ฝั่งสหรัฐเทขาย ฝั่งเอเซียซื้อใหญ่เลย ฝรั่งยิ้ม เพราะมีทองเยอะให้ขายทำกำไร คาดว่าถ้า SPDR ปล่อยออกมาทองลงแน่ จังหวะตอนนี้ดี ระวังทองลงนะครับ
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
http://www.thaigold2.com/Board/index.php?/topic/247-%e0%b8%aa%e0%b8%b1%e0%b8%8d%e0%b8%8d%e0%b8%b2%e0%b8%93%e0%b8%8b%e0%b8%b7%e0%b9%89%e0%b8%ad-%e0%b8%82%e0%b8%b2%e0%b8%a2-%e0%b9%80%e0%b8%94%e0%b8%b7%e0%b8%ad%e0%b8%9907-2010/page__st__330?s=33076aeec550bf873c8d347e4a5dd8dd p59
ขาใหญ่
กลุ่ม: ขาใหญ่ โพสต์: 108 เข้าร่วม: 07-June 10 ที่อยู่กรุงเทพมหานคร โพสต์ วันนี้, 06:04 AM
วันนี้ วันวัดใจครับพี่น้อง ทองเจอแนวต้าน2เส้นเลยครับ และทำสามเหลียมด้วย วัดใจว่าจะผ่านขึ้นบนหรือลงล่างครับ
***วันนี้ถ้าเป็นไปได้ให้อยู่นิ่งๆก่อนครับ ให้ดูทิศทางให้ชัดเจนก่อนครับ
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
http://www.thaigold2.com/Board/index.php?/topic/185-%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%a5%e0%b8%87%e0%b8%97%e0%b8%b8%e0%b8%99%e0%b8%94%e0%b9%89%e0%b8%a7%e0%b8%a2%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b8%9a%e0%b8%9a/page__st__1380 ส้มโอมือ
ขาประจำ
กลุ่ม: ขาประจำ โพสต์: 56 เข้าร่วม: 07-June 10 ที่อยู่กรุงเทพมหานคร โพสต์ เมื่อวานนี้, 09:58 PM
ยอดขาดดุล US สาหัสสุดในรอบ 18 เดือน
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 14 กรกฎาคม 2553 19:43 น.
เอเอฟพี - ยอดขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ ในเดือนพฤษภาคม ทำสถิติสูงสุดในรอบ 18 เดือน โดยพุ่งขึ้นเกือบ 5 เปอร์เซ็นต์ จาก 40,300 ล้านดอลลาร์ ในเดือนเมษายน เป็น 42,300 ล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ ตามรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ที่นำมาเผยแพร่เมื่อวันอังคาร (13)
ตัวเลขการนำเข้าของอเมริกา สูงขึ้นเกือบ 3 เปอร์เซ็นต์ ในเดือนพฤษภาคม คิดเป็นมูลค่า 194,500 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นมูลค่าสูงสุดในรอบ 19 เดือนเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าการส่งออกจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.4 เปอร์เซ็นต์ ด้วยมูลค่า 152,300 ล้านดอลลาร์อันเป็นมูลค่าสูงสุดในรอบ 20 เดือนก็ตาม
ข้อมูลล่าสุดนี้ทำเอาบรรดานักเศรษฐศาสตร์ผิดหวังไปตามๆ กัน จากที่เคยคาดหวังว่า ยอดขาดดุลในเดือนพฤษภาคมน่าจะลดลงมาเหลือ 39,400 ล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ พวกเขาประมาณการ ว่า ยอดขาดดุลนี้อาจบั่นทอนอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ระหว่าง 1-2 เปอร์เซ็นต์ในช่วงไตรมาสที่ 3 (1 เม.ย.-30 มิ.ย.) ที่ผ่านมา
โพสต์ เมื่อวานนี้, 10:50 PM
ผลสำรวจธนาคารจีน เสี่ยงหนี้เสียเพิ่มขึ้นรุนแรง
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 14 กรกฎาคม 2553 18:46 น.
