TARADTHONG.COM
เมษายน 25, 2024, 05:46:23 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: ตลาดทองดอทคอม
 
  หน้าแรก ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  

Copy Code


  แสดงกระทู้
หน้า: 1 2 [3]
31  สมาชิก VIP / General Discussion / วิธีสังเกตอาการเบื้องต้นของมะเร็งชนิดต่างๆ เมื่อ: พฤษภาคม 08, 2010, 05:12:14 PM
วิธีสังเกตอาการเบื้องต้นของมะเร็งชนิดต่างๆ
 
อาการของการเกิดมะเร็งในอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย
1. มะเร็งปากมดลูก อาการ มีเลือดออกจากช่องคลอดทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่เวลารอบเดือนปกติของคุณอาการเจ็บปวดและมีเลือดออกหลังจากมีเพศสัมพันธ์ หากพบว่ามีสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น การตรวจโดยขูด นื้อเยื่อจากบริเวณดังกล่าวไปตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์จะรู้ได้
2. มะเร็งในมดลูก อาการ มีเลือดออกหลังการมีเพศสัมพันธ์ หรือบางครั้งอาจมีความรู้สึกว่ามีก้อนเนื้อหรือมีอาการบวมในช่องท้อง
3. มะเร็งรังไข่ อาการ ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ หรือการมีอาการเจ็บปวดหลังการมีเพศสัมพันธ์>มีปัญหาเกี่ยวกับลำไส้ อาการท้องอืดอาหารไม่ย่อย น้ำหนักลดและมีอาการปวดหลัง
4. มะเร็งในเม็ดเลือด (ลูคีเมีย) อาการเหนื่อยง่ายและมีอาการซีดเซียวกว่าปกติมักเกิดอาการฟกช้ำดำเขียว หรือมีเลือดออกทางผิวหนังได้ง่ายโดยไม่ทราบสาเหตุและมักจะเกิดร่วมกับอาหารปวดตามข้อต่าง ๆ ทั่วร่างกายบางครั้งจะท้องอืดและเมื่อคลำดูจะพบว่ามีก้อนบวมที่ด้านซ้ายของช่องท้อง
5. มะเร็งปอด อาการ มักมีอาการไอบ่อย ๆ มีเลือดออกและมีเสมหะปนมากับน้ำลาย น้ำหนักลดอย่างฮวบฮาบ เจ็บ หน้าอกและหายใจลำบากหรืออาจมีอาการหอบปนอยู่ด้วยทั้ง ๆ ที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
6. มะเร็งตับ อาการ ปวดในช่องท้อง เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ตาและผิวเป็นสีออกเหลืองและเหลืองจัดจนเห็นได้ชัด
7. มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ อาการ มีเลือดปนออกมากับปัสสาวะ
8. มะเร็งสมอง อาการ ปวดศีรษะนาน ๆ และมักมีอาการอื่นร่วมด้วยเช่นอาเจียนหรือการผิดปกติของการมองเห็น ตาพร่า และเห็นแสงเขียว ๆ แดง ๆ ลอยไปมาเวลาปวดศีรษะ อ่อนเพลียไม่มีแรง หรือ การเป็นลมโดยกะทันหันอวัยวะบางส่วนของร่างกายหยุดทำงานเช่นมีอาการชาและเป็นอัมพาตชั่วคราว ควรให้ความระวังเป็นพิเศษหากคุณเคยมีประวัติการปวดหัวที่มีอาการเหล่านี้ประกอบอยู่ด้วย
9. มะเร็งในช่องปาก อาการ มีก้อนบวมอยู่ในปาก หรือที่ลิ้นเป็นเวลานานมีแผลเปื่อยที่ปากที่ไม่ได้รับการรักษา หรือเป็นแผลเรื้อรังที่เหงือกเนื่องจากการกดทับของฟันปลอมที่ใส่ไว้ประจำหรือเป็นเวลานาน
10. มะเร็งในลำคอ  อาการ เสียงแหบพร่าไปทันที มีก้อนบวมในทันทีทำให้รู้สึกว่ากลืนอาหารได้ลำบาก หรือมีการขยายตัวของต่อมในลำคอที่โตขึ้นจนสามารถจับและรู้สึกได้
11. มะเร็งในกระเพาะอาหาร อาการน้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว อาเจียนออกมาเป็นเลือดท้องอืด หรืออาหารไม่ย่อยบ่อย รู้สึกเหมือนมีก้อนเนื้องอกในช่องท้องหรือรู้สึกตื้อ แม้เพิ่งจะรับประทานอาหารไปได้ไม่กี่คำ
12. มะเร็งทรวงอก อาการมีเลือดหรือของเหลวบางอย่างไหลออกมาจากหัวนมบวม หรือผิวเนื้อทรวงอกหนาขึ้นมีก้อนบวมจนจับได้ เมื่อคลำบริเวณใต้รักแร้บางครั้งอาจมีตุ่มหรือสิวเกิดขึ้นที่เต้านมเป็นเวลานานควรระวังเพราะผู้หญิง 9 ใน 10 คนจะมีอาการบวมของก้อนเนื้อบริเวณทรวงอกโดยไม่ทราบสาเหตุเมื่อมีอายุมากขึ้น เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนทำให้เกิดเป็นถุงน้ำใต้ผิวหนังที่เรียกว่าซีสต์ซึ่งควรต้องค้นหาสาเหตุของอาการบวมนั้นให้ชัดเจนเสียก่อนว่าคืออะไรกันแน่
13. มะเร็งลำไส้ อาการ น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว มีอาการปวดท้องอย่างมากและระบบการย่อยผิดปกติ มีเลือดออกปนมากับอุจจาระ
****ซึ่งมีวิธีสังเกตของผู้ที่มีอาการเกี่ยวกับริดสีดวงทวารอยู่แล้วคือถ้าใช้กระดาษทิชชูซับแล้วเลือดมีสีแดงสดนั่นคืออาการของริดสีดวงทวารแต่ถ้าเลือดมีสีดำคล้ำนั่นคือ อาการของโรคมะเร็งในลำไส้
14. มะเร็งต่อมน้ำเหลือง อาการมีก้อนบวมเกิดขึ้นที่ใต้รักแร้หรือใต้ขาหนีบโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าไม่ได้เกิดอาการติดเชื้อในบาง ส่วนของร่างกายมะเร็งผิวหนัง อาการมีแผลหรือแผลเปื่อยพุพองที่ไม่ได้รับการรักษาอยู่เป็นเวลานานตลอดจนไฝหรือหูดที่โตขึ้นและมีการเปลี่ยนสีหรือรูปร่าง ขนาด นอกจากนี้อาการอันตรายอีกอย่างหนึ่งที่ เรียกว่าเมลาโนมา (Melanoma)คือเนื้องอกที่ประกอบด้วยเซลล์ที่มีเมลานินสะสมอยู่ เช่น กระจุดด่างหรือไฝถ้าคุณมีไฝมากกว่า 50 เม็ดทั่วร่างกายหรือมีคนในครอบครัวที่มีประวัติว่าเคยเป็นโรคนี้มาก่อนคุณจะมีอัตราเสี่ยงสูงกว่าคนอื่นๆ ส่วนอันนี้เค้าฟอเวิร์ดติดมาด้วย –
ถึงท่านผู้โชคดี ขอให้ท่านนำเรื่องนี้ไปบอกต่อเป็นวิทยาทาน ท่านจะโชคดีมีความสุขตลอดกาล ตำรานี้ใช้แก้โรคมะเร็งผู้เป็นมะเร็งจะหายโดยไม่คาดคิดสำหรับมะเร็งจะหายภายใน 6 วัน
 
