TARADTHONG.COM
เมษายน 27, 2024, 12:12:52 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: ตลาดทองดอทคอม
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  

Copy Code


หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เผยอันดับเศรษฐีหุ้นไทย ทองมา รวยอันดับ 1  (อ่าน 3741 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
น่ารักสุดๆ
Administrator
Hero Member
*****

คะแนนความนิยม: 2330
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1658



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: ธันวาคม 15, 2010, 09:24:06 PM »

เผยอันดับเศรษฐีหุ้นไทย ทองมา รวยอันดับ 1

จากการร่วมมือกันระหว่าง วารสารการเงินธนาคาร คณะพาณิชยศาสตร์ และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้จัดอันดับเศรษฐีผู้ถือหุ้นในประเทศไทยปี 2553 ครั้งที่ 17 โดยในปีนี้ เจ้าของอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ ได้คว้าอันดับ 1 โดยบี้แชมป์ 7 สมัยอย่าง "ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์""อนันต์ อัศวโภคิน" บมจ. แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ตกลงไปที่อันดับ 3

          ในภาพรวมของเศรษฐีหุ้นปี 2553 นี้ พบว่าหุ้นไทยได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ทำให้ปีนี้หุ้นเพิ่มตัวขึ้นสุงสุดมูลค่ากว่า  235,000 ล้านบาท ส่งผลให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ (SET Index) ในวันที่ 30 กันยายน 2553 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 36.01%  ซึ่งเป็นสาเหตุที่เศรษฐีหุ้นไทยมีความมั่งคั่งที่เพิ่มขึ้น


       สำหรับผลอันดับเศรษฐีหุ้นไทย ปี  2553 มีดังนี้

       อันดับ 1 ได้แก่ "ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์" คว้าแชมป์มาโดยได้ถือครองหุ้น 31,422.25 ล้านบาท จากการถือหุ้น PS และหุ้นได้ปรับตัวขึ้นจาก  11.70 บาท มาอยู่ที่ 24.30 บาท ทำให้รวยเพิ่มขึ้นถึง 15,591.83 ล้านบาท

       อันดับ 2 ได้แก่ "คีรี  กาญจนพาสน์" ประธานกรรมการ บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) ได้ก้าวกระโดดจากอันดับที่ 1631 โดยในปีนี้ คีรี ได้ถือหุ้น บีทีเอสในสัดส่วน 38.69% คิดเป็นความมั่งคั่งที่เพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 17,782.08 ล้านบาท ทำให้  คีรี ควบตำแหน่งแชมป์เศรษฐีหุ้นไทย ที่มีหุ้นเพิ่มขึ้นสูงสุดอีกหนึ่งตำแหน่ง

       อันดับ 3 ได้แก่ "อนันต์ อัศวโภคิน" บมจ. แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ตกจากการเป็นแชมป์ถึง 7 สมัย ถึงแม้ว่ามูลค่าหุ้นจะเพิ่มจากปีก่อนก็ตาม ปีนี้ อนันต์ ถือครองหุ้นมูลค่ารวม 17,635.31 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,667.96 ล้านบาท

       อันดับ 4 ได้แก่ "ประวิทย์ มาลีนนท์" เจ้าของทีวีสีช่อง 3 คงตำแหน่งนี้เป็นปีที่ 3 โดยหุ้นสัดส่วน 11.42% จาก บมจ.บีอีซี เวิลด์ (BEC) มีมูลค่าเพิ่มขึ้นถึง 3,688.66 ล้านบาท

       อันดับ 5  ได้แก่ "วรวิทย์ วีรบวรพงศ์" ได้กระเถิบจากอันดับที่ 6 เมื่อปีที่แล้ว โดยถือหุ้น บมจ.สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ (SGP) 54.13% รวมมูลค่า 8,793.67 ล้านบาท รวยเพิ่มขึ้นถึง 4,473.97 ล้านบาท

       อันดับ 6 ได้แก่ "นิติ โอสถานุเคราะห์" ทายาทโอสถสภา ร่วงลงมาจากอันดับ 3 ถึงแม้ว่าปีนี้ราคาหุ้นโดยรวมจะปรับสูงขึ้นก็ตาม โดย นิติได้ถือหุ้น รวม 7,701.26 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,967.69 ล้านบาท

       อันดับ 7 ได้แก่ "วิโรจน์  ธนาลงกรณ์" เจ้าของเสื้อชั้นในแบรนด์ "ซาบรีน่า" โดยถือหุ้นรวม6,328.48 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,947.88 ล้านบาท

       อันดับ 8 ได้แก่ "ประชุม มาลีนนท์" บมจ.บีอีซี เวิล์ด (BEC) ผู้ถือครองหุ้น 6,148.51 ล้านบาท รวยเพิ่มขึ้น 2,550.20 ล้านบาท

       อันดับ 9 ได้แก่ "รัตนา มาลีนนท์"  บมจ.บีอีซี เวิล์ด (BEC) ผู้ถือครองหุ้น 6,130.08 ล้านบาท รวยเพิ่มขึ้น 2,548.27 ล้านบาท

       อันดับ 10 ได้แก่ "อัมพร มาลีนนท์" บมจ.บีอีซี เวิล์ด (BEC) ผู้ถือครองหุ้น 6,129.31 ล้านบาท รวยเพิ่มขึ้น 2,548.44 ล้านบาท


        ส่วนผลอันดับตระกูลเศรษฐีหุ้นไทยมีดังนี้

       อันดับ 1  ยังตกเป็นของตระกูลมาลีนนท์ ซึ่งครองตำแหน่งแชมป์มาเป็นเวลา 12 ปี  โดยมีผู้ถือหุ้นในตระกูลนี้ จำนวน 10 คน รวมกันมีมูลค่า  44,176.45 ล้านบาท คิดเป็นความมั่งคั่งที่เพิ่มขึ้นถึง 18,306.34 ล้านบาท   

       อันดับ 2 ได้แก่ ตระกูลวิจิตรพงศ์พันธุ์  ถือครองหุ้น PS ที่ทำโครงการหมู่บ้านจัดสรร "พฤกษา" โดย ทองมา และภรรยา ทิพย์สุดา รวมทั้งทายาท รวมมูลค่า 37,618.75 ล้านบาท รวยขึ้นถึง 18,804.83 ล้านบาท

       อันดับ 3 ได้แก่ ตระกูลอัศวโภคิน ถือครองหุ้น บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH) บมจ.แมนดาริน โฮเต็ล (MANRIN) และ บมจ.เอพี พร๊อพเพอร์ตี้ (AP) รวมมูลค่าทั้งสิ้น 21,868.90 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,753.46 ล้านบาท 

       อันดับ 4 ได้แก่ ตระกูลกาญจนพาสน์  ถือครองหุ้น บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) และการถือครองหุ้น บมจ.บางกอกแลนด์ (BLAND) โดยมีความมั่งคั่งเพิ่มขึ้นถึง 1,135.90% หรือ 18,629.49 ล้านบาท

       อันดับ 5 ได้แก่ ตระกูลจิราธิวัฒน์ แห่งเซ็นทรัล โดยมีผู้ถือหุ้นในตระกูลรวม 30 คน ครองหุ้นรวมกันทั้งสิ้น 18,325.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5,039.41 ล้านบาท
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


Powered by MySQL Powered by PHP Valid XHTML 1.0! Valid CSS!