เจ้าหน้าที่ธนาคากลางจีน กำลังตรวจนับธนบัตรซึ่งธนาคารปล่อยออกไปสู่มือผู้กู้ปริมาณมหาศาล และกำลังรอไหลกลับมาทั้งต้นทั้งดอก (ภาพเอเยนซี)
เอเยนซี-ไชน่า โอเรียนท์ แอสเซท แมเนจเมนท์ คอร์ป เผยผลสำรวจความคิดเห็นของบรรดาธนาคารพาณิชย์ในประเทศจีนพบว่า ในอีก 2 -3 ปีข้างหน้านี้ อุตสาหกรรมการธนาคารของจีนอาจเผชิญความเสี่ยงที่จะมีหนี้เสียเพิ่มขึ้น เนื่องจากวงเงินกู้จำนวนมากที่ถูกปล่อยออกไปในปี 2552
ผลสำรวจที่เผยในวันที่ 13 ก.ค. คาดว่า ในปี 2555 ตัวเลขหนี้เสียจะพุ่งขึ้นสูงสุด และโดยส่วนใหญ่จะเป็นหนี้ในโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐาน และระบุว่าความเสี่ยงฯ ที่ธนาคารจะเผชิญ มีอาทิ ความเสี่ยงจากการปล่อยกู้ให้กับภาคอสังหาริมทรัพย์ สินเชื่อที่ปล่อยให้กับธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก และรัฐวิสาหกิจ โดยเฉพาะสินเชื่อที่ปล่อยให้กับบริษัทด้านการเงินของรัฐบาลท้องถิ่น ซึ่งต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
นายเต๋า ถง นักวิเคราะห์จากเครดิตสวิส คาดว่าตัวเลขหนี้ค้างชำระของบริษัทการเงินท้องถิ่นของจีน
จะเป็นเหมือนระเบิดเวลาของเศรษฐกิจจีน ที่เริ่มนับไปในอีก 3 ปีข้างหน้า โดยคาดว่า ภายในปีนี้ ตัวเลขหนี้ค้างชำระของบริษัทเหล่านั้น จะพุ่งขึ้นถึง 8 ล้านล้านหยวน หรือร้อยละ 19 ของยอดเงินกู้รวมในอุตสาหกรรมการเงิน และร้อยละ 24 ของจีดีพีจีน
เช่นเดียวกับ ธนาคารเครดิต อกริโค ที่เปิดเผยว่า ในอีก 2 -3 ปีข้างหน้า ตัวเลขหนี้เสียและความเสี่ยงในอุตสาหกรรมการธนาคารของจีนจะสูงขึ้นอย่างน่ากลัว หลังอัตราการปล่อยสินเชื่อขยายตัว เพราะมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจีนเป็นเหตุผลสำคัญ
โพสต์ วันนี้, 05:31 AM
ขึ้นดอกเบี้ย.25% แนวโน้มขาขึ้น ลั่นครั้งหน้าปรับมากกว่าเดิม!
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 14 กรกฎาคม 2553 23:24 น.