วิธีรักษา - ไปที่ร้านยาจีน ซื้อหัวเตย 1 ตำลึง หัวขิง 1 ตำลึงก้อนเกลือ 3 ก้อน นำมารวมกันแล้วแช่น้ำทิ้งไว้ 1 วัน ในน้ำ 1 ชาม ให้ดื่มจนหมดชาม
 
สรรพคุณในการรักษา - หลังจากดื่มยานี้แล้ว ควรดื่มน้ำตามมาก ๆ นำส่วนที่เหลือมารับประทาน
ยานี้จะขับเอาของเสียออกทางอุจจาระหรือปัสสาวะไม่ต้องตกใจ เป็นการขับของเสียออกหมดแล้วจะปกติ
***ตำรานี้ห้ามซื้อขาย หรือคิดเป็นเงินค่ารักษา
32  สมาชิก VIP / General Discussion / ดี หรือไม่ดี ยากที่จะบอก เมื่อ: พฤษภาคม 08, 2010, 05:10:49 PM
นานมาแล้ว มีพระราชาองค์หนึ่ง
พระราชาองค์นี้มีคนสนิทคนหนึ่งที่พระองค์สนิทมาก
และมักจะพาไปไหนมาไหนด้วยเสมอในทุกๆที่
แล้ววันหนึ่ง พระราชาก็ถูกหมาตัวหนึ่งกัดนิ้วแผลฉกรรจ์มาก
พระราชาจึงถามคนสนิทว่า
นี่เป็นลางไม่ดีของพระองค์หรือเปล่า
คนสนิทกลับตอบว่า " ดี หรือไม่ดี ยากที่จะบอก "
และในที่สุด พระราชาก็ถูกตัดนิ้ว
และพระราชาก็ถามคนสนิทอีกว่า
นี่เป็นรางไม่ดีของพระองค์หรือเปล่า
คนสนิทกลับตอบว่า "ดี หรือไม่ดี ยากที่จะบอก"
พระราชาโกรธมาก เลยจับคนสนิทขังไว้ในคุก
วันหนึ่ง พระราชาก็ได้เสด็จออกป่าล่าสัตว์
พระองค์ทรงตื่นเต้นมาก
ในขณะที่พระองค์ไล่ล่ากวางตัวหนึ่งอยู่
แล้วก็มุ่งเข้าไปในป่า ลึกเข้าไปเรื่อยๆ
เมื่อมารู้ตัวอีกทีก็พบว่า พระองค์ได้หลงทางเสียแล้ว
แต่ก่อนที่อะไรจะเลวร้ายไปกว่านั้น
พระองค์ก็ได้พบกับชนเผ่าพื้นเมืองในป่าแห่งนั้น
คนป่าพวกนั้น ต้องการจับพระราชาไปบูชายัญ
แต่พวกเขาก็พบว่าพระราชานิ้วขาดจึงรีบปลดปล่อยพระราชา
เพราะเชื่อว่าพระราชาไม่ใช่มนุษย์ที่สมบูรณ์เลย
และไม่เหมาะที่จะนำไปบูชายัญ
พระราชาจึงตัดสินใจกลับพระราชวังในที่สุด
และสุดท้ายพระองค์ก็เข้าใจคำพูดของคนสนิทที่บอกว่า
ดีหรือไม่ดี ยากที่จะบอก"
เพราะถ้าพระองค์มีนิ้วครบสมบูรณ์
พระองค์ต้องถูกสังหารโดยคนป่าพวกนั้นอย่างแน่นอน
พระราชาจึงสั่งปล่อยตัวคนสนิทและขอโทษเขา
 แต่พระราชากลับประหลาดใจ
เมื่อคนสนิทกลับไม่โกรธพระองค์เลย
ในทางตรงข้ามเขากลับบอกว่า
มันไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรเลยที่ท่านขังข้าไว้
ทำไมงั้นหรือ
เพราะว่าถ้าพระองค์ไม่ขังข้าไว้
ข้าก็จะต้องตามท่านไปในป่าและในเมื่อท่านไม่เหมาะจะถูกบูชายัญ
ข้าคงจะถูกนำไปบูชายัญแทนเป็นแน่
อีกครั้งกับคำที่ว่า ดี หรือไม่ดี ยากที่จะบอก
 เรื่องนี้อาจกล่าวได้ว่า
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในโลกนี้
ไม่มีการสรุปได้อย่างแน่นอนว่า ดี หรือ ไม่ดี
บางครั้งสิ่งที่ดี
อาจจะกลายเป็นสิ่งที่เลวร้าย
ในขณะที่สิ่งที่เลวร้ายอาจกลายเป็นดีได้
สิ่งดีๆอะไรก็ตาม
ที่เกิดขึ้นกับเราจงสนุกสนานกับมัน
แต่อย่าไปยึดติดกับมัน

