บุคคลธรรมดา ไม่น่าจะเสีย
นิติบุคคล ต้องเสีย
ตามนี้เลยค่ะ
http://pantip.com/topic/30717758และอีกที่คือ
http://www.manager.co.th/iBizChannel/ViewNews.aspx?NewsID=9560000048989“สรรพากร” ยันซื้อทองไม่ต้องจ่ายแวต เพราะมีการซื้อขายกันตลอดเวลาไม่เหมือนสินค้าอื่น
สรรพากร ยันไม่เก็บ VAT จากผู้ซื้อทอง แต่เรียกเก็บจากร้านค้าทองเพียงด้านเดียว ชี้การซื้อขายทองเกิดขึ้นตลอดเวลา ไม่ใช่ครั้งเดียวเหมือนสินค้าอื่น หากเก็บทุกครั้งอาจกระทบผู้ประกอบการ ต้องเสียภาษีมากจากราคาขายที่เพิ่มขึ้น
นางจิตรมณี สุวรรณพูล ที่ปรึกษากรมสรรพากร กล่าวว่า ปัจจุบันกรมสรรพากรเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จากร้านค้าทองเพียงอย่างเดียว โดยให้คิดจากส่วนต่างของราคาทอง หรือกำไรทองที่ร้านค้าทองขายได้ เช่น ร้านค้าซื้อทองมามูลค่า 1 หมื่นบาท และจำหน่ายออกไปได้ 1.5 หมื่นบาท ก็ให้นำส่วนต่าง หรือกำไร 5 พันบาท มาคิดเสียภาษี VAT ให้แก่กรมสรรพากร ไม่ได้เก็บโดยตรงจากผู้มาซื้อทองจากร้านค้าเหมือนสินค้าอื่นๆ
ทั้งนี้ การเก็บภาษี VAT การซื้อขายทองเป็นกรณีพิเศษกว่าสินค้าอื่น เพราะมีการซื้อขายกันตลอดเวลา ไม่ได้ซื้อขายครั้งเดียวเหมือนเสื้อผ้า ซึ่งหากให้มีการเก็บภาษี VAT ซื้อขายทองคำทุกครั้ง ผู้ประกอบการจะมีปัญหาเสียภาษีจำนวนมาก จนมีปัญหาในการดำเนินการ
“แม้ว่าตอนนี้จะมีการเก็งกำไรทองกันมาก แต่กรมสรรพากรคงเข้าไปเก็บภาษี VAT ทุกครั้งที่มีการซื้อขายจากราคาที่ดำเนินการจริงไม่ได้ เพราะจะทำให้เป็นภาระแก่ผู้ประกอบการ และผู้ซื้อเพิ่ม และอาจส่งผลให้ราคาทองคำเพิ่มสูงขึ้นอีกเพราะมีต้นทุนเพิ่มขึ้น”
นางจิตรมณี กล่าวว่า การเก็บภาษี VAT ทองในปัจจุบันมีการดำเนินการมานานแล้ว และไม่ถือเป็นเรื่องผิดปกติ เพราะสินค้าบางรายการก็ไม่เก็บภาษี VAT เช่น ผัก ผลไม้ อาหารสด นอกจากนี้ ยังมีการบริการที่ไม่เก็บภาษี VAT เช่นกัน เช่น สถานพยาบาล และโรงเรียน
------------------------------------------------------------------
เรื่องซื้อขายทองออนไลน์ ต้องเสียภาษีหรือไม่เป็นข่าวมาตั้งนานแล้วค่ะ ตอนทองกำลังขึ้นมากๆเลย มีกระทู้เก่าค่ะ
http://namchiang.com/smf/index.php?topic=279.0%3Bwap2ห้างทองน่ำเชียง:
ฮึ่มรีดภาษีคุมทองคำแพงเว่อร์!
