TARADTHONG.COM
เมษายน 24, 2024, 07:41:44 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: ตลาดทองดอทคอม
 
  หน้าแรก ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  

Copy Code


  แสดงกระทู้
หน้า: 1 [2] 3 4 ... 10
16  สมาชิก VIP / General Discussion / Re: 3 สิ่งในชีวิตเรา ที่เราไม่สามารถเรียกร้องให้กลับมาได้ เมื่อ: สิงหาคม 24, 2012, 05:41:42 PM
เยี่ยมเลยครับ
17  สมาชิก VIP / General Discussion / สตีฟ จ๊อบส์ ผู้ก่อตั้งบริษัทแอปเปิล เสียชีวิตแล้ว เมื่อ: ตุลาคม 06, 2011, 07:48:29 AM
สตีฟ จ๊อบส์ ผู้ก่อตั้งบริษัทแอปเปิล เสียชีวิตแล้ว

CNN รายงานอ้าง บริษัท แอปเปิล ยืนยันว่า สตีฟ จ๊อบส์ (Steve Jobs) ผู้ก่อตั้งบริษัทแอปเปิล วัย 56ปี เสียชีวิตแล้วจากโรคมะเร็งตับอ่อน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (6 ต.ค.) สำนักข่าวต่างประเทศ CNN รายงานอ้าง บริษัท แอปเปิล ยืนยันว่า สตีฟ จ๊อบส์ (Steve Jobs) ผู้ก่อตั้งบริษัทแอปเปิล วัย 56ปี เสียชีวิตแล้วจากโรคมะเร็งตับอ่อน

รายละเอียดทีมข่าว S! News จะรายงานให้ทราบต่อไป 

 

ประวัติ สตีฟ จ๊อบส์

สตีเฟน พอล "สตีฟ" จ๊อบส์ (อังกฤษ: Steve Jobs, 24 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1955 - 5 ตุลาคม ค.ศ. 2011) เป็นผู้นำธุรกิจและนักประดิษฐ์ชาวอเมริกัน ผู้ร่วมก่อตั้ง ประธาน อดีตประธานกรรมการบริหารของแอปเปิลคอมพิวเตอร์ และยังเคยเป็นประธานกรรมการบริหารพิกซาร์แอนิเมชันสตูดิโอส์ และเป็นคณะกรรมการบริหารบริษัทเดอะวอลต์ดิสนีย์ใน ค.ศ. 2006 หลังดิสนีย์ซื้อกิจการพิกซาร์

เขาร่วมก่อตั้งแอปเปิลคอมพิวเตอร์กับสตีฟ วอซเนียก ใน ค.ศ. 1976 เป็นผู้มีส่วนช่วยทำให้แนวความคิดเรื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเป็นที่นิยมขึ้นมา ด้วยเครื่อง Apple II ต่อมา เขาเป็นผู้แรกที่มองเห็นศักยภาพทางการค้าของส่วนประสานงานผู้ใช้แบบกราฟิกส์และเม้าส์ ที่ถูกพัฒนาขึ้นในศูนย์วิจัยซีร็อกซ์พาร์ค ของบริษัทซีร็อกซ์ และได้มีการผนวกเทคโนโลยีเหล่านี้เข้าไว้ในเครื่องแมคอินทอช หลังพ่ายแพ้ในการแย่งชิงอำนาจกับคณะกรรมการบริหารใน ค.ศ. 1984 จ๊อบส์ลาออกจากแอปเปิลและก่อตั้งเน็กซ์ บริษัทพัฒนาแพลตฟอร์มคอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะในการศึกษาขั้นอุดมศึกษาและตลาดธุรกิจ การซื้อกิจการเน็กซ์ของแอปเปิลใน ค.ศ. 1996 ทำให้จ๊อบส์กลับเข้าทำงานในบริษัทแอปเปิลที่เขาร่วมก่อตั้งขึ้นนั้น และเขารับหน้าที่ CEO ตั้งแต่ ค.ศ. 1997 ถึง 2011 จ๊อบส์ยังเป็นประธานกรรมการบริหาร และผู้บริหารระดับสูงของพิกซาร์แอนิเมชันสตูดิโอส์ ผู้นำด้านการผลิตภาพยนตร์แอนิเมชันด้วยคอมพิวเตอร์กราฟิกส์ ทั้งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่ 50.1% กระทั่งบริษัทวอลต์ดิสนีย์ซื้อกิจการไปใน ค.ศ. 2006 จ๊อบส์เป็นผู้ถือหุ้นมากที่สุดของดิสนีย์ที่ 7% และเป็นสมาชิกคณะกรรมการบริหารของดิสนีย์

หลังจากที่ป่วยเป็นมะเร็งตับอ่อนเป็นเวลาหลายปี สตีฟ จ๊อบส์ เสียชีวิตในวันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2554
18  สมาชิก VIP / General Discussion / เอแบคโพลล์เผยคนไทยส่วนใหญ่รายจ่ายสูงกว่ารายได้ เสี่ยงล้มละลาย เมื่อ: กันยายน 30, 2011, 04:53:58 PM
เอแบคโพลล์เผยคนไทยส่วนใหญ่รายจ่ายสูงกว่ารายได้ เสี่ยงล้มละลาย

สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 30 กันยายน 2554 13:50:11 น.
เอแบคโพล์ เผยผลวิจัยเชิงสำรวจ เรื่อง "หัวอกคนจน ว่ากันด้วยค่าใช้จ่ายแต่ละเดือน" กรณีศึกษาตัวอย่างผู้บริโภคระดับครัวเรือน เมื่อพิจารณาถึงจำนวนค่าใช้จ่ายต่อเดือนต่อสินค้า และบริการต่างๆ ในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา พบว่า ประชาชนผู้บริโภคมีรายจ่ายส่วนตัวแต่ละเดือนอยู่ที่ 9,197.99 บาท แต่มีรายได้เฉลี่ยอยู่ที่ 11,300 บาทเท่านั้น หมายความว่าโดยรวมประชาชนส่วนใหญ่ตกอยู่ในสภาวะความเสี่ยงต่อการล้มละลาย พึ่งพาตนเองไม่ได้ ต้องกู้หนี้ยืมสินพึ่งพาเงินนอกระบบ เพราะมีรายจ่ายสูงเกินกว่าร้อยละ 80 ของรายได้ที่มีอยู่ในแต่ละเดือน โดยสินค้าและบริการที่มีค่าใช้จ่ายมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับของกิน อาหาร (รวมถึงร้านอาหาร) คิดเป็นจำนวนเงินเฉลี่ย 5,222.22 บาทต่อเดือน รองลงมาคือ ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับค่าเดินทางในชีวิตประจำวัน เช่นค่ารถประจำทาง ค่าแท๊กซี่ ค่าทางด่วน ค่าน้ำมัน คิดเป็นจำนวนเงินเฉลี่ย 3,789.90 บาทต่อเดือน และค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการบันเทิงและสันทนาการ เช่น ดูคอนเสิร์ต ดูภาพยนตร์ ค่าบริการสถานที่เล่นกีฬา คิดเป็นจำนวนเงินเฉลี่ย 1,416.67 บาทต่อเดือน

ที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่งคือ เมื่ออ้างอิงไปยังประชากรของทั้งประเทศในกลุ่มเป้าหมายของการศึกษาครั้งนี้ พบว่า กลุ่มคนที่มีรายได้ระหว่าง 3,001 - 5,000 บาท แต่มีรายจ่ายแต่ละเดือนสูงเฉลี่ยถึง 6,522.04 บาท ยิ่งไปกว่านั้น กลุ่มที่มีรายได้ไม่เกิน 3,000 บาทต่อเดือนมีรายจ่ายเฉลี่ยสูงกว่าเท่าตัวของรายได้คือ 6,513.06 บาทต่อเดือน และคนทั้งสองกลุ่มนี้มีสัดส่วนสูงประมาณ 1 ใน 4 ของประชากรเป้าหมายทั้งหมดในการศึกษาครั้งนี้

และที่น่าเป็นห่วงเช่นกันคือ กลุ่มคนที่มีรายได้ระหว่าง 5,001 - 10,000 บาทต่อเดือน มีรายจ่ายต่อเดือนสูงถึง 7,533.75 บาท นอกจากนี้ กลุ่มประชาชนที่ยังคงเสี่ยงต่อสภาวะล้มละลาย และต้องกู้หนี้ยืมสิน พึ่งตนเองไม่ได้มีอย่างต่อเนื่องไปจากกลุ่มที่มีรายได้ต่อเดือน 15,001 — 20,000 บาท จะเห็นว่าวิกฤตความเสี่ยงต่อการล้มละลายส่วนตัวของประชาชนเริ่มมีแนวโน้มลดลงเพราะรายจ่ายส่วนตัวลดลงเหลือประมาณร้อยละ 50 ของรายได้ทั้งหมด แต่กลุ่มที่เห็นได้ชัดเจนว่าจะอยู่ได้ค่อนข้างสบายมากกว่าคนกลุ่มอื่นๆคือกลุ่มคนที่มีรายได้เกินกว่า 75,000 บาทต่อเดือนขึ้นไปเพราะมีรายจ่ายเฉลี่ยต่อเดือนเพียง 34,471.37 เท่านั้น แต่คนกลุ่มนี้มีไม่ถึงร้อยละ 10 ของประชากรทั้งหมดของประเทศ และไม่ถึงร้อยละ 5 จากการสำรวจในการวิจัยครั้งนี้เพราะส่วนใหญ่หรือร้อยละ 76 มีรายได้ไม่เกิน 15,000 บาทต่อเดือน

และที่น่าเป็นห่วงอีกประการหนึ่งคือ ตัวอย่างกว่า 3 ใน 4 หรือร้อยละ 75.6 ไม่มีเงินออม ในขณะที่ตัวอย่าง ร้อยละ 24.4 มีเงินเก็บออม

นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเอแบค นวัตกรรมทางสังคม การจัดการและธุรกิจ (Social Innovation Management and Business Analysis, ABAC — SIMBA) โดยการสนับสนุนของธนาคารกรุงศรีฯ กล่าวว่า คนยากจนกำลังตกอยู่ในสภาวะที่ไม่มีอำนาจต่อรองในเรื่องค่าใช้จ่าย ยิ่งไปกว่านั้น การกำหนราคาสินค้าและบริการไม่ได้สอดคล้องกับรายได้ของประชาชน การออกนโยบายสาธารณะของรัฐบาลที่เกี่ยวกับสินค้าอุปโภคบริโภคที่ผ่านมามักถูกกำหนดกรอบและทิศทางโดยกลุ่มนายทุน การกล่าวอ้างถึงต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นการวนเวียนในเรื่องผลประโยชน์ของกลุ่มนายทุนด้วยกันเอง

สภาวะเช่นนี้คือ สภาวะที่รัฐบาลตกอยู่ภายใต้อาณัติของกลุ่มนายทุนและชนชั้นนำของประเทศที่เรียกว่าอยู่ภายใต้ “อคติแห่งนครา" ทุกอย่างถูกกำหนดขึ้นจากข้างบนลงไปข้างล่าง ทุกนโยบายและการกำหนดสินค้าถูกออกแบบจากคนในกรุงเทพมหานคร และนี่คือ “อคติแห่งมหานคร" ที่แท้จริง โดยคนรวยโยนภาระให้กับคนจนซ้ำเติมความเดือดร้อนให้กับพวกเขาเหล่านั้น

ทางออกมีอย่างน้อยสองแนวทางที่สำคัญคือ ประการแรก ได้แก่ รัฐบาลต้องนำ “หลักเศรษฐกิจพอเพียง" มาใช้อย่างแท้จริงไม่ใช่แค่นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์จะประกาศใน FB เท่านั้น เพราะหลักเศรษฐกิจพอเพียงไม่ใช่แค่หลักปรัชญา แต่เป็นหลักของชีวิตที่นำไปใช้ได้จริง หลักปรัชญาและชีวิตตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะช่วยลดปัญหาความเดือดร้อนของคนมีรายได้น้อยได้อย่างแท้จริงและยั่งยืน ส่วนคนรวยก็ยังมีความสุขแท้จริงได้ด้วยหลักเศรษฐกิจพอเพียงของพระองค์ท่าน

ประการที่สองคือ ต้องเปิดโอกาสให้คนมีรายได้น้อยร่วมกำหนดออกแบบค่าใช้จ่ายในการใช้ชีวิตของพวกเขาในรายพื้นที่ท้องถิ่นของตนเองได้บ้าง เพื่อให้สอดคล้องกับรายได้ของพวกเขาอย่างแท้จริง มิฉะนั้น การออกนโยบายสาธารณะของรัฐบาลทั้งเรื่องค่าแรง 300 บาทต่อเดือน และ 15,000 บาทต่อเดือนของผู้จบปริญญาตรีใหม่อาจกลายเป็นชนวนความขัดแย้งแตกแยกรุนแรงในความเลื่อมล้ำของรายได้ซ้ำเติมความแตกแยกทางการเมืองที่ยังคงคุกรุ่นอยู่ในเวลานี้เข้าไปอีก เพราะเห็นกันได้ชัดๆ ว่า “มนุษย์" สุดท้ายแล้วส่วนใหญ่ก็เห็นแต่ตัวด้วยกันทั้งนั้น

เอแบคดพลล์ ได้สำรวจกรณีศึกษาตัวอย่างผู้บริโภคระดับครัวเรือน อายุ 18 ปี ขึ้นไป ใน 12 จังหวัดของประเทศ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ปทุมธานี ชลบุรี นครราชสีมา อุดรธานี กาฬสินธุ์ เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน นครสวรรค์ ประจวบคีรีขันธ์ ภูเก็ต และสงขลา จำนวน 2,764 ตัวอย่าง ค่าความคลาดเคลื่อนบวกลบร้อยละ 7 ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 15 สิงหาคม — 30 กันยายน 2554

--อินโฟเควสท์ โดย นิศารัตน์ วิเชียรศรี/รัชดา
19  สมาชิก VIP / General Discussion / เยือนบึงกาฬ เที่ยววัดภูทอก เงียบสงบงดงาม เมื่อ: กันยายน 07, 2011, 09:23:53 PM
เยือนบึงกาฬ เที่ยววัดภูทอก เงียบสงบงดงาม



เที่ยว "บึงกาฬ" ในวันฝนพรำ (คู่หูเดินทาง)

          จังหวัดบึงกาฬ...เป็นจังหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่ง มีทั้งน้ำตก ภูเขา แต่ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก อาจเพราะเป็นจังหวัดที่อยู่ในพื้นที่อยู่ห่างจากกรุงเทพมหานคร ไกลถึง 751 กิโลเมตร ทั้ง ๆ ที่แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจในจังหวัดบึงกาฬมีอยู่มาก เช่น วัดอาฮงศิลาวาส, แก่งอาฮง, วัดสว่างอารมณ์, ตลาดนัดไทย-ลาว, บึงโขงหลง, เขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าภูวัว, น้ำตกเจ็ดสี เป็นต้น

          แต่ไฮไลท์เด็ดสุดที่เราไม่อยากให้คุณพลาดเลย คือการไปเยี่ยมชม "วัดภูทอก" หรือ "วัดเจติยาคีรีวิหาร" ซึ่งเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม เหมาะแก่การบำเพ็ญธรรมของภิกษุ-สามเณรและพุทธศาสนิกชนทั่วไป มีความเงียบสงบ สวยงามด้วยธรรมชาติแวดล้อม แฝงไว้ซึ่งเสน่ห์ทางธรรม โดยมี "พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ" เป็นผู้ก่อตั้ง

          วัดภูทอก อยู่ในอาณาเขตบ้านคำแคน ตำบลนาแสง อำเภอศรีวิไล ภูทอกมี 2 ลูก คือ ภูทอกใหญ่ และ ภูทอกน้อย ส่วนที่นักแสวงบุญและนักท่องเที่ยวทั่วไปสามารถชมได้คือ ภูทอกน้อย ส่วนภูทอกใหญ่อยู่ห่างออกไป ยังไม่เปิดให้นักท่องเที่ยวชม



          จุดเด่นของภูทอกก็คือ สะพานไม้และบันไดขึ้นชมทัศนียภาพรอบ ๆ ภูทอก แบบ 360 ซึ่งมีทั้งหมด 7 ชั้น ใช้เวลาในการก่อสร้างนานถึง 5 ปีเต็ม จากชั้น 1 – ชั้นที่ 7 จะมีบันไดไม้ให้เดินแบบตรงทอดยาวจนถึงจุดสูงสุดของยอดภูทอก และตั้งแต่ชั้นที่ 3 เป็นต้นไปนักท่องเที่ยวสามารถเดินชมแบบสะพานเวียนรอบเขา ซึ่งจะได้เห็นมุมมองที่แตกต่างไปเรื่อย ๆ ในแต่ละย่างก้าว

          โดยในชั้นที่ 5 ถือว่าเป็นชั้นที่สำคัญที่สุด จะมีศาลาขนาดใหญ่ พระพุทธรูป กุฏิพระ และเป็นที่เก็บศพของพระอาจารย์จวนด้วย พื้นที่สะอาดกว้างขวาง ดูแล้วร่มเย็นมาก เหมาะสำหรับการนั่งสวดมนต์ปฏิบัติธรรมสำหรับนักแสวงบุญ หรือผู้ที่ใฝ่หาความสงบ ตลอดตามช่องทางเดินจะมีถ้ำอยู่หลายจุด เช่น ถ้ำเหล็กไหล ถ้ำแก้ว ถ้ำฤาษี ฯลฯ มีที่ให้นั่งพักสำหรับความอ่อนล้าระหว่างทางเดินเป็นระยะ



          ถ้าเดินมาทางด้านเหนือจะเห็นสะพานหินธรรมชาติทอดสู่พุทธวิหาร อันเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ มีลักษณะแปลกและน่าอัศจรรย์ที่สุด คล้าย ๆ กับพระธาตุอินทร์แขวนที่พม่า คือ เป็นหินแยกตัวออกมาจากหินก้อนใหญ่ แต่ไม่ตกลงมา เพราะตั้งอยู่อย่างได้ฉากกับพื้นโลกพอดี ปัจจุบันมีสะพานไม้เชื่อมต่อระหว่างสะพานหินกับพุทธวิหาร มองออกไปจะเห็นแนวของภูทอกใหญ่อย่างชัดเจน และมีบันไดเวียนขึ้นสู่ชั้นที่ 6 ซึ่งเป็นชั้นสุดท้ายของบันไดเวียนรอบเขา



          ในเส้นทางสู่ชั้นที่ 6 จะเป็นจุดชมวิวิที่สวยที่สุด ตลอดทางเดินจะเป็นหน้าผายื่นออกมาทำให้ในบางครั้งเวลาเดินต้องเบี่ยงตัวออกมาเล็กน้อย โดยแต่ละจุดก็จะมีชื่อของหน้าผาที่แตกต่างกัน เช่น ผาเทพนิมิตร ผาหัวช้าง ผาเทพสถิต เป็นต้น ในช่วงฤดูหนาวจะมีทะเลหมอกลอยอยู่รอบ ๆ ยอดเขา ทำให้เหมือนอยู่บนสวรรค์

          สำหรับสิ่งศักดิ์สิทธิ์และน่าชมที่สุดของชั้นนี้คือ ปากทางเข้าเมืองพญานาคซึ่งอยู่หลังพระปางนาคปรก มีจุดให้สังเกตคือ มีรอยสีขาวขูดติดกับหินปูน ซึ่งชาวบ้านถือว่าเป็นรอยถลอกที่เกิดจากท้องพญานาคสัมผัสกับหิน และมีบ่อน้ำเล็ก ๆ มีน้ำขังอยู่เกือบตลอดปี



          ในส่วนชั้นที่ 7 จะมีบันไดไม้พาดขึ้นมา เมื่อเดินขึ้นบันไดผ่านมาแล้วจะเจอทางแยก 2 ทางเพื่อขึ้นไปบนดาดฟ้าชั้น 7 ทางแรกเป็นทางชัน ต้องเกาะเกี่ยวกิ่งไม้และรากไม้เดินลำบาก แถมยังมีป้ายบอกให้ "ระวังงู" ซึ่งเป็นสัตว์ที่มีอยู่มากบนยอดภูแห่งนี้ด้วย ควรใช้อีกทางหนึ่งซึ่งเป็นทางอ้อมต้องเดินเวียนไปทางขวามือ แต่ก็จะมาบรรจบกันด้านบนชั้น 7 หรือดาดฟ้า ซึ่งเป็นพื้นที่ป่าไม่ทึบธรรมดา มีเนื้อที่ประมาณ 5 ไร่ 

          สำหรับทางไป วัดภูทอก ให้ใช้ทางหลวงหมายเลข 222 ไปทางอำเภอศรีวิไล มีป้ายบอกทางเป็นระยะ อยู่ห่างจากอำเภอเมืองประมาณ 50 กิโลเมตร
20  สมาชิก VIP / General Discussion / ข้อคิดเตือนใจ...กับพุทธศาสนสุภาษิตน่ารู้ (ตอนที่2) เมื่อ: กันยายน 07, 2011, 09:18:12 PM
ข้อคิดเตือนใจ...กับพุทธศาสนสุภาษิตน่ารู้(ตอนที่2)



หมวดการปกครอง

         สพฺพํ รฏฺฐํ สุขํ เสติ ราชา เจ โหติ ธมฺมิโก     :     ถ้าผู้ปกครองทรงธรรม ประเทศชาติก็เป็นสุข