จงคิดเสียว่ามันเป็นสิ่งที่มาสร้างความประหลาดใจให้กับชีวิตของคุณ

อะไรต่างๆ ที่มันเลวร้าย ซึ่งเกิดขึ้นกับคุณ

จำเป็นต้องไปเศร้าเสียใจ
ในตอนท้าย มันอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เลวร้าย
33  สมาชิก VIP / General Discussion / Re: เช็กสภาพรถหลังพักร้อน เมื่อ: พฤษภาคม 05, 2010, 11:18:43 AM
ดีครับ มาใหม่นะครับ ฝากเนื้อฝากตัวสาวๆด้วยนะครับ ยังโสดครับ แต่ไม่ซิงแล้วครับ icon_killbill icon_jedi icon_killbill
34  สมาชิก VIP / General Discussion / Re: เจ้านายแบบไหนที่ลูกน้องต้องการ เมื่อ: พฤษภาคม 01, 2010, 10:07:32 AM
อ้าวชอบอย่างี้หรอ แล้วทำไมไม่บอกเล่า Angry Angry
35  สมาชิก VIP / General Discussion / Re: เช็กสภาพรถหลังพักร้อน เมื่อ: พฤษภาคม 01, 2010, 10:05:23 AM
ถ้าตัวใหญ่ขนาดนั้นคงต้องเปลี่ยนรถใหม่ เป็นรถสิบล้อเลยเป็นไง
36  สมาชิก VIP / General Discussion / Re: เรื่องเล่า น่าคิด แครอท ไข่ กาแฟ คุณจะเป็นอะไร? เมื่อ: พฤษภาคม 01, 2010, 10:04:02 AM
ชอบเป็นกาแฟ และชอบกินกาแฟด้วย
37  สมาชิก VIP / General Discussion / Re: เมื่อที่ทำงานถึงจุดองศาเดือด!!! เมื่อ: พฤษภาคม 01, 2010, 10:03:06 AM
สงสัยเราต้องปรับนิสัยใหม่ซะแล้ว สาวๆจะได้ชอบ
38  สมาชิก VIP / General Discussion / Re: 7 ขั้น สู่เถ้าแก่เนี้ย มือโปร เมื่อ: พฤษภาคม 01, 2010, 10:00:39 AM
ตอนแรกนึกว่าจะไม่มีคนอ่านซะอีก +1ทุกคนนะ Grin Grin
39  สมาชิก VIP / General Discussion / เรื่องของการมีกิ๊ก เมื่อ: พฤษภาคม 01, 2010, 09:57:07 AM

          การมี "กิ๊ก" ดูเหมือนจะกลายเป็นแฟชั่นสุดฮิตของวัยรุ่นไปเสียแล้ว จากคำจำกัดความของกิ๊กที่ว่า มากกว่าเพื่อนแต่ไม่ใช่แฟน นั้นคือ การมีคู่ควงหลายคน แม้จะไม่เทียบเท่าหรือเรียกว่าแฟน แต่ก็มีความสัมพันธ์มากกว่าคำว่าเพื่อน


          วัยรุ่นหลายคนอาจรู้สึกสนุกสนานกับการมีกิ๊กและเป็นกิ๊ก บางกลุ่มอาจมีการสะสมกิ๊กและพูดคุยอวดกันว่าใครมีกิ๊กมากกว่ากัน ส่วนหนึ่งอาจเพราะทำให้รู้สึกว่าตนเองมีเสน่ห์ เป็นที่ต้องการ แถมตื่นเต้นกับการหลบซ่อน สับหลีกไม่ให้รถไฟชนกัน ทั้งที่จริงแล้วการมีกิ๊กอาจไม่ใช่เรื่องสนุกและก่อให้เกิดปัญหาตามมามากมาย ดังนั้นวัยรุ่นที่มีกิ๊กหรือกำลังคิดจะสะสมกิ๊กทั้งหลาย คงต้องถามตัวเองสักนิดว่ามีกิ๊กไปเพื่ออะไร

          - มีกิ๊กเพื่อให้ทันสมัยไม่ตกกระแสเพียงเท่านั้นใช่หรือไม่

          - มีกิ๊กช่วยแก้เหงาได้จริงๆ หรือในเมื่อก็เป็นแค่คู่ควงที่ฉาบฉวย

          - สถานภาพของกิ๊ก คือ ความมีเสน่ห์หรือเป็นเพียงตัวสำรองที่ไม่มีใครจริงจังด้วย

          - มีกิ๊กเพื่อแสดงถึงความใจกว้าง ให้โอกาสและให้อิสระแก่กัน เราคิดเช่นนั้นจริงๆ หรือไม่

