TARADTHONG.COM
เมษายน 19, 2024, 05:46:52 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: ตลาดทองดอทคอม
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  

Copy Code


หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เจ้าสัวเจริญ-ปตท. เปิดศึกชิง "คาร์ฟูร์"  (อ่าน 5082 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
น่ารักสุดๆ
Administrator
Hero Member
*****

คะแนนความนิยม: 2330
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1658



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: สิงหาคม 14, 2010, 08:46:13 AM »

เจ้าสัวเจริญ-ปตท. เปิดศึกชิง "คาร์ฟูร์"


ทุนไทย-ทุนนอก เปิดศึกชิงส่วนแบ่ง ตลาดค้าปลีกแสนล้านจาก  "คาร์ฟูร์"  กันอย่างดุเดือด "เจ้าสัวเจริญ" ส่งทีมที่ปรึกษาการเงินและการเจรจาจาก "โกลด์แมน แซคส์" ต่อรองตรง ขณะที่ ปตท.และสหพัฒน์ สนใจโดดร่วมวงด้วย หวังดึงธุรกิจค้าปลีกในมือต่างชาติกลับคืน...
 

หลังจากห้างค้าปลีกไฮเปอร์มาร์เก็ต คาร์ฟูร์ ประกาศขายกิจการในไทย มาเลเซีย และสิงคโปร์พร้อมกัน เพื่อย้ายฐานลงทุนไปในจีนและอินโดนีเซีย ซึ่งอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจสูงกว่า และแต่งตั้งที่ปรึกษาทางการเงินประกาศเชิญชวนผู้สนใจประมูลซื้อกิจการ ปรากฏว่ามีผู้แสดงเจตจำนงเข้าร่วมประมูลหลายราย โดยรายแรกที่นักวิเคราะห์ประเมินว่ามีความเป็นไปได้สูงที่จะประมูลซื้อห้างคาร์ฟูร์ไปได้ก็คือกลุ่มของห้างบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ซึ่งถือหุ้นใหญ่ โดยยักษ์ค้าปลีกที่ชื่อคาสิโน สัญชาติฝรั่งเศส เช่นเดียวกับคาร์ฟูร์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บิ๊กซีเป็นกลุ่มค้าปลีกสมัยใหม่ (โมเดิร์น-เทรด) ที่ครองส่วนแบ่งตลาดในไทยเป็นอันดับ 3 ความต้องการฮุบกิจการของคาร์ฟูร์ก็เพื่อต่อยอดธุรกิจ เพิ่มความแข็งแกร่ง และขยายสาขาเพื่อแข่งขันกับห้างเทสโก้ โลตัส ซึ่งครองส่วนแบ่งในตลาดค้าปลีกของประเทศไทยเป็นอันดับ 1 ให้ได้ ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่ามีความพยายามจะเจรจาซื้อขายห้างคาร์ฟูร์ในไทยมาตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมา  แต่ไม่สามารถตกลงราคากันได้ เนื่องจากในทางเทคนิค  การประเมินราคาซื้อขายไม่ควรต่ำกว่า 50% ของยอดขายเฉพาะในประเทศไทย คาร์ฟูร์ ซึ่งมียอดขายประมาณ 27,000 ล้านบาท และสาขาอีก 44 แห่งทั่วประเทศ อาจขายได้ในมูลค่าไม่ต่ำกว่า 13,500 ล้าน บาท แต่เนื่องจากมีการผนวกคาร์ฟูร์ในสิงคโปร์และมาเลเซียเข้าไปด้วย ในขณะที่มีความต้องการซื้อสูง อาจทำให้มีการโก่งราคาขายขึ้นถึง 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือราว 31,500 ล้านบาท (31.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ) ได้


สุนทร


ส่วนห้างเทสโก้ โลตัส ซึ่งแม้จะยังมีคนจากบริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ ของเจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานเจ้าหน้าที่อาวุโสเครือเจริญโภคภัณฑ์ ไปนั่งเป็นประธานอยู่ แต่เจ้าสัวธนินท์ก็เหลือหุ้นอยู่ในเทสโก้โลตัสน้อยมาก ขณะที่ผู้ถือหุ้นใหญ่เปลี่ยนมือไปเป็นยักษ์ค้าปลีกสัญชาติอังกฤษแทนนั้น เดิมทีมีข่าวว่าเทสโก้โลตัสแสดงความสนใจจะซื้อคาร์ฟูร์ตัดหน้าคู่แข่งเช่นกัน แต่เนื่องจากตกเป็นเป้าโจมตีหนักว่า ทำลายร้านค้าโชห่วยให้ต้องปิดตัวไปมาก เพราะมีการขยายสาขาไปอย่างรวดเร็ว จนทางการต้องออก พ.ร.บ.ค้าปลีก, พ.ร.บ.ผังเมือง และ พ.ร.บ.แข่งขันทางการค้า  ในข้อหามีอำนาจเหนือตลาดมาสกัดกั้นไม่ให้สามารถยึดระบบการค้าปลีกของไทยได้ ทำให้เทสโก้โลตัส ต้องล่าถอยไป