เข้าสู่ดอกเบี้ยขาขึ้น กนง.ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ครั้งแรกในรอบ 15 เดือน ธปท.มั่นใจแบงก์พาณิชย์ปรับดอกเบี้ยตาม ขึ้นทั้งฝากและกู้ พร้อมส่งสัญญาณครั้งหน้าโอกาสขึ้นมากกว่า 0.25% พร้อมเพิ่มเป้าจีดีพีใหม่ 23 ก.ค.นี้
นายไพบูลย์ กิตติศรีกังวาน ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เปิดเผยว่า ในที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25%ต่อปี จากระดับ 1.25% มาอยู่ที่ระดับ 1.50%ต่อปี ซึ่งมีผลทันที โดยการเปลี่ยนทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายครั้งนี้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่การประชุมกนง.ในวันที่ 8 เม.ย.52 ที่มีปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% จากระดับ 1.50% มาสู่ระดับ 1.25%จนถึงปัจจุบัน หรือในช่วงระยะเวลา 15 เดือน ธปท.ใช้เวลาในการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้
ทั้งนี้ ในวันที่ 23 ก.ค.นี้ ธปท.จะประกาศปรับเพิ่มประมาณการเศรษฐกิจปีนี้และปีหน้า เนื่องจากเศรษฐกิจดีขึ้น
ในการประชุมกนง. 1-2 ครั้งที่ผ่านมา จากความไม่แน่นอนปัจจัยเสี่ยงด้านการเมือง ทำให้กนง.มีการชะลอปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ก่อน แต่ในการประชุมครั้งนี้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป เพราะปัจจัยการเมืองกระทบแค่วงจำกัดและไม่มากอย่างที่ตื่นตระหนกกัน ขณะเดียวกันภาคเอกชนและผู้ประกอบการจากการสำรวจความเชื่อมั่นปรับตัวดีขึ้นและความกังวลด้านการเมืองเริ่มผ่อนคลายกว่าในอดีต ทำให้กนง.มองว่าเศรษฐกิจไทยเริ่มแข็งแกร่งมากขึ้น จึงถึงเวลาแล้วที่ต้องมีการปรับอัตราดอกเบี้ยสู่ภาวะปกติตามลำดับ
“การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25%ครั้งนี้ จะมีผลให้ตลาดการเงินปรับตัวไปในทิศทางใด ขึ้นอยู่กับการคาดการณ์ของตลาด แต่ที่แน่นอนตลาดทราบดีว่าเป็นช่วงเริ่มต้นของวัฎจักรดอกเบี้ยในทิศทางใหม่ ส่วนกลไกตลาดในการแข่งขันดึงเงินฝากจากลูกค้าหรือภาวะสภาพคล่อง ทำให้อัตราดอกเบี้ยในตลาดปรับเท่าไหร่เป็นเรื่องที่ยากคาดเดา แต่หากเราส่งสัญญาณชัดเจนว่าอัตราดอกเบี้ยที่ผ่านมาจุดต่ำสุดแล้วก็เชื่อว่าธนาคารพาณิชย์จะทยอยปรับขึ้นในทิศทางเดียวกันกับเรา”
ผู้ช่วยผู้ว่าการธปท.กล่าวว่า การดำเนินนโยบายการเงินต้องมองไปข้างหน้าและติดตามผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการปรับตัวของสถาบันการเงิน และมองว่าธนาคารพาณิชย์ควรปรับขึ้นทั้งอัตราดอกเบี้ยทั้ง 2 ขา คือเงินฝากและเงินกู้ ส่วนความช้าเร็วต่างกันของแต่ละสถาบันการเงิน ขึ้นอยู่กับภาวะสภาพคล่องและการแข่งขัน