         สพฺพํ ปรวสํ ทุกฺขํ     :     การอยู่ในอำนาจของผู้อื่น เป็นทุกข์ทั้งสิ้น

         สงฺเกยฺย สงฺกิตพฺพานิ     :     พึงระแวง สิ่งที่ควรระแวง

         ปคฺคณฺเห ปคฺคหารหํ     :     พึงยกย่องคนที่ควรยกย่อง

         ปมาทา ชายเต ขโย     :     เมื่อมีความประมาท ก็เกิดความเสื่อม

         ขยา ปโทสา ชายนฺติ     :     เมื่อมีความเสื่อม ก็เกิดโทษประดัง

         สกฺกาโร กาปุริสํ หนฺติ     :     สักการะฆ่าคนชั่วได้

         รกฺเขยฺยานาคตํ ภยํ     :     พึงป้องกันภัยที่ยังมาไม่ถึง

 หมวดสามัคคี

         สุขา สงฺฆสฺส สามคฺคี     :     สามัคคีของหมู่ทำให้เกิดสุข

         สูกเรหิ สมคฺเคหิ พฺยคฺโฆ เอกายเน หโต     :     สุกรทั้งหลายพร้อมเพรียงกันยังฆ่าเสื้อโคร่งได้ เพราะใจรวมเป็นอันเดียว

         สาม คฺยเมว สิกฺเขถ พุทฺเธเหตํ ปสํสิตํ สามคฺยรโต ธมฺมฏฺโฐ โยคกฺเขมา น ธํสตํ     :     พึงศึกษาความสามัคคี , ความสามัคคีนั้น ท่านผู้รู้ทั้งหลาย

         เอโส หิ อุตฺตริตโร ภาราวโห ธุรนฺธโร โย ปเรสาธิปนฺนานํ สยํ สนฺธาตุมรหติ     :     ผู้ใดเมื่อคนอื่นล่วงเกินกันอยู่ ตนเองกลับหาทางเชื่อมเขาให้คืนดีกันได้ ผู้นั้นแล ชื่อว่าเป็นคนเอาภาระ เป็นผู้จัดธุระที่ดียอดเยี่ยม

         สุขา สงฺฆสฺส สามคฺคี สมคฺคานญฺจนุคฺคโห สมคฺครโต ธมฺมฏฺโฐ โยคกฺเขมา น ธํสติ     :     ความพร้อมเพรียงของหมู่เป็นสุข และการสนับสนุนคนผู้พร้อมเพรียงกันเป็นสุข, ผู้ยินดีในคนผู้พร้อมเพรียงกัน ตั้งอยู่ในธรรมย่อมไม่คลาดจากธรรมอันเกษมจากโยคะ

 หมวดพบสุข

         น หึสนฺติ อกิญฺจนํ     :     ไม่มีอะไรเลย ไม่มีใครเบียดเบียน

         สุขิโน วตารหนฺโต     :     ท่านผู้ไกลกิเลส มีความสุขจริงหนอ

         สกิญฺจนํ ปสฺส วิหญฺญมานํ     :     คนมีห่วงกังวล ย่อมวุ่นวายอยู่

         ยาวเทวสฺสหู กิญฺจิ ตาวเทว อขาทิสํ     :     ตราบใดยังมีชิ้นเนื้อคาบไว้นิดหน่อย ตราบนั้นก็ยังถูกกลุ้มรุมยื้อแย่ง

         ลาโภ อลาโภ ยโส อยโส จ นินฺทา ปสํสา จ สุขํ จ ทุกฺขํ เอเต อนิจฺจา มนุเชสุ ธมฺมา มา โสจิ กึ โสจสิ โปฏฺฐปาท     :     ได้ลาภ เสื่อมลาภ ได้ยศ เสื่อมยศ นินทา สรรเสริญ สุข และ ทุกข์ สิ่งเหล่านี้เป็นธรรมดาในหมู่มนุษย์ ไม่มีความเที่ยงแท้แน่นอน อย่าเศร้าโศกเลย ท่านจะโศกเศร้าไปทำไม

         นตฺถิ สนฺติปรํ สุขํ     :     ความสุข (อื่น) ยิ่งกว่าความสงบไม่มี

 หมวดทาน

         อคฺคสฺส ทาตา ลภเต ปุนคฺคํ     :     ผู้ให้สิ่งที่เลิศ ย่อมได้สิ่งที่เลิศอีก

         ธีโร จ ทานํ อนุโมทมาโน     :     คนฉลาด พลอยยินดีการให้ทาง

         นิวตฺตยนฺติ โสกมฺหา     :     คนใจการุณ ช่วยแก้ไขคนให้หายโศกเศร้า

         เสฏฐนฺทโท เสฏฐมุเปติ ฐานํ     :     ผู้ให้สิ่งประเสริฐ ย่อมถึงฐานะที่ประเสริฐ

         ปุพฺเพ ทานาทิกํ ทตฺวา อิทานิ ลภตี สุขํ มูเลว สิญฺจิตํ โหติ อคฺเค จ ผลทายกํ     :     ให้ทานเป็นต้นก่อน จึงได้สุขบัดนี้ เหมือนรดน้ำที่โคนให้ผลที่ปลาย

         ยถา วาริวหา ปูรา ปริปูเรนฺติ สาคร เอวเมว อิโต ทินฺนํ เปตานํ อุปกปฺปติ     :     ห้วงน้ำที่เต็ม ย่อมยังสาครให้เต็มได้ฉันใด ทานที่ให้แต่โลกนี้ ย่อมสำเร็จแก่ผู้ละไปแล้วฉันนั้น

         โส จ สพฺพทโท โหติ โย ททาติ อุปสฺสยํ อมตนฺทโท จ โส โหติ ธมฺมมนุสาสติ     :     ผู้ใดให้ที่พักอาศัย ผู้นั้นชื่อว่าให้สิ่งทั้งปวง ผู้ใดสอนธรรม ผู้นั้นชื่อว่าให้อมตะ

         อนฺนโท พลโท โหติ วตฺถโท โหติ วณฺณโท ยานโท สุขโท โหติ ทีปโท โหติ จกฺขุโท     :     ผู้ให้ข้าวชื่อว่าให้กำลัง ผู้ให้ผ้าชื่อว่าให้ผิวพรรณ ผู้ให้ยานพาหนะชื่อว่าให้ความสุข ผู้ให้ประทีปโคมไฟชื่อว่าให้จักษุ

         มนาปทายี ลภเต มนาปํ อคฺคสฺส ทาตา ลภเต ปุนคฺคํ วรสฺส ทาตา วรลาภี จ โหติ เสฏฺฐนฺทโท เสฏฺฐมุเปติ ฐานํ     :     ผู้ให้ของชอบใจ ย่อมได้ของชอบใจ ผู้ให้ของเลิศ ย่อมได้ของเลิศ ผู้ให้ของดี ย่อมได้ของดี ผู้ให้ของประเสริฐ ย่อมถึงฐานะอันประเสริฐ

 หมวดศีล

         สีลํ โลเก อนุตฺตรํ     :     ศีล เป็นเยี่ยมในโลก

         โย จ วสฺสสตํ ชีเว ทุสฺสีโล อสมาหิโต เอกาหํ ชีวิตํ เสยฺโย สีลวนฺตสฺส ฌายิโน     :     ผู้ไม่มีศีล ไม่มั่นคง ถึงจะเป็นอยู่ตั้งร้อยปี , ส่วนผู้มีศีล เพ่งพินิจ มีชีวิตอยู่วันเดียวประเสริฐกว่า

         น เวทา สมฺปรายาย น ชาติ นปิ พนฺธวา สกญฺจ สีลสํสุทฺธํ สมฺปรายสุขาวหํ     :     เวทมนต์ ชาติกำเนิด พวกพ้อง นำสุขมาให้ในสัมปรายภพไม่ได้ ส่วนศีลของตนที่บริสุทธิ์ดีแล้ว จึงนำสุขมาให้ในสัมปรายภพได้

         อาทิ สีลํ ปติฏฺฐา จ กลฺยาณานญฺจ มาตุกํ ปมุขํ สพฺพธมฺมานํ ตสฺมา สีลํ วิโสธเย     :     ศีลเป็นที่พึ่งเบื้องต้น เป็นมารดาของกัลยาณธรรมทั้งหลาย เป็นประมุขของธรรมทั้งปวง เพราะฉะนั้นควรชำระศีลให้บริสุทธิ์

         สีลํ พลํ อปฺปฏิมํ สีลํ อาวุธมุตฺตมํ สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ     :     ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์

         สี ลํ เสตุ มเหสกฺโข สีลํ คนฺโธ อนุตฺตโร สีลํ วิเลปนํ เสฏฺฐํ เยน วาติ ทิโส ทิสํ     :     ศีลเป็นสะพานอันสำคัญ ศีลเป็นกลิ่นที่ไม่มีกลิ่นอื่นยิ่งกว่า ศีลเป็นเครื่องลูบไล้อันประเสริฐสุด เพราะศีล (มีกลิ่น) ขจรไปทั่วทุกทิศ

 หมวดจิต

         จิตฺเตน นียติ โลโก     :     โลกถูกจิตนำไป

         จิตฺตํ ทนฺตํ สุขาวหํ     :     จิตที่ฝึกแล้วนำสุขมาให้

         วิหญฺญตี จิตฺตวสานุวตฺตี     :     ผู้ประพฤติตามอำนาจจิตย่อมลำบาก

         เตลปตฺตํ ยถา ปริหเรยฺย เอวํ สจิตฺตมนุรกฺเข     :     พึงรักษาจิตของตน เหมือนคนประคองบาตรที่เต็มด้วยน้ำมัน

         ยโต ยโต จ ปาปกํ ตโต ตโต มโน นิวารเย     :     ก็บาปเกิดจากอารมณ์ใด ๆ พึงห้ามใจจากอารมณ์นั้น ๆ

         อานาปานสฺสติ ยสฺส อปริปุณฺณา อภาวิตา กาโยปิ อิญฺชิโต โหติ จิตฺตมฺปิ โหติ อิญฺชิตํ     :     สติกำหนดลมหายใจเข้าออก อันผู้ใดไม่อบรมให้บริบูรณ์ ทั้งกายทั้งจิตของผู้นั้นก็หวั่นไหว

         เสโล ยถา เอกฆโน วาเตน น สมีรติ เอวํ นินฺทาปสํสาสุ น สมิญฺชนฺติ ปณฺฑิตา     :     ภูเขาหินแท่งทึบ ไม่สั่นสะเทือนเพราะลมฉันใด บัณฑิตย่อมไม่หวั่นไหวในนินทาและสรรเสริญฉันนั้น

 หมวดกรรม

         สาธุ ปาเปน ทุกฺกรํ     :     ความดี อันคนชั่วทำยาก

         ตญฺจ กมฺมํ กตํ สาธุ ยํ กตฺวา นานุตปฺปติ     :     ทำกรรมใดแล้วไม่ร้อนใจภายหลัง กรรมที่ทำนั้นแลเป็นดี

         ยา ทิสํ วปเต พีชํ ตาทิสํ ลภเต ผลํ กลฺยาณการี กลฺยาณํ ปาปการี จ ปาปกํ     :     บุคคลหว่านพืชเช่นใด ย่อมได้ผลเช่นนั้น ผู้ทำกรรมดี ย่อมได้ผลดี ผู้ทำกรรมชั่ว ย่อมได้ผลชั่ว

         นิสมฺม กรณํ เสยฺโย     :     ใคร่ครวญก่อนแล้วจึงทำดีกว่า

         รกฺเขยฺย อตฺตโน สาธุ ลวณํ โลณตํ ยถา     :     พึงรักษาความดีของตนไว้ ดังเกลือรักษาความเค็ม

         โย ปุพฺเพ กตกลฺยาโณ กตตฺโถ นาวพุชฺฌติ ปจฺฉา กิจฺเจ สมุปฺปนฺเน กตฺตารํ นาธิคจฺฉติ     :     ผู้อื่นทำความดีให้ ทำประโยชน์ให้ก่อน แต่ไม่นึกถึง (บุญคุณ) เมื่อมีกิจเกิดขึ้นภายหลัง จะหาผู้ช่วยทำไม่ได้

 หมวดความตาย

         สพฺพํ เภทปริยนฺติ เอวํ มจฺจาน ชีวิตํ     :     ชีวิตของสัตว์เหมือนภาชนะดิน ซึ่งล้วนมีความสลายเป็นที่สุด

         น มิยฺยมานํ ธนมนฺเวติ กิญฺจิ     :     ทรัพย์สักนิดก็ติดตามคนตายไปไม่ได้

         อฑฺฒา เจว ทฬิทฺทา จ สพฺเพ มจฺจุ ปรายนา     :     ทั้งคนมีคนจน ล้วนมีแต่ความตายเป็นเบื้องหน้า

         ยถา วาริวโห ปูโร วเห รุกฺเข ปกูลเช เอวํ ชราย มรเณน วุยฺ หนฺเต สพฺพปาณิโน     :     ห้วงน้ำที่เต็มฝั่ง พึงพัดต้นไม้ซึ่งเกิดที่ตลิ่งไปฉันใด สัตว์มีชีวิตทั้งปวง ย่อมถูกความแก่และความตายพัดไปฉันนั้น

         อจฺเจนติ กาลา ตรยนฺติ รตฺติโย วโยคุณา อนุปุพฺพํ ชหนฺติ เอตํ ภยํ มรเณ เปกฺขมาโน ปุญฺญานิ กยิราถ สุขาวหานิ     :     กาลย่อมล่วงไป ราตรีย่อมผ่านไป ชั้นแห่งวัยย่อมละลำดับไป ผู้เล็งเห็นภัยในมรณะนั้น พึงทำบุญอันนำความสุขมาให้

 หมวดบุญ

         ปญฺญํ สุขํ ชีวิตสงฺขยมฺหิ     :     บุญนำสุขมาให้ในเวลาสิ้นชีวิต

         ปุญฺญานิ ปรโลกสฺมึ ปติฏฺฐา โหนฺติ ปาณินํ     :     บุญเป็นที่พึ่งของสัตว์ในโลกหน้า

         มาวมญฺเญถ ปุญฺญสฺส น มตฺตํ อาคมิสฺสติ อุทพินฺทุนิปาเตน อุทกุมฺโภปิ ปูรติ อาปูรติ ธีโร บุญฺญสฺส โถกํ โถกํปิ อาจินํ     :     ไม่ควรดูหมิ่นต่อบุญว่ามีประมาณน้อยจักไม่มีมาถึง แม้หม้อน้ำย่อมเต็มได้ด้วยหยาดน้ำที่ตกลงมาฉันใด ผู้มีปัญญาสั่งสมบูญแม้ทีละน้อย ๆ ย่อมเต็มได้ด้วยบุญ ฉันนั้น

         สหาโย อตฺถชาตสฺส โหติ มิตฺตํ ปุนปฺปุนํ สยํ กตานิ ปุญฺญานิ ตํ มิตฺตํ สมฺปรายิกํ     :     สหายเป็นมิตรของคนผู้มีความต้องการเกิดขึ้นบ่อย ๆ บุญทั้งหลายที่ตนทำเองนั้น จะเป็นมิตรในสัมปรายภพ

 หมวดกิเลส

         สงฺกปฺปราโค ปุริสสฺส กาโม     :     ความกำหนัดเพราะดำริ เป็นกามของคน

         น สนฺติ กามา มนุเชสุ นิจฺจา     :     กามทั้งหลายที่เที่ยง ไม่มีในหมู่มนุษย์

         กุหา ถทฺธา ลปา สิงฺคี อุนฺนฬา จาสมาหิตา น เต ธมฺเม วิรูหนฺติ สมฺมาสมฺพุทฺธเทสิเต     :     ผู้คนหลอกลวง เย่อหยิ่ง เพ้อเจ้อ ขี้โอ่ อวดดี และไม่ตั้งมั่น ย่อมไม่งอกงามในธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงแล้ว

         นิทฺทํ น พหุลีกเรยฺย ชาคริยํ ภเชยฺย อาดาปี ตนฺทึ มายํ หสฺสํ ขิฑฺฑํ เมถุนํ วิปฺปชเห สวิภูสํ     :     ผู้มีความเพียรไม่พึงนอนมาก พึงเสพธรรมเครื่องตื่น พึงละความเกียจคร้าน มายา ความร่าเริง การเล่น และเมถุนพร้อมทั้งเครื่องประดับเสีย

         อิ จฺฉาย พชฺฌตี โลโก อิจฺฉาวินยายุ มุจฺจต อิจฺฉาย วิปฺปหาเนน สพฺพํ ฉินฺทติ พนฺธนํ     :     โลกถูกความอยากผูกพันไว้ จะหลุดได้เพราะกำจัดความอยาก เพราะละความอยากเสียได้ จึงชื่อว่าตัดเครื่องผูกทั้งปวงได้

         อุเปกฺขโก สทา สโต น โลเก มญฺญตี สมํ น วิเสสี น นีเจยฺโย ตสฺส โน สนฺติ อุสฺสทา     :     ผู้วางเฉยมีสติทุกเมื่อ ไม่สำคัญตนว่าเสมอเขา ดีกว่าเขา หรือต่ำกว่าเขาในโลก ผู้นั้นชื่อว่า ไม่มีกิเลสเฟื่องฟูขึ้น

         ปุราณํ นาภินนฺเทยฺย นเว ขนฺติมกุพฺพเย หิยฺยมาเน น โสเจยฺย อากาสํ น สิโต สิยา     :     ไม่พึงเพลิดเพลินของเก่า ไม่พึงทำความพอใจในของใหม่ เมื่อสิ่งนั้นเสื่อมไป ก็ไม่พึงเศร้าโศก ไม่พึงอาศัยตัณหา

         มูฬฺโห อตฺถํ น ชานาติ มูฬฺโห ธมฺมํ ปสฺสต อนฺธตมํ ตทา โหติ ยํ โมโห สหเต นรํ     :     ผู้หลงย่อมไม่รู้อรรถ ผู้หลงย่อมไม่เห็นธรรม ความหลงครอบงำคนใดเมื่อใด ความมืดมิดย่อมมีเมื่อนั้น

         ยสฺส นตฺถิ อิทํ เมติ ปเรสํ วาปิ กญฺจนํ มมตฺตํ โส อสํวินฺทํ นตฺถิ เมติ น โสจติ     :     ผู้ใดไม่กังวลว่า นี้ของเรา นี้ของผู้อื่น ผู้นั้น เมื่อไม่ถือว่าเป็นของเรา จึงไม่เศร้าโศกว่าของเราไม่มี ดังนี้

 หมวดบาป

         มลา เว ปาปกา ธมฺมา อสฺมึ โลเก ปรมฺหิ จ     :     บาปธรรมเป็นมลทินแท้ ทั้งโลกนี้และโลกหน้า

         อิธ โสจติ เปจฺจ โสจติ ปาปการี อุภยตฺถ โสจติ โส โสจติ โส วิหญฺญติ ทิสฺวา กมฺมกิลิฏฺฐมตฺตโน     :     ผู้ทำบาป ย่อมเศร้าโศกในโลกนี้ ละไปแล้วก็เศร้าโศก ชื่อว่าเศร้าโศกในโลกทั้งสอง เขาเห็นกรรมอันเศร้าหมองของตน จึงเศร้าโศกและเดือดร้อน

         ปาณิ มฺหิ เจ วโณ นาสฺส หเรยฺย ปาณินา วิสํ นาพฺพณํ วิสมนฺเวติ นตฺถิ ปาปํ อกุพฺพโต     :     ถ้าฝ่ามือไม่มีแผล ก็พึงนำยาพิษไปด้วยฝ่ามือได้ ยาพิษซึมเข้าฝ่ามือไม่มีแผลไม่ได้ฉันใด บาปย่อมไม่มีแก่ผู้ไม่ทำฉันนั้น

         วาณิโชว ภยํ มคฺคํ อปฺปสตฺโถ มหทฺธโน วิสํ ชีวิตุกาโมว ปาปานิ ปริวชฺชเย     :     ควรงดเว้นบาปเสีย เหมือนพ่อค้ามีพวกน้อยมีทรัพย์มาก เว้นหนทางที่มีภัย และเหมือนผู้รักชีวิตเว้นยาพิษเสียฉะนั้น

 หมวดทุกข์

         สงฺขารา ปรมา ทุกฺขา     :     สังขาร เป็นทุกข์อย่างยิ่ง

         ทุราวาสา ฆรา ทุกฺขา     :     เหย้าเรือนที่ปกครองไม่ดี นำทุกข์มาให้

         ทฬิทฺทิยํ ทุกฺขํ โลเก     :     ความจน เป็นทุกข์ในโลก

         อิณาทานํ ทุกฺขํ โลเก     :     การเป็นหนี้ เป็นทุกข์ในโลก

         ทุกฺขํ อนาโถ วิหรติ     :     คนไม่มีที่พึ่ง อยู่เป็นทุกข์

         ทุกฺขํ เสติ ปราชิโต     :     ผู้แพ้ ย่อมอยู่เป็นทุกข์

         อกิญฺจนํ นานุปตนฺติ ทุกฺขา     :     ทุกข์ ย่อมไม่ตกถึงผู้หมดกังวล

         ปิยานํ อทสฺสนํ ทุกฺขํ     :     การพลัดพรากจากสิ่งที่รัก เป็นทุกข์

 หมวดเบ็ดเตล็ด  

         อวนฏฺฐิตจิตฺตสฺส ลหุจิตฺตสฺส ทุพฺภิโน นิจฺจํ อทฺธุวสีลสฺส สุขภาโว น วิชฺชติ     :     เมื่อมีจิตใจไม่หนักแน่น เป็นคนใจเบา มักประทุษร้ายมิตร มีความประพฤติกลับกลอกเป็นนิตย์ ย่อมไม่มีความสุข