          เมื่อได้คำตอบจากตนเองแล้วคงต้องถามตัวเองต่อไปว่า เราอยากที่จะสนุกกับการมีกิ๊ก หรือต้องการคนที่จริงใจต่อเรา

สำหรับกฎ 10 ข้อของการเป็นกิ๊ก (กิ๊กนะไม่ใช่แฟน) มีดังนี้

          1. ห้ามหึงหวงแต่ห่วงกันได้ (ก็ชั้นไม่ได้รักแกนี่)

          2. มีอะไรกันได้ แต่ไม่ใช่ของกันและกัน (ก็ชั้นมีตัวจริงอยู่แล้วนี่หว่า)

          3. ไม่มีสิทธิ์เรียกร้องมากเกินเหตุ (ก็แกไม่ใช่แฟนชั้นนี่หว่า กะแฟนยังเรียกร้องไม่ได้เลย)

          4. กิ๊กอาจเปลี่ยนสถานะได้ แต่ถ้าไม่ได้ก็ห้ามเศร้า (จะไปเศร้าทำไมวะ ก็รู้แต่แรกแล้วว่าเค้ามีแฟนแล้ว)

          5. ห้ามใช้กิ๊กร่วมกันกับเพื่อน (ก็ยังอยากได้ไว้เป็นของส่วนตัวอ่ะน่า)

          6. ถ้ากิ๊กคิดจะไปมีแฟน เป็นตัวตนโดยไม่ใช่เรา ห้ามฟูมฟาย แต่ต้องพยายามยอมรับและยินดีด้วย แล้วค่อยตกลงกันอีกทีว่า จะยังกิ๊กกันต่อหรือเปล่า (ก็เรารักคนนั้นนิ)

          7. ไม่จำเป็นต้อง take care กันเกินเหตุเพราะเป็นแค่กิ๊ก (เออเด่ะ)

          8. กิ๊กมีได้ไม่จำกัดจำนวนเป็น infinity ไม่จำกัดเพศ วัย และ สถานภาพ (ถ้าไม่กลัวตายเพราะเอดส์ แถมยังต้องปีนต้นงิ้วอีกก็เอา)

          9. กิ๊กสำคัญรองจากแฟน (ก็ไม่ใช่แฟนนี่หว่า)

          10. กิ๊กยังไงก็เป็นกิ๊กต้องเจียมตัว (เฮ้อ. . .  )

          คำเตือน คิดให้ดีก่อนมีกิ๊กนะจ๊ะ
40  สมาชิก VIP / General Discussion / เรื่องของสินสมรส เมื่อ: พฤษภาคม 01, 2010, 09:55:30 AM