รัฐบาลหน้ามืดเตรียมจัดเก็บภาษีทองคำ แถมรีดภาษีมูลค่าเพิ่มอีก 7% ด้วย กรมการค้าต่างประเทศเป็นโต้โผประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งศุลกากร-สรรพากร และกรมการค้าภายใน อ้างราคาทองในประเทศเพิ่มสูงกว่าราคาตลาดโลกมาก สงสัยจะมีการกักตุนเก็งกำไร จึงใช้มาตรการภาษีเล่นงาน ชี้ที่ผ่านมากลุ่มซื้อ-ขายทองคำไม่เคยเสียภาษีให้รัฐ เพราะได้รับการยกเว้นมาตลอด และการนำเข้า-ส่งออกก็ตรวจสอบไม่ได้ จึงต้องใช้พ.ร.บ.นำเข้า-ส่งออกมาควบคุม และให้สรรพากรรีดภาษีอีกทางด้วย นายกผู้ค้าทองยันค้าขายโปร่งใส ราคาที่สูงก็เป็นไปตามกลไกตลาดโลก ชี้ทุกวันนี้ส่งออกมากกว่านำเข้าเพราะตลาดในประเทศหดตัวรุนแรงจากราคาที่สูง แต่พร้อมทำตามนโยบายรัฐ ด้านราคาทองคำแท่งเริ่มปรับตัวลดลง หลังติดเทอร์โบพุ่งเกินบาทละหมื่น
เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกับหน่วยงานราชการที่ทำหน้าที่กำกับดูแลการนำเข้า ส่งออก และการซื้อขายทองคำ ประกอบด้วยกรมการค้าภายใน กรมศุลกากร กรมสรรพากร สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค และสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ว่าที่ประชุมพิจารณาถึงแนวทางการกำกับดูแลวงจรการค้าทองคำ เริ่มตั้งแต่กระบวนการนำเข้าไปจนถึงการค้าส่ง ค้าปลีกไปยังผู้บริโภค เพื่อหาแนวทางการแก้ไขปัญหาดุลการค้า การเก็งกำไรจากการซื้อขายในช่วงที่ทองมีราคาสูง รวมทั้งการคุ้มครองผู้บริโภคภายในประเทศ
นางนันทวัลย์กล่าวอีกว่า จากการหารือที่ประชุมเห็นว่า ปัจจุบันการการค้าทองคำในประเทศไทยมีการค้าแบบเสรี ทางการไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับผู้ซื้อ ผู้ขายทองคำ จึงไม่ทราบข้อมูลว่าหลังจากการนำเข้ามีการจำหน่ายทองคำไปที่ไหน ปริมาณเท่าใด ทำให้ไม่สามารถกำกับหรือตรวจสอบการซื้อขายได้ ดังนั้น ที่ประชุมจึงเห็นควรเสนอแนวทางการกำกับดูแล โดยเสนอให้ทองคำเป็นสินค้าควบคุมตามพ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการพ.ศ.2542 ตามกฎหมายของกรมการค้าภายใน
"แต่จะไม่มีการควบคุมราคาจำหน่ายทองคำโดยจะปล่อยให้ขึ้นลงตามราคาตลาดโลก แต่อาจจะมีการออกมาตรการอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวกับราคา เช่น กำหนดให้ผู้ซื้อ และขายต้องแจ้งบัญชีการซื้อขายทองคำ รวมทั้งแจ้งราคาและปรับเปลี่ยนราคาจำหน่ายมายังกรมการค้าภายใน ซึ่งจะสามารถกำกับดูแลราคาจำหน่ายให้สอดคล้องความเป็นจริงได้ รวมทั้งแก้ไขปัญหาการกักตุนเพื่อเก็งกำไรได้ด้วย" รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าว
นางนันทวัลย์กล่าวถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาการเก็งกำไรทองคำในประเทศว่า เบื้องต้นกรมสรรพากร เสนอให้จัดเก็บภาษีรายได้กับผู้ที่ซื้อ-ขายทองเพื่อเก็งกำไร ซึ่งกรมสรรพกรเชื่อว่าจะสามารถตามเก็บภาษีรายได้จากผู้ซื้อขายทองเก็งกำไรได้ภายหลังจากที่ประกาศให้ทองเป็นสินค้าควบคุม เนื่องจากจะทำให้ทราบถึงรายชื่อ และบัญชีการซื้อขายของผู้ประกอบการชัดเจน เนื่องจากพบว่าราคาซื้อขายทองคำในประเทศไทยมีราคาสูงขึ้นในอัตราที่สูงกว่าแนวโน้มราคาทองคำตลาดโลก เพราะมีการเก็งกำไรกันมาก รวมทั้งที่ผ่านมาพ่อค้าที่ซื้อขายทองคำเพื่อเก็งกำไรไม่เคยเสียภาษีคืนให้กับรัฐบาลด้วย
