TARADTHONG.COM

โหวตให้กำลังใจเว็บ

ราคาทองคำทรงตัวหลังจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่อ่อนแอ

ราคาทองคำทรงตัวในวันจันทร์หลังจากที่ลดลงก่อนในช่วงแรกเนื่องจากข้อมูลการผลิตที่อ่อนแอของสหรัฐทำให้ตลาดกลับมากังวลอีกครั้งเกี่ยวกับเศรษฐกิจที่ชะลอตัว

ราคาทองคำเคลื่อนไหวในช่วงแรกลดลงสู่ระดับต่ำสุดที่ $1,453.60 ต่อออนซ์จากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าและข้อมูลการผลิตที่ดีเกินคาดจากจีนหนุนตลาดหุ้น แต่อย่างไรก็ตามดัชนีหุ้นสหรัฐกลับมาลดลงและดอลลาร์ร่วงลงจากข้อมูลแสดงการลดลงของค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างในเดือนตุลาคมเนื่องจากการลงทุนในโครงการเอกชนที่ลดลงช่วยหนุนราคาทองคำขึ้นมาอีกครั้ง

ตลาดหุ้นทั่วโลกเริ่มต้นขึ้นอย่างแข็งแกร่งหลังจากการสำรวจธุรกิจส่วนตัวแสดงให้เห็นว่ากิจกรรมโรงงานของจีนขยายตัวเร็วที่สุดในรอบเกือบสามปีในเดือนพฤศจิกายน อย่างไรก็ตามตลาดมากลับตัวลดลงตามการข้อมูลที่อ่อนแอของสหรัฐฯและรายงานที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ทรัมป์ของสหรัฐอเมริกากล่าวว่าเขาจะเรียกเก็บภาษีศุลกากรสำหรับการนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมของสหรัฐฯจากบราซิลและอาร์เจนตินาทันที "นักลงทุนชอบทองคำในช่วงเวลาที่มีความไม่แน่นอนระดับโลกในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย"

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตข้อความในวานนี้ ระบุว่า เขาจะประกาศเรียกเก็บภาษีต่อเหล็กและอลูมิเนียมนำเข้าจากบราซิลและอาร์เจนตินา นอกจากนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ยังเรียกร้องให้ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ปรับลดอัตราดอกเบี้ย เพื่อไม่ให้สหรัฐเสียเปรียบต่อประเทศคู่แข่ง

"บราซิลและอาร์เจนตินาได้ทำการลดค่าเงินลงอย่างมาก ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อเกษตรกรของเรา ดังนั้น ผมจะเรียกเก็บภาษีต่อเหล็กกล้าและอลูมิเนียมนำเข้าจากบราซิลและอาร์เจนตินา โดยมีผลบังคับใช้ในทันที และธนาคารกลางสหรัฐควรดำเนินการ เพื่อไม่ให้ประเทศต่างๆเอาเปรียบเราด้วยการปรับลดค่าเงิน ขณะที่เรามีดอลลาร์ที่แข็งค่า ซึ่งทำให้ผู้ผลิตและเกษตรกรของเราประสบปัญหาในการส่งออกสินค้า โดยเฟดควรลดดอกเบี้ย และทำการผ่อนคลายทางการเงิน" ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ

ดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีน ซึ่งมาร์กิตจัดทำร่วมกับไฉซิน อยู่ที่ระดับ 51.8 ในเดือนพฤศจิกายนเพิ่มขึ้นจากระดับ 51.7 ในเดือนตุลาคมและสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 51.5

ดัชนี PMI ที่ปรับตัวเหนือระดับ 50 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตของจีนมีการขยายตัว

ข้อมูลของไฉซินออกมาสอดคล้องกับที่สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานเมื่อวันเสาร์ว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนพฤศจิกายนอยู่ที่ระดับ 50.2 เพิ่มขึ้นจากระดับ 49.3 ในเดือนตุลาคม

ผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 48.1 ในเดือนพฤศจิกายน จากระดับ 48.3 ในเดือนตุลาคมและต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 49.4

ดัชนียังคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ภาวะหดตัวของภาคการผลิตของสหรัฐ ซึ่งเป็นการหดตัวเป็นเดือนที่ 4 โดยได้รับผลกระทบจากการทรุดตัวของคำสั่งซื้อใหม่ และสต็อกสินค้าคงคลัง

ภาคการผลิตของสหรัฐเริ่มเข้าสู่ภาวะหดตัวในเดือนสิงหาคมซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 3 ปี หลังจากที่มีการขยายตัวติดต่อกัน 35 เดือน

ทั้งนี้ ภาคธุรกิจมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ส่งผลให้คำสั่งซื้อเพื่อการส่งออกหดตัวลงตั้งแต่เดือนกรกฎาคม โดยการบริโภค คำสั่งซื้อใหม่ สต็อกสินค้าคงคลังเพื่อการส่งออกและนำเข้า หดตัวลงเช่นกัน ขณะที่ภาคธุรกิจมีความเชื่อมั่นลดลง

นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ในสัปดาห์หน้า ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ หลังจากที่ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยติดต่อกัน 3 ครั้งในปีนี้

ทางด้านเทคนิค: เปิดการชื้อขายเดือนใหม่ทองคำกำลังเจอกับอุปสรรคแนวต้านที่ระดับ $1,465.00 ในขณะที่ราคาชื้อขายอยู่ต่ำกว่าแนวเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่50และ100วัน แต่ยังมีการชื้อขายอยู่สูงกว่านะดับแนวเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่200วัน และแนวรับระดับ $1445.00 (ราคาสวิงต่ำสุด)ยังคงเป็นแนวรับที่สำคัญซึ่งหากราคาหลุดจากแนวรับนี้มีโอกาศของแนวโน้มที่ราคาจะลดลงสู่ระดับ$1,400.00 (200-DMA)

Cr.ค้างคาว เหลา เรื่องทอง