         อิตฺถีธุตฺโต สุราธุตฺโต อกฺขธุตฺโต จ โย นโร ลทฺธํ ลทฺธํ วินาเสติ ตํ ปราภวโต มุขํ     :     คนใดเป็นนักเลงหญิง นักเลงสุรา และนักเลงการพนันย่อมล้างผลาญทรัพย์ที่ตนได้แล้ว ๆ, ข้อนั้นเป็นเหตุแห่งผู้ฉิบหาย

         อุป นียติ ชีวิตมปฺปมายุ ํ ชรูปนีตสฺส น สนฺติ ตาณา เอตํ ภยํ มรเณ เปกฺขามาโน โลกามิสํ ปชเห สนฺติเปกฺโข     :     ชีวิตคืออายุอันน้อยนี้ ถูกชรานำเข้าไป เมื่อสัตว์ถูกชรานำเข้าไปแล้ว ย่อมไม่มีเครื่องต้านทาน ผู้เล็งเห็นภัยในมรณะนั้น มุ่งความสงบ พึงละโลกามิสเสีย

         น ปเรสํ วิโลมานิ น ปเรสํ กตากตํ อตฺตโน ว อเวกฺเขยฺย กตานิ อกตานิ จ     :     ไม่ควรฟังคำก้าวร้าวของคนอื่น, ไม่ควรมองดูการงานของคนอื่นที่เขาทำแล้วและยังไม่ได้ทำ, ควรพิจารณาดูแต่การงานของตนที่ทำแล้วและยังไม่ได้ทำเท่านั้น

         ยถา ปิ มูเล อนุปทฺทเว ทฬฺเห ฉินฺโนปิ รุกฺโข ปุนเรว รูหติ เอวฺมปิ ตณฺหานุสเย อนูหเต นิพฺพตฺตติ ทุกฺขมิทํ ปุนปฺปุนํ     :     เมื่อรากยังมั่นคงไม่มีอันตราย ต้นไม้แม้ถูกตัด แล้วย่อมงอกได้อีกฉันใด เมื่อตัณหานุสัยยังไม่ถูกกำจัดแล้ว ทุกข์นี้ย่อมเกิดร่ำไปฉันนั้น

         หิริโอตฺตปฺปญฺเญว โลกํ ปาเลติ สาธุกํ     :     หิริและโอตตัปปะ ย่อมรักษาโลกไว้เป็นอันดี

         โลโกปตฺถมฺภิกา เมตฺตา     :     เมตตาเป็นเครื่องค้ำจุนโลก

         อรติ โลกนาสิกา     :     ความริษยาเป็นเหตุทำโลกให้ฉิบหาย

         อโรคฺยปรมา ลาภา     :     ความไม่มีโรค เป็นลาภอย่างยิ่ง

         กาโล ฆสติ ภูตานิ สพฺพาเนว สหตฺตนา     :     กาลเวลา ย่อมกินสรรพสัตว์พร้อมทั้งตัวมันเอง

         สพฺพญฺจ ปฐวึ ทชฺชา นากตญฺญุมภิราธเย     :     ถึงให้แผ่นดินทั้งหมด ก็ยังคนอกตัญญูให้จงรักไม่ได้

         หนนฺติ โภคา ทุมฺเมธํ     :     โภคทรัพย์ ย่อมฆ่าคนมีปัญญาทราม

         สกฺกาโร กาปุริสํ หนฺติ     :     สักการะ ย่อมฆ่าคนชั่วเสีย

         นตฺถิ โลเก รโห นาม ปาปกมฺมํ ปกุพฺพโต     :     ชื่อว่าที่ลับของผู้ทำบาปกรรม ไม่มีในโลก

          คราวนี้ เพื่อน ๆ ก็ได้รู้จักพุทธศาสนสุภาษิตที่น่าสนใจกันหลายหมวดแล้ว ยังไงเพื่อน ๆ ก็ลองนำพุทธศาสนสุภาษิตเหล่านี้ ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันของเพื่อน ๆ กันดูนะคะ
21  สมาชิก VIP / General Discussion / ข้อคิดเตือนใจ...กับพุทธศาสนสุภาษิตน่ารู้ (ตอนที่1) เมื่อ: กันยายน 07, 2011, 09:16:48 PM
ข้อคิดเตือนใจ...กับพุทธศาสนสุภาษิตน่ารู้



เพราะมนุษย์แทบทั้งหลายยังไม่สามารถตัดกิเลสได้หมดสิ้น จึงต่างยังมี ความโลภ โกรธ หลง ซึ่งบ่อยครั้งความรู้สึกต่าง ๆ นั้น ก็พาให้เกิดการกระทำ และคำพูดที่ไม่ดี แน่นอนว่ามันย่อมส่งผลแย่ทั้งแก่จิตใจของเราเอง และผู้อื่น ดังนั้นเพื่อเป็นการเตือนสติให้ระลึกอยู่เสมอในการทำสิ่งใด ๆ เราจึงได้คัดสรร พุทธศาสนสุภาษิตน่ารู้ มาฝากเพื่อน ๆ กัน

          ทั้งนี้ พุทธศาสนสุภาษิต คือ คำสอนทางพระพุทธศาสนาที่เป็นเหมือนข้อคิด ข้อเตือนใจ ซึ่งจากคำสอนเหล่านี้ เราสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ตนเอง และคนรอบข้างได้ดีอีกด้วย ถ้าอยากรู้ข้อคิดดี ๆ ในการดำเนินชีวิตจาก พุทธศาสนสุภาษิตน่ารู้ แล้วล่ะก็ ตามมากันเลยจ้า....

 หมวดธรรมะเบื้องต้น

         อุฏฺฐาตา วินฺทเต ธนํ     :     คนขยัน  ย่อมหาทรัพย์ได้

         พาโล อปริณายโก     :     คนโง่ คนพาล ไม่ควรเป็นผู้นำ

         อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ     :     ตนเป็นที่พึ่งของตน

         ปญฺญาว ธเนน เสยฺโย     :     ปัญญาย่อมประเสริฐกว่าทรัพย์

         อตฺตา หเว ชิตํ เสยฺโย     :     ชนะตนนั่นแหละประเสริฐกว่า

         ยถาวาที ตถาการี     :     พูดอย่างไร ทำได้อย่างนั้น

         สจฺจํ เว อมตา วาจา     :     คำจริงเป็นสิ่งไม่ตาย

         อิณาทานํ ทุกขํ โลเก     :     การกู้หนี้ เป็นทุกข์ในโลก

         อตฺตานํ ทมยนฺติ ปณฺฑิตา     :     บัญฑิตย่อมฝึกตน

         ททมาโน ปิโย โหติ     :     ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก

         จเช ธนํ องฺควรสฺส เหตุ องฺคํ จเช ชีวิตํ รกฺขมาโน องฺคํ ธนํ ชีวิตญฺจาปิ สพฺพํ จเช นโร ธมฺมมนุสฺสรนฺโต     : พึงสละทรัพย์เพื่อรักษาอวัยวะ, เมื่อรักษาชีวิตพึงสละอวัยวะ เมื่อคำนึงถึงธรรม พึงสละอวัยวะ ทรัพย์ และแม้ชีวิตทุกอย่าง

 หมวดบุคคล

         ธมฺมเทสฺสี ปราภโว     :     ผู้เกลียดธรรม เป็นผู้เสื่อม

         ปริภูโต มุทุ โหติ อติติกฺโข จ เวรวา     :     อ่อนไป...ก็ถูกเขาหมิ่น แข็งไป...ก็มีภัยเวร

         นตฺถิ โลเก อนินฺทิโต     :     ผู้ไม่ถูกนินทา ไม่มีในโลก

         ทุวิชาโน ปราภโว     :     ผู้มีความรู้ในทางชั่ว เป็นผู้เสื่อม

         โจรา โลกสฺมิมพฺพุทา     :     พวกโจรเป็นเสนียดของโลก

         ธมฺมกาโม ภวํ โหติ     :     ผู้ชอบธรรม เป็นผู้เจริญ

         ครุ โหติ สคารโว     :     ผู้เคารพผู้อื่น ย่อมมีผู้เคารพตนเอง

         เอวํ กิจฺฉาภโต โปโส ปิตุ อปริจารโก ปิตริมิจฺฉาจริตฺวาน นิรยํ โส อุปปชฺชติ     :     ผู้ที่มีมารดาบิดาเลี้ยงมา ได้โดยยากอย่างนี้ ไม่บำรุงมารดาบิดา ประพฤติผิดในมารดาบิดา ย่อมเข้าถึงนรก

         มธุ วา มญฺญตี พาโล ยาว ปาปํ น ปจฺจติ ยทา จ ปจฺจตี ปาปํ อถ ทุกฺขํ นิคจฺฉติ     :     ตราบเท่าที่บาปยังไม่ให้ผล คนเขลายังเข้าใจว่ามีรสหวาน แต่บาปให้ผลเมื่อใด คนเขลาย่อมประสบทุกข์เมื่อนั้น

         ยสฺส รุกฺขสฺส ฉายาย นิสีเทยฺย สเยยฺย วา น ตสฺส สาขํ ภญฺเชยฺย มิตฺตทุพฺโพ หิ ปาปโก     :     บุคคลนั่งหรือนอน (อาศัย) ที่ร่มเงาตันไม้ใด ไม่ควรรานกิ่งต้นไม้นั้น เพราะผู้ประทุษร้ายมิตร เป็นคนเลวทราม

         โรสโก กทริโย จ ปาปิจฺโฉ มจฺฉรี สโฐ อหิริโก อโนตฺตปฺปี ตํ ชญฺญา วสโล อิติ     :     ผู้ใดเป็นคนขัดเคือง เหนียวแน่น ปรารถนาลามก ตระหนี่ โอ้อวด ไม่ละอาย และไม่เกรงกลัวบาป พึงรู้ว่า ผู้นั้นเป็นคนเลว

         โสจติ ปุตฺเตหิ ปุตฺติมา โคมิโก โคหิ ตเถว โสจติ อุปธีหิ นรสฺส โสจนา น หิ โส โสจติ โย นิรูปธิ     :     ผู้มีบุตรย่อมเศร้าโศกเพราะบุตร, ผู้มีโคย่อมเศร้าโศกเพราะโคเหมือนกัน, นรชนมีความเศร้าโศกเพราะอุปธิ, ผู้ใด ไม่มีอุปธิ ผู้นั้น ไม่ต้องเศร้าโศกเลย

 หมวดการศึกษา-ปัญญา

         หินชจฺโจปิ เจ โหติ อุฏฺฐาตา ธิติมา นโร อาจารสีลสมฺปนฺโน นิเส อคฺคีว ภาสติ     :     คนเราถึงมีชาติกำเนิดต่ำ แต่หากขยันหมั่น เพียร มีปัญญาประกอบด้วยอาจาระ และ ศีล ก็รุ่งเรืองได้ เหมือนไฟถึงอยู่ในคืนมืดก็สว่างไสว

         สากจฺฉาย ปญฺญา เวทิตพฺพา     :     ความมีปัญญา ย่อมรู้ได้จากการสนทนา

         ทา โส ว ปญฺญาสฺส ยสสฺสิ พาโล อตฺเถสุ ชาเตสุ ตถาวิเธสุ ยํ ปณฺฑิโต นิปุณํ สํวิเธติ สมฺโมหมาปชฺชติ ตตฺถ พาโล     :     คนเขลามียศศักดิ์ ก็เป็นทาสของคนมีปัญญา, เมื่อเรื่องราวต่าง ๆ เกิดขึ้น คนฉลาดจัดการข้อใดได้แนบเนียน คนเขลาถึงความงมงายในข้อนั้น

 หมวดวาจา

         นา ติเวลํ ปภาเสยฺย นตุณหี สพฺพทา สิยา อวิกิณฺ มิตํ วาจํ ปตฺเตกาเล อุทีริเย     :     ไม่ควรพูดจนเกินกาล ไม่ควรนิ่งเสมอไป เมื่อถึงเวลาก็ควรพูดพอประมาณ ไม่ฟั่นเฝือ

         ปรสฺส วา อตฺตโน วาปิ เหตุ น ภาสติ อลิกํ ภูริปญฺโญ โส ปูชิโต โหติ สภาย มชฺเฌ ปจฺฉาปิ โส สุคติคามิ โหติ     :     ผู้มีภูมิปัญญา ย่อมไม่พูดพล่อย ๆ เพราะเหตุแห่งคนอื่น หรือตนเอง ผู้นั้นย่อมมีผู้บูชาในท่ามกลางชุมชน (สภา) แม้ภายหลังเขาย่อมไปสู่สุคติ

         ยํ พุทฺโธ ภาสตี วาจํ เขมํ นิพฺพานปตฺติยา ทุกฺขสฺสนฺตกิริยาย สา เว วาจานมุตฺตมา     :     พระพุทธเจ้าตรัสพระวาจาใด เป็นคำปลอดภัย เพื่อบรรลุพระนิพพาน และเพื่อทำที่สุดทุกข์, พระวาจานั้นแล เป็นสูงสุดแห่งวาจาทั้งหลาย

 หมวดความอดทน

         ขนฺติ ตโป ตปสฺสิโน     :     ความอดทน เป็นตปะ (ตบะ) ของผู้พากเพียร

         ขนฺติ สาหสวารณา     :     ความอดทน ห้ามไว้ได้ซึ่ง ความผลุนผลัน

         มนาโป โหติ ขนฺติโก     :     ผู้มีความอดทน ย่อมเป็นที่ชอบใจของบุคคลอื่น

         เกวลานํปิ ปาปานํ ขนฺติ มูลํ นิกนฺตติ ครหกลหาทีนํ มูลํ ขนฺติ ขนฺติโก     :     ความอดทน ย่อมตัดรากแห่งบาปทั้งสิ้น , ผู้มีขันติ ชื่อว่า ย่อมขุดรากแห่งความ ติเตียน และ การทะเลาะกันได้ เป็นต้น

         ขนฺติโก เมตฺตวา ลาภี ยสสฺสี สุขสีลวา ปิโย เทวมนุสฺสานํ มนาโป โหติ ขนฺติโก     :     ผู้มีความอดทน นับว่ามีเมตตา มีลาภ มียศ และ มีสุขเสมอ , ผู้มีความอดทน ย่อมเป็นที่รัก ชอบใจของเทวดา และ มนุษย์ทั้งหลาย

         อตฺตโนปิ ปเรสญฺจ อตฺถาวโห ว ขนฺติโก สคฺคโมกฺขคมํ มคฺคํ อารุฬฺโห โหติ ขนฺติโก     :     ผู้มีขันติ ชื่อว่านำประโยชน์มาให้ ทั้งแก่ตนทั้งแก่ผู้อื่น ผู้มีขันติ ชื่อว่าเป็นผู้ขึ้นสู่ทางไปสวรรค์และนิพพาน

 หมวดความเพียร

         ขโณ โว มา อุปจฺจคา     :     อย่าปล่อยกาลเวลาให้ล่วงไปโดยเปล่าประโยชน์

         หิยฺโยติ หิยฺยติ โปโส ปเรติ ปริหายติ     :     คนที่ผลัดวันว่าพรุ่งนี้ ย่อมเสื่อม ยิ่งผลัดว่ามะรืนนี้ ก็ยิ่งเสื่อม

         กาลคตญฺจ น หาเปติ อตฺถํ     :     คนขยัน พึงไม่ให้ประโยชน์ที่มาถึงแล้วผ่านไปโดยเปล่า

         โภคา สนฺนิตยํ ยนฺติ วมฺมิโกวูปจียติ     :     ค่อย ๆ เก็บรวบรวมทรัพย์ ดังปลวกก่อจอมปลวก

         อตีตํ นานฺวาคเมยฺนย นปฺปฏิกงฺเข อนาคตํ     :     อย่ารำพึงถึงความหลัง อย่ามัวหวังถึงอนาคต

         อสเมกฺขิตกมฺมนฺตํ ตุริตาภินิปาตินํ ตานิ กมฺมานิ ตปฺเปนฺติ อุณฺหํ วชฺโฌหิตํ มุเข     :     ผู้ที่ทำการงานลวก ๆ โดยมิได้พิจารณาใคร่ครวญให้ดี เอาแต่รีบร้อนพรวดพราดจะให้เสร็จ การงานเหล่านั้น ก็จะก่อความเดือดร้อนให้ เหมือนตักอาหารที่ยังร้อนใส่ปาก

         อชฺช สุวติ ปุริโส สทตฺทํ นาวพุชฺฌติ โอวชฺชมาโน กุปฺปติ เสยฺยโส อติมญฺญติ     :     คนที่ไม่รู้จักประโยชน์ตนว่า อะไรควรทำวันนี้ อะไรควรทำพรุ่งนี้ ใครตักเตือนก็โกรธ เย่อหยิ่ง ถือดีว่า ฉันเก่ง ฉันดี คนอย่างนี้ เป็นที่ชอบใจของกาฬกิณี

         หิยฺโยติ หิยฺยติ โปโส ปเรติ ปริหายติ อนาคตํ เนตมตฺถีติ ญตฺวา อุปฺปนฺนจฺฉนฺทํ โก ปนุเทยฺย ธีโร     :     มัวรำพึงถึงความหลัง ก็มีแต่จะหดหาย มัวหวังวันข้างหน้า ก็มีแต่จะละลาย อันใดยังไม่มาถึง อันนั้นก็ยังไม่มี รู้อย่างนี้แล้ว เมื่อมีฉันทะเกิดขึ้น คนฉลาดที่ไหนจะปล่อยให้หายไปเปล่า

         อปฺปเกนปิ เมธาวี ปาภเฏน วิจกฺขโณ สมุฏฺฐาเปติ อตฺตานํ อณุ อคคึว สนฺธมํ     :     ผู้มีปัญญาเฉลียวฉลาดย่อมตั้งตนได้ด้วยต้นทุนแม้น้อย เหมือนคนก่อไฟน้อยขึ้นฉะนั้น

         อฏฺฐา ตา กมฺมเธยฺเยสุ อบฺปมตฺโต วิธานวา สมํ กปฺเปติ ชีวิตํ สมภตํ อนุรกฺขติ     :     ผู้ขยันในหน้าที่การงาน ไม่ประมาท เข้าใจเลี้ยงชีพพอสมควร จึงรักษาทรัพย์ที่หามาได้

         โย จ วสฺสสตํ ชีเว กุสีโต หีนวีริโย เอกาหํ ชีวิตํ เสยฺโย วิริยํ อารภโต ทฬฺหํ     :     ผู้เกียจคร้าน มีความเพียรเลว พึงเป็นอยู่ตั้งร้อยปี ส่วนผู้ปรารภความเพียรมั่นคง มีชีวิตอยู่เพียงวันเดียวก็ประเสริฐกว่า

 หมวดความโกรธ

         โกโธ สตฺถมลํ โลเก     :     ความโกรธเป็นดังสนิมในโลก

         ยํ กุทฺโธ อุปโรเธติ สุกรํ วิย ทุกฺกรํ     :     ผู้โกรธจะผลาญสิ่งใด สิ่งนั้นทำยากก็เหมือนทำง่าย

         อปฺโป หุตฺวา พหุ โหติ วฑฺฒเต โส อขนฺติโช     :     ความโกรธน้อยแล้วมาก มันเกิดจากความไม่อดทน จึงทวีขึ้น

         ปจฺฉา โส วิคเต โกเธ อคฺคิทฑฺโฒว ตปฺปติ     :     ภายหลังเมื่อความโกรธหายแล้ว เขาย่อมเดือดร้อน เหมือนถูกไฟไหม้

         อนฺธตมํ ตทา โหติ ยํ โกโธ สหเต นรํ     :     ความโกรธครอบงำนรชนเมื่อใด ความมืดมนย่อมมีขึ้นเมื่อนั้น

  หมวดการชนะ


         ชิเน กทริยํ ทาเนน     :     พึงชนะคนตระหนี่ด้วยการให้

         อสาธํ สาธุนา ชิเน     :     พึงชนะคนไม่ดี ด้วยความดี

         อกฺโกเธน ชิเน โกธํ     :     พึงชนะคนโกรธ ด้วยความไม่โกรธ

         สจฺเจนาลิกวาทินํ     :     พึงชนะคนพูดปดด้วยคำจริง

 หมวดประมาท

         เย ปมตฺตา ยถา มตา     :     ผู้ประมาท เหมือนคนตายแล้ว

         เต ทีฆรตฺตํ โสจนฺติ เย ปมชฺชนฺติ มาณวา     :     คนประมาท ย่อมเศร้าโศกสิ้นกาลนาน

         โย จ ปุพฺเพ ปมชฺชิตฺวา ปจฺฉา โส นปฺปมชฺชติ โสมํ โลกํ ปภาเสติ อพฺภา มุตฺโต ว จนฺทิมา     :     เมื่อก่อนประมาท ภายหลังไม่ประมาท เขาชื่อว่ายังโลกนี้ให้สว่าง เหมือนพระจันทร์พ้นจากเมฆหมอกฉะนั้น

         ยญฺหิ กิจฺจํ ตทปวิทฺธํ อกิจฺจํ ปน กยีรติ อุนฺนฬานํ ปมตฺตานํ เตสํ วฑฺฒนฺติ อาสวา     :     คนทอดทิ้งกิจที่ควรทำ ไปทำกิจที่ไม่ควรทำ เมื่อเขาถือตัวประมาท อาสวะย่อมเจริญ

