ความเหลื่อมล้ำทางสังคมในจีน ปัญหาใหญ่ที่รอการพัฒนา
ไม่ขออะไรมาก..ขอเพียงโหวตให้กำลังใจคนทำเว็บ
ความเหลื่อมล้ำทางสังคมในจีน ปัญหาใหญ่ที่รอการพัฒนา
ผลสำเร็จของนโยบายปฎิรูปเศรษฐกิจจีนตลอด 30 ปีที่ผ่านมา เป็นที่ประจักษ์และยอมรับกันทั่วไปในปัจจุบัน จากตัวเลข GDP เฉลี่ยต่อประชากรปี 1979 คนละ 417 หยวน เพิ่มขึ้นเป็น 3,603 เหรียญสหรัฐในปี 2009 และคาดการณ์ว่าในปี 2010 จะยังสามารถสูงได้ถึง 4,000 เหรียญสหรัฐ รายงานการจัดอันดับจำนวนเศรษฐีจีนในปี 2008 มีจำนวน 3.64 แสนคน มากเป็นอันดับ 4 ของโลก แต่ขณะเดียวกันปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคมก็ปรากฎเด่นชัดขึ้นเป็นเงาตามตัว
การประชุม "สองสภา" ประจำปี 2010 ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี นายเวิน เจียเป่า ได้กล่าวในขณะรายงานผลการบริหารประเทศว่า "จีนต้องปฎิรูประบบการจัดสรรรายได้ พวกเราไม่เพียงจะต้องพัฒนาเศรษฐกิจซึ่งเสมือนการทำเค้กแห่งความมั่งคั่งก้อนนี้ให้ใหญ่ขึ้น แต่ยังต้องปฎิรูประบบจัดสรรเพื่อให้เค้กชิ้นนี้แบ่งกันได้อย่างเท่าเทียมสมเหตุสมผล" การสร้างความมั่งคั่ง และการจัดสรรความมั่งคั่ง เป็นปัญหา 2 ด้านในเรื่องเดียวกันคือความมั่งคั่งร่วมกัน บริบทสังคมจีนในปัจจุบัน จะสร้างกลุ่มคนมั่งคั่งเพิ่มได้อย่างไร กลุ่มคนใดในสังคมจะได้รับความมั่งคั่งก่อน ความมั่งคั่งร่วมกันในแบบฉบับของจีนเป็นอย่างไร เป็นประเด็นที่สาธารณชนให้ความสนใจเป็นอย่างยิ่ง ล่าสุดวารสารRenMin LunTan ประเทศจีนได้ทำการสำรวจเรื่อง กลุ่มคนมั่งคั่งต่อไปคือกลุ่มคนใด โดยออกแบบสอบถามประชาชนจำนวน 13,298 คนได้ผลดังนี้
กับคำถามที่ว่ามาตรวัดความมั่งคั่งคืออะไร ร้อยละ 56.5 ตอบว่า มีบ้าน มีรถ มีเงินออม มีหลักประกันความมั่นคง จึงเรียกได้ว่ามั่งคั่งร้อยละ 46.7 ตอบว่าต้องมีรายได้ต่อปี 1.5 แสนหยวนขึ้นไป และมีรายได้จากทางสินทรัพย์ที่มั่นคง ร้อยละ 38.7 ตอบว่ามีรายได้ต่อปี 7 หมื่นหยวนขึ้นไปที่พอจะซื้อบ้านได้ ไปหาหมอได้ ส่งลูกเรียนได้ ไม่ต้องกังวลต่อการดำรงชีวิต
กับคำถามที่ว่า กลุ่มคนใดจะเป็นกลุ่มคนมั่งคั่งต่อไป ร้อยละ 51.8 ตอบว่ากลุ่มคนที่มีทักษะทางการตลาด และการบริหารธุรกิจ ร้อยละ 46.8 ตอบว่า กลุ่มคนพิเศษ เช่นทายาทเศรษฐี และทายาทการเมือง ร้อยละ 43.5 ตอบว่า กลุ่มคนที่มีการศึกษาสูง
คำถามในเรื่องการสร้างความมั่งคั่งร่วมกันในแบบฉบับของจีนเป็นอย่างไร ร้อยละ 67.8 ตอบว่า ต้องสร้างความยุติธรรมในการแข่งขัน กำจัดอำนาจผูกขาดและอำนาจพิเศษต่างๆ ร้อยละ 53.5 ตอบว่า ต้องพัฒนาระบบกฎหมายให้สมบูรณ์ เป็นหลักประกันการปกป้องสิทธิอันชอบธรรมของผู้สร้างงาน ร้อยละ 49.7 ตอบว่าต้องปรับโครงสร้างการจัดสรร ร้อยละ43.9 ตอบว่าต้องมุ่งมั่นพยายามต่อสู้เอง
ส่วนคำถามที่ว่ากลุ่มคนมั่งคั่งในปัจจุบันคือใคร กว่าร้อยละ 40 ตอบว่า ผู้บริหารบริษัทรัฐวิสาหกิจ เจ้าของธุรกิจเอกชนที่ประสบความสำเร็จ ดารานักแสดง
และคำถามที่ว่านโยบายการปฎิรูประบบจัดสรรในปี 2010 ที่รอคอยคือใคร ร้อยละ 65.4 ตอบว่าให้ปฎิรูปการจัดสรรรายได้ในกิจการที่ผูกขาดร้อยละ 59.7 ตอบว่าให้สร้างกลไกปรับเพิ่มเงินเดือนพนักงานที่สมบูรณ์ ร้อยละ 56.3 ตอบว่า การจัดสรรงบประมาณของรัฐมาใช้ในโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนให้มากยิ่งขึ้น
ศาตราจารย์เซี่ยะ จื้อเชียง อาจารย์ประจำวิทยาลัยคอมมิวนิสต์ส่วนกลางประเทศจีน กล่าวว่า การสร้างกลไกปรับเพิ่มเงินเดือนพนักงานที่สมบูรณ์ เป็นเรื่องที่สำคัญในตอนนี้ โครงสร้างสังคมจีนในปัจจุบันไม่ใช่ลักษณะพึงประสงค์ กล่าวคือมีกลุ่มคนมั่งคั่งจำนวนน้อย และกลุ่มคนจำนวนมากก็ยังเป็นผู้มีรายได้ต่ำอยู่ ส่วนกลุ่มชนชั้นกลางซึ่งมีจำนวนร้อยละ 18 ก็ยังไม่ได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้น การสร้างกลไกปรับเพิ่มเงินเดือนพนักงานที่สมบูรณ์ เพื่อพัฒนาโครงสร้างสังคมลักษณะรูปลูกรักบี้ เป็นเรื่องที่จำเป็นต้องรีบทำในการปฎิรูประบบจัดสรรในปี 2010 นี้
ระบบการจัดสรรรายได้ ระบบประกันสังคม แนวทางการใช้งบประมาณของรัฐ เป็น 3 ตัวขับเคลื่อนที่สำคัญในการลดช่องว่างทางรายได้ และลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม เป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญของการปฎิรูป เพื่อเป้าหมายอันยิ่งใหญ่ของการสร้างความมั่งคั่งอย่างเท่าเทียมและทั่วถึงในสังคมจีน แปลและสรุปจาก: Chengdu Business News , 6 May 2010