TARADTHONG.COM
พฤศจิกายน 09, 2024, 09:31:14 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: ตลาดทองดอทคอม
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  

Copy Code


หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ฮือฮา! พายุสุริยะ ทะลุเกราะแม่เหล็กโลก  (อ่าน 4896 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
น่ารักสุดๆ
Administrator
Hero Member
*****

คะแนนความนิยม: 2330
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1658



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: ธันวาคม 29, 2010, 08:55:09 PM »

ฮือฮา! พายุสุริยะ ทะลุเกราะแม่เหล็กโลก


เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม  Mr.Vop's Blog  ได้แสดงภาพถ่ายการลุกสว่างของแถบออโรร่า ที่กล้องบนดาวเทียม F17 ของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ สามารถจับภาพไว้ได้ โดยเหตุการณ์การลุกสว่างของแถบออโรร่านี้ เกิดขึ้นบนน่านฟ้าทางเหนือของประเทศแถบแสกนดิเนเวีย หลังเกิดปรากฎการณ์กลุ่มพายุสุริยะขนาด G1 เพิ่มขึ้นอย่างกะทันหัน ในจังหวะที่กระแสแม่เหล็กจากดวงอาทิตย์หันขั้วใต้เข้าหาโลก ทำให้เกิดรูทะลุบนเกราะแม่เหล็กของโลก

          ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ Paul McCrone ได้นำปรากฎการณ์พายุสุริยะทะลุเกราะแม่เหล็กของโลกครั้งนี้ ไปวิเคราะห์ โดยใช้ข้อมูลทั้งจากระดับแสงที่ตามองเห็นได้ และจากระดับแสงในช่วงคลื่นอินฟาเรด มาประมวลผล เพื่อศึกษาและใช้ประโยชน์ต่อไป เนื่องจากการทะลุเข้ามาของพายุสุริยะที่มีระดับ 60 โปรตรอนต่อตารางเซนติเมตรเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ไม่บ่อยนัก

          แล้ว พายุสุริยะ คืออะไร จะทำอันตรายอย่างไรต่อโลกของเรา อธิบายให้ฟังกันค่ะ




พายุสุริยะ ลักษณะเป็นเปลวไฟขนาดใหญ่พัดปะทะโลกอย่างรุนแรง แล้วผ่านไปถึงดาวพฤหัสได้







สนามแม่เหล็กโลกปกป้องเรา ขณะพายุสุริยะพัดเข้ามา



อุณหภูมิพื้นผิวมหาสมุทร (สีส้ม สีเหลือง) มีความร้อนสูงในพื้นที่วงกว้างมาก


          พายุสุริยะ ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่ชาวไทยอาจจะไม่ค่อยคุ้นหูนัก แต่สำหรับที่ประเทศอังกฤษ มีรายงานข่าวว่า นักวิทยาศาสตร์กำลังหวาดวิตกถึงปรากฏการณ์ พายุสุริยะ เป็นอย่างมาก และถึงขั้นที่ทำให้ ดร.เลียม ฟ็อกซ์ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมอังกฤษ สั่งประชุมฉุกเฉิน เพื่อหาทางรับมือหากเกิด พายุสุริยะ ขึ้นเลยทีเดียว

          นั่นเพราะเคยมีการคาดการณ์กันว่า ปรากฏการณ์ พายุสุริยะ จะพุ่งเข้าสู่โลกครั้งต่อไปในช่วงปี ค.ศ 2012 และจะนำมาซึ่งความเสียหายครั้งยิ่งใหญ่ ไม่ว่าจะทำให้ระบบการสื่อสารและคมนาคม รวมทั้งระบบอินเทอร์เน็ตล่มไปทั่วโลก ส่งผลต่อระบบไฟฟ้า การบิน เหมือนเช่นที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในปี ค.ศ.1859 ที่ พายุสุริยะ ได้เข้าถล่มประเทศสหรัฐอเมริกา รวมทั้งอาจจะทำให้เกิดพายุหมอกควันปกคลุมไปทั่วเมืองใหญ่ ๆ ของยุโรปด้วย

แล้ว พายุสุริยะ คืออะไร?

          สำหรับ พายุสุริยะ (Solar Wind) ที่คนเริ่มให้ความสนใจนั้นก็คือ เปลวไฟขนาดใหญ่ที่พุ่งออกจากดวงอาทิตย์ เกิดจากการสะสมพลังงานแม่เหล็กในดวงอาทิตย์ไว้เป็นจำนวนมาก เมื่อมีการต่อใหม่ของสนามเหล็ก จะเกิดการปะทุออกมาเป็นพลังงานความร้อน และปล่อยก้อนมวลขนาดใหญ่จากโคโรนา (Coronal Mass Ejection : CME) หรือเส้นรัศมีรอบวงกลมสีดำที่อยู่ชั้นนอกสุดของดวงอาทิตย์ ออกมาเป็น พายุสุริยะ ได้




พายุสุริยะ เกิดบ่อยแค่ไหน?

          ตามปกติพายุสุริยะจะเกิดขึ้นบ่อยเมื่อมีจุดมืดมากในดวงอาทิตย์ บางครั้งอาจเกิดทุกวัน วันละหลายครั้งก็เป็นได้ แต่หากเป็นพายุสุริยะที่รุนแรงมาก จะเกิดในรอบวัฏจักรเฉลี่ยทุก ๆ 11 ปี (Solar Cycle) ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นก่อนหน้านั้น หรือหลังจากนั้นเล็กน้อยก็ได้

          ทั้งนี้ การเกิด พายุสุริยะ จะเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน เป็นครั้งเป็นคราว และไม่สามารถพยากรณ์ล่วงหน้าได้ แต่สามารถคาดการณ์ได้ว่า พายุสุริยะ จะเกิดขึ้น โดยสังเกตว่า เริ่มมีจุดมืดจำนวนมากบนดวงอาทิตย์

พายุสุริยะ ส่งผลกระทบต่อโลกแค่ไหน?