         พหุมฺปิ เจ สํหิต ภาสมาโน น ตกฺกโร โหติ นโร ปมตฺโต โคโปว คาโว คณยํ ปเรสํ น ภาควา สามญฺญฺสฺส โหติ     :     หากกล่าวพุทธพจน์ได้มาก แต่เป็นคนประมาท ไม่ทำตามพุทธพจน์นั้น ก็ไม่มีส่วนแห่งสามัญญผล เหมือนคนเลี้ยงโค คอยนับโคให้ผู้อื่นฉะนั้น

 หมวดไม่ประมาท

         อปฺปมาทรตา โหถ     :     ท่านทั้งหลายจงเป็นผู้ยินดีในความไม่ประมาท

         อปฺปมาทญฺจ เมธาวี ธนํ เสฏฺฐฺ รกฺขติ     :     ปราชญ์ย่อมรักษาความไม่ประมาทไว้ เหมือนทรัพย์ประเสริฐสุด

         อุฏฺฐฺานวโต สติมโต สุจิกมฺมสฺส นิสมฺมการิโน สญฺญฺตสฺส จ ธมฺมชีวิโน อปฺปมตฺตสฺส ยโสภิวฑฺฒติ     :     ยศย่อมเจริญแก่ผู้มีความหมั่น มีสติ มีการงานสะอาด ใคร่ครวญแล้วทำ ระวังดีแล้ว เป็นอยู่โดยธรรม และไม่ประมาท

         อปฺปมาทรตา โหถ สจิตฺตมนุรกฺขถ ทุคฺคา อุทฺธรถตฺตานํ ปงฺเก สนฺโนว กุญฺชโร     :     ท่านทั้งหลายจงยินดีในความไม่ประมาท จงตามรักษาจิตของตน จงถอนตนขึ้นจากหล่มคือกิเลสที่ถอนได้ยาก เหมือนช้างที่ตกหล่ม ถอนตนขึ้น ฉะนั้น

         อุฏฺฐาเนนปฺปมาเทน สญฺญเมน ทเมน จ ทีปํ กยิราถ เมธาวี ยํ โอโฆ นาภิกีรติ     :     ผู้มีปัญญา พึงสร้างเกาะที่น้ำหลากมาท่วมไม่ได้ ด้วยความหมั่น ความไม่ประมาท ความสำรวมระวัง และความข่มใจ

         อปฺปมตฺโต ปมตฺเตสฺ สุตฺเตสุ พหุชาคโร อพลสฺสํว สีฆสฺโส หิตฺวา ยาติ สุเมธโส     :     คนมีปัญญาดีไม่ประมาทในเมื่อผู้อื่นประมาท มักตื่นในเมื่อผู้อื่นหลับ ย่อมละทิ้งคนนั้น เหมือนม้าฝีเท้าเร็ว ทิ้งม้าไม่มีกำลังไป ฉะนั้น

 หมวดตน-การฝึกตน

         อตฺตา หเว ชิตํ เสยฺโย     :     ชนะตนนั่นแหละ เป็นดี

         ลพฺภา ปิยา โอจิตฺเตน ปจฺฉา     :     ตระเตรียมตนให้ดีเสียก่อนแล้ว ต่อไปจะได้สิ่งอันเป็นที่รัก

         ยทตฺตครหิ ตทกุพฺพมาโน     :     ติตนเองเพราะเหตุใด ไม่ควรทำเหตุนั้น

         สทตฺถปสุโต สิยา     :     พึงขวนขวายในเป้าหมายของตน

         กลฺยาณํ วต โภ สกฺขิ อตฺตานํ อติมญฺญสิ     :     ท่านเอ๋ย ! ท่านก็สามารถทำดีได้ ไยจึงมาดูหมิ่นตัวเองเสีย

         สนาถา วิหรถ มา อนาถา     :     จงอยู่อย่างมีหลักยึดเหนี่ยวใจ อย่าเป็นคนไร้ที่พึ่ง

         ปเร สํ หิ โส วชฺชานิ โอปุนาติ ยถาภุสํ อตฺตโน ปน ฉาเทติ กลึว กิตวา สโฐ     :     โทษคนอื่นเที่ยวกระจาย เหมือนโปรยแกลบ แต่โทษตนปิดไว้ เหมือนพรานนกเจ้าเล่ห์แฝงตัวบังกิ่งไม้

         อตฺตตฺถปัญฺญา อสุจี มนุสฺสา     :     มนุษย์ผู้เห็นแก่ประโยชน์ตน เป็นคนไม่สะอาด

         อตฺตานญฺเจ ตถา กยิรา ยถญฺญมนุสาสติ     :     ถ้าพร่ำสอนผู้อื่นฉันใด ก็ควรทำตนฉันนั้น

 หมวดมิตร

         มาตา มิตฺตํ สเก ฆเร     :     มารดาเป็นมิตรในเรือนตน

         พฺรหฺมาติ มาตาปิตโร     :     มารดาบิดา ท่านเรียกว่าเป็นพรหม

         มิตฺตทุพฺโก หิ ปาปโก     :     ผู้ประทุษร้ายมิตรเป็นคนเลวแท้

         ภริยา ปรมา สขา     :     ภริยาเป็นเพื่อนสนิท

         นตฺถ พาเล สหายตา     :     ความเป็นสหายไม่มีในคนพาล

         สเจ ลเภถ นิปกํ สหายํ จเรยฺย เตนตฺตมโน สติมา โน เจ ลเภถ นิปกํ สหายํ เอโก จเร น จ ปาปานิ กยิรา     :     ถ้าได้สหายผู้รอบคอบ พึงพอใจมีสติเที่ยวไปกับเขา ถ้าไม่ได้สหายผู้รอบคอบ พึงเที่ยวไปคนเดียว และไม่พึงทำความชั่ว

 หมวดการคบหา

         ยํ เว เสวติ ตาทิโส     :     คบคนเช่นใด ย่อมเป็นคนเช่นนั้น

         วิสฺสาสา ภยมนฺเวติ     :     เพราะความไว้ใจภัยจึงตามมา

         อติจิรํ นิวาเสน ปิโย ภวติ อปฺปิโย     :     เพราะอยู่ด้วยกันนานเกินไป คนที่รักกันก็มักหน่าย

         ทุกฺโข พาเลหิ สํวาโส อมิเตเนว สพฺพทา     :     อยู่ร่วมกับคนพาลนำทุกข์มาให้เสมอไป เหมือนอยู่ร่วมกับศัตรู

         ธีโร จ สุขสํวาโส ญาตีนํว สมาคโม     :     อยู่ร่วมกับปราชญ์นำสุขมาให้ เหมือนสมาคมกับญาติ

         สงฺเกเถว อมิตฺตสฺมึ มิตฺตสฺมิมฺปิ น วิสฺสเส     :     ควรระแวงในศัตรู แม้ในมิตรก็ไม่ควรไว้ใจ

         ตครํ ว ปลาเสน โย นโร อุปนยฺหติ ปตฺตาปิ สุรภี วายนฺติ เอวํ ธีรูปเสวนา     :     คนห่อกฤษณาด้วยใบไม้ แม้ใบไม้ก็หอมไปด้วยฉันใด การคบกับนักปราชญ์ก็ฉันนั้น

         ปูติมจฺฉํ กุสคฺเคน โย นโร อุปนยฺหติ กุสาปิ ปูติ วายนฺติ เอวํ พาลูปเสวนา     :     คนห่อปลาเน่าด้วยใบหญ้าคา แม้หญ้าคาก็พลอยเหม็นเน่าไปด้วยฉันใด การคบคนพาลก็ฉันนั้น

 หมวดการสร้างตัว

         อลาโภ ธมฺมิโก เสยฺโย ยญฺเจ ลาโภ อธมฺมิโก     :     ถึงไม่ได้ แต่ชอบธรรม ยังดีกว่าได้โดยไม่ชอบธรรม

         ปฏิรูปการี ธุรวา อุฏฺฐาตา วินฺทเต ธนิ     :     ขยัน เอาธุระ ทำเหมาะจังหวะ ย่อมหาทรัพย์ได้

         โภคา สนุนิจยํ ยนฺติ วมฺมิโกวูปจียติ     :     ทรัพย์สินย่อมพอกพูนขึ้นได้ เหมือนดังก่อจอมปลวก

         อนากุลา จ กมฺมนฺตา เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ     :     การงานไม่คั่งค้างสับสน เป็นมงคลอย่างสูงสุด

         น หิ จินฺตามยา โภคา อิตฺถิยา ปุริสสฺส วา     :     โภคะของใคร ไม่ว่าสตรีหรือบุรุษ ที่จะสำเร็จเพียงด้วยคิดเอา ย่อมไม่มี

         สกมฺมุนา โหติ ผลูปปตฺติ     :     ความอุบัติแห่งผล ย่อมมีได้ด้วยการกระทำของตน

         ยหึ ชีเว ตหึ คจฺเฉ น นิเกตหโต สิยา     :     ชีวิตจะอยู่ได้ที่ไหน พึงไปที่นั้น ไม่พึงให้ที่อยู่ฆ่าตนเสีย

 
22  สมาชิก VIP / ข่าวตลาดทอง / “บิ๊กซี”ยื่นฟ้อง“โลตัส”แทรกแซงกิจการ เรียกค่าเสียหาย415ล้านบาท เมื่อ: สิงหาคม 15, 2011, 04:09:26 PM
“บิ๊กซี”ยื่นฟ้อง“โลตัส”แทรกแซงกิจการ เรียกค่าเสียหาย415ล้านบาท

หนังสือพิมพ์แนวหน้า -- จันทร์ที่ 15 สิงหาคม 2554 15:17:27 น.
นายกุฎาธาร นาควิโรจน์ ผู้อำนวยการฝ่ายองค์กรสัมพันธ์ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ผู้บริหารห้างค้าปลีก “บิ๊กซี” กล่าวว่า วันนี้(15 ส.ค.) บริษัทได้ยื่นคำฟ้องต่อศาลแพ่ง กรณีบริษัทเอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม ผู้บริหารธุรกิจห้างค้าปลีกเทสโก้ โลตัส ฐานกระทำการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) แข่งขันทางการค้า 2542 และการแทรกแซงการประกอบธุรกิจของผู้อื่น เรียกค่าเสียหายรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 415.67 ล้านบาท

นายกุฎาธาร กล่าวว่า บริษัทเอกชัยฯ ได้กระทำการละเมิดสิทธิทางการค้าและการตลาดของบริษัท ด้วยการนำสัญลักษณ์ เครื่องมือ และกลไกตลาดของบริษัทไปใช้ในการจัดแคมเปญโฆษณาและส่งเสริมการขาย เพื่อประโยชน์ของตน ด้วยการออกโฆษณาให้ผู้บริโภคที่ถือบัตรสมาชิกคาร์ฟูร์ไอวิช ส่งข้อความสั้น(เอสเอ็มเอส) ไปยังห้างเทสโก้ฯ เพื่อรับบัตรกำนัล และให้พนักงานยืนแจกแผ่นพับโฆษณาดังกล่าวในบริเวณใกล้สถานประกอบการของ บิ๊กซีหลายสาขา ซึ่งสร้างความเสียหายให้แก่บริษัท บิ๊กซีฯ ซึ่งเป็นผู้เข้าซื้อกิจการของบริษัท เซ็นคาร์ ผู้ดำเนินธุรกิจค้าปลีกห้างคาร์ฟูร์(เดิม) ในประเทศไทย ถึง 2 ครั้ง คือ ในเดือน ก.พ.-ก.ค.ปีนี้

สำหรับค่าเสียหายดังกล่าว บริษัทได้คำนวณจากผลกระทบทางธุรกิจที่เกิดขึ้น จากการที่ธุรกิจสูญเสียรายได้ระหว่างเดือน ก.พ.ถึงเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา และความเสียหายที่กระทบกับภาพลักษณ์ของบริษัท ซึ่งได้ยื่นฟ้องร้องบริษัทเอกชัยฯ รวมแล้ว 2 คดี คือ คดีแรกได้ร้องเรียนต่อคณะกรรมการแข่งขันทางการค้า กระทรวงพาณิชย์ กรณีบริษัทเอกชัย ฯ กระทำการฝ่าฝืน พ.ร.บ.แข่งขันทางการค้า 2542 เมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา และทางคณะกรรมการแข่งขันทางการค้า จะเรียกคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่ายไปให้ข้อมูลในเร็วๆนี้ และกรณีล่าสุดได้ยื่นกับศาลแพ่งดังกล่าว

"เบื้องต้นบริษัทจะฟ้องร้องบริษัทเอกชัยฯแค่ 2 คดีเท่านั้น แต่ถ้าบริษัทเอกชัยฯ ไม่หยุดกระทำการที่ก่อให้เกิดความเสียหายกับบริษัทอีก ก็จะเดินหน้าฟ้องร้องในคดีอื่นๆต่อไป โดยการยื่นฟ้องบริษัทเอกชัยฯ ในกรณีดังกล่าวกับศาลแพ่งนั้น ถือเป็นกรณีศึกษาครั้งแรกของไทย เพราะที่ผ่านมายังไม่เคยมีการฟ้องร้องในลักษณะนี้” นายกุฎาธาร กล่าว

ด้านนายดามพ์ สุคนธทรัพย์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทยังไม่ทราบรายละเอียดใดๆต่อกรณีฟ้องร้องดังกล่าว ถ้าได้รับหมายศาลแล้วก็พร้อมจะชี้แจงข้อมูลต่างๆในขั้นตอนต่อไป
23  สมาชิก VIP / General Discussion / 5 ความเสี่ยงที่ควรรู้ก่อนซื้อคอนโดฯปล่อยเช่า เมื่อ: สิงหาคม 15, 2011, 09:19:01 AM
5 ความเสี่ยงที่ควรรู้ก่อนซื้อคอนโดฯปล่อยเช่า



5 ความเสี่ยงที่ควรรู้ก่อนซื้อคอนโดฯปล่อยเช่า
ทุกการลงทุนไม่เพียงให้ผลตอบแทนงามๆ แต่ยังมีความเสี่ยงที่เราต้องเรียนรู้ด้วย การซื้อคอนโดมิเนียมเพื่อปล่อยเช่าก็เช่นกัน มาดูว่ามีอะไรบ้าง

O ไม่มีผู้เช่า

หากไม่มีผู้เช่าอย่างที่เราคาดหวัง คุณต้องประเมินกำลังตัวเองก่อนว่า มีความสามารถในการผ่อนรายเดือนไหวหรือไม่ โดยปกติความสามารถในการผ่อนชำระคิดง่ายๆ โดยนำรายได้ต่อเดือนมาหักค่าใช้จ่ายประจำ เช่น ค่าผ่อนรถ ผ่อนบ้านหลังเก่า จ่ายบัตรเครดิต เหลือเท่าไร 40% ของเงินที่เหลือทั้งหมด คือ ความสามารถในการผ่อนชำระของเรา นอกจากค่าผ่อนแล้วอย่าลืมมองเรื่องค่าใช้จ่ายการบริการจัดการทรัพย์สินส่วนกลาง และสิ่งอำนวยความสะดวกภายในอาคาร มีอัตราการเรียกเก็บเหมาะสมสอดคล้องกับรายจ่ายซึ่งเกิดขึ้นอย่างเพียงพอหรือ ไม่ ซึ่งปกติจะเรียกเก็บที่ 20-50 บาทต่อตารางเมตรครับ

O ซัพพลายมีมาก

นอกจากนั้น การที่มีจำนวน "ซัพพลาย" หรือโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ที่สร้างเสร็จออกมาสู่ตลาดเพิ่มขึ้น จึงเป็นเหตุให้เกิดปรากฏการณ์การแข่งขันเพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งจำนวนผู้เช่าเกิดขึ้นในทุกพื้นที่ที่เป็นแหล่งชุมชน ซึ่งในท้ายที่สุด อาจส่งผลกระทบเนื่องต่อเนื่องไปสู่นักลงทุนในแง่ของโอกาส ที่เปิดกว้างสำหรับผู้เช่าที่จะมีทางเลือกในการตัดสินใจมากขึ้นเนื่องจากการเกิด Over supply ในหลายพื้นที่ ตลอดจนการหมุนเวียนเปลี่ยนแปลงที่อยู่ของผู้เช่าไปสู่ที่พักอาศัยใหม่ๆ ที่สมบูรณ์พร้อมกว่า จะทำให้แนวโน้มของผลตอบแทนจากค่าเช่าปรับตัวลดลงได้ในอนาคต

O สภาพคล่อง

การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ เป็นการลงทุนที่มีสภาพคล่องที่ต่ำเนื่องจากอสังหาริมทรัพย์จะสามารถแปรเป็น เงินสดได้ยาก และช้ากว่าเมื่อเปรียบเทียบกับการลงทุนหรือการออมในรูปของเงิน ฝาก เงินลงทุนในกองทุน หุ้น หรือทองคำลงทุนในอสังหาริมทรัพย์นั้น นักลงทุนจะต้องเป็นผู้ที่สามารถรักษาสภาพคล่องของตนเองได้ดีพอสมควร

O เลือก Developer ไม่ถี่ถ้วน

ถ้าเลือกผู้พัฒนาโครงการไม่ดีก็เป็นความเสี่ยงเช่นกัน ฉะนั้น เราก็ต้องเลือกผู้พัฒนาโครงการที่มีชื่อเสียง ผมยกตัวอย่างง่ายๆ ว่า ถ้าเราผ่อนกับโครงการไปได้ระยะหนึ่งแล้ว เกิดโครงการเจ๊งขึ้นมาเราก็แย่ หรือสร้างเสร็จไม่ทันกำหนด ความเสี่ยงก็จะตกอยู่กับเรา

Oเป็นการลงทุนที่จุกจิก

อีกประการหนึ่งเป็นเรื่องของการค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน ในอสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการดูแลรักษา ซ่อมบำรุง และอาจรวมไปถึงต้นทุนของการลงทุนในเฟอร์นิเจอร์ เครื่องปรับอากาศ และเครื่องใช้ไม้สอยต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับอสังหาริมทรัพย์นั้นๆ เป็นการลงทุนที่มีรายละเอียดถี่ถ้วน และมีปัญหาหยุมหยิมเกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นน้ำไม่ไหล ไฟดับ ผู้เช่าผัดผ่อนหรือเบี้ยวค่าเช่า และบางครั้งอาจจะถึงขั้นต้องแปรสภาพจากนักลงทุนมาเป็นผู้ไกล่เกลี่ยปัญหา
24  สมาชิก VIP / General Discussion / จัดระเบียบเอกสาร เพื่อประโยชน์ตัวเอง&ลูกหลานในอนาคต เมื่อ: สิงหาคม 15, 2011, 09:04:16 AM
จัดระเบียบเอกสาร เพื่อประโยชน์ตัวเอง&ลูกหลานในอนาคต



"เอกสาร"คือสิ่งที่สำคัญเทียบได้กับอวัยวะชิ้นที่ 33ถ้าวันนี้คุณยังปล่อยปะละเลย มาลงมือจัดระเบียบเอกสารกันดีกว่าเพื่อประโยชน์ในอนาคตของตัวเอง

ตลอดชีวิตตั้งแต่เกิดจนตาย "เอกสาร" อาจเทียบได้กับอวัยวะชิ้นที่ 33 ของมนุษย์ที่ต้องมีติดตัวติดบ้านตลอดเวลา เพราะนอกจากใช้แสดงสถานะภาพแล้ว เอกสารยังใช้ระบุตัวตนพิสูจน์ความเป็นเจ้าของสินทรัพย์กับผลประโยชน์ที่บุคคลทำธุรกรรมไว้

จึงไม่ฉลาดเลย หากคนไทยทั่วไปละเลยเอกสารสำคัญ ที่เกี่ยวข้องทางตรงและทางอ้อมกับการเงิน โดยไม่บอกญาติให้รับรู้ เพื่อรับผลประโยชน์อันควรได้ ในยามที่เจ้าของเอกสารต้องจากไปอย่างกะทันหัน

Fundamentals ฉบับนี้ จึงหยิบเรื่อง "เอกสารจำเป็นต้องรู้ต้องใช้ก่อนสิ้นลม" ของวอลล์ตรีท เจอร์นัล มานำเสนอ หวังกระตุ้นคนไทยตื่นตัวเก็บเอกสารสำคัญให้ดีอยู่เสมอ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าทุกอย่างที่มีและหามาได้จะยังอยู่ในความดูแลของบุคคลอันเป็นที่รัก

+++++++++++++

0เงินไร้เจ้าของกว่า 3 หมื่นล้านดอลล์

ซาบิรา โชดูรา ผู้เขียนและเรียบเรียงเรื่อง "เอกสารจำเป็นต้องรู้ต้องใช้ก่อนสิ้นลม" ในวอลล์สตรีท เจอร์นัล เชื่อว่าทุกวันนี้ไม่เพียงพอเสียแล้วในการเซ็นชื่อกำกับเอกสารจัดการมรดกหรือคำสั่งเสียก่อนตายเอาไว้กองโต เพราะผู้คนทั่วไปต้องดำเนินการให้แน่ใจด้วยว่า ทายาทผู้ได้รับมรดกตื่นตัวและรับรู้สถานที่จัดเก็บเอกสารสำคัญทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับมรดก

เพราะใน 10 มลรัฐของสหรัฐ มีการสืบค้นหาสาเหตุที่ว่า เหตุใดกลุ่มบริษัทประกันชีวิตรายใหญ่สุดบางแห่งในประเทศ จึงไม่สามารถคืนผลประโยชน์ที่ระบุในกรมธรรม์ให้แก่ทายาทผู้ได้รับผลประโยชน์ ซึ่งกรมธรรม์ลักษณะนี้มีจำนวนไม่น้อย