          ตามกฎหมาย เมื่อชายหญิงตกลงปลงใจเป็นสามีภรรยากัน และผ่านการจดทะเบียนสมรสแล้ว ความผูกพันนี้ก่อให้เกิดความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยา 2 ลักษณะ คือ ความสัมพันธ์ส่วนตัว คือ อยู่กินกันแบบสามีภรรยา ต้องอุปการะเลี้ยงดูกัน  และ ความสัมพันธ์ทางด้านทรัพย์สิน ซึ่งแยกเป็น “สินสมรส” และ “สินส่วนตัว” …
          สินส่วนตัว คือ ทรัพย์สิน ข้าวของส่วนตัวต่างๆ ที่แต่ละฝ่ายมีอยู่ก่อนเดิม ก่อนแต่งงาน
          สินสมรส คือ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้มาหลังแต่งงาน และสามีภรรยาเป็นเจ้าของร่วมกัน
          ตามกฎหมายได้แจกแจงไว้อย่างละเอียดว่า สินส่วนตัว มี 4  ประเภท  คือ
          1. ทรัพย์สินที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีอยู่ก่อนสมรส เช่น บ้าน ที่ดิน เงินทอง 
          2. ทรัพย์สินที่ได้มาในระหว่างสมรสโดยการรับมรดก หรือได้มาโดยเสน่หา
          3. ทรัพย์สินที่เป็นเครื่องใช้สอยส่วนตัว เครื่องประดับ เครื่องแต่งกาย เครื่องมือประกอบอาชีพ
          4. ทรัพย์สินที่เป็นของหมั้น จะถือเป็นสินส่วนตัวของผู้หญิง
          นอกจากนี้ ถ้าทรัพย์สินดังกล่าวข้างต้น เปลี่ยนสภาพไป เช่น นำไปขายและได้เงินมา นำไปแลกหรือซื้อของอื่น ให้ถือว่าเงินหรือของที่ได้มานั้น เป็นสินส่วนตัวด้วย
สินสมรส แบ่งเป็น 3 ประเภท 
          1. ทรัพย์ที่คู่สมรสได้มาระหว่างสมรส เช่น เงินเดือน โบนัส 
          2. ทรัพย์สินที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้มาโดยพินัยกรรม โดยระบุว่าให้เป็นสินสมรส
          3. ทรัพย์สินที่เป็นกำไรสุทธิ หรือดอกผลของสินส่วนตัว
          สิทธิการจัดการทรัพย์สิน กฎหมายถือให้ผู้เป็นเจ้าของมีอำนาจจัดการทรัพย์สินส่วนตัวได้โดยลำพัง สำหรับสินสมรส ถือเป็นทรัพย์สินร่วมกันคนละครึ่ง จึงให้สองฝ่ายจัดการร่วมกัน
          สามีภรรยาสามารถแยกกันจัดการสินสมรสได้ 4 กรณี  คือ
          1. เมื่อคู่สมรสตกลงแยกกันจัดการสินสมรสโดยการทำสัญญาก่อนสมรสไว้ก่อน
          2. เมื่อคู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตกเป็นคนไร้ความสามารถ อีกฝ่ายมีสิทธิร้องขอให้ศาลแยกสินสมรสได้
          3. เมื่อคู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งถูกศาลสั่งให้เป็นบุคคลล้มละลาย จะมีผลให้สินสมรสแยกกันตามกฎหมาย
          4. เมื่อมีการร้องขอต่อศาลให้แยกสินสมรสเพราะสาเหตุ เช่น อีกฝ่ายทำความเสียหายแก่สินสมรส ไม่อุปการะ เลี้ยงดู เป็นหนี้สินมากมาย หรือขัดขวางการจัดการสินสมรสโดยไม่มีเหตุอันควรและเมื่อมีการแยกสินสมรส ออกจากกันแล้ว สินสมรสส่วนที่แยกออกมาจะถือเป็นสินส่วนตัวของแต่ละฝ่าย รวมถึงทรัพย์สิน เช่น มรดก ดอกผลที่ได้มาหลังการแยกสินสมรสด้วย
การจัดการเรื่องหนี้สินของสามีภรรยาควรทำอย่างไร
          เมื่อสามีภรรยาไปเป็นหนี้บุคคลภายนอก หากหนี้นั้นมีมาก่อนสมรสถือเป็นหนี้ส่วนตัว ให้แต่ละฝ่ายรับผิดชอบใช้ต่อเจ้าหนี้เป็นการส่วนตัวโดยใช้สินส่วนตัวมาก่อน ถ้าไม่พอจึงใช้จากสินสมรสที่เป็นส่วนของตนได้คือ ครึ่งหนึ่งของสินสมรส ในกรณีที่เกิดหนี้ระหว่างสมรสหนี้นั้นอาจเป็นหนี้ส่วนตัวค้างคามาหรือเป็นหนี้ร่วม สามีภรรยาต้องร่วมกันชดใช้เจ้าหนี้โดยใช้เงินทั้งจากสินสมรสและสินส่วนตัวได้ หนี้ที่เกิดระหว่างสมรส และถือเป็นหนี้ร่วมได้แก่ หนี้ค่าอุปการะเลี้ยงดู รักษาพยาบาลคนในครอบครัว และให้การศึกษาบุตร หนี้ที่เกี่ยวข้องกับสินสมรส หนี้ที่เกิดจารการงานที่สามีภรรยาทำร่วมกันและหนี้ที่สามีหรือภรรยาก่อให้เกิดเพื่อประโยชน์ตนฝ่ายเดียว แต่อีกฝ่ายยินยอมและรับรู้ด้วย 4 กรณีนี้สามีภรรยาต้องรับผิดชอบร่วมกัน
คู่ที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส 
          การจัดการทรัพย์สินมีข้อแตกต่าง คือ ในแง่กฎหมายเพราะกฎหมายจะถือว่าคู่ที่อยู่กินกัน โดยไม่จดทะเบียนสมรสไม่เป็นคู่สมรสต่อกัน
          บุตรที่เกิดมาเป็นของฝ่ายหญิงฝ่ายเดียว และการอยู่ด้วยกันไม่มีผลให้เกิดสินส่วนตัวและสินสมรส แต่ในแง่ปฏิบัติ เพื่อความเป็นธรรมและเพื่อป้องกันความแตกแยกในครอบครัว กฎหมายจึงถือให้ทรัพย์สินที่ฝ่ายชาย และหญิงลงทุนร่วมแรงทำมาหาได้ร่วมกันระหว่างที่อยู่กินด้วยกันเป็นทรัพย์สินรวม ชายและหญิงเป็นเจ้าของร่วมกันและมีสิทธิ์ในทรัพย์สินคนละครึ่ง การลงทุนร่วมแรงโดยหลักหมายถึงการที่ชายและหญิงร่วมกันทำการค้า หรือดำเนินกิจการโดยเฉพาะเจาะจงแล้วได้ทรัพย์สินมา และในกรณีที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอยู่บ้านช่วยดูแลบ้าน และครอบครัวโดยอีกฝ่ายเป็นผู้ทำการค้าก็ถือว่าร่วมแรงทำมาหากินเช่นกัน ในทางกลับกัน ถ้าทรัพย์สินต่างคนต่างทำมาหาได้แยกกัน หรือเป็นมรดกที่ได้รับมาจะถือเป็นสิทธิของฝ่ายนั้นผู้เดียว อีกฝ่ายไม่มีส่วนแบ่งรวมทั้งไม่สามารถฟ้องขอแบ่งทรัพย์ได้
การทำพินัยกรรม
          ถ้าทำพินัยกรรมสินส่วนตัวสามารถยกให้ใครก็ได้ตามความพอใจ แต่กับสินสมรส เนื่องจากสามีและภรรยามีสิทธิเป็นเจ้าของสินสมรสร่วมกันคนละครึ่ง จึงไม่มีอำนาจทำพินัยกรรมยกสินสมรสเกินกว่าส่วนของตัวเองให้แก่บุคคลอื่น ถ้าทำไปพินัยกรรมนั้นจะสมบูรณ์เฉพาะส่วนของตัวเองเท่านั้น
41  สมาชิก VIP / General Discussion / เล่าขานตำนานจันทร์...ในวันแสงนวล เมื่อ: พฤษภาคม 01, 2010, 09:53:43 AM