สำหรับกลุ่มทุนไทยที่แสดงเจตจำนงจะเปิดศึกชิงส่วนแบ่งตลาดค้าปลีกไทยที่อยู่ในมือต่างชาติเกือบทั้งหมดกลับคืนมา ปรากฏว่า กลุ่มแรกที่ได้รับการวิเคราะห์และคาดการณ์ว่าน่าจะมีทุนหนาและศักยภาพความแข็งแกร่งไม่แพ้ต่างชาติ ก็คือกลุ่มของเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี ประธานเจ้าหน้าที่อาวุโสกลุ่มบริษัทในเครือแสงโสม ซึ่งจะผลักดันบริษัทเบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่รุกเข้าสู่ธุรกิจค้าปลีกครบวงจร เข้าไปซื้อคาร์ฟูร์มาเพื่อกรุยทางเข้าสู่ห้างโมเดิร์นเทรดอย่างเต็มตัว


สุชาดา


นักวิเคราะห์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และกูรูในวงการค้าปลีก ระบุว่า จุดเด่นของเบอร์ลี่รี่ยุคเกอร์ก็คือ เป็นผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคหลายรายการ และเป็นกลุ่มธุรกิจของคนไทยเพียงไม่กี่รายเท่านั้นที่สามารถจะเข้าบดขยี้กับยักษ์ใหญ่ จากต่างชาติได้ แม้จะมีเพียงประสบการณ์และความสำเร็จที่เริ่มต้นจากการเป็นห้างค้าปลีกอุปกรณ์ไอทีก็ตาม แต่เครือข่ายธุรกิจที่กว้างขวางของเจ้าสัวเจริญ และการมีทรัพยากรบุคคลจำนวนมากจากหลายสาขา ตลอดจนถึงการหาพันธมิตรทางธุรกิจเข้าร่วมประมูลด้วย  ทำให้เชื่อมั่นว่า การเข้าซื้อคาร์ฟูร์จะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าภายใต้ การประเมินวงเงินลงทุนเบื้องต้น 15,000-20,000 ล้านบาท  และงบประมาณอีกจำนวนหนึ่งเพื่อจัดซื้อ ซอฟต์แวร์ รวมถึงเทคโนโลยีโนว์ฮาวที่มีประสิทธิภาพเข้ามา  โดยมีวาณิชธนกิจใหญ่จากสหรัฐฯอย่างโกลด์ แมน แซคส์ เป็นผู้ให้คำปรึกษา

ส่วน ปตท.ที่มีข่าวว่าสนใจลงทุนธุรกิจค้าปลีกเพื่อต่อยอดธุรกิจน้ำมัน แม้จะเป็นธุรกิจคนละเส้นทาง แต่ก็มีความเป็นไปได้ เมื่อดูจากการที่ ปตท.ใช้บริการท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต ในการเข้าบริหารการจัดซื้อ และกระจายสินค้าของร้านค้าปลีกจิฟฟี่ในสถานีบริการน้ำมันเจ็ทเดิม  146  แห่งที่ ปตท.เทกโอเวอร์มา  ขณะที่ มีแผนการขยายธุรกิจออกนอกสถานีบริการน้ำมัน นอก เหนือจากการมี "เซเว่นอีเลฟเว่น" ในส่วนของสถานีบริการน้ำมัน ปตท.กว่า 1,300 แห่ง ในปัจจุบัน


จริยา


ด้านสหพัฒน์ ผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่ของไทย มีข่าวว่าสนใจจะซื้อคาร์ฟูร์ด้วย แต่ที่ผ่านมา การบริหารงานด้านค้าปลีกในร้าน 108 ช็อป ยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควรขณะที่ประสบการณ์ที่มีอยู่คือการป้อนสินค้าให้แก่กลุ่มธุรกิจค้าปลีก หาใช่ เป็นผู้บริหารจัดการเอง ดังนั้น การใช้เงินก้อนโตเพื่อซื้อคาร์ฟูร์จึงเป็นเรื่องที่ต้องคิดหนัก

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ในไทยมีการขยายตัวสูงมากจนถึงปัจจุบันมีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 500,000 ล้านบาทหลักๆ จะเป็นธุรกิจห้างสรรพสินค้า, ไฮเปอร์มาร์เก็ต หรือดิสเคาน์สโตร์, ห้างสะดวกซื้อ และร้านค้าปลีกเฉพาะอย่าง เป็นต้น จากตลาดค้าปลีกทั้งระบบที่มีมูลค่ากว่า 1.4 ล้านล้านบาท

ทั้งนี้ ห้างดิสเคาน์สโตร์ ซึ่งล้วนแต่เป็นยักษ์ ใหญ่ต่างชาตินั้นแข่งกันอย่างดุเดือด ภายใต้คอนเซ็ปต์ "ถูกทุกวัน" ผู้มีอำนาจต่อรองกับกลุ่มผู้ผลิตได้มากกว่า ก็จะได้เปรียบกว่า โดยมี เทสโก้โลตัส เป็นผู้นำที่ทำยอดขายในปีที่ผ่านมา 130,000 ล้านบาท จาก 462 สาขา ขณะที่ศูนย์ค้าส่งแม็คโคร เป็นอันดับ 2 ด้วยยอดขาย 76,558 ล้านบาท จาก 47 สาขา อันดับ 3 คือ บิ๊กซี มียอดขาย 68,058 ล้านบาท จาก 68 สาขา และอันดับ 4 คือ คาร์ฟูร์ มียอดขาย 27,000 ล้านบาท จาก 44 สาขาทั่วประเทศ
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


Powered by MySQL Powered by PHP Valid XHTML 1.0! Valid CSS!