ขณะที่บริษัทประกันให้ข้อมูลว่าจากเงื่อนไขในกรมธรรม์ไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ หากเจ้าของกรมธรรม์ยังมีชีวิตอยู่ และต้องจ่ายสินไหมตามคำร้องทันทีที่ผู้รับผลประโยชน์แจ้งล่วงหน้า แต่ปัญหากลับอยู่ที่เจ้าของกรมธรรม์จากไปกะทันหัน การพิสูจน์เอกสารกับผู้รับผลประโยชน์จึงเป็นเรื่องหลีกเลี่ยงไม่ได้

จากประเด็นข้างต้น ปัญหาจึงอยู่ที่การพิสูจน์สิทธิเพื่อรับผลประโยชน์ ทำให้การจัดวางเอกสารสำคัญต่างๆ ในที่ปลอดภัย และให้บอกกับสมาชิกในครอบครัวไว้เนื้อเชื่อใจได้ว่า เอกสารสำคัญใช้อ้างสิทธิรับผลประโยชน์นั้น จัดเก็บไว้ในที่ใดหรือส่วนใดของบ้านบ้าง เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม

โชดูรายกตัวอย่างจริงกรณีของ ฌอง ปาร์ ผู้จัดการหญิงของอเมริกัน เคมิคอล โซไซตี้ ในกรุงวอชิงตัน วัย 50 ปี มีแม่คอยเป็นห่วงผู้อยู่ข้างหลัง ขณะที่ตัวของเธอเองกลับไม่ได้คิดรอบคอบเรื่องการส่งมอบทรัพย์สินพร้อมเอกสารสำคัญ ในยามที่แม่ต้องจากไปเลย

มารดาของปาร์เสียชีวิตในปี 2548 แต่ปาร์รับรู้ว่าจะค้นพบพินัยกรรมของแม่ได้จากที่ใด เพราะแม่เธอได้มอบกุญแจไขกล่องนิรภัยของธนาคาร และบอกแหล่งที่เก็บเอกสารสำคัญต่างๆ รวมทั้งเอกสารที่แม่ของเธอได้ชำระเงินแล้วเพื่อจัดงานศพให้กับตัวเอง

จากข้อมูลของสมาคมผู้บริหารทรัพย์สินไม่มีผู้แสดงสิทธิขอคืนแห่งชาติสหรัฐ ยังให้ข้อเท็จจริงสะท้อนผลตามมาทางการเงิน จากการละเลยไม่เก็บเอกสารเรียกร้องสิทธิผลประโยชน์ว่า มีมากมายและมีจำนวนไม่น้อย เพราะจากอดีตถึงปัจจุบันสมาคมแห่งนี้ถือครองเงินในบัญชีธนาคารและสินทรัพย์อื่นๆ ที่ไม่มีผู้มาอ้างสิทธิขอรับคืนมากกว่า 3.29 หมื่นล้านดอลลาร์แล้ว

0แนะวิธีเก็บ-จัดระเบียบ

ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่แนะนำให้หาอุปกรณ์จัดเก็บหรือใส่เอกสาร ซึ่งสมาชิกในครอบครัวสามารถเข้าไปหยิบหรือค้นหาได้ในกรณีฉุกเฉิน และควรจัดระเบียบบัญชีธนาคาร กรมธรรม์ประกันชีวิตและบัญชีซื้อขายหุ้น ที่รวมอยู่ด้วยกันหรือแยกกันไว้ให้เป็นระเบียบ

เจ้าของเอกสารสามารถรวบรวมเอกสารสำคัญไว้ที่ทนายความของตัวเอง หรือนำไปฝากเก็บไว้ในตู้นิรภัยของธนาคาร หรือเก็บไว้ที่บ้านในจุดปลอดภัยป้องกันไฟได้ แต่ต้องเป็นจุดที่สมาชิกในครอบครัวซึ่งไว้ใจได้รับรู้ร่วมกันด้วย

อย่างไรก็ตาม โชดูราอธิบายว่าไม่ได้หมายความให้เจ้าของเอกสารเก็บทุกสิ่งทุกอย่างไว้หมด เพราะบางครั้งบุคคลอันเป็นที่รักซึ่งยังมีชีวิตอยู่ ต้องรับดูแลเอกสารของผู้จากไปไว้มากจนเกินไป จนไม่สามารถค้นหาได้ง่าย ดังนั้นขอให้เลือกเก็บเฉพาะเอกสารสำคัญเท่านั้น

มีตัวอย่างหนึ่งน่าสนใจ คือ เจน บิสซ์เลอร์ วัย 57 ปีมีอาชีพที่ปรึกษาในมลรัฐโอไฮโอของสหรัฐ เข้าไปช่วยแม่วัย 87 ปีจัดการเอกสารของตัวเองในปี 2551 แม่ของเธอเป็นม่ายการเงินค่อนข้างเรียบง่าย ทำให้งานช่วยเหลือแม่จึงเป็นเรื่องที่ดูไม่ยาก

แต่ความไม่ยุ่งยากหากมองอย่างผิวเผิน กลับต้องใช้เวลานานนับปี กว่าที่บิสซ์เลอร์และแม่ของเธอจะสะสางเอกสารทุกอย่างที่มีให้เรียบร้อยและลงตัว ซึ่งเอกสารมากมายที่ต้องจัดการนั้น ประกอบด้วยบัญชีธนาคาร 8 บัญชี ใบเสร็จค่าสาธารณูปโภคที่ต้องย้อนดูเป็นทศวรรษนับจากปี 2493 และเช็คยกเลิกแล้วอีกหลายร้อยแผ่น

ที่ต้องเหนื่อยไปกว่านั้น คือบิสซ์เลอร์และแม่ต้องเดินทางไปตามธนาคารและบริษัทค้าหลักทรัพย์หลายแห่ง เป็นการไปให้ถึงที่เพื่อให้มั่นใจได้ว่า ได้จดบันทึกบัญชีการเงินของแม่ทุกชิ้นทุกฉบับไว้แล้ว จากนั้นไม่นานแม่ของบิสซ์เลอร์ก็จากโลกนี้ไปในปี 2552

"เป็นฝันร้ายหากไม่ได้เข้าไปช่วยจัดการเอกสารการเงินและเอกสารทุกอย่างร่วมกันกับแม่ หากยังเก็บทุกสิ่งทุกอย่างไว้ แถมยังซ่อนเอกสารอีกส่วนหนึ่งไว้ด้วย มันก็เหมือนกับกองขยะเกิดจากพายุดีเปรสชั่น" บิสซ์เลอร์กล่าวและว่า การมีเอกสารจัดระเบียบไว้ล่วงหน้า ช่วยประหยัดเวลาเป็นปีที่ต้องสะสาง และไม่ต้องสิ้นเปลืองเวลาขอใบมรณะบัตร เพื่ออ้างสิทธิในผลประโยชน์

จากเรื่องจริงทั้งหมดข้างต้น ทำให้โชลูดาอยากนำเสนอประเภทเอกสาร ว่าเอกสารสำคัญสุดประเภทใดบ้างที่คนทั่วโลกรวมทั้งคนไทยจำเป็นต้องเซ็น และส่งมอบให้ผู้ไว้วางใจในครอบครัวได้รับรู้หรือช่วยเก็บไว้ พร้อมย้ำว่าทุกคนควรเริ่มต้นจัดระเบียบเก็บเอกสารต่างๆ ให้เร็วๆ ที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และคอยอัพเดทเอกสารเหล่านี้ทุก 2-3 ปี เพื่อดูการเปลี่ยนแปลงของสิทธิและทรัพย์สิน

0พินัยกรรมต้นฉบับสำคัญสุด

พินัยกรรมของแท้ทำไว้แต่เดิมนับเป็นเอกสารสำคัญสุดอันดับแรก ที่จะต้องเก็บไว้ในแฟ้ม เพราะหากบุตรหลานในครอบครัวอายุยังน้อยก็ต้องมีผู้พิทักษ์ทรัพย์เข้ามาช่วยดูแลผลประโยชน์ก่อน ซึ่งพินัยกรรมเปรียบเสมือนเป็นตัวแทนของเจ้าของพินัยกรรมทิ้งไว้ เพื่อระบุทายาทผู้รับมอบสินทรัพย์ต่อจากเขาหรือเธอ

พินัยกรรมยังเกี่ยวข้องกับการพิสูจน์ตามกระบวนการกฎหมาย ที่ต้องใช้เวลาในการสืบค้น ประเมินราคาอสังหาริมทรัพย์ ชำระหนี้คงค้าง และจัดสรรสินทรัพย์ที่เหลืออยู่ การไม่มีเอกสารเป็นพินัยกรรมต้นฉบับ ย่อมหมายถึงกระบวนการอาจต้องใช้เวลาพิสูจน์ยาวนานด้วยความอดทน หากมีผู้คัดค้านสำเนาพินัยกรรมในชั้นศาล

ริค ลอว์ ผู้ก่อตั้งลอว์ เอลเดอร์ลอว์ แอลแอลพี กล่าวว่า ผู้วางแผนช่วยจัดการเรื่องมรดกแนะนำกันมากขึ้นให้เพิ่มเติมเนื้อหาการถอดถอนรายชื่อบุคคลซึ่งเดิมเคยไว้ใจออกจากพินัยกรรมได้

กรณีสามารถถอดถอนชื่อบุคคลเคยไว้ใจได้ซึ่งยังมีชีวิตอยู่ สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาในช่วงที่เจ้าของพินัยกรรมยังมีชีวิต ซึ่งช่วยให้เจ้าของพินัยกรรมยังทำหน้าที่เหมือนตัวแทนจัดการมรดกกับผลประโยชน์ให้เป็นไปตามที่ตัวเองกำหนดไว้

ดันแคน โมสลีย์ รองประธานแซนเดอร์ส ไฟแนนเชี่ยล แมเนจเมนท์ในมลรัฐแอตแลนตา เตือนว่าหากครอบครัวไม่สามารถค้นหาเอกสารพินัยกรรมต้นฉบับได้ โดยทั่วไปแล้วเขาหรือเธอที่เป็นเจ้าของพินัยกรรมต้องจัดการมรดกภายใต้กระบวนการทางกฎหมาย

"จดหมายสั่งแนบไว้" สามารถนำมาใช้เป็นเอกสารเพิ่มเติมเป็นประโยชน์ร่วมกับพินัยกรรมได้ แม้ว่าจดหมายไม่มีน้ำหนักทางกฎหมาย แต่จดหมายให้ความมั่นใจได้ว่า มีการสั่งเสียเรื่องจัดงานศพไว้ด้วย และผู้ปฏิบัติตามพินัยกรรมก็มีรายชื่อกับข้อมูลของทนายความ นักบัญชีและที่ปรึกษาการเงิน ซึ่งสามารถติดต่อได้

0เก็บใบแสดงสิทธิในทรัพย์สิน

ควรเก็บเอกสารเกี่ยวกับการแสดงความเป็นเจ้าของบ้านที่อยู่อาศัยและที่ดิน เอกสารการทำพิธีศพ เอกสารรถยนต์ ใบกำกับการถือครองหลักทรัพย์ ตราสารหนี้เพื่อการออม สัญญาข้อตกลงทำธุรกิจบริษัทหรือการเป็นหุ้นส่วน รายการค่าธรรมเนียมโบรกเกอร์ที่ทำไว้ และบัญชีเงินกู้ซื้อบ้านระบุไว้ในสัญญา

หากไม่บอกคนในครอบครัวไว้ว่าถือครองเอกสารต่างๆ ข้างต้น ย่อมมีโอกาสที่สมาชิกในครอบครัวจะไม่สามารถค้นพบเอกสารทั้งหมดนี้ได้เลย โมสลีย์แนะนำว่ากรณีเช่นนี้ ลูกค้าของเธอต้องจัดการสืบค้นด้วยตัวเอง ทั้งดูจดหมายใบเสร็จเรียกเก็บภาษีอสังหาริมทรัพย์ หรือบัญชีธนาคารเพื่อการชำระคืนดอกเบี้ย เป็นต้น

จัดแฟ้มเอกสารใดๆ ที่มีรายการสินเชื่อทำสัญญาไว้กับคนอื่นๆ เพื่อสินเชื่อเหล่านี้ถูกรวมไว้เป็นสินทรัพย์ในมรดก เช่นเดียวกับการเก็บรายการหนี้ที่กู้ไว้ เพื่อไม่ให้เป็นภาระของครอบครัวต้องคอยค้นหา

0ย้อนดูบัญชีธนาคาร

ลอว์แนะนำว่าให้บอกสมาชิกในครอบครัวที่ไว้ใจได้ รับรู้ร่วมกันถึงบัญชีทุกบัญชี และข้อมูลเข้าออนไลน์ทำธุรกรรมกับแบงก์ เพื่อพวกเขาสามารถแจ้งธนาคารให้ทราบถึงการเสียชีวิตของเจ้าของบัญชีได้ หากไม่มีใครนำเงินเข้าหรือออกจากบัญชี บัญชีนั้นกลายเป็นบัญชีหยุดนิ่ง และกลายเป็นทรัพย์สินของรัฐในที่สุด

ให้แน่ใจก่อนว่าลงรายการตู้นิรภัยที่ฝากหรือมีอยู่ในธนาคาร ลงทะเบียนแจ้งชื่อสามีหรือภรรยาพร้อมชื่อของบุตรไว้กับธนาคาร บอกให้เขาหรือเธอและลูกๆ เซ็นไว้ในเอกสาร เพื่อที่ว่าพวกเขาสามารถเข้าถึงตู้นิรภัยโดยไม่ต้องขอคำสั่งศาล

0ต้องเตรียมเอกสารสุขภาพ

หากเป็นไปได้ขอให้กรอกเอกสารเพื่อสุขภาพที่สำคัญไว้ล่วงหน้า ซึ่งเป็นรูปแบบมอบอำนาจทนายความดูแลพินัยกรรมเป็นผู้มีอำนาจจัดการเรื่องสุขภาพให้ เป็นการตัดสินใจแทนเจ้าของทรัพย์สิน หากเขาหรือเธออยู่ในสภาพบุคคลไร้ความสามารถ

เอกสารไม่ควรขัดกับกฎหมายด้านสุขภาพส่วนบุคคลของรัฐ เพื่อที่แพทย์ โรงพยาบาลและบริษัทประกันสามารถพูดคุยกับผู้ได้รับมอบอำนาจ เจ้าของเอกสารอาจจำเป็นต้องกรอกแบบฟอร์มให้อำนาจการเปิดเผยข้อมูลสุขภาพที่ได้รับความคุ้มครองไว้ด้วย

พอร์ตเตอร์ สโตรีย์ รองประธานบริหารของอเมริกัน อคาเดมี ออฟ ฮอสพิค แอนด์ พาลเลียทีฟ เมดิซีน กล่าวว่าไม่ใช่แค่เรื่องแต่งตั้งทนายความที่ได้รับมอบอำนาจให้จัดการเรื่องสุขภาพเท่านั้น แต่เจ้าของพินัยกรรมต้องอธิบายกับผู้ได้รับการแต่งตั้งว่า ตนเองต้องการให้มีผู้ดูแลในกรณีเป็นบุคคลไร้ความสามารถ ดังนั้นให้เขียนพินัยกรรมช่วงมีชีวิตอยู่ พร้อมระบุรายละเอียดความต้องการเช่นนี้ลงไปด้วย

0บัญชีเพื่อเกษียณ+ประกันชีวิต

ให้สำเนากรมธรรม์ประกันชีวิตไว้ เพราะเอกสารเหล่านี้ถือว่าสำคัญที่สุดสำหรับครอบครัวที่จะต้องมีไว้ สมาชิกในครอบครัวจำเป็นต้องรู้ชื่อบริษัทประกันภัย หมายเลขกรมธรรม์ และตัวแทนเกี่ยวข้องกับกรมธรรม์

ให้ระวังเป็นพิเศษเกี่ยวกับกรมธรรม์ ที่นายจ้างทำให้เพื่อการเกษียณ ซึ่งเดวิด ปีเตอร์สัน ซีอีโอของแคปิตอล อินเวสต์เมนท์ เซอร์วิส บอกว่าเป็นสิ่งที่นักวางแผนการเงินมักมองข้ามกัน พิสูจน์ได้จากข้อมูลของสำนักงานตรวจสอบการเงินการบัญชีของรัฐในสหรัฐ พบว่าเฉพาะรัฐนิวยอร์กไม่มีการเรียกร้องขอใช้สิทธิชำระคืนเบี้ยประกันนับจากปี 2540 จนถึงขณะนี้ มากกว่า 400 ล้านดอลลาร์แล้ว

นักวางแผนการเงินเสนอแนะให้เจ้าของพินัยกรรม ร่างรายการเป็นผลประโยชน์อย่างเงินบำเหน็จบำนาญ เงินได้รายปี บัญชีเพื่อการเกษียณ และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ให้สามีหรือภรรยากับบุตรร่วมรับรู้ บัญชีออมส่วนบุคคลเพื่อการเกษียณ จะพิจารณาว่าไม่มีผู้เรียกร้องขอคืน หากไม่มีการถอนออกไปหลังจากอายุผู้เป็นเจ้าของบัญชีมีอายุเกิน 70 ปีกับ 6 เดือน และจากข้อมูลของสมาคมผู้บริหารทรัพย์สินไม่มีผู้แสดงสิทธิขอคืนแห่งชาติสหรัฐ พบว่ามีเงินประเภทบัญชีออมส่วนบุคคลเพื่อการเกษียณ ที่ไม่มีผู้มาร้องขอคืนทุกปีเป็นจำนวนหลายหมื่นล้านดอลลาร์

ดังนั้นกรณีที่ทายาทไม่รู้เกี่ยวกับบัญชีออมส่วนบุคคลเพื่อการเกษียณ ทายาทจะไม่สามารถนำสิทธิที่มีไปใช้อ้างขอรับเงินแทนได้ และเงินก้อนที่ควรได้อาจสูญเปล่า ในสหรัฐมีสถิติกระทรวงแรงงานซึ่งคาดการณ์ว่าแต่ละปีแรงงานในสหรัฐหลายพันคน ไม่ใช้สิทธิเรียกร้องหรือติดตามทรัพย์สินที่มีอยู่ในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพมูลค่ารวมถึงขณะนี้กว่า 850 ล้านดอลลาร์

0ใบสมรสกับหย่าร้างสำคัญ

เอกสารสำคัญสุดท้าย ซึ่งโชดูลากล่าวว่าต้องบอกสามีหรือภรรยาเกี่ยวกับจุดที่เก็บเอกสารแสดงสถานะภาพการสมรสไว้ด้วย เพื่อไม่ให้เกิดความล่าช้าเสียเวลาแสดงสิทธิ อย่างเช่นกรณีของ แมรี่ เคย์ วัย 74 ปี ซึ่งไม่มีเอกสารแสดงความเป็นภรรยาเมื่อสามีเสียชีวิต

โดยเคย์ต้องทำหนังสือส่งไปที่ทำการรัฐในกรุงนิวยอร์กซึ่งเป็นสถานที่เธอกับสามีจดทะเบียนสมรสกัน และต้องชำระเงินเพื่อขอใบสมรสใหม่ เพื่อพิสูจน์สถานภาพของตัวเอง ก่อนใช้สิทธิร้องขอเป็นผู้รับมรดกจากสามีได้

สำหรับกลุ่มคนหย่าร้างกันแล้ว เป็นเรื่องสำคัญเช่นกันในมุมมองของลินดา ลี วิเคน ประธานของอเมริกัน อคาเดมี ออฟ แมทริโมเนียล ลอง์เยอร์ส ในเมืองชิคาโก เธอเชื่อว่าเอกสารเหล่านี้ช่วยกำหนดการเลี้ยงดูให้การสนับสนุนบุตรได้ เพื่อการตกลงในทรัพย์สินกับค่าเลี้ยงดูบุตรได้ และยังช่วยกำหนดรายการเพื่อจัดสรรแบ่งบัญชีออมเพื่อเกษียณกับการลงทุนระหว่างคนสองคนได้ง่ายขึ้นด้วย

วิเคนยังแนะนำให้จัดเก็บเอกสารประกันชีวิตไว้ให้เป็นระเบียบ เพราะในสหรัฐในหลายมลรัฐ หากมีกรมธรรม์ยกผลประโยชน์ให้บุตร กรมธรรม์นี้สามารถนำมาใช้แบ่งเบาภาระการเลี้ยงดูบุตรได้ และควรเก็บรวบรวมสำเนาคำสั่งที่พิสูจน์ได้ว่าสามีหรือภรรยา ได้รับส่วนแบ่งในบัญชีเพื่อการเกษียณไปแล้ว
25  สมาชิก VIP / General Discussion / ไนติงเกล ห้างแรกของไทย อยู่คู่นักช็อปมาเกือบ 80 ปี เมื่อ: สิงหาคม 10, 2011, 06:27:04 PM
ไนติงเกล ห้างแรกของไทย อยู่คู่นักช็อปมาเกือบ 80 ปี



ในสมัยนี้ห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมาย ทั้งห้างดังสุดหรูใจกลางเมือง หรือห้างสรรพสินค้ากึ่งซุปเปอร์มาเก็ต ที่อำนวยความสะดวก ให้เราได้เลือกซื้อสิ้นของกันแล้วเพื่อน ๆ รู้ไหมคะ ว่าห้างสรรพสินค้าแห่งแรกของประเทศไทยคือที่ไหนแล้วห้างดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อไร วันนี้เรามีคำตอบมาฝากค่ะ ... ว่าแต่ว่า ห้างในสมัยอดีตนั้น เขาจะมีสินค้าอะไรมาขายบ้างหนอ...