         จันทร์เต็มดวงในคืนเดือนหงาย หรือจันทร์ครึ่งเสี้ยวในคืนข้างแรม ยามค่ำคืนมืดมิดแหงนมองท้องฟ้ามองเห็นพระจันทร์ ไม่ว่าจะอยู่ตรงไหนของโลกเราเห็นพระจันทร์ได้เหมือนกัน อดีตโลกยังไม่มีการสื่อสารไร้พรมแดน มนุษย์อุปโลกน์ให้พระจันทร์และดวงดาวช่วยเป็นสื่อกลางนำความรู้สึกห่วงหาคิดถึงฝากไปถึงคนไกล เพราะเชื่อด้วยว่าคนที่คิดถึงนั้นจ้องมองจันทร์เหมือนกัน 
 
          ในอดีตมนุษย์มิอาจรู้ได้ว่าบนดวงจันทร์เป็นอย่างไร ได้แต่จินตนาการว่าพระจันทร์สวยงาม สังเกตจากแสงสีเหลืองนวลที่ส่องมายังผิวโลก เชื่อว่าบนดวงจันทร์เป็นแดนของเจ้าชาย เจ้าหญิง เป็นดาวศักดิ์สิทธ์ขอพรให้สัมฤทธิผล 
 
          จนกระทั่งเมื่อ 389 ปีก่อน เมื่อกาลิเลโอใช้กล้องจุลทรรศน์ที่เขาประดิษฐ์ขึ้นส่องดวงจันทร์ เขาเห็นว่าดวงจันทร์มีผิวขรุขระ เห็นภูเขาเป็นทิวยาว และเห็นอุกกาบาตจำนวนมาก กระจัดกระจายอยู่บนผิวหน้าของดวงจันทร์ 
 
          ต่อมาอีก 400 ปี วงการดาราศาสตร์ก็ได้ค้นพบอีกว่าดวงจันทร์มีเส้นผ่าศูนย์กลางยาว 3,475 กิโลเมตร คือยาวประมาณ 1 ใน 4 ของโลก ต่อมาปี พ.ศ. 2512 สหรัฐส่งยานอวกาศไปสำรวจ นีล อาร์มสตรอง เป็นนักบินอวกาศคนแรกที่เหยียบพื้นดวงจันทร์ ทำให้มีความชัดเจนเพิ่มขึ้นว่าพระจันทร์ขรุขระ ไม่สวยงามตามตำนาน อีกทั้งยังเป็นดินแดนที่ปลอดสิ่งมีชีวิต มีวงโคจรอยู่ห่างจากโลกเป็นระยะทางโดยเฉลี่ย 384,400 กิโลเมตร 
   
          การได้ไปเยือนดวงจันทร์ของมนุษย์ แล้วนำข้อมูลมาหักล้างกับความเชื่อของคนโบราณที่มีมานานนับพันปี มิได้ส่งผลใดๆ ต่อความเชื่อเรื่องของดวงจันทร์ให้เลือนหายไป ผู้คนทั่วโลกยังเล่าขานและสืบสานประเพณีบูชาพระจันทร์กันต่อไป
 
   
          เรื่องราวของศรัทธาดวงจันทร์ก้องโลกต้องยกให้ชาวจีน เพราะมีพิธีไหว้พระจันทร์กันอย่างเอิกเกริก เป็นประเพณีที่สำคัญประเพณีหนึ่งของชาวจีนที่มีมาแต่โบราณนับร้อยๆ ปี วันไหว้พระจันทร์จะตรงกับวันที่ 15 เดือน 8 ของจีน เป็นวันกลางเดือนของเดือนกลางฤดูใบไม้ร่วง
   
          เพราะฤดูนี้พระจันทร์แจ่มงามที่สุด อากาศอบอุ่นสบาย ฤดูใบไม้ผลิตอนต้นฤดูหนาวท้ายฤดูฝนมาก ฤดูร้อนฝนชุกเมฆมาก ฤดูหนาวแม้ฟ้าใสแต่อากาศหนาวมาก หลายถิ่นมีหิมะตกจึงไม่เหมาะที่จะไหว้พระจันทร์
 
   
          ชาวจีนเชื่อว่าพระจันทร์เป็นผู้หญิงจึงนิยมไหว้ด้วยขนมหวาน ตามตำนานกล่าวไว้ว่าการไหว้พระจันทร์เป็นการไหว้เพื่อรำลึกถึงองค์ไท้อิมเนี้ย เทพผู้ให้ความสุขสงบแก่สรรพสิ่งในโลก และถือว่าเป็นเทพที่มีพระสิริโฉมงดงามที่สุดองค์หนึ่ง ซึ่งจะเสด็จมาโปรดสัตว์โลกในคืนพระจันทร์เต็มดวงของเดือน 8 การสักการะจึงมักเป็นของเสี่ยงทายเพื่อขอให้เกิดความเป็นสิริมงคลแก่ตนและครอบครัว
 
          นอกจากนี้วันไหว้พระจันทร์ยังเกี่ยวกับประวัติศาสาตร์จีน ตอนที่ "จูง่วนเจียง" ผู้นำชาวจีนสมัยนั้นได้นัดแนะชาวจีนขึ้นต่อต้านกษัตริย์ชาติมองโกลที่ยึดครองจีนอยู่ โดยให้แต่ละครอบครัวจัดทำอาวุธ และเอกสารนัดหมายแอบซ่อนไว้ในหรือใต้ขนมโก๋ หรือขนมเปี๊ยะที่มีขนาดใหญ่ โดยแกล้งทำเป็นธรรมเนียมแลกเปลี่ยนขนมระหว่างญาติเพื่อตบตาชาวมองโกล 
 

          สมัยก่อนมีกฎหมายห้ามชาวจีนตีเหล็กทำอาวุธ และให้มีมีดใช้ 5 ครอบครัวต่อหนึ่งเล่ม ซึ่งในหนังสือก็ได้นัดให้ทุกครอบครัวจัดงานไหว้พระจันทร์ด้วยการประดับประดาตกแต่งโต๊ะไหว้ให้สวยงามโดยพร้อมเพรียงกัน และถือเป็นวันดีเดย์ในการยึดอำนาจคืน เมื่อสำเร็จ จูง่วนเจียง ได้ตั้งตนเป็นกษัตริย์ นามว่า "พระเจ้าไท้โจวเกาอ่วงตี้" 
 