          หลายคนฟังคำว่า พายุสุริยะ แล้วคงจะรู้สึกกลัวถึงอานุภาพของมัน แต่จริง ๆ แล้ว พายุสุริยะ ไม่ได้มีอิทธิฤทธิ์ทำลายสิ่งปลูกสร้าง หรือทำให้มนุษย์บาดเจ็บล้มตายได้ แต่สิ่งที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุด เมื่อเกิด พายุสุริยะ ขึ้นก็คือ ระบบที่เกี่ยวข้องกับสนามแม่เหล็กของโลก ซึ่งเป็นตัวคอยกั้นโลกจากรังสีของดวงอาทิตย์อยู่ เช่น ระบบการสื่อสารคมนาคมทางวิทยุ ระบบการบิน ดาวเทียม ระบบไฟฟ้า ฯลฯ

          ทั้งนี้หากสิ่งที่กล่าวมาเหล่านี้ได้รับผลกระทบ แน่นอนว่า ย่อมมีผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจไปทั่วโลก เช่น เครื่องบินต้องหยุดบินชั่วคราว ดาวเทียมใช้งานไม่ได้ การติดต่อสื่อสารระหว่างกันเกิดปัญหา หรืออาจทำให้หม้อแปลงที่โรงปั่นไฟฟ้าเสียหายได้ เป็นต้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ระบบต่าง ๆ ที่จะได้รับผลกระทบจาก พายุสุริยะ ก็สามารถเตรียมการป้องกันล่วงหน้า เพื่อให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุดได้ อย่างเช่น หากมีการบินในช่วงเกิดพายุสุริยะ นักบินก็ต้องหลีกเลี่ยงการบินผ่านบริเวณขั้วโลก แต่ให้บินอ้อมไปทางอื่น ที่จะปลอดภัยจากกัมมันตภาพรังสีมากกว่า

          ส่วนนักบินอวกาศ หากนักบินอวกาศออกไปจากสนามแม่เหล็กโลก แล้วเกิดพายุสุริยะขึ้นในช่วงนั้น นักบินอวกาศก็ยังเสี่ยงต่อการได้รับสารกัมมันตภาพรังสี ก่อให้เกิดโรคมะเร็งได้ด้วย เช่นเดียวกับโลก ที่เมื่อรังสีต่าง ๆ สะสมอยู่ในโลกมากขึ้น จะส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อาหาร ร่างกายของมนุษย์ยังจะได้รับรังสีผ่านทางน้ำ อาหาร นำไปสู่โรคชนิดใหม่ขึ้นได้




แสงออรอร่าเกิดจากอนุภาคมากับ พายุสุริยะ


          ขณะเดียวกัน เมื่อเกิด พายุสุริยะ ขึ้น จะมีการปล่อยมวลจากโคโรนาเข้าปะทะกับสนามแม่เหล็กของโลก และบีบสนามแม่เหล็กให้เข้ามาใกล้ เกิดเป็นอนุภาคที่เรียกว่า "แถบรังสี" เมื่อสนามแม่เหล็กบีบตัวเข้ามา อนุภาคเหล่านี้จะชนกับบรรยากาศของโลก เกิดเป็นแสงเหนือแสงใต้ หรือที่เรียกว่า "ออโรรา" (Aurora) ซึ่งเราสามารถมองเห็นได้ในประเทศแคนาดา แต่หาก พายุสุริยะ แรงมาก แสงออโรราจะส่องลงมาให้เห็นถึงที่ประเทศสหรัฐอเมริกาได้เลย


พายุสุริยะ ครั้งต่อไป จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่?

          พายุสุริยะ ครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1989 เป็นพายุสุริยะระดับธรรมดา เกิดขึ้นที่เมืองมอนทรีออล ประเทศแคนาดา ทำให้ระบบไฟฟ้าทั้งหมดของเมืองดับนานกว่า 9 ชั่วโมง และยังส่งผลกระทบไปถึงทางตอนเหนือของประเทศสหรัฐอเมริกา และสวีเดนด้วย ดังนั้น จึงมีการทำนายกันว่า พายุสุริยะครั้งใหญ่ที่จะพุ่งเข้าสู่โลก จะเกิดอีกครั้งในช่วงปี ค.ศ.2011-2014 ซึ่งเป็นช่วงครบรอบ 11 ปีของวัฏจักรพอดี แต่ยังไม่สามารถระบุช่วงเวลาที่แน่นอน และความรุนแรงได้





          และแม้ว่า พายุสุริยะ จะไม่ได้ส่งผลกระทบต่อมนุษย์โดยตรง แต่หากในอนาคต ปัญหาโลกร้อน และปฏิกิริยาเรือนกระจกยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุก ๆ วัน โอกาสที่ พายุสุริยะ จะเกิดแบบถาวรและมีอานุภาพรุนแรงมากขึ้นก็เป็นไปได้มาก นั่นก็เพราะเมื่อเกิดปฏิกิริยาเรือนกระจก จะส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก คือโลกจะหมุนรอบตัวเองช้าลง และส่งผลต่อระบบสนามแม่เหล็กที่คอยกั้นโลกจากพายุสุริยะอยู่ ซึ่งหากในอนาคตสนามแม่เหล็กของโลกอ่อนแอลง พายุสุริยะ ก็อาจมีอานุภาพเข้าถึงโลกได้มากขึ้น และมนุษย์จะได้รับผลกระทบมากขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


Powered by MySQL Powered by PHP Valid XHTML 1.0! Valid CSS!