กนง.มองว่าแม้ในปีนี้อัตราเงินเฟ้อไม่ได้สูงมากนัก เนื่องจากมีมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพของภาครัฐ แต่คาดว่าในปีหน้าอัตราเงินเฟ้อจะเร่งสูงขึ้นและมีโอกาสที่จะมีความเสี่ยงอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานจะสูงขึ้นจนหลุดกรอบบนของเป้าหมายในการดำเนินนโยบายการเงิน คือ 3% ภายในอีก 8 ไตรมาสข้างหน้า อย่างไรก็ตาม การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในครั้งนี้จะช่วยผ่อนคลายแรงกดดันอัตราเงินเฟ้อได้บ้าง
ดังนั้น แม้ขณะนี้อัตราเงินเฟ้อยังไม่สูงขึ้นมากนัก แม้ภาคเอกชนจะมีการเจรจาขอขึ้นค่าจ้างแรงงาน รวมถึงการขึ้นเงินเดือนและโบนัสให้แก่ข้าราชการ และมองว่าเป็นเรื่องปกติหากเศรษฐกิจขยายตัวได้ดี ทำให้ความต้องการลูกจ้างหรือแรงงานจะมีเพิ่มขึ้นตามไปด้วย หลังจากที่ผ่านมาตลาดแรงงานตึงตัวมาก แต่ กนง.จะติดตามปัจจัยกดดันให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นไม่ว่าจะเป็นน้ำมันเชื้อเพลิง ต้นทุนวัตถุดิบต่างๆ รวมถึงแรงกดดันอุปสงค์จากเศรษฐกิจที่ขยายตัวต่อเนื่อง
“ถ้าแรงกดดันอัตราเงินเฟ้อไม่ได้ลดลงก็ไม่ได้หมายความว่ากนง.จะปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายแค่ 0.25% ตลอดไป แต่จะพิจารณาจากภาวะเศรษฐกิจและแรงกดดันอัตราเงินเฟ้อในการประชุมแต่ละครั้ง เพื่อเป็นการชั่งน้ำหนักต่อไป ซึ่งมองว่าแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยยังมีอยู่ แม้แผ่วลงบ้างในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส แต่เฉลี่ยโดยรวมตลอดทั้งปีก็ยังมีแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจดีอยู่”
นายไพบูลย์ กล่าวว่า แม้ไทยจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในครั้งนี้ก็เชื่อว่าไม่ได้เป็นเหตุผลหลักให้เงินทุนไหลเข้าไทยมากขึ้น เนื่องจากประเทศแถบภูมิภาคเอเชียมีการเจริญเติบโตสูงกว่ากลุ่มประเทศอุตสาหกรรมหลัก(G3) รวมถึงไทยที่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดีทำให้ล่าสุดมีการเกินดุลการค้าและดุลบัญชีเดินสะพัดจำนวนมาก ทำให้มีเงินทุนเคลื่อนย้ายเข้ามายังไทยจำนวนมากอยู่แล้ว แต่การใช้นโยบายอัตราแลกเปลี่ยนที่ยืดหยุ่นตามกลไกตลาดก็สามารถช่วยดูแลได้ รวมถึงภาคเอกชนเองก็มีการปรับตัวอยู่แล้ว จึงไม่น่าเป็นห่วง
