TARADTHONG.COM
ตุลาคม 05, 2024, 10:26:06 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: ตลาดทองดอทคอม
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  

Copy Code


หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: วิเคราะห์ราคาทอง+มุมมองราคาทองทางเทคนิค  (อ่าน 9121 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
chart
Jr. Member
**

คะแนนความนิยม: 22
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 63


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: สิงหาคม 02, 2010, 10:05:27 AM »

ตอบ #314 « เมื่อ: วันนี้ เวลา 09:09:32 » 
 ห้างทองน่ำเชียง 
สวัสดีครับ
Administrator
Newbie

  กระทู้: 3551

 
 
 Re: วิเคราะห์ราคาทอง+มุมมองราคาทองทางเทคนิค   

--------------------------------------------------------------------------------

31 July 2010 - 20:08
โดย Rinner

กระแสข่าวราคาทองจะดิ่งเหวจาก 1250 เหรียญสู่ 900 เหรียญเริ่มหนาหูขึ้น และดูเหมือนว่าจะทำให้นักลงทุนเริ่มวิตกว่าข่าวนี้จะเป็นจริงเมื่อราคาทองคำวิ่งวนไม่พ้น 1180 อยู่เป็นอาทิตย์

บทความเรื่อง Gold Market Manipulation, Swaps Signal the Roadmap Ahead, BIS The Super SIV Solution ของ Gordon T Long กล่าวว่า สาเหตุที่ราคาทองคำปรับตัวลดลง เนื่องจากข่าวที่เขย่าตลาดทองได้ถูกขุดคุ้ยขึ้นมาเมื่อเร็วๆนี้ นั่นคือ การที่ BIS ซึ่งเป็นเจ้าของและบริหารธนาคารกลางของโลก จ่ายเงินจำนวน 14 พันล้านเหรียญซื้อทองคำจำนวน 349 ตัน

จึงมีคำถามที่เกิดขึ้นมากมายเกี่ยวกับธุรกรรมนี้ว่าทำไม BIS ต้องซื้อทองจำนวนนี้ ซื้อจากใครและเมื่อไหร่

ก่อนที่เราจะหาคำตอบของการซื้อขายในครั้งนี้เราควรเริ่มทำความรู้จักกับ BIS กันก่อน

BIS ในปัจจุบันมีธนาคารกลางโลกเป็นเจ้าของและผู้บริหาร ที่น่าแปลกคือก่อนหน้านี้ BIS เป็นธนาคารเอกชน แต่การเข้าถือครองของธนาคารกลางโลกกลับไม่มีในบันทึกไว้ในสาธารณะ

BIS ระบุว่าเงินฝากทั้งหมดได้มาจากสมาชิกประเทศต่างๆของธนาคารกลาง ถ้า BIS ต้องการที่จะทำการซื้อขายทองคำจำนวน 349 ตัน สมาชิกของคณะกรรมการอย่าง เบน เบอนางกี้ควรจะต้องรู้ล่วงหน้าและมีการอนุมัติก่อน เขาควรจะต้องรู้ว่ามันจะเกิดขึ้นกับใครและเพราะอะไร ถ้าไม่รู้ก็แสดงว่าเขาละเลยการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะคณะกรรมการของ BIS ซึ่งดูเหมือนว่าไม่มีข้อสรุปอย่างอื่นนอกเหนือจากการซื้อขายทองคำครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนที่ตกลงไว้ก่อนของเหล่ากรรมการสมาชิก

ใครขายทองให้ BIS

ประเทศที่ควรถูกนำมาพิจารณาคงหนีไม่พ้นสหภาพยุโรป ซึ่งเป็นภูมิภาคที่ภาวะวิกฤติทางการเงินเริ่มขยายวงกว้างขึ้น ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปไม่ได้รับอนุญาตให้พิมพ์ธนบัตรของประเทศตัวเองได้ ดังนั้นวิธีเพิ่มเงินในคลังของประเทศเหล่านี้มีอยู่มีสามช่องทางได้แก่
1.   การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล
2.   การขายทรัพย์สิน ซึ่งเป็นแนวทางที่ปัจจุบันใช้อยู่และดำเนินไปอย่างเงียบๆ การขายทรัพย์สิน จะรวมถึงรายได้อื่นๆที่ได้มาจากทรัพย์สินเหล่านั้น เช่น ภาษี, ค่าธรรมเนียม, ใบอนุญาต สิ่งเหล่านี้ถูกขายในตลาดหลักทรัพย์ผ่านโครงสร้างอนุพันธ์ที่ซับซ้อนเช่น อัตราดอกเบี้ย และสัญญาการแลกเปลี่ยนเงินตรา
3.   เมื่อทำทุกอย่างตามข้อข้างบนหมดแล้ว ก็ถึงเวลาขายทองคำที่ถือครองอยู่