"วันนี้มีการเก็งกำไรทองมาก เพราะราคาทองคำในไทยมีราคาสูงมากกว่าราคาที่สูงขึ้นในตลาดโลก รวมทั้งไม่มีหน่วยงานไหนเข้าไปกำกับดูแลราคาซื้อขาย ให้สอดคล้องกับสภาพตลาดที่แท้จริง ที่ผ่านมาผู้ประกอบการที่กำไรจากการเก็งกำไรซื้อขายทองคำก็ไม่ต้องเสียภาษี ไม่เคยเสียภาษีรายได้คืนให้กับรัฐบาลเลย เราจึงเห็นร่วมกันว่ากรมสรรพกรควรจะจัดเก็บภาษีรายได้จากพวกที่เก็งกำไรด้วย" นางนันทวัลย์กล่าว
รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศกล่าวถึงแนวทางการกำกับดูแลดุลการค้าของประเทศว่า ปัจจุบันรัฐบาลประกาศยกเว้นการเก็บภาษีนำเข้าและส่งออกทองคำแท่งจากต่างประเทศ เนื่องจากต้องการส่งเสริมอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ ทำให้มีการนำเข้าทองคำจากต่างประเทศเสรีโดยไม่มีการควบคุม ซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหาการขาดดุลการค้า ดังนั้น กรมศุลกากรจึงเสนอให้นำมาตรการการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มหรือแว็ตมาใช้กับทองคำแท่งที่มีการส่งออกและนำเข้า เพื่อลดปริมาณการนำเข้าที่สูงเกินสมควร
นางนันทวัลย์กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ในส่วนของกรมการค้าต่างประเทศ เสนอให้นำพ.ร.บ.ว่าด้วยการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรไทยซึ่งสินค้าพ.ศ.2522 มาใช้กำกับดูแลผู้นำเข้าและส่งออกทองคำ โดยจะกำหนดให้ผู้ที่ต้องการนำเข้าหรือส่งออกทองคำต้องมาขึ้นทะเบียนเป็นผู้ส่งออกและนำเข้าทองคำกับกรมการค้าต่างประเทศก่อน จึงจะมีสิทธิ์ที่จะนำเข้าหรือส่งออกทองคำตามกฎหมาย เนื่องจากปัจจุบันไม่มีการบังคับขึ้นทะเบียนผู้นำเข้าและส่งออก บุคคลใดจะนำเข้าหรือส่งออกทองคำก็สามารถทำได้เสรี ทำให้รัฐบาลไม่รู้ที่มาที่ไปของการนำเข้าทองคำ
"เราจะนำแนวทางการกำกับดูแลที่แต่ละกรมเสนอ ให้นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีพาณิชย์ พิจารณาตัดสินใจในต้นสัปดาห์หน้า โดยจะนำมาตรการหรือแนวทางที่แต่ละหน่วยงานนำเสนอมาบังคับใช้ หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของรัฐบาล" นางนันทวัลย์กล่าว
ด้านนายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำกล่าวว่า ขอยืนยันว่าผู้ประกอบการค้าทองคำไม่มีการกักตุนทองเพื่อเก็งกำไรแน่นอน เนื่องจากราคาทองที่สูงในขณะนี้ทำให้มีการส่งออกทองไปยังต่างประเทศมากกว่าการนำเข้า เพราะประชาชนภายในประเทศซื้อทองคำลดน้อยลงจากปกติ แต่หากรัฐบาลมีนโยบายอะไรออกมาผู้ประกอบการยินดีให้ความร่วมมือเต็มที่ อย่างไรก็ตาม สำหรับการกำหนดราคาจำหน่ายทองคำในปัจจุบัน ยืนยันว่าเป็นการปรับขึ้นลงตามราคาตลาดโลกและยุติธรรมต่อผู้ซื้อแน่นอน ส่วนเรื่องของการเก็งกำไรทองนั้นยอมรับว่ามีจริง แต่ที่ผ่านมาตนก็เตือนเสมอว่าราคาทองปัจจุบันไม่ได้สะท้อนภาวะราคาที่แท้จริง ดังนั้น ผู้ที่เข้าไปซื้อขายควรระมัดระวัง
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับราคาทองคำวันเดียวกันนี้ ในช่วงเช้าราคาทองคำแท่งปรับลดลงบาทละ 200 บาท และช่วงบ่ายลดลงอีกบาทละ 50 บาท รวมลดลงระหว่างวันบาทละ 250 บาท ทำให้ราคาขายทองคำแท่งอยู่ที่ระดับบาทละ 9,850 บาท และซื้อคืนอยู่ที่บาทละ 9,750 บาท