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่การประชุมกนง.ครั้งก่อนมองว่าแรงกระตุ้นทางด้านการคลังในหลายประเทศจะทยอยหมดลง รวมถึงการสะสมสินค้าคงคลังลดลง และแรงขับเคลื่อนจะแผ่วลงบ้าง ทำให้ภาวะเศรษฐกิจโลกในช่วงครึ่งหลังของปีนี้จะไม่ได้แข็งแกร่งเท่ากับช่วงครึ่งแรกของปีจากที่เศรษฐกิจในหลายประเทศเติบโตดีช่วงไตรมาสแรก แต่โดยรวมตลอดทั้งปีนี้เศรษฐกิจโลกก็ไม่น่าจะเกิดภาวะถดถอยรอบ 2 (Double Dip)
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
http://www.thaigold2.com/Board/index.php?/topic/120-%e0%b8%97%e0%b8%b4%e0%b8%a8%e0%b8%97%e0%b8%b2%e0%b8%87%e0%b8%97%e0%b8%ad%e0%b8%87-%e0%b8%95%e0%b8%ad%e0%b8%99-thaigold2/page__st__1440 ทองใหม่
ขาใหญ่
กลุ่ม: ขาใหญ่ โพสต์: 576 เข้าร่วม: 11-June 10 ที่อยู่ปทุมธานี โพสต์ วันนี้, 06:36 AM
กราฟGold 1
ช่อง1 เส้นแดงอยู่เหนือเส้นเขียว---ทิศทางขึ้น ผู้เล่นออนไลน์ให้ดูเส้นปะ(เส้นปะสีขาว---เส้นแนวต้านและหนุน)และเส้นแนวโน้ม(เส้นแนวโน้ม---สีฟ้า---ทิศทางขึ้น สีเหลืองทอง—ทิศทางลง สีขาว—กำลังหาทิศใหม่)ประกอบ ตั้งจุดกำไรและขาดทุน เส้นเขียวอยู่เหนือเส้นแดง---ทิศทางลง ผู้เล่นออนไลน์ให้ดูเส้นปะ(เส้นปะสีขาว---เส้นแนวต้านและหนุน)และเส้นแนวโน้ม(เส้นแนวโน้ม---สีฟ้า---ทิศทางขึ้น สีเหลืองทอง—ทิศทางลง สีขาว—กำลังหาทิศใหม่)ประกอบ ตั้งจุดกำไรและขาดทุน เส้นแดงและเขียวประสานเป็นกากะบาด ---กำลังจะเปลี่ยนทิศ ให้ดูเส้นแนวโน้มประกอบ หากเส้นแดงและเขียวกำลังจะประสาน แต่ไม่ทันได้ประสานก็หันหันหัวกลับขึ้นหรือลง แสดงว่ากำลังมีเหตุการณ์อย่างใดอย่างหนี่งเกิดขึ้น หากขึ้นทะลุเส้นปะแนวต้าน ให้ดูเส้นปะแนวต้านเส้นต่อไป หากลงทะลุเส้นปะแนวหนุน ให้ดูเส้นแนวหนุนเส้นต่อไป ส่วนจุดกลมเหลืองทอง---ทิศทางลง จุดกลมฟ้า---ทิศทางขึ้น หากกราฟวิ่งในยามปกติ พอเชื่อถือได้ หากกราฟวิ่งขึ้นลงแรงๆ คือยามไม่ปกติ ไม่อาจเชือถือได้
ช่อง2 ให้ดูเส้นสีม่วง ประกอบกับเส้นแนวโน้มในช่อง1 หากหันหัวไปในทิศทางเดียวกัน โอกาสที่จะผิดพลาดก็มีน้อย ส่วนเส้นปะสีเหลืองทองและฟ้า หากขึ้นเหนือเลข80 เข้าสู่เขตซื้อเกิน ระวังจะเปลี่ยนทิศได้ทุกเมื่อ หากลงต่ำกว่าเลข20 เข้าสู่เขตขายเกิน ระวังจะเปลี่ยนทิศได้ตลอดเวลา
ช่อง3 ให้ดูทั้ง2เส้น คือเหลืองทองและฟ้า หันหัวไปทิศทางเดียวกันหรือไม่ เท่านั้นยังไม่พอ ให้ดูประกอบทิศทางในช่อง1ว่าเป็นทิศทางเดียวกันหรือไม่ หากทิศทางหันหัวในแนวเดียวกัน ทิศทางนั้นเชื่อถือได้
ดูกราฟทุกครั้งให้ดูที่หัวมุมซ้ายบน จะบอกเวลา H4=4ชม. H1=1ชม. D1=1วัน และบอกชนิดของกราฟด้วย เช่น goldหรือset50เป็นต้น
