นเครื่องประดับที่แสดงถึงความมีระดับของคุณ ไม่จำเป็นเสมอไปหรอกที่จะต้องมียี่ห้อดัง แต่ขอให้คุณจำไว้เสมอว่า ยามเลือกเนคไทขอให้เลือกแบบเรียบเข้าไว้ ใช้ได้ทุกโอกาส เท่านี้ก็ดูดีได้แล้ว

          2. นาฬิกาข้อมือ เครื่องประดับอีกอย่างหนึ่งของผู้ชายก็นาฬิกานี่แหละ เลือกเรือนที่บ่งบอกถึงลักษณะตัวคุณ หากคุณคิดว่าโรเล็กซ์เป็นตัวตนของคุณ แต่กำลังทรัพย์ไม่อำนวย ก็เก็บไว้เป็นแรงบันดาลใจเพื่อให้คุณตั้งใจทำงานเพื่อเก็บเงินซื้อตัวตนของคุณ

          3. เข็มขัด การเลือกใช้เข็มขัดที่ถูกต้องคือ ต้องเข้าคู่กับรองเท้า เข็มขัดหนังนี้แหละแบบสุดนิยมและดูมีสไตล์ หากคุณกำลังเลือกซื้อเข็มขัด เลือกสีดำ และหัวสีเงินเพื่อไว้ใช้เป็นประจำและเลือกซื้อจำพวกสีน้ำตาล หนังแคนวาส หนังกลับบ้างไว้ใช้ในโอกาสต่างๆ

          4. กระเป๋าเงิน รู้หรือไม่ว่า...กระเป๋าเงินเป็นสิ่งที่คุณผู้ชายไม่ควรมองข้าม และละเลยในการเลือกมาใช้อีกหนึ่งอย่าง คิดดูนะว่าแต่งตัวดีแล้วแต่พอหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วปรากฏว่ากระเป๋าเยินมาแต่ไกล คนข้างๆ มีหวังแอบคิดในใจว่า "โหทำไมมันช่างไม่เข้ากันซะเลยนะ" ถ้าไม่อยากให้ใครคิดอย่างนั้นก็ต้องเปลี่ยนมาใช้กระเป๋าที่สีเรียบๆ หรือกระเป๋าหนังไปเลย รับรองว่าหยิบขึ้นมาแต่ละทีไม่ต้องอายใครแล้วล่ะ

          5. ซองนามบัตร ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่พกนามบัตร แล้วพอจะหยิบแต่ละทีก็ต้องหาทุกครั้งไป ขอแนะนำให้เลือกใช้บริการซองนามบัตร หาซื้อมาสักใบเพราะการที่คุณดึงเอานามบัตรออกจากซองนามบัตร จะทำให้ผู้รับรู้สึกว่าคุณช่างมีระเบียบระบบนั่นเอง

          6. กระดุมข้อมือ หรือคลิปติดเนคไท กระดุมข้อมือเปรียบได้กับอัญมณีของผู้ชาย ยามคุณผู้ชายเลือกซื้อกระดุมที่ดูคลาสสิก ไม่ซ้ำใคร และดูเก่าแก่มีตำนาน ก็ราวกับว่าคุณได้ซื้อไข่มุกเลยเชียวล่ะ คลิปติดเนคไท หากเข้าคู่ได้เป็นอย่างดีกับเนคไท มาดคุณก็มีชัยไปกว่าครึ่งแล้วนะ

          7. ปากกา ปากกาในที่นี้ไม่ใช่ปากกาลูกลื่นนะ แต่เป็นปากกาด้ามเงินหรือด้ามทอง (แล้วแต่ว่าใครจะมีกำลังทรัพย์ในการซื้อเท่าไหร่) ขอให้ติดตัวไว้เสมอ คุณผู้ชายที่ดูมีระดับอย่างคุณจะเที่ยวไปขอยืมปากกาลูกลื่นมาเซ็นชื่อได้อย่างไรล่ะ

          8.กระเป๋าเอกสารหรือโน้ตบุ๊ค บางครั้งคุณอาจไม่มีเอกสารจำเป็นมากถึงขนาดต้องกระเตงไปทั่ว หากการถือกระเป๋าเอกสารก็ทำให้คุณดูเป็นนักธุรกิจอย่างช่วยไม่ได้ กระเป๋าเอกสารหนังแท้นี้แหละ หรือจะเลือกแบบที่ใส่ได้ทั้งเอกสารและโน้ตบุ๊คนับว่าเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่น่าจะลงทุนหาซื้อไว้สักใบ

          นอกจากเครื่องประดับเหล่านี้แล้ว กิริยามารยาท การวางตัว ก็สามารถช่วยทำให้คุณดูเป็นคนน่าเชื่อถือและดูดีได้เช่นกัน แต่ตราบใดถ้าคุณแต่งตัวดีแต่มารยาท (ทราม) ไม่ดี สิ่งของต่างๆ ที่บรรจงแต่งมาก็ไม่มีค่า ไม่มีความหมายอะไร ดังนั้น ควรท่าทั้ง 2 อย่างให้เดินควบคู่ไปพร้อมๆ กันดีที่สุดนั่นเอง!!
30  สมาชิก VIP / General Discussion / เรื่องเล่าให้ข้อคิดส่งต่อๆกันมา เมื่อ: พฤษภาคม 10, 2010, 07:09:13 AM
เรื่องเล่าให้ข้อคิดส่งต่อๆกันมา
*************************************