           ห้างสร้างสรรพสินค้าแห่งแรกของประเทศไทย มีชื่อว่า "ห้างไนติงเกล" หรือชื่อเต็มคือ ไนติงเกล โอลิมปิค เป็นห้างที่มีอายุยาวนานคู่นักช็อปมาเกือบ 80 ปี และในทุกวันนี้ก็ยังให้บริการอยู่ เริ่มแรกห้างดังกล่าวได้ตั้งขึ้นอยู่บริเวณแยกพาหุรัด เริ่มเปิดกิจการเมื่อปี พ.ศ. 2473 ก่อตั้งโดยนายนัติ นิยมวานิช จากห้างเล็ก ๆ ที่ตั้งใกล้กับศาลาเฉลิมกรุง ก็ได้ขยับขยายจนกลายเป็น ห้างไนติงเกล-โอลิมปิค ซึ่งเปิดบริการอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม พ.ศ.2509



         ทั้งนี้ นัติ นิยมวานิช ได้อาศัยพรสวรรค์ในการเป็นนักประชาสัมพันธ์ โฆษณาสินค้าที่มีอยู่ในห้างผ่านโทรทัศน์ ซึ่งห้างไนติงเกลเป็นรายแรก ๆ เลยทีเดียวที่ทำการโฆษณาในรูปแบบนี้  อีกทั้งยังทำการประชาสัมพันธ์อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการจัดประกวดดนตรี หรือการสร้างสโลแกนสุดเท่ อย่าง "คลังแห่งเครื่องกีฬา ราชาเครื่องดนตรี ราชินีเครื่องสำอาง" ซึ่งเป็นข้อความที่ติดตา พูดกันติดปาก  นอกจากนี้ ห้างไนติงเกล ยังเป็นเจ้าแรกที่นำสินค้าใหม่ ๆ จากต่างประเทศมาสร้างความแปลกใหม่ และตื่นตาตื่นใจแก่ผู้คนในสมัยนั้นเป็นอย่างยิ่ง  และด้วยเหตุนี้นี่เอง ที่ทำให้ห้างไนติงเกลถูกกล่าวขานถึงเป็นอย่างมาก  ในช่วงเวลาเพียงสั้น ๆ เท่านั้น 

          ถึงแม้ว่าเวลาจะผ่านมานานเกือบ 80 แล้ว จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ห้างไนติงเกลยังมีกลิ่นอายของอดีตลอยอบอวลไปทั่ว เริ่มตั้งแต่ก้าวเท้าเข้าไปภายในห้าง เหมือนกลับก้าวเข้าไปในยุค 60 - 70 ยังไงยังงั้น ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งของร้านที่ยังคงไว้เหมือนสมัยอดีต ข้าวของที่เรียงรายทั้ง น้ำหอม เครื่องสำอาง เสื้อผ้าต่าง  ๆ อีกทั้งยังมีอุปกรณ์กีฬา สแตมป์ต่างประเทศ และของเบ็ดเตล็ดทั่วไป ซึ่งทั้งหมดเป็นสินค้าที่ขึ้นชื่ออย่างมาในยุคนั้น แถมยังมีใบปลิวโฆษณาในแต่ละยุคที่ผ่านมา ให้เราได้อ่านกันเพลินตาอีกด้วย

          สำหรับชั้น 2 ของห้างไนติงเกลนั้น เต็มไปด้วยอุปกรณ์ออกกำลังกาย ชุดออกกำลังกาย ที่ยังจำหน่ายอยู่จริง ๆ ในราคาย่อมเยาว์ อย่างเช่น รองเท้าสตั๊ด ขายในราคา 350 บาท โดยพนักงานขายกล่าวด้วยหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสว่า "หมดแล้วหมดเลยนะคะ"  อีกทั้งยังมีห้องฟิตเนส เป็นรายแรกแห่งประเทศไทย โดยอุปกรณ์สำหรับออกกำลังกายที่เรียนกว่าฟิตเนส ในสมัยนั้นได้นำเข้าจากต่างประเทศ ก็จะมีทั้งเครื่องบริหารสะโพก ต้นขา ในรูปแบบการทำงานที่น่าทึ่งมาก ๆ อีกทั้งยังมีจักรยาน ลู่วิ่ง ดัมเบลล์ ไว้บริการลูกค้า และมีพนักงานคอยแนะนำการใช้อย่างใกล้ชิดด้วย โดยจะคิดราคาบริการเป็นรายชั่วโมง

          เดินขั้นบันไดต่อไปชั้น 3 ซึ่งปัจจุบันได้ปิดให้บริการแล้ว แต่ก็ยังเปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจเยี่ยมชมได้ ที่ชั้น 3 นี้จะเป็นสถานเสริมความงามครบวงจรรายแรก ๆ ของไทย โดยในสมัยอดีตนั้น ทางห้างจะให้ลูกค้าลองแต่งหน้า และเสริมสวยเอง หรือใครอยากให้ช่างมืออาชีพแต่งให้ก็ได้  นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์เสริมความงาม และลดน้ำหนักจากต่างประเทศมาคอยบริการลูกค้าเปรียบเสมือนห้างดังในปัจจุบันเลยทีเดียว

         ถึงแม้ว่าห้างไนติงเกลจะไม่มีสินค้าแบรนด์เนม หรือแฟชั่นใหม่ ๆ ที่จะดึงดูดใจขาช็อปในปัจจุบัน แต่สิ่งที่ห้างไนติงเกลมีอยู่ตลอดเวลาก็คือ กลิ่นอายและความทรงจำในอดีต ที่ยากจะหาซื้อได้

         ถ้าเพื่อน ๆ มีเวลาว่าง อยากจะไปสัมผัสบรรยากาศเก่า ๆ ก็ไปเยี่ยมเยือนห้างไนติงเกลกันได้นะคะ  อ้อ... พนักงานห้างเขาฝากบอกว่ามา "ซื่อตรง ตามใจ ไมตรีจิต มิตรภาพ ของดี ราคายุติธรรม" โอโห้ สโลแกนเท่ขนาดนี้ อย่างนี้ต้องไปพิสูจน์ซะหน่อยแล้ว  ว่าห้างนี้มีทีเด็ดอะไร ถึงได้อยู่คู่คนไทยมาเกือบ 80 ปี

         ห้างไนติลเกล ริมถนนตรีเพชร แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200

         เปิดทำการทุกวัน

         การเดินทางรถประจำทางสาย 1, 8, 10, 25, 42, 43, 48, 53, ปอ.25, 73, 501, 506, 508, ปอ.พ.1, 73, 507
26  สมาชิก VIP / General Discussion / อย.สั่งปลดโฆษณา รังนก ห้ามใช้ แท้ 100% เมื่อ: สิงหาคม 10, 2011, 06:24:36 PM
อย.สั่งปลดโฆษณา รังนก ห้ามใช้ แท้ 100%



อย.สั่งปลดโฆษณารังนกแท้ 100% ทั้งสื่อสิ่งพิมพ์และโทรทัศน์ ส่วนการปรับปรุงข้อความบนฉลากผลิตภัณฑ์ยังไม่พิจารณา มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคจี้สมาคมโฆษณาฯ มีจิตสำนึกรับผิดชอบต่อสาธารณะ พร้อมจับมือสถาบันวิจัยโภชนาการ ม.มหิดล พัฒนาฉลากสินค้าอาหารที่เป็นมิตรต่อผู้บริโภค ขู่ฟ้องศาลหากไม่เร่งปรับปรุงข้อความบนฉลาก

         กรณีป้ายโฆษณาเขียนข้อความ ให้ความรู้ประชาชนว่า "ผลงานวิจัย ม.มหิดล รังนกสำเร็จรูปชื่อดังใส่รังนกแท้แค่ 1% เศษ" ติดตั้งบริเวณด่านเก็บเงินทางด่วน ซึ่งมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วตามที่นายเธียร ลิ้มธนากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลีดดิ้ง อินเตอร์เนชั่นแนล มีเดีย จำกัด เจ้าของป้ายโฆษณาดังกล่าว ได้ส่งเรื่องร้องเรียนมายังมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงการโฆษณารังนกแท้ 100% ส่งผลให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เตรียมพิจารณาทบทวนข้อความโฆษณา เพื่อป้องกันผู้บริโภคสับสนและเข้าใจผิด และจะมอบให้คณะอนุกรรมการว่าด้วยฉลากแจ้งไปยังผู้ผลิตรังนกทุกยี่ห้อให้ปรับ ปรุงข้อความบนฉลากผลิตภัณฑ์

         เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม น.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ในนามตัวแทนคณะกรรมการกลไกคุ้มครองผู้บริโภคสื่อภาคประชาชน แถลงการทักท้วงมติของสมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทย ที่ได้วินิจฉัยป้ายโฆษณาดังกล่าวว่าเป็นการกระทำผิดจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ โฆษณาอย่างร้ายแรง และบิดเบือนความจริงอันทำให้เกิดผลกระทบเชิงลบต่อผู้ผลิตเครื่องดื่มรังนก สำเร็จรูป โดย น.ส.สารีกล่าวว่า การวินิจฉัยของสมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทยถือว่าไม่มีความยุติธรรม และไม่มีจิตสำนึกรับผิดชอบต่อการคุ้มครองประชาชนผู้บริโภคที่พึงมีสิทธิได้ รับรู้ความจริงจากการโฆษณาสินค้าต่างๆ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคจึงได้ทำหนังสือท้วงติงไปยังสมาคมโฆษณาฯ ขอให้ทบทวนผลการพิจารณาอีกครั้ง

         "การจัดทำป้ายโฆษณาให้ความรู้แก่ผู้ บริโภคของนายเธียร ลิ้มธนากุล ถือว่ามีเจตนาทำเพื่อประโยชน์ต่อสาธารณะ โดยไม่หวังผลตอบแทนทางการค้าใดๆ และไม่เข้าข่ายกระทำผิดจรรยาบรรณตามที่สมาคมโฆษณาฯ กล่าวอ้าง วันนี้คณะกรรมการกลไกคุ้มครองผู้บริโภคสื่อภาคประชาชน ซึ่งประกอบด้วยตัวแทนหลายภาคส่วน 16 องค์กร มีมติแสดงจุดยืนให้สมาคมโฆษณาฯ รีบแสดงความรับผิดชอบต่อประชาชนผู้บริโภคโดยด่วน" น.ส.สารี กล่าว

         เลขาธิการ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคกล่าวอีกว่า ขณะนี้ได้ร่วมมือกับสถาบันวิจัยโภชนาการ ม.มหิดล เพื่อพัฒนาฉลากสินค้าที่เป็นมิตรต่อผู้บริโภค คือ ใช้ภาษาไทยที่อ่านแล้วเข้าใจง่าย ไม่ก่อให้เกิดความสับสน ไม่มีการโฆษณาบนฉลาก การใช้ข้อความว่ารังนกแท้ 100% จากถ้ำธรรมชาติ ก็ถือว่าเป็นการโฆษณา เพราะ อย.ไม่ได้พิสูจน์ข้อเท็จจริงว่าผู้ผลิตรังนกได้นำมาจากถ้ำธรรมชาติจริงหรือ ไม่ จากนี้ไปจะมีการเฝ้าจับตาการทำงานของ อย. ว่าจะแก้ไขปรับปรุงข้อความบนฉลากสินค้าอย่างไร นอกจากนี้ จะมีการจัดเวทีวิชาการเรื่องฉลากอาหารที่เป็นมิตรต่อผู้บริโภค โดยเชิญผู้ประกอบการเข้าร่วมแลกเปลี่ยนข้อมูลในวันที่ 29 สิงหาคมนี้

         "ขณะ นี้เราต้องคอยดูการทำงานของ อย. ว่าจะสั่งให้ผู้ผลิตรังนกทุกยี่ห้อปรับปรุงฉลากอย่างไร แต่หากยังปล่อยให้มีการโฆษณาเกินจริงบนฉลาก ก็จะดำเนินการฟ้องร้องต่อศาลคดีผู้บริโภคต่อไป" น.ส.สารีเผย

         น.ส.ทิพ วัลย์ ปริญญาศิริ ผอ.กองควบคุมอาหาร อย. กล่าวว่า การใช้ข้อความว่ารังนกแท้ 100% ซึ่งอาจทำให้ผู้บริโภคสับสน ขณะนี้ได้แจ้งไปยังผู้ผลิตรังนกทุกยี่ห้อระงับการโฆษณาโดยจะต้องตัดข้อความ ว่า 100% และอนุญาตให้ใช้คำว่ารังนกแท้ได้อย่างเดียวเท่านั้น โดยทราบว่าผู้ผลิตรังนกได้เริ่มปลดป้ายโฆษณาสิ่งพิมพ์ทุกประเภท เช่น คัตเอาต์ บิลบอร์ด รวมทั้งการโฆษณาทางโทรทัศน์ ส่วนการปรับปรุงข้อความบนฉลากผลิตภัณฑ์รังนก ขณะนี้ยังไม่ส่งเรื่องเข้าคณะอนุกรรมการว่าด้วยฉลาก อย.พิจารณา เพราะต้องใช้เวลาและอยู่ระหว่างนัดประชุม


[22 กรกฎาคม] รังนกแท้ 100% แท้จริงมีผสมแค่ 1% จริงหรือ !?

         หลังจากที่มีผู้ร้องเรียนถึงการโฆษณาของผลิตภัณฑ์รังนกที่ระบุว่า เป็น รังนกแท้ 100 % ทั้ง ๆ ที่แท้มีแค่ 1% เศษ อีกทั้งยังใช้คำกำกวม และให้ข้อมูลไม่ครบถ้วนลงบนฉลากสินค้า แต่ผู้ร้องเรียนกลับถูกผู้ประกอบการฟ้องกลับ เหตุเพราะไปลดความน่าเชื่อถือของตัวสินค้านั้น ทางมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค จึงได้ทำการตรวจสอบ 4 แบรนด์ดังในตลาด ซึ่งพบว่า มีแบรนด์ดังถึง 3 แบรนด์ ที่เป็นไปตามข้อร้องเรียน จึงได้จับมือกับผู้ร้องเรียนเดินหน้าสู้คดีให้ถึงที่สุด พร้อมร้อง อย. ให้ทบทวนการโฆษณาดังกล่าว

         วานนี้ (21 กรกฎาคม) มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคร่วมกับเครือข่ายองค์กรผู้บริโภคภาคตะวันตก ได้แถลงข่าวผลการดำเนินงานคุ้มครองความปลอดภัยด้านอาหารและเฝ้าระวังโฆษณา ผลิตภัณฑ์สุขภาพบนสื่อวิทยุชุมชุนและเคเบิลทีวี ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมของโครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งกลไกการคุ้มครองความปลอดภัยด้านอาหารโดยผู้บริโภคภายใต้การสนับสนุนของแผนงานคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ (คคส.)

         จากกรณีที่ นายเธียร ลิ้มธนากุล กรรมการผู้จัดการบริษัทโฆษณารายหนึ่ง ได้ติดตั้งป้ายมีข้อความว่า "ผลวิจัย ม.มหิดล รังนกสำเร็จรูปชื่อดัง ใส่รังนกแท้แค่ 1% เศษ" แต่ถูกสมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทยกล่าวหาว่ากระทำผิดจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพโฆษณา ซึ่ง นายเธียร เห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะทำไปเพื่อเตือนผู้บริโภค ไม่มีเจตนาลดความน่าเชื่อถือธุรกิจรังนก มูลนิธิจึงได้รับเรื่องไว้ แล้วเก็บตัวอย่างผลิตภัณฑ์รังนกสำเร็จรูปที่วางจำหน่ายทั่วไปในตลาดจำนวน 4 ตราสินค้า พบว่าข้อความที่ นายเธียร ได้นำเสนอบนป้ายโฆษณาเป็นข้อมูลจริงที่ปรากฏชัดเจนจากฉลากบนผลิตภัณฑ์รังนก

        ทางด้าน น.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ได้ชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวว่า หลังจากการศึกษาข้อมูลจากผลิตภัณฑ์รังนกสำเร็จรูป 4 ตราสินค้า พบว่า จำนวน 3 ใน 4 ของตราสินค้า ได้ระบุที่ฉลากว่า มีรังนกแห้งเป็นส่วนประกอบจริงแค่ 1% เศษ เท่านั้น ทางมูลนิธิจึงเป็นกำลังใจให้กับนายเธียร และพร้อมที่จะทำการสนับสนุนเพื่อสู้คดีในกรณีที่นายเธียรถูกฟ้องร้องจากผู้ประกอบการบริษัทผลิตรังนก

      ขณะที่ นายพชร แกล้วกล้า ผู้ประสานงานโครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งกลไกการคุ้มครองความปลอดภัยด้านอาหารโดยผู้บริโภค มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า กรณีรังนกสำเร็จรูปนี้ แสดงส่วนประกอบพบว่า รังนกแห้งที่ 1% เศษ และส่วนประกอบอื่น ๆ อีกเล็กน้อย ซึ่งจะเห็นได้ว่าทั้ง 3 ตราสินค้า ไม่มีตราใดที่ระบุส่วนผสม 100% ทำให้เกิดคำถามคือ แล้วส่วนประกอบที่เหลือที่ขาดหายไปนั้น มันคืออะไร สภาพวุ้นในสินค้าแต่ละขวดเป็นส่วนประกอบของอะไร
 
      นอกจากนี้ การติดตราฉลากสินค้ายังก่อให้เกิดความสับสนกับผู้บริโภค เพราะใช้คำกำกวม เช่น คำว่า "รังนกแท้" หรือ คำว่า "รังนกแท้ 100% จากถ้ำธรรมชาติ" ขณะที่บางตราสินค้าใช้คำว่า "เครื่องดื่มรังนก" จากฉลากดังกล่าวจะทำให้ผู้บริโภคเข้าใจว่า ข้อมูลที่ได้เห็นนั้นได้รับรองจากทาง อย. แล้ว ซึ่งทาง อย. ควรต้องชี้แจงข้อเท็จจริงว่า ผู้ประกอบการสามารถใช้คำดังกล่าวบนฉลากได้หรือไม่  ซึ่ง นายพชร ได้ขอแจ้งและเรียกร้องให้ทาง อย. ทบทวนการอนุญาตให้ใช้ข้อความเหล่านี้บนฉลากเพราะอาจจะทำให้เกิดความสับสนแก่ผู้บริโภค และให้ยกเลิกการโฆษณาบนฉลากอาหารเหล่านี้ พร้อมปรับปรุงฉลากใหม่ที่ให้ข้อมูลตามข้อเท็จจริง

     ทางด้าน  รศ.ดร.ประไพศรี ศิริจักรวาล สถาบันวิจัยโภชนาการ ม.มหิดล เผยว่า ได้ทำการวิเคราะห์ส่วนประกอบสารอาหารในผลิตภัณฑ์รังนกสำเร็จรูปไว้นานแล้ว บนฉลากเขียนไว้ว่ามีรังนก 1% เศษ เมื่อตรวจสอบในทางวิทยาศาสตร์แล้วพบว่า รังนก 1 ขวดมีคุณค่าทางโภชนาการเท่ากับนมสดครึ่งช้อนโต๊ะ หรือถั่วลิสง 2 เมล็ด หรือไข่นกกระทา 1/4 ฟอง จึงอยากให้ผู้บริโภคจะต้องใช้วิจารณญาณในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์อาหารต่าง ๆ ว่าคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปหรือไม่
   
     งานนี้ทางผู้ประกอบการจะว่าอย่างไร แล้วรังนกแท้จริง ๆ นั้นมีอยู่หรือไม่ หรือเป็นแค่การโฆษณาที่หลอกลวงประชาชนเพียงเท่านั้น Huh?
27  สมาชิก VIP / General Discussion / 10 เมืองสวย ที่เหมาะแก่การถ่ายภาพยามค่ำคืน เมื่อ: สิงหาคม 10, 2011, 08:32:53 AM
10 เมืองสวย ที่เหมาะแก่การถ่ายภาพยามค่ำคืน

 ไหนใครชอบถ่ายรูปกันบ้าง แสดงตัวกันหน่อยเร็ว โห! มีเยอะใช่เล่นเลยแฮะ ถ้างั้นเตรียมตัวของคุณรวมถึงอุปกรณ์ในการถ่ายภาพต่าง ๆ กันให้พร้อม เพราะนับจากวินาทีนี้เป็นต้นไป วันนี้ขออาสาเป็นไกด์นำเที่ยว พาทุกท่านไปยัง 10 เมืองสำคัญ ๆ ทั่วโลกที่มีความสวยงาม ควรค่าแก่การถ่ายภาพเก็บไว้อย่างมาก

          โดยเฉพาะในยามค่ำคืนที่มีแสงไฟ คอยเพิ่มความงดงามให้กับเมืองด้วยแล้วล่ะก็ ยิ่งเพิ่มความสวยงามและน่ากดชัตเตอร์เข้าไปใหญ่ ว่ามาขนาดนี้คงอยากจะรู้กันแล้วใช่ไหมครับ ว่าทั้ง 10 เมืองนั้นจะมีที่ไหนบ้าง และจะสวยงามตามที่พูดหรือเปล่า มาพิสูจน์ด้วยตัวคุณเองได้เดี๋ยวนี้เลย !!