          ในอดีตประเพณีวันไหว้พระจันทร์จะเป็นวันที่สาวๆ หนุ่มๆ ชาวจีนจะได้มีโอกาสออกมาพบปะกันด้วย ทำให้หลายคู่ได้แต่งงานกันเพราะประเพณีนี้
 
          นอกจากนี้ความเชื่ออีกอย่างในวันไหว้พระจันทร์ซึ่งเป็นวันที่พระจันทร์เต็มดวงมีความหมายถึงความกลมเกลียว จึงเป็นเสมือนวันนัดหมายรวมญาติมิตรอีกวันหนึ่ง ปัจจุบันชาวจีนได้ถือเอาวันนี้เป็นวันแห่งครอบครัวที่ร่วมกันชิมขนม จิบน้ำชาภายใต้แสงจันทร์
 
          คนไทยกับพระจันทร์มักผูกโยงกันทางโหราศาสตร์ว่าเป็นเทวดานพเคราะห์องค์หนึ่ง ในคติไทยพระจันทร์ถูกสร้างขึ้นมาจากเทวธิดา(นางฟ้า) 15 องค์ บดป่นเป็นผง ห่อผ้าสีขาวนวลแล้วเสกให้เป็นพระจันทร์  มีสีวรกายขาวนวล มีม้าเป็นพาหนะ พระจันทร์สถิตอยู่ทางทิศตะวันออก
 
          คฑา ชินบัญชร หมอดูชื่อดังผู้เชี่ยวชาญไพ่ยิปซีบอกเล่าว่า ตามตำราโหราศาสตร์กล่าวไว้ว่าดาวจันทร์คือเลข 2 กำลัง 15 คนเกิดวันจันทร์จึงสัมพันธ์เกี่ยวกับพระจันทร์ คนเกิดวันนี้จึงมีรูปร่างหน้าตาดีสวย สะอาด รักสวยรักงาม เป็นคนมีเสน่ห์อ่อนโยน อ่อนไหวง่าย รวนเร และออกจะเจ้าชู้นิดๆ ดังนั้นคนเกิดวันนี้มักจะขี้เหงา จึงต้องมีคู่ ตามตำราทักษิณาพระจันทร์เป็นเทวดาประจำทิศตะวันออก
 
   
          หมอดูชื่อดังยังกล่าวอีกว่า พระจันทร์เหมือนตัวแทนของผู้หญิง อ่อนหวานอ่อนโยน ขณะที่พระอาทิตย์เป็นตัวแทนของผู้ชาย ส่วนใหญ่ความเชื่อเรื่องของพระจันทร์เป็นของซีกโลกตะวันออก ชาวจีนมีประเพณีไหว้พระจันทร์ แม้กระทั่งคนญี่ปุ่นที่นับถือพระอาทิตย์ยังมีประเพณีชมจันทร์ 
 
          "ทางพุทธศาสนาเมื่อวันพระจันทร์เต็มดวง ก็ถือเป็นวันศักดิ์สิทธิ์ เช่น วันวิสาขบูชา มาฆบูชา เป็นต้น นอกจากนี้ ตัวเลขกำลัง 15 ยังสัมพันธ์กับการนับวันเวลาของวันเวลาข้างขึ้นข้างแรม ซึ่งมี 2 ช่วง สอดคล้องกับคนที่เกิดวันจันทร์เวลาข้างขึ้น จะมีความสุข ใจเย็นกว่าคนเกิดข้างแรม เพราะข้างขึ้นน้ำมากจะเย็น ดังนั้นคนเกิดวันจันทร์ เลขประจำตัวที่เหมาะคือ 15 และเลข 2 พร้อมกับมีน้ำอยู่ใกล้ชิด จะส่งเสริมให้ชีวิตดีขึ้น" หมอดูชื่อดังกล่าว
 
          ประเพณีเกี่ยวกับพระจันทร์เหมือนกับคนญี่ปุ่น เกิดขึ้นในเดือนกันยายนใกล้เคียงกับชาวจีนประมาณกลางเดือน ช่วงนี้พระจันทร์จะเต็มดวง เรียกว่า "Chushu no meigetsu" ชาวญี่ปุ่นจะพากันชื่นชมความงามของดวงจันทร์ในคืนพระจันทร์เต็มดวงที่เรียกว่า "โอซูคิมิ" ซึ่งมีมาแต่สมัยโบราณและช่วงนี้เชื่อว่าจะเป็นช่วงที่พระจันทร์สวยสุดในรอบปี ประเพณีการชมพระจันทร์คือการถวายขนมไหว้พระจันทร์ ดอกซึซึกิ องุ่น เกาลัด และผลไม้ตามฤดูกาล
 
          ผู้คนในเอเชียสืบสานประเพณีเกี่ยวกับพระจันทร์มาหลายร้อยปี จะเห็นได้ว่าแต่ละประเพณีในแต่ละประเทศเจือแฝงไว้ด้วยความสามัคคีกลมเกลียว ให้ผู้คนได้มาพบปะพูดคุย อันเป็นคุณความดีที่เห็นชัดจากพระจันทร์ในวันแสงสวยกว่าปกติ
 

นิทานเรื่องเล่าเกี่ยวกับ "ข้างขึ้น ข้างแรม"
 