มีเด็กกลุ่มหนึ่งเล่นกันใกล้รางรถไฟ 2 ราง รางหนึ่งอยู่ในระหว่างการใช้งาน ในขณะที่อีกรางหนึ่งไม่ได้ใช้งานแล้ว

มีเพียงเด็กคนเดียวเท่านั้นที่เล่นบนรางที่ไม่ได้ใช้งาน ส่วนเด็กที่เหลือนั่งเล่นอยู่บนรางที่ยังใช้งานอยู่

เมื่อรถไฟแล่นมา คุณอยู่ใกล้ๆที่สับรางรถไฟ คุณสามารถเปลี่ยนทางรถไฟไปยังรางที่ไม่ได้ใช้งานเพื่อช่วยชีวิตเด็กส่วนใหญ่ แต่นั่นหมายถึงการเสียสละชีวิตของเด็กคนที่เล่นอยู่บนรางที่ไม่ได้ใช้งาน

หรือคุณเลือกจะปล่อยให้รถไฟวิ่งทางเดิม? ลองหยุดคิดสักนิด มีทางเลือกใดที่เราสามารถตัดสินใจได้

คุณต้องทำการตัดสินใจก่อนที่จะอ่านต่อไป รถไฟไม่สามารถหยุดรอให้คุณไตร่ตรองได้ คนส่วนมากอาจเลือกที่จะเปลี่ยนทางรถไฟ และยอมสละชีวิตของเด็กคนนั้น ผมคิดว่า คุณก็อาจจะคิดเช่นเดียวกัน

แน่นอน ตอนแรกผมก็คิดเช่นนี้เพราะการช่วยชีวิตเด็กส่วนมาก ด้วยการเสียสละชีวิตเด็กหนึ่งคนนั้นดูสมเหตุผลทั้งทางศีลธรรมและความรู้สึก แต่คุณเคยคิดบ้างไหมว่าเด็กที่เลือกเล่นบนรางที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว ที่จริงเขาได้ตัดสินใจถูกต้อง ที่จะเล่นในสถานที่ๆปลอดภัยแล้วต่างหาก

แต่ทว่า เขากลับต้องเสียสละชีวิตให้กับเพื่อนที่ไม่ใส่ใจ และเลือกที่จะเล่นในที่อันตราย

สถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นรอบตัวเราทุกวัน ในสถานที่ทำงาน ย่านชุมชน การเมืองโดยเฉพาะในสังคมประชาธิปไตย คนกลุ่มน้อยมักจะถูกเสียสละให้กับผลประโยชน์ของคนหมู่มาก แม้ว่าคนกลุ่มน้อยจะฉลาด มองการณ์ไกล และคนหมู่มากจะโง่เง่า ไม่ใส่ใจก็ตาม

เด็กคนที่เลือกที่จะไม่เล่นบนรางที่อยู่ในการใช้งานตามเพื่อนๆของเขา และคงไม่มีใครเสียน้ำตาให้หากเขาต้องสละชีวิตก็ตาม


เพื่อนที่ส่งต่อเรื่องนี้มาบอกว่า เขาจะไม่พยายามเปลี่ยนเส้นทางรถไฟ เพราะเขาเชื่อว่าเด็กที่เล่นอยู่บนรางที่อยู่ในการใช้งานย่อมรู้ดีว่า รางนั้นยังอยู่ในระหว่างการใช้งาน และพวกเขาควรจะหลบออกมาเมื่อพวกเขาได้ยินเสียงหวูดรถไฟ

ถ้าทางรถไฟถูกเปลี่ยน เด็กหนึ่งคนนั้นต้องตายอย่างแน่นอน เพราะเขาไม่เคยคิดว่ารถไฟจะเปลี่ยนมาใช้เส้นทางนั้น

นอกจากนั้น รางที่ไม่ได้ถูกใช้งานอาจเป็นเพราะรางนั้นไม่ปลอดภัย ถ้ารถไฟถูกเปลี่ยนเส้นทางมาที่รางนี้ เราทำให้ชีวิตของผู้โดยสารทั้งหมดตกอยู่ในอันตราย ในขณะที่คุณพยายามช่วยชีวิตเด็กจำนวนหนึ่งโดยการสละชีวิตเด็กหนึ่งคน อาจกลายเป็นการสังเวยชีวิตผู้คนนับร้อยก็เป็นได้

เรารู้ว่าชีวิตเต็มไปด้วยการตัดสินใจอันยากลำบาก บางครั้งเราอาจลืมไปว่า การตัดสินใจอันรวดเร็วใช่จะเป็นสิ่งที่ถูกต้องเสมอไป

จำไว้ว่า สิ่งที่ถูกต้องไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งที่นิยมปฎิบัติ และสิ่งที่เป็นที่นิยม ไม่จำเป็นต้องถูกต้องเสมอไป

ทุกๆคนสามารถทำสิ่งผิดพลาดได้ และนั่นคือเหตุผลที่เขาใส่ยางลบไว้ที่ปลายของดินสอ
หน้า: 1 [2] 3

Powered by MySQL Powered by PHP Valid XHTML 1.0! Valid CSS!