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
โพสต์ วันนี้, 06:37 AM
เส้นปากถุง (BollingerBandsเส้นสีขาวทั้ง๓เส้น)แบบง่ายๆ ไม่ปวดเศียรเวียนเกล้า
เส้นบน---แนวต้าน
เส้นกลาง---แนวโน้ม(สำคัญสุด)
เส้นล่าง---แนวหนุน
ลักษณะที่๑---ทิศทางขึ้นเบื้องต้น---เส้นบนหันหัวขึ้น เส้นกลางหันหัวขึ้น เส้นล่างหันหัวลง
ลักษณะที่๒---ทิศทางขึ้นเต็มตัว---เส้นบน กลาง ล่าง ล้วนหันหัวขึ้น
เมื่อเจอลักษณะทั้ง๒นี้ ราคาระหว่างวันที่ขึ้นๆลงๆ เมื่อเจอจุดที่เห็นว่าต่ำแล้วให้ซื้อเข้าได้เลยครับ ขอเพียงเส้นกลาง(แนวโน้ม)ยังหันหัวขึ้นอยู่ แม้ราคาเแท่งเทียนจะอยู่ต่ำกว่าเส้นกลาง ก็ยังซื้อเข้าได้ หากเส้นบนเดินขวางเมื่อไหร่ ให้ทยอยลดพอร์ตได้เลยครับ
ลักษณะที่๓---เลือกทิศทาง---เส้นบนหันหัวลง เส้นล่างหันหัวขี้น ปากถุงแคบลง ถึงช่วงนี้ ให้ใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหว หากใครยังคิดอยากเคลื่อนไหว ก็จงเคลื่อนไหวไปหน้าทีวี จงอย่าทำการอย่างอื่นใด หากใครเป็นจอมยุทธ์ ก็ชิงเคลื่อนไหวก่อนใครได้
ขอแถมอีกนิด จงโฟกัสที่เส้นกลาง หากเส้นกลางเริ่มขยบหัวหัวขึ้นหรือลง ทิศทางอาจขึ้นหรือลงตามเส้นกลางแนวโน้มนั้น
ลักษณะที่๔---เคลื่อนไหวในกรอบแคบ---เส้นบน กลาง ล่าง เดินขวางทั้ง๓เส้น หากใครเล่นออนไลน์ สามารถเล่นได้เล็กน้อยอย่ามาก เมื่อราคาแท่งเทียนใกล้เส้นบน จงขาย ใกล้เส้นล่าง จงซื้อ ต้องเข้าออกให้ทันการณ์ หาไม่แล้วจากกำไรอาจขาดทุนได้นา ขอบอก
ลักษณะที่๕---ทิศทางลงเบื้องต้น---เส้นบนหันหัวขึ้น เส้นกลางหันหัวลง เส้ยล่างหัวหัวลง
ลักษณะที่๖---ทิศทางลงเต็มตัว---เส้นบน กลาง ล่าง ล้วนหันหัวลง เมื่อเส้นล่างเดินขวางเมื่อไหร่ ผู้ที่ใจกล้าที่เล่นออนไลน์ เริ่มทยอยซื้อเข้าได้ที่ละนิด อัตราเสี่ยงยังมีอยู่บ้างนะครับ สิบอกไห่
วิธีดูเส้นปากถุงที่กล่าวมานี้ .....ไม่ใช่ตำราของฝรั่ง แบบของฝรั่งผมเคยอ่านมาบ้างแล้ว ยาวมาก ปวดหัว ทำความเข้าใจได้ยากมากๆๆๆๆ ...........เหมาะเฉพาะกราฟราย๔ชม.และช่วงปกติเท่านั้นนะครับ (บางครั้งตลาดจงใจคึงขึ้นลงอย่าแรงๆ แทบหัวใจวายสำหรับผู้มีทองในมือและผิดทิศทางของตัวเอง เรียกว่า ช่วงไม่ปกติครับ)
ดูกราฟทุกครั้งให้ดูที่หัวมุมซ้ายบน จะบอกเวลา H4=4ชม. H1=1ชม. D1=1วัน และบอกชนิดของกราฟด้วย เช่น goldหรือset50เป็นต้น
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Re: กราฟราคาทอง....รายวัน (ปี 3)
« ตอบ #6499 เมื่อ: วันนี้ เวลา 07:47:38 » อ้างถึงคุณอาวเอี้ยงฮง web ร้านทอง ขอบคุณค่ะ