1. กรุงเทพมหานคร (Bangkok)



          เริ่มกันที่เมืองแรกก็ไม่ต้องมองไปไหนไกลทั้งนั้น เมืองหลวงของประเทศไทยเราอย่างกรุงเทพมหานครนี่เอง กรุงเทพฯ ของเราได้ชื่อว่า เป็นเมืองที่น่ามาท่องเที่ยวมากที่สุดเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก ทั้งเรื่องของสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความงดงาม ตระการตา การคมนาคมที่สะดวกสบาย แหล่งช็อปปิ้งราคาถูก ศิลปะและประเพณีต่าง ๆ รวมถึงมิตรภาพและรอยยิ้มของผู้คน นี่เองจึงเป็นเสน่ห์ที่มัดใจชาวต่างชาติรวมถึงคนไทยอย่างเรา ๆ ทุกคนให้ประทับใจ และชื่นชอบเมืองหลวงแห่งนี้กันอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

2. เมืองริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิล (Rio de Janeiro, Brazil)



          เมืองริโอ เดอ จาเนโร แห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในเมืองที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เป็นที่รู้จักในด้านการท่องเที่ยว โดยเฉพาะชายหาดโกปากาบานา (Copacabana) และอีปาเนมา (Ipanema) มีเทศกาลรื่นเริงประจำปีมากมาย นอกจากนี้ ยังสภาพบ้านเมืองที่สวยงามตามสไตล์ยุโรปแบบโปรตุเกส ไว้คอยดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมากมาย ที่สำคัญเมืองนี้ยังได้รับเลือกจากคณะกรรมการโอลิมปิกสากล ให้เป็นเจ้าภาพจัดมหกรรมโอลิมปิก 2016 อีกด้วย

3. เมืองโตรอนโต้ ประเทศแคนาดา (Toronto, Canada)



          เมืองโตรอนโต้เป็นหนึ่งในเมืองเศรษฐกิจที่สำคัญของโลก รวมทั้งยังเป็นศูนย์รวมของผู้คนจากหลากหลายเชื้อชาติ มีกิจกรรมมากมายให้ได้ร่วมสนุกกัน ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรมที่สวยงาม ชีวิตในยามค่ำคืน ย่านช้อปปิ้งสินค้า และอื่น ๆ อีกมากมาย ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ทำให้เมืองโตรอนโต้ กลายเป็นเมืองท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกเมืองหนึ่งของโลก ซึ่งหากคนรักกล้องได้มีโอกาสไปเยี่ยมเยือนที่นี่แล้วล่ะก็ จะต้องไม่พลาดที่จะรัวชัตเตอร์เก็บภาพความประทับใจต่าง ๆ กลับบ้านอย่างแน่นอน


4. เมืองลาส เวกัส ประเทศสหรัฐอเมริกา (Las Vegas, USA)



          นี่คือสถานที่ที่ชาวอเมริกันและคนทั่วโลกต่างนานนามกันว่าเป็น "เมืองแห่งบาป" (Sin City) เพราะเมืองทั้งเมืองขึ้นชื่อลือนามด้านกิจการการพนันที่ใหญ่โต รวมถึงอาคาร โรงแรม คาสิโนอีกมากมาย ที่พร้อมด้วยความอลังการงานสร้างชิดที่ว่าตื่นตาตื่นใจเป็นที่สุด และยังเต็มไปด้วยเสน่ห์และแสงสีต่าง ๆ มากมาย นี่เองจึงเป็นแรงดึงดูดหลักใ ห้นักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาในเมืองแห่งนี้อย่างไม่ขาดสาย


5. กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ (London, UK)



          กรุงลอนดอนจัดเป็นอีกหนึ่งเมืองที่มีความพร้อม ในศูนย์กลางสำคัญทางธุรกิจ การเมือง วัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ของโลก นอกจากนี้ยังเป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญของทวีปยุโรป โดยเฉพาะสถานที่ชื่อก้องโลกทั้งหอนาฬิกาบิกเบน (Big Ben) ชิงช้าสวรรค์ลอนดอนอาย (London Eye) รถโดยสารประจำทาง รวมถึงยังเป็นแหล่งกำเนิดของยอดสายลับรหัส "007" ที่โด่งดังไปทั่วโลกอย่าง "เจมส์ บอนด์" (James Bond) อีกด้วย


6. กรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย (Moscow, Russia)



          อดีตสหภาพโซเวียตแห่งนี้ ถือเป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในทวีปยุโรป ที่สำคัญในฤดูหนาว เมืองทั้งเมืองยังถูกปกคลุมไปด้วยหิมะซึ่งเมื่อถ่ายภาพออกมาแล้ว จะยิ่งทำให้ภาพของเมืองแห่งนี้มีความสวยงามแปลกตามากยิ่งขึ้น  โดยเฉพาะที่มหาวิหารเซนต์บาซิล (St. Basil's Cathedral) อีกหนึ่งสัญลักษณ์สำคัญของกรุงมอสโกด้วยแล้วล่ะก็ ยิ่งมีความสวยงามและเหมาะแก่การถ่ายภาพไม่แพ้ที่ไหน ๆ ในโลกนี้เลยล่ะ


7. กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส (Paris, France)



          กรุงปารีสเป็นหนึ่งในศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรม ที่ล้ำสมัยแห่งหนึ่งของโลก มีอิทธิพลสำคัญ ๆ มากมายรวมอยู่ที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นการเมือง การศึกษา ความบันเทิง สื่อหลากแขนง วงการแฟชั่น ความเจริญด้านวิทยาศาสตร์และความเฟื่องฟูของศิลปะ จึงทำให้กรุงปารีสเป็นหนึ่งในเมืองสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ที่มีผู้คนมากมายอยากเดินทางมาที่นี่อย่างน้อย ๆ สักครั้งหนึ่งในชีวิตก็ยังดี และอีกสถานที่หนึ่งซึ่งขาดไม่ได้ หากไม่มาที่นี่แล้วล่ะก็ จะเหมือนว่ามาไม่ถึงประเทศฝรั่งเศสเลยทีเดียว ที่แห่งนั้นก็คือ หอไอเฟล (Eiffel Tower) นั่นเอง


8. กรุงโคเปนเฮเก้น ประเทศเดนมาร์ก (Copenhagen, Denmark)



          เชื่อว่าหลายคนคงรู้จักนางเงือก (Mermaid) กันดีอยู่แล้ว แต่รู้หรือเปล่าว่าตำนานนางเงือกนั้นถือกำเนิดขึ้นจากที่ไหน ถ้ายังนึกไม่ออกล่ะก็ เราขอเฉลยเลยว่า กรุงโคเปนเฮเก้นแห่งนี้ คือแหล่งกำเนิดของตำนานนางเงือกที่มาจากเทพนิยายของ "ฮันส์ คริสเตียน แอนเดอร์สัน" (Hans Christian Andersen) จนมีชื่อเสียงและเป็นขวัญใจของคุณหนู ๆ ไปทั่วโลก นอกจากนั้นแล้ว เมืองแห่งนี้ยังได้ชื่อว่าเป็น "สวรรค์แห่งเมืองท่า" อีกด้วย เพราะเมืองนี้เป็นเมืองท่าสำคัญของทวีปยุโรป แถมยังเงียบสงบและเป็นธรรมชาติอย่างมากอีกต่างหาก


9. เมืองโคโลญจน์ ประเทศเยอรมนี (Cologne, Germany)



          นี่เป็นเมืองสำคัญเมืองหนึ่งของประเทศเยอรมนี มีแหล่งท่องเที่ยวสำคัญอย่าง มหาวิหารเคลิน์โดม (Kolner Dom) มหาวิหารที่ใหญ่โตอลังการที่สุดในทวีปยุโรป ซึ่งลักษณะพิเศษคือมียอดแหลมสองยอด และมีเพดานที่มีความสูงมากกว่ามหาวิหารที่อื่น ๆ นอกจากนั้นยังมีเทศกาลคานิวาล (Carnival craziness) ที่ขึ้นชื่อลือชา ซึ่งจะจัดกันในวันที่ 11 เดือน 11 เวลา 11 นาฬิกา 11 นาที และ 11 วินาที ของทุกปี มีการแสดงต่าง ๆ มากมาย โดยเฉพาะวันแรกและวันสุดท้ายของงาน ที่ผู้คนจะสนุกสุดเหวี่ยงกันแบบไม่สนใจใครเลยด้วย


10. เมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย (Sydney, Australia)



          มาปิดท้ายด้วยอันดับที่ 10 อย่างเมืองซิดนีย์ เมืองท่าที่มีความสวยงามที่สุดเมืองหนึ่งของโลก มีโรงโอเปร่า (Opera House) ที่มีชื่อเสียงขจรขจายไปไกลทั่วโลก รวมถึงชายหาดบอนได (Bondi Beach) ชายหาดชั้นยอดที่มีแสงอาทิตย์สาดส่องอยู่ตลอดเวลาในหน้าร้อน ซึ่งอยู่ใกล้กับใจกลางเมืองมากที่สุด อากาศเย็นสบาย ไม่ร้อน ไม่หนาวมากเกินไป แถมยังเคยเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเมื่อปี 2000 มาแล้วอีกด้วย

          เป็นยังไงกันบ้างครับ กับทั้ง 10 เมืองสุดสวยที่เราพาทุกท่านไปเยี่ยมชมกัน มีเมืองไหนที่ถูกใจเป็นกรณีพิเศษกันบ้างไหมเอ่ย เก็บภาพกันมาแบบจุใจกันหรือเปล่า ถ้ายังก็สามารถย้อนกลับไปชมภาพสวย ๆ ของแต่ละเมืองกันได้แบบอันลิมิตเลยนะครับ กระปุกดอทคอมไม่สงวนลิขสิทธิ์แต่อย่างใด ส่วนทริปพาเที่ยว10 เมืองสวยที่เหมาะถ่ายภาพยามค่ำคืนคงจบลงแต่เพียงเท่านี้ ส่วนโอกาสหน้าเราจะพาทุกท่านไปเที่ยวที่ไหนกันต่อ ก็อย่าลืมติดตามชมกันได้ที่นี่เลย ส่วนวันนี้ต้องขอลาไปก่อน สวัสดีครับทุกท่าน...
28  สมาชิก VIP / ข่าวตลาดทอง / ประวัตินางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรนายกรัฐมนตรีคนที่ 28 ของไทย เมื่อ: สิงหาคม 08, 2011, 08:19:11 PM
ประวัตินางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรนายกรัฐมนตรีคนที่ 28 ของไทย


น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เกิดวันที่ 21 มิถุนายน 2510

การศึกษา : 2533 Master of Public Admin Kentucky State University , U.S.A.

2531 ปริญญาตรี สาขารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ประวัติการทำงาน
มีนาคม 2549 : ประธานกรรมการบริหาร บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น(SC) ซึ่งดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริม

ทรัพย์ชั้นนำในประเทศไทยและได้รับการจัดอันดับจากคณะกรรมการบรรษัทภิบาล ของตลาดหลักทรัพย์ ให้อยู่ในกลุ่ม"ดีเลิศ" ของบริษัท

ที่ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ภาพลักษณ์และสินค้า
ประสบความสำเร็จในการ Re-Branding จากภาพลักษณ์บริษัทเทเลคอม เป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริม

ทรัพย์อย่างชัดเจน รวมทั้งปรับรูปแบบสินค้าและบริการของบริษัทให้ตรงต่อ ความต้องการของลูกค้าซึ่งสามารถทำให้ผลประกอบการ

ของบริษัทเพิ่มขึ้นถึง 30% อย่างต่อเนื่องทุกปี ประสบความสำเร็จในการสร้างวัฒนธรรมองค์กร ส่งเสริมให้พนักงานมีพฤติกรรมที่สอด

คล้องกับค่านิยม และนำค่านิยมสู่การปฏิบัติงานทุกจุดบริการ การบริหารจัดการ
ปรับโครงสร้างองค์กรให้มีความเหมาะสมต่อการดำเนินธุรกิจ เกิดความคล่องตัวในการบริหารจัดการ เปิดประสิทธิภาพ

และประสิทธิผลสูงสุดต่อบริษัท และปรับปรุงและพัฒนากระบวนการปฏิบัติงานให้สอดคล้องกับการเติบโตของธุรกิจ เช่น ระบบ SC

System (กระบวนการก่อสร้างและต้นทุนการก่อสร้าง) กระบวนการ CRM และกระบวนการบริการ
ประสบการณอื่นๆ : มีประสบการณ์ในธุรกิจบริหารทรัพย์สิน และธุรกิจกอล์ฟ
2545 : ประธานกรรมการ บมจ.แอ็ดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส(ADVANC)
2544 : กรรมการผู้อำนวยการอาวุโส-สายงานการวางแผนธุรกิจโทรคมนาคมไร้สาย ADVANC
2542 : กรรมการผู้อำนวยการ - สายงานปฏิบัติการ สินค้าและบริการ ADVANC
2540 : Vice President - Shinawatra Directories Production บริษัท ชินวัตร ไดเร็คทอรี่ส์ จำกัด

2538 : General Manager - Shinawatra Directories Production
2537 : บริษัท เรนโบว์ มีเดียส์ จำกัด ผู้จัดการทั่วไป
2536 : บริษัท ชินวัตร ไดเร็คทอรี่ส์ จำกัด Production Director
การฝึกอบรมและสัมมนา
2554 : Capital Market Academy (วตท.) รุ่นที่ 12
2550 : New Culture on Brand
2549 : Executive Committee Program
- Director Accreditation Program
- Finance for Non - Finance Director
- Director Certification Program
2548 : Mastery Development Program
: Executive Shared Learning Forum
2547 : Leadership Through TQM
2546 : Continuous Process Quality Improvement for Executive
2545 : Program for Management Development Harvard Business School ( USA )
: Executive Coaching Program
2544 : The 4 Roles of Leadership
: Balanced Scorecard for Executive Program
: Broadening the Manager's skill
2542 : Problem Solving & Decision Making
2540 : Financial Management for Executive Program
2539 : The Managerial Grid
2538 : Financial Management Program
: Mini MBA ( Chulalongkorn University )
2537 : Leadership Personality in Global Business
2536 : Effective Presentation Skill
2535 : Objective Setting Workshop
2534 : Advanced Marketing
--อินโฟเควสท์ โดย ฐานิสร์ ทองนอก/รัชดา/ศศิธร
29  สมาชิก VIP / General Discussion / 30 วันสำคัญของไทย ที่เยาวชนควรรู้ เมื่อ: สิงหาคม 06, 2011, 07:48:41 AM
30 วันสำคัญของไทย ที่เยาวชนควรรู้



30 วันสำคัญของไทย ที่เยาวชนควรรู้ (กระทรวงวัฒนธรรม)

       ในแต่ละปี ประเทศไทยเราจะมีวันสำคัญของชาติหลายวันด้วยกัน ทั้งที่เป็นวันสำคัญเกี่ยวกับชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และวันสำคัญทางประเพณี ซึ่งในจำนวนวันเหล่านี้ รัฐบาลได้ประกาศให้เป็นหยุดราชการ 16 วันด้วยกัน เช่น วันขึ้นปีใหม่ วันมาฆบูชา วันจักรี วันสงกรานต์ และวันฉัตรมงคล เป็นต้น

       วันสำคัญ หมายถึง วันที่เกิดเหตุการณ์สำคัญ ๆในอดีต และเพื่อเป็นการระลึกถึงความสำคัญของวันนั้น ๆ รัฐ - ชุมชน หรือหน่วยงานจึงได้จัดให้มีพิธีการหรือกิจกรรมต่าง ๆ ขึ้น เพื่อเป็นการกระตุ้นเตือนให้ประชาชนหรือคนในสังคมได้ตระหนัก และระลึกถึงเหตุการณ์สำคัญในวันนั้นด้วยความภาคภูมิใจ หรือเพื่อเป็นแบบอย่างในการประพฤติปฏิบัติที่ดีงามสืบทอดต่อกันมา ซึ่งวันสำคัญนี้จะมีหลายระดับ เช่น ระดับบุคคล ได้แก่ วันเกิด วันแต่งงาน ระดับหน่วยงาน ได้แก่ วันสถาปนาของหน่วยงานนั้นๆ ระดับชาติ ได้แก่ วันเฉลิมพระชนมพรรษา วันวิสาขบูชา และวันภาษาไทยแห่งชาติ เป็นต้น

       อนึ่ง เพื่อให้เยาวชนของเราได้รู้จักวันสำคัญของไทย กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม จึงขอสรุปวันสำคัญ ๆ ที่ควรรู้จักในรอบปีให้ทราบดังนี้
   
วันสำคัญเกี่ยวเนื่องกับพระมหากษัตริย์ไทย

       1. วันยุทธหัตถี ตรงกับ วันที่ 18 มกราคม เป็นวันที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงกระทำยุทธหัตถีมีชัยชนะต่อพระมหาอุปราชา เมื่อวันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2135 ยุทหัตถี หมายถึง การต่อสู้ด้วยอาวุธบนหลังช้าง เป็นการรบอย่างกษัตริย์สมัยโบราณ ถือป็นยอดยุทธวิธีของนักรบ เพราะเป็นการต่อสู้อย่างตัวต่อตัว กษัตริย์พระองค์ใดกระทำยุทธหัตถีชนะจะได้รับการยกย่องว่า มีพระเกียรติยศสูงสุด และแม้แต่ผู้แพ้ก็ได้รับการยกย่องสรรเสริญว่าเป็นนักรบแท้เช่นกัน

       2. วันศิลปินแห่งชาติ ตรงกับ วันที่ 24 กุมภาพันธ์ เป็นวันประกาศยกย่อง และเชิดชูเกียรติศิลปินชั้นครูของไทยที่ได้รับการคัด เลือกจากคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติให้เป็น "ศิลปินแห่งชาติ" โดยยึดถือเอาวันคล้ายวันพระราชสมภพของรัชกาลที่ 2 "พระปฐมบรมศิลปินแห่งกรุงรัตนโกสินทร์" ผู้ทรงรอบรู้และเชี่ยวชาญในศิลปะทุกแขนงอย่างกว้างขวางลึกซึ้ง เป็น "วันศิลปินแห่งชาติ" 

       3. วันพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาเจษฎาราชเจ้า ตรงกับวันที่ 31 มีนาคม เป็นระลึกถึงวันคล้ายวันพระราชสมภพของรัชกาลที่ 3 ที่ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจในการทำนุบำรุงบ้านเมืองทั้งในด้านการศาสนา การศึกษาและอื่นๆอีกมากมายที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติอย่างยิ่ง ในสมัยของพระองค์ได้ทรงเก็บเงินบางส่วนใส่ "ถุงแดง" เอาไว้ ซึ่งต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้ทรงนำมาใช้เป็นค่าปรับในกรณีพิพาทกับประเทศฝรั่งเศส เมื่อ ร.ศ.112 ช่วยให้ประเทศไทยรอดพ้นวิกฤตการณ์ทางการเมืองและสงครามระหว่างประเทศไปได้

       4. วันจักรี ตรงกับวันที่ 6 เมษายน หมายถึง วันที่ระลึกพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกฯ พระปฐมบรมราชวงศ์จักรี เสด็จกรีฑาทัพถึงพระนคร และทรงรับอัญเชิญขึ้นเถลิงถวัลย์ราชสมบัติดำรงราชอาณาจักรสยามประเทศเป็นวัน แรก ตลอดพระชนมชีพของรัชกาลที่ 1 ต้องทรงออกศึกใหญ่เพื่อกอบกู้อิสรภาพถึง 11 ครั้ง โดยทรงเป็นแม่ทัพถึง 10 ครั้ง และทรงร่วมกับพระเจ้ากรุงธนบุรี 1 ครั้ง และเมื่อทรงเป็นพระเจ้าแผ่นดินแล้ว ยังต้องออกศึกเพื่อปกป้องอิสรภาพของชาติไทยอีกถึง 7 ครั้ง นับว่าพระองค์ทรงเป็นพระกษัตริย์ยอดนักรบที่ยิ่งใหญ่และเก่งกล้าสามารถยิ่ง

       5. วันฉัตรมงคล ตรงกับวันที่ 5 พฤษภาคม คือวันรำลึกถึงวันที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลปัจจุบันได้ทรงกระทำพิธีบรมราชาภิเษกเสด็จขึ้นครองราชย์ เป็นพระมหากษัตริย์ลำดับที่ ๙ แห่งราชวงศ์จักรีอย่างสมบูรณ์ เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2491 และทรงมีพระปฐมบรมราชโองการว่า "เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม" (ซึ่ง ในวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ.2489 เมื่อพระองค์เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติสืบต่อจากพระบรมเชษฐาธิราชรัชกาลที่ 8 นั้น ยังไม่ได้ทรงกระทำพิธีบรมราชาภิเษก เนื่องจากต้องเสด็จกลับไปศึกษาต่อ)

       6. วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ ตรงกับวันที่ 18 สิงหาคม เป็นวันเกิดสุริยุปราคาเต็มดวง อันเป็นปรากฏการณ์ที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงคำนวณทำนายไว้ก่อนล่วงหน้าถึง 2 ปีอย่างแม่นยำ และได้เสด็จฯไปทอดพระเนตรที่ ตำบลหว้ากอ จ.ประจวบคีรีขันธ์ในวันดังกล่าว เมื่อปี พ.ศ. 2411



       7. วันเยาวชนแห่งชาติ ตรงกับวันที่ 20 กันยายน ด้วยถือว่าวันนี้เป็นวันที่เป็นสิริมงคลยิ่ง เนื่องจากเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของพระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรีถึง สองพระองค์คือ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอนันทมหิดล รัชกาลที่ 8 ซึ่งทั้งสองพระองค์นอกจากจะทรงครองราชย์สมบัติตั้งแต่ทรงพระเยาว์แล้ว ยังทรงพระปรีชาสามารถยิ่ง สมควรที่เยาวชนไทยจะเจริญรอยตามเบื้องยุคลบาท