          ปรากฏการณ์ข้างขึ้นข้างแรมสัมพันธ์กับดวงจันทร์, ตำนานนิทานปรัมปราหลายพื้นที่ อาทิ ชาวไทยใหญ่เชื่อว่าพระจันทร์คือกระต่ายตัวน้อยที่คลุมด้วยเงินอยู่ในเรือนแก้ว มีหน้าต่าง 15 บาน กระต่ายจะเปิดหน้าต่างทีละบานจนครบเดือนก็จะสว่างไปทั่ว เป็นปรากฏการณ์ข้างขึ้น และจะต้องปิดหน้าต่างทีละบานจึงเป็นข้างแรม
 
          ส่วนชาวญี่ปุ่นมีเรื่องเล่าในนิทานพื้นบ้านของชาวไอนุ ประเทศญี่ปุ่นเชื่อว่าพระอาทิตย์กับพระจันทร์นั้นเป็นสามี-ภรรยากัน พระอาทิตย์นั้นเป็นเพศชายมีเสื้อผ้าดีใส่จึงมีแสงสว่างในตัว ส่วนพระจันทร์เป็นภรรยาจะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีขาวและดำเท่านั้น และเมื่อพระจันทร์สวมใส่เสื้อสีขาวจะเป็นข้างขึ้นและสีดำจะเป็นข้างแรม
 
          ขณะที่ชาวอียิปต์เชื่อว่า ทุกคืนเทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์จะต้องเดินทางผ่านโลกของคนตาย ระหว่างทางจะมีงูมาคอยดักทำร้าย ถ้าเทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์ถูกงูกินก็จะไม่มีกลางวัน ดังนั้นทุกคืนเทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์จะแปลงร่างเป็นแมวคอยจับงู
 
          ชาวอินเดียเชื่อว่ากลางวันกลางคืนขึ้นอยู่กับการกระทำของพระพรหม ซึ่งเป็นเทพเจ้ามีดอกบัวเป็นตัวแทน เวลาที่พระพรหมตื่นนอนจะเป็นเวลากลางวัน เวลาพระพรหมหลับจะเป็นตอนกลางคืน และความมืดจะปกคลุมโลก
42  สมาชิก VIP / General Discussion / 7 ขั้น สู่เถ้าแก่เนี้ย มือโปร เมื่อ: เมษายน 30, 2010, 11:11:35 AM

หากอยากยกฐานะอย่างยั่งยืนด้วยการลงทุนทำธุรกิจ ลองใช้ไอเดียดีๆ ที่จีอีมันนี่แนะนำไว้ให้ในโครงการ Banking on Woman

           1 คิดจากทุน : ประเมินเงินลงทุนก่อนว่าเรามีอยู่เท่าไร และต้องเป็นเงินลงทุนที่เราเสียไปแล้วจะไม่เดือดร้อน หรือคะเนได้ว่าจะสามารถทำกำไรจากธุรกิจได้แน่นอน จากนั้นค่อยดูขนาดธุรกิจให้ตรงกับเงินลงทุน

           2. ประเมินทรัพยากร : ดูว่าเราต้องใช้อะไรในการเปิดร้านบ้างได้แก่ 4M (Money Machine Material และ Man) ต้องประเมินไว้ก่อนการลงทุนให้ครบถ้วน

           3. กระจายต้นทุน : ต้นทุนนั้นจะต้องแบ่งออกเป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ ซึ่งคุณสามารถแยกได้ดังนี้ 1. ต้นทุนคงที่ จ่ายไปในครั้งแรกเพียงครั้งเดียว แต่อาจจะมีซื้อเข้ามาทดแทน 2. ต้นทุนแปรมัน ต้องลงทุนเพื่อซื้อสินค้ามาแปรผันตามจำนวนยอดขาย 3. ต้นทุนอื่นๆ ค่าโสหุ้ยคือค่าใช้จ่ายที่จะต้องจ่ายประจำ เช่น ค่าไฟ ค่าแรง เป็นต้น

           4. คำนวณทุนสุทธิ : หลังจากที่เราคำนวณต้นทุนทั้งหมดแล้วเอามารวมกันเราจะได้ต้นทุนสุทธิ เพื่อเป็นมาตรฐานในการกำหนดราคาสินค้าที่เราจะขายต่อไป อย่างเช่น ต้นทุนทั้งหมด 2,000 บาท สามารถขายน้ำผลไม้ปั่นได้ 100 แก้วต่อวัน ดังนั้น ต้องขายน้ำผลไม้ปั่นให้มีราคาแก้วละ 20 บาทขึ้นไป

           5. ตลาดแข่งขัน : คงไม่ใช่เราที่จะขายน้ำผลไม้ปั่นอยู่คนเดียวต้องเล็งสภาพเศรษฐกิจและตลาดไว้ด้วย เช่น หากขายหน้าโรงเรียนกับโรงงาน ที่ไหนจะขายดีกว่ากัน เป็นต้น หรือเล็งไว้ว่าตลาดวัตถุดิบตรงไหนขายของถูก เพื่อลดต้นทุนการผลิต

           6. เครื่องมือทางการตลาด : ไม่ว่าธุรกิจใดๆ ล้วนใช้เครื่องมือทางการตลาดทั้งนั้น เช่น แจกของสมนาคุณ แจกสินค้าตัวอย่าง เพิ่มเงินเพื่อได้ซื้อสินค้าอีกชิ้น หรือลดราคาสินค้า เป็นต้น

           7. หักกำไรออกจากต้นทุน : หลังจากได้กำไร ให้คุณหักเก็บ กำไรเอาไว้ และใช้ต้นทุนเดิมหมุนเวียนในร้าน และทำบัญชีเก็บไว้ทุกครั้งด้วย
หน้า: 1 2 [3]

Powered by MySQL Powered by PHP Valid XHTML 1.0! Valid CSS!