--------------------------------------------------------------------------------
หวัดดีครับ
เมื่อวานต่อถึงมะคืน น้องทองพยายามจะแทรกตัวดันขึ้นไป ฝ่าด่านต้านทานของเส้น ma70 ขึ้นไปได้ แต่ก้อไปชนกับ
กรอบบนของ bolinger band และก้อไม่รอด โดนยันร่วงลงมาแบบนกปีกหัก ลงมาที่ 1202.47 ก็ตั้งตัวได้แล้วค่อย ๆ
ไต่ระดับ กลับขึ้นไป จนปิดแถว ๆ 1208 ส่งต่อให้พี่น้องบ้านเราเล่นต่อ
ดู ๆ แล้ว ก็ยังไม่มีอะไรเสียหาย น้องทองยังอยู่ในกรอบทิศทางขาขึ้น macd แม้จะตัด signal ลงมา แต่ก้อ นิดเดว สามารถ
ตัดกลับได้แทบจะทันทีหากราคาเด้งกลับไปเหนือ 1210 ได้สักสี่ชั่วโมง แถมตอนนี้ ma70 ก้อกดต่ำลงมาแถว ๆ 1210 ซึ่ง
หากราคาตัดเส้นนี้ขึ้นไปได้ก็ ส่งสัญญาณบวกต่อ เสียดายก้อเมื่อสี่แท่งก่อนหน้าร่วงลงมาชน sar กระเด้งไปขย่ม ซึ่งจะว่าไป
ก้อกดดันพอสมควรครับ rsi 54.7 ยังกลางๆ ไปได้สองหน้า ที่สำคัญ 1224 ยังไปไม่ถึงยังไม่นับสามครับ
ความเห็น มีของแล้วก้อนั่งนิ่งๆ ชมนก ชมไม้ ปลูกต้นไม้ เล่นเฟซบุค ไปพลาง ๆ ... ฮา ส่วนคนมะมีของ อยากเสียวก้อตาม
เข้ามา ไม่อยากเสียวก้อเป็นผีข้างบ่อนเชียร์ไปพลาง ๆ ครับ วันนี้พฤหัสแล้ว ศุกร์อาจจะมีเฮ ไม่เฮก้อโฮ ละคร๊าบบบบ
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
http://www.thaigold2.com/Board/index.php?/topic/176-%e0%b8%a7%e0%b8%b4%e0%b9%80%e0%b8%84%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%b0%e0%b8%ab%e0%b9%8c%e0%b8%97%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%95%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b9%80%e0%b8%97%e0%b8%a3%e0%b8%99-%e0%b8%ab%e0%b8%b2%e0%b8%88%e0%b8%b8%e0%b8%94%e0%b8%8b%e0%b8%b7%e0%b9%89/page__st__660 clubjew
ขาใหญ่
กลุ่ม: ขาใหญ่ โพสต์: 108 เข้าร่วม: 18-June 10 ที่อยู่กรุงเทพมหานคร โพสต์ วันนี้, 08:24 AM
น้องทองกำลังล่อแมงเม่าอยู่
กองทุนน่าจะกำลังเรียกแม่งเมาต่อไป 1-2 วันตามที่บอกเมื่อวาน ถ้าวันนี้หลุดฟ้าล่าง รับรองสบายแน่ๆ แต่ถ้าผมวิเคราะห์ผิด ก็คงโดนเผาเอง
1. เมื่อวานมีมาให้ทำกำไรกันอีกรอบที่ผมบอกน่าจะเด้งขึ้นมาได้ 1218+- อีกรอบแล้วก็มาจริงๆ
2. ลงไปติดแนวรับที่ 1202+- เส้นฟ้าล่างไม่ยอมหลุดตรงนี้ใครที่ขายไว้ควรออกทำกำไรระยะสั้นได้ อย่างน้อยก็ได้สัก 10 เหรียญค่าขนมลูก
3. วันนี้น่าจะรู้กันว่าจะขึ้นหรือจะลง ถ้าลงผ่านฟ้าล่างได้จะมีแรงเทออกมา น่าจะลงได้ถึง 1185+-
คำแนะนำวันนี้
เสี่ยงขายแถว 1214+- แล้วสตอปลอส 1222+- เป้าหมาย 1185+-