       8. วันปิยมหาราช ตรงกับวันที่ 23 ตุลาคม เป็นวันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทย พระราชกรณียกิจของพระองค์ไม่ว่าจะเป็น การเลิกทาส การพัฒนาระบบการบริหารราชการแผ่นดิน การพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสาธารณูปการ การเจริญสัมพันธไมตรีกับนานาประเทศ ฯลฯ ล้วนเป็นพื้นฐานแห่งความเจริญสืบต่อมาจนปัจจุบัน

       9. วันวชิราวุธ ตรงกับวันที่ 25 พฤศจิกายน เป็นวันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเปี่ยมไปด้วยพระปรีชาสามารถ ทรงได้รับพระราชสมัญญาว่า " สมเด็จพระมหาธีรราช เจ้า " เพราะทรงเป็นปราชญ์ทางอักษรศาสตร์ เป็นพระมหากษัตริย์พระองค์เดียวที่ทรงพระราชนิพนธ์วรรณกรรมประเภท ต่างๆ เป็นจำนวนมาก เท่าที่รวบรวมได้ในปัจจุบันมีถึง 1,236 เรื่อง นอกจากนั้นยังทรงบัญญัติศัพท์ และทรงตั้งนามสกุลพระราชทาน ซึ่งได้รวบรวมไว้ขณะนี้เป็นจำนวนประมาณ 6,432 นามสกุล

       10. วันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตรงกับ วันที่ 5 ธันวาคม วันนี้ถือเป็น "วันพ่อแห่งชาติ" และ "วันชาติไทย" ด้วย ตลอดระยะเวลายาวนานร่วม 60 ปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงอุทิศพระวรกาย พระราชหฤทัย และพระสติปัญญาของพระองค์ บำเพ็ญพระราชกรณียกิจอันยังประโยชน์สุขให้แก่ราษฎรของพระองค์มาโดยตลอด ดังจะเห็นได้จากพระราชกรณียกิจที่มีอยู่มากมายนับไม่ถ้วนนับพันโครงการ

       11. วันรัฐธรรมนูญ เป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ได้พระราชทานรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยามฉบับถาวร เป็นฉบับแรกให้แก่ปวงชนชาวไทย เมื่อปีพ.ศ. 2475 ภายหลังจากมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชเป็นระบอบ ประชาธิปไตยโดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขของประเทศ และมีรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุด

       12. วันพระเจ้าตากสินมหาราช ตรงกับวันที่ 28 ธันวาคม เป็นวันคล้ายวันปราบดาภิเษกของพระบาทสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงเป็นวีรกษัตริย์ไทยอีกพระองค์หนึ่งที่ได้รับการเทิดทูน และเคารพบูชาจากประชาชนชาวไทยมาโดยตลอด ไม่เพียงเพราะพระปรีชาสามารถในการรบที่กอบกู้ชาติไทยให้เป็นเอกราช และสร้างความเป็นปึกแผ่นแก่บ้านเมืองของเราเท่านั้น แต่พระองค์ยังเป็นผู้นำที่เปี่ยมไปด้วยความกล้าหาญ เด็ดเดี่ยว มีความกตัญญู และเสียสละต่อผืนแผ่นดินไทยอย่างยากที่จะหาผู้ใดเสมือนเหมือนอีกด้วย



วันสำคัญหลัก ๆ ทางศาสนา จะประกอบด้วย



       13. วันมาฆบูชา ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 3 เป็นวันที่พระอรหันต์ที่พระพุทธเจ้าทรงบวชให้จำนวน 1,250 รูปมาประชุมพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย พระพุทธองค์จึงได้ทรงแสดงโอวาทปาติโมกข์ในที่ประชุมสงฆ์เหล่านั้น ปัจจุบันเราถือว่าวันนี้เป็น "วันแห่งความรักทางพุทธศาสนา" ทั้งนี้ เนื่องจากวันดังกล่าวได้เกิดเหตุการณ์พิเศษที่เรียกว่า "จาตุรงคสันนิบาต" ขึ้น และเป็นวันที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ประกาศหลักการและอุดมการณ์ แห่งพุทธศาสนา อันมีเนื้อหาหลัก ว่าด้วยการส่งเสริมให้มวลมนุษย์ตั้งมั่นในการทำความดี ละความชั่ว ไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน นั่นก็คือ ทรงสอนให้ทุกคนมีความรักอันยิ่งใหญ่ เป็นรักที่ไม่เห็นแก่ตัว เพราะสอนให้รู้จักรัก และเมตตาต่อเพื่อนร่วมโลก โดยมีพระสงฆ์เป็นผู้นำพระธรรมคำสั่งสอนดังกล่าวไปเผยแพร่

       14. วันวิสาขบูชา ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 6 เป็นวันคล้ายวันประสูติ ตรัสรู้และปรินิพพานขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งสิ่งที่สำคัญยิ่งในการบังเกิดพระพุทธเจ้าในโลกก็คือ "ธรรมะ" ที่พระองค์ทรงตรัสรู้ อันเป็นหลักในการดำเนินชีวิต ทรงเปรียบเสมือนบรมครูผู้มาสอน มาชี้แนะแก่มวลมนุษย์ มิฉะนั้นคนเราก็คงไม่รู้จักหนทางแห่งการปฏิบัติธรรมเพื่อล่วงพ้นความทุกข์ เป็นแน่แท้ และวันวิสาขบูชา นี้องค์การสหประชาชาติได้มีมติรับรองให้ เป็นวันสำคัญสากล เมื่อปี พ.ศ.2542
     
       15. วันอาสาฬหบูชา ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 8 เป็นวันที่มีพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ครบเป็นองค์รัตนตรัยครั้งแรกในโลก ซึ่งพระสงฆ์องค์แรกคือ พระอัญญาโกณฑัญญะ และปฐมเทศนาที่ทรงแสดงคือ ธรรมจักกัปวัตนสูตร หมายถึง พระสูตรว่าด้วยการยังธรรมจักรให้เป็นไป นั่นคือ ธรรมะของพระพุทธองค์เหมือนวงล้อธรรมที่ได้เริ่มเคลื่อนแล้วจากจุดเริ่มต้นในวันนี้
     
       16. วันเข้าพรรษา เป็นวันเริ่มต้นที่พระภิกษุสงฆ์จะต้องอธิษฐานจำพรรษาอยู่กับที่ ไม่เที่ยวจาริกไปยังที่ต่าง ๆ เป็นเวลา 3 เดือน นับตั้งแต่วันแรม 1 ค่ำเดือน 8 ถึงวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 11 ของทุกปี ซึ่งการให้จำพรรษาในสมัยพุทธกาล ก็เพื่อป้องกันมิให้พระสงฆ์ไปเหยียบย่ำข้าว และพืชผลของชาวบ้านเสียหาย ต่อมาถือเป็นโอกาสดีที่พระภิกษุจะได้มาอยู่ร่วมกันเพื่อศึกษาธรรมะ ส่วนชาวบ้านก็ได้เข้าวัดถวายทาน รักษาศีล ฟังธรรม และเจริญภาวนาเพื่อเพิ่มพูนบุญกุศลโดยมีพระภิกษุเป็นแบบอย่าง ครั้นต่อมาจึงเกิดประเพณีนิยมบวช 3 เดือน ขณะเดียวกัน ก็มีพุทธศาสนิกชนจำนวนหนึ่งนิยมถือเอาวันเข้าพรรษาเป็นวันเริ่ม ต้นที่จะอธิฐานจิตลด ละ ความชั่วทั้งหลาย และทำความดีเพิ่มขึ้น สำหรับประเพณีที่เกี่ยวเนื่องกับวันนี้คือ การถวายผ้าอาบน้ำฝนและการแห่งถวายเทียนพรรษา
     
       17. วันออกพรรษา ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 11 เป็นวันที่พระภิกษุพ้นข้อกำหนดทางวินัยที่จะอยู่จำพรรษา นับตั้งแต่วันเข้าพรรษาเป็นต้นมา และสามารถจาริกไปค้างแรมที่อื่นได้ ซึ่งจะมีประเพณีที่เกี่ยวข้อง คือ การตักบาตรเทโวโรหนะ คือวันถัดจากวันออกพรรษา 1 วัน ซึ่งพุทธศาสนิกชนมักจะตักบาตรในวันนี้ ด้วยนิยมว่าเป็นวันคล้ายวันที่พระพุทธเจ้า เสด็จลงมาจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ หลังจากเสด็จไปโปรดพุทธมารดาอยู่ 3 เดือน และถัดจากออกพรรษา 1 เดือน ถือเป็น เทศกาลกฐิน ที่จะทำบุญถวายผ้ากฐินตามวัดต่าง ๆ
   

วันสำคัญอื่น ๆ ของชาติ และวันสำคัญทางประเพณี
     
       18. วันขึ้นปีใหม่ ก่อนที่ไทยเราจะมีวันปีใหม่แบบสากลเช่นปัจจุบัน เราได้มีการเปลี่ยนแปลงปีใหม่มาแล้วถึง 3 ระยะ คือ เริ่มแรก ถือวันแรม 1 ค่ำเดือนอ้าย เป็นวันขึ้นปีใหม่ ระยะที่สอง เปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่เป็นวันขึ้น 1 ค่ำเดือน 5 คือราวช่วงสงกรานต์ โดยใช้ปีนักษัตรและการเปลี่ยนจุลศักราชเป็นเกณฑ์ ระยะที่สาม ในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้เปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่เป็นวันที่ 1 เมษายนอันเป็นนับวันทางสุริยคติ ซึ่งได้ประกาศใช้มาตั้งแต่พ.ศ. 2432 ระยะที่สี่ คือในปี พ.ศ. 2483 รัฐบาลได้เปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่ไทยให้เป็นไปตามแบบสากลนิยม คือวันที่ 1 มกราคม โดยมีเหตุผลว่า วันดังกล่าวกำหนดขึ้นโดยการคำนวณด้วยวิทยาการทางดาราศาสตร์ และเป็นที่นิยมใช้กันมากว่าสองพันปี อีกทั้งไม่เกี่ยวข้องกับลัทธิศาสนา หรือการเมืองของชาติใด แต่สอดคล้องกับจารีตประเพณีของไทยแต่โบราณที่ใช้ฤดูหนาวเป็นต้นปี
     
       19. วันเด็กแห่งชาติ ตรงกับวันเสาร์ที่ 2 ของเดือนมกราคม จัดขึ้นเพื่อกระตุ้นให้เด็กได้ตระหนักถึงความสำคัญของตน และขณะเดียวกันก็ส่งเสริมให้ประชาชน และสังคมเห็นความสำคัญของเด็กที่จะเติบโตเป็นอนาคตของชาติ และเป็นทรัพยากรบุคคลที่สำคัญที่ควรได้รับการดูแลเอาใจใส่
     
       20. วันครู ตรงกับวันที่ 16 มกราคม จัดขึ้นเพื่อให้สังคมได้ระลึกถึงความสำคัญของ " ครู " ในฐานะผู้เสียสละและประกอบคุณงามความดีเพื่อประโยชน์ของชาติและประชาชน โดยเฉพาะช่วยสร้างบุคลากรที่เป็นอนาคตของชาติ
     
       21. วันอนุรักษ์มรดกไทย ตรงกับวันที่ 2 เมษายน อันเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ผู้ทรงเป็นแบบอย่างในการบำเพ็ญพระราชกรณียกิจและพระราชจริยวัตรในด้าน อนุรักษ์มรดกของชาติในสาขาต่างๆ ทรงได้รับการถวายพระสมัญญาเป็น "เอกอัครราชูปถัมภกมรดกวัฒนธรรมไทย" และ "วิศิษฏศิลปิน" อันหมายถึง ผู้เป็นเลิศในทางศิลปะ ทรงเป็นเมธีทางวัฒนธรรม และทรงมีคุณูปการต่องานศิลปะวัฒนธรรม


     
       22. วันสงกรานต์ เป็นปีใหม่แบบเดิมของไทย ที่นับวันที่พระอาทิตย์ย่างเข้าสู่ราศีเมษ เป็นวันเริ่มต้นปี โดยเรียกวันที่ 13 เมษายน เป็น "วันมหาสงกรานต์" และถือเป็น "วันผู้สูงอายุแห่งชาติ" ด้วย ส่วนวันที่ 14 เมษายน เรียก "วันเนา" และถือเป็น "วันครอบครัว" ส่วนวันที่ 15 เมษายน เรียกว่า "วันเถลิงศก" หรือวันขึ้นจุลศักราชใหม่ ปีนี้นางสงกรานต์ชื่อ มโหธรเทวี ทรงพาหุรัดทัดดอกสามหาว อาภรณ์แก้วนิลรัตน์ ภักษาหารเนื้อทราย หัตถ์ขวาทรงจักร หัตถ์ซ้ายทรงตรีศูรย์ เสด็จนั่งมาเหนือหลังนกยูง
   
       23. วันพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ นอกจากจะเป็นพระราชพิธีโบราณเก่าแก่ที่จะทำเพื่อเป็นการเสริมสร้างความเป็น สิริมงคลแก่การเกษตรกรรมแล้ว วันดังกล่าวยังถือเป็น "วันเกษตรกร" อีกด้วย ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้มีอาชีพทางการเกษตรได้ระลึกถึงความสำคัญของการเกษตร โดยเฉพาะประชาชนทั่วไปจะได้ระลึกถึงความสำคัญของข้าวและธัญญพืชที่มีคุณเอนกอนันต์ในการหล่อเลี้ยงชีวิตให้เติบโตสมบูรณ์ทั้งกายใจ และเหนือสิ่งอื่นใดเพื่อพึงระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงมีพระราชกรณียกิจอันเป็นแบบอย่างทางด้านเกษตรกรรมแก่ราษฎร ชักนำให้มีใจมั่นในการประกอบอาชีพและเป็นเหตุของความตั้งมั่นความเจริญ ไพบูลย์ของประเทศมาโดยตลอด


     
       24. วันสุนทรภู่ ตรงกับวันที่ 26 มิถุนายน เป็นวันคล้ายวันเกิดของพระสุนทรโวหาร (สุนทรภู่) ผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็นกวีเอกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น และมีผลงานประพันธ์มากมาย เฉพาะเรื่อง พระอภัยมณี วรรณกรรมชิ้นเอกของท่าน ก็มีความยาวถึง 12,706 บท ถือได้ว่าเป็นกวีนิพนธ์ที่ยาวที่สุดในโลก ในขณะที่บทประพันธ์เรื่องอีเลียต ( Iliad ) ) และโอเดดซี (Odyssey) ของฝรั่งที่ว่ายาวที่สุด ยังมีเพียง 12,500 บทเท่านั้น เมื่อปี พ.ศ. 2529 ท่านได้รับยกย่องจากยูเนสโกให้เป็นบุคคลผู้มีผลงานดีเด่นทางวัฒนธรรมระดับโลก
     
       25. วันภาษาไทยแห่งชาติ ตรงกับวันที่ 29 กรกฎาคม เป็นวันคล้ายวันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน ได้ทรงพระกรุณาเสด็จฯ ไปทรงร่วมอภิปรายกับผู้ทรงคุณวุฒิทางภาษาไทยของชุมนุมภาษาไทยคณะอักษร ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เกี่ยวกับปัญหาการใช้คำไทย เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2505 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงพระปรีชาสามารถ ความสนพระราชหฤทัย และความห่วงใยในภาษาไทยของพระองค์ท่านเป็นอย่างมาก


     
       26. วันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และ "วันแม่แห่งชาติ" ตรงกับวันที่ 12 สิงหาคม เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ ผู้ทรงเปรียบประดุจ "แม่แห่งแผ่นดิน" ที่ทรงดูแลทุกข์สุขของราษฎรดังลูก ๆ ของพระองค์ และทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจน้อยใหญ่เพื่อปวงชนชาวไทยเคียงคู่กับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาโดยตลอด โดยเฉพาะด้านศิลปาชีพ และการส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมของไทย



        27. วันพิพิธภัณฑ์ไทย ตรงกับวันที่ 19 กันยายน เป็นวันน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของรัชกาลที่ 5 ผู้ทรงให้กำเนิด "พิพิธภัณฑสถานสำหรับประชาชน" ขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่19 กันยายน พ.ศ. 2417 ณ ศาลาสหทัยสมาคม หรือ "หอคองคอเดีย" ในพระบรมมหาราชวัง
     
       28. วันมหิดล ตรงกับวันที่ 24 กันยายน เป็นวันคล้ายวันสวรรคตของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรมพระบรมราชชนก ผู้ทรงมีคุณูปการต่อการแพทย์สมัยใหม่ จนได้รับการเฉลิมพระเกียรติว่าทรงเป็น " พระบิดาแห่งการแพทย์แผนปัจจุบัน "



   
       29. วันลอยกระทง ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 12 เป็นประเพณีที่สืบทอดมาแต่โบราณ โดยมีวัตถุประสงค์ที่หลากหลาย เช่น ลอยเคราะห์ บูชาพระพุทธเจ้า แต่ปัจจุบันนิยมทำเพื่อขอขมา และระลึกถึงคุณแม่พระคงคา ที่ได้อำนวยประโยชน์ต่าง ๆ แก่มนุษย์

       30. วันกีฬาแห่งชาติ ตรงกับวันที่ 16 ธันวาคม เป็นวันระลึกถึงวันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงชนะเลิศได้รับเหรียญทอง ในการแข่งขันเรือใบประเภท โอ.เค.ในกีฬาแหลมทอง ครั้งที่ 4 เมื่อปี พ.ศ. 2510 และเพื่อให้ประชาชน เยาวชน ได้ตระหนักถึงความสำคัญของกีฬาที่มีส่วนช่วยส่งเสริมให้เรามีสุขภาพที่ดีทั้งกายและใจ

        ทั้งหมดนี้ คือวันสำคัญของไทยในรอบปีหนึ่ง ๆ ที่แม้จะมิใช่วันหยุดราชการทั้งหมด แต่ก็เป็นวันสำคัญของชาติที่เยาวชนไทยควรได้ทราบเพื่อเป็นความรู้ต่อไป
30  สมาชิก VIP / ข่าวตลาดทอง / อิหร่าน-อิรัก-ซีเรีย ลงนาม MOU โครงการวางท่อส่งน้ำมันข้ามประเทศ เมื่อ: กรกฎาคม 26, 2011, 07:17:36 AM
อิหร่าน-อิรัก-ซีเรีย ลงนาม MOU โครงการวางท่อส่งน้ำมันข้ามประเทศ


 เอเอฟพี - อิหร่าน อิรัก และซีเรีย ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ วันนี้ (25) เดินหน้าโครงการวางท่อส่งน้ำมันความยาวหลายพันกิโลเมตร เพื่อขนส่งก๊าซธรรมชาติของอิหร่านให้กับเพื่อนบ้านชาติอาหรับทั้งสอง สำนักข่าวเมห์รของอิหร่านรายงาน
       
       สำนักข่าวเมห์รรายงานคำกล่าวของ จาหวัด อูจี รัฐมนตรีช่วยกระทรวงน้ำมันอิหร่าน ผู้ควบตำแหน่งประธานบริษัทอิราเนียน เนชันแนล แก๊ซ คอมพานี ซึ่งระบุว่า “โครงการนี้มีมูลค่าประมาณ 10,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 300,000 ล้านบาท)” หลังเสร็จสิ้นพิธีลงนามระหว่าง 3 ชาติ
       
       บันทึกข้อตกลงความร่วมมือฉบับนี้ลงนามกันในเมืองท่าอัสซอลูเยห์ (Assalouyeh) แหล่งก๊าซธรรมชาติสำคัญของอิหร่าน โดยมีรัฐมนตรีน้ำมันของทั้ง 3 ชาติร่วมลงนาม
       
       ผลของบันทึกข้อตกลงดังกล่าวจะพิจารณาตั้งคณะทำงานขึ้นมา 3 ชุดภายใน 1 เดือน เพื่อตรวจสอบข้อมูลด้านเทคนิค ด้านงบประมาณ และด้านกฎหมายที่เกี่ยวกับโครงการ โดยจะมีการพิจารณาความเป็นไปได้ในการเริ่มโครงการขั้นต่อไป สำนักข่าวเมห์รรายงาน
       
       ทั้งนี้ มีการสำรวจพบว่าอิหร่านมีแหล่งสำรองก๊าซธรรมชาติใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากรัสเซีย
       
       อิหร่านตั้งเป้าไว้ว่าจะส่งออกน้ำมันปริมาณ 250 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวันไปยังประเทศเพื่อนบ้าน และยุโรปภายในปี 2015 ด้วยแหล่งก๊าซธรรมชาติในอ่าวเปอร์เชีย
       
       การลงนามระหว่าง 3 ชาติวันนี้เป็นเพียงการเริ่มต้นความร่วมมือในโครงการวางท่อส่งน้ำมันขนาด 56 นิ้ว ซึ่งสามารถขนส่งน้ำมันจำนวน 110 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน เชื่อมจากเมืองอัสซอลูเยห์ เมืองท่าทางตอนใต้ของอิหร่าน ไปยังอิรัก และผ่านไปถึงซีเรีย พร้อมกันนี้ มีความเป็นไปได้ที่จะขยายส่วนต่อออกไปยังเลบานอน และยุโรป
       
       รมช.จาหวัด อูจี เปิดเผยเมื่อวันอาทิตย์ (24) ว่า เบื้องต้นอิรักอาจได้รับน้ำมันประมาณ 20 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน ส่วนซีเรียได้รับประมาณ 20 - 25 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน
หน้า: 1 [2] 3 4 ... 10

Powered by MySQL Powered by PHP Valid XHTML 1.0! Valid CSS!