ที่จริงแล้วมีสถาบันไม่กี่แห่งที่เป็นเจ้าของทอง 349 ตัน ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะค้นหา เมื่อมองดูในรายละเอียดเราพบว่า โปรตุเกสถือครองทองคำอยู่ 348 ตัน การซื้อขายทองครั้งนี้มีปริมาณ 349 ตัน ทว่าโปรตุเกสเป็นประเทศสมาชิกที่ไม่ได้เป็นคณะกรรมการ แต่เข้าร่วมประชุมในฐานะผู้สังเกตการณ์ หลังจากการซื้อทองของ BIS ได้รับการเปิดเผยไม่นาน โปรตุเกสก็ถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือโดยมูดี้ ทำให้มูลค่าการกู้ยืมยิ่งสูงมากขึ้นซึ่งเป็นไปตามความต้องการของตลาดการเงิน ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้สูงมากที่การซื้อขายทองในครั้งนี้เป็นธุรกรรมระหว่าง BIS กับ โปรตุเกส

BIS อธิบายต่อสาธารณะว่าการซื้อทองครั้งนี้เป็นธุรกรรมกับธนาคารพาณิชย์ แต่เนื่องจาก BIS ไม่สามารถรับเงินฝากจากธนาคารที่ไม่ใช่สมาชิกได้ ทำให้เกิดข้อสงสัย เนื่องจากหากแถลงการณ์ของ BIS เป็นจริงทั้งหมด ธุรกรรมครั้งนี้ต้องเป็นไประหว่างสมาชิกของธนาคารกลางโดยมีธนาคารพาณิชย์เป็นตัวกลาง แต่บางอย่างก็ยังดูไม่ถูกต้องอยู่นั่นเอง

เบน เดวี่ส์, ซีอีโอของบริษัทฮินดี้ แคปปิตอลในลอนดอนและผู้ค้าในตลาดทองคำสงสัยว่ามีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบของการซื้อขายที่เกิดขึ้น ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จริงๆแล้ว ธนาคารพาณิชย์ดังกล่าวคือธนาคารทองคำขนาดใหญ่ บางแห่งที่ถือสถานะ short ของทองคำไว้มากเกินกว่ากำลังการผลิตทองคำต่อปี การไม่สมดุลย์กันระหว่างทองคำจริงและทองกระดาษก่อให้เกิดปัญหาในงบดุลของธนาคารดังกล่าว

เดวี่ส์ได้บ่งชี้ว่าอาจมีธุรกรรมการซื้อขายทองคำจากธนาคารกลางไปสู่ BIS ผ่านทางธนาคารทองคำบนกระดาษ แต่ตัวทองคำจริงยังอยู่กับธนาคารกลาง ซึ่งถูกจัดอยู่ในทรัพย์สินที่ยังไม่ได้จำหน่ายของBIS แต่ทองคำจำนวนดังกล่าวก็ยังถูกระบุไว้ในงบดุลของธนาคารทองคำด้วย นั่นหมายถึงว่า เมื่อมีการซื้อขายเกิดขึ้นตัวเลขของจำนวนทองคำไปเพิ่มขึ้นในบัญชีของผู้ซื้อ ในขณะที่ตัวเลขเดียวกันก็ไม่ได้ถูกหักออกจากบัญชีของผู้ขาย เท่ากับว่า มีจำนวนทองคำเพิ่มขึ้นมาในตลาดทันที 349 ตัน

ตัวเลขจำนวนทองคำที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้ราคาทองคำลดลง นี่คือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น!!!!!!

การทำธุรกรรมทางการเงินของอุตสาหกรรมธนาคารที่ไม่โปร่งใสและปราศจากความรับผิดชอบต่อสาธารณะในครั้งนี้มิได้เป็นครั้งแรก แต่การปั่นราคาทองเช่นนี้กระทำกันอย่างมีประสิทธิภาพมาเป็นเวลานาน และสามารถทำได้โดยเฉพาะในน่านน้ำสากลที่อยู่นอกเหนือขอบเขตของกฎหมาย

เมื่อเรื่องดังกล่าวถูกเปิดเผยขึ้น ราคาทองจะถูกปั่นไปที่ 900 เหรียญได้อีกหรือไม่ เป็นเรื่องที่น่าจะตอบกันได้แล้ว

http://www.marketora...ticle21340.html

ขอบคุณครับ คุณ RINNER จากเว็บ thaigold2.com ด้วยครับที่ช่วยแปล
บันทึกการเข้า

ชอบวิเคราะห์กราฟ แต่อยากพูดง่ายๆให้คนเข้าใจมากกว่า ไม่อยากให้คนบริโภคข้อมูลเยอะเกินไป จนลืมสิ่งรอบตัว {จากสูงสุดคืนสู่สามัญ จากซับซ้อนสู่เรียบง่าย จากความวุ่นวาย คืนสู่ความสงบ}โหวตเว็บ http://board.truehits.net/board.php?id=21323
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


Powered by MySQL Powered by PHP Valid XHTML 1.